Share

บทที่ 6

Author: ท่านเหรินตกปลาเดียวดาย
เจียงโหย่วหรงเป็นห่วงว่าสามีจะถูกทำร้ายจึงรีบมาปกป้อง และพูดกับเหยาเฮยฟูว่า “เหยาเฮยฟู เจ้าอย่ารังแกกันนะ สามีข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่พี่ชายบ้านมารดาข้าก็...ล่วงเกินไม่ได้เหมือนกัน...”

ทว่าถ้อยคำนี้กลับไม่เป็นภัยคุกคามต่อเหยาเฮยฟูใด ๆ

เหยาเฮยฟูหัวเราะหึ ๆ “ตัวกาลกิณีอย่างเจ้าไสหัวไปเสีย อย่ามาทำให้ข้าต้องตายไปด้วยนะ”

“ไอ้ชั่ว กล้าด่าเมียข้าหรือ?”

เย่คุนอดรนทนไม่ไหวแล้ว จึงง้างหมัดซ้ายเสยคางของเหยาเฮยฟูก่อน

ตุบ!

เหยาเฮยฟูหงายหลังลงพื้นแบบไม่ลังเลสักนิด

ชาติก่อนเย่คุนคือแขกประจำของฟิตเนส และยังเคยเข้าร่วมการฝึกเป็นตัวสำรองของกองทัพ รู้ทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง

“สารเลว เจ้ากล้าต่อยข้าหรือ?”

เหยาเฮยฟูลุกขึ้นมาหวดหมัดไปทางจมูกของเย่คุน “วันนี้ข้าจะเอาเจ้าให้ตายเลย!”

เย่คุนยกมือขึ้นขวาง ตามด้วยถีบเท้าขวาออกไป เข้าเป้าตรงท้องน้อยของเหยาเฮยฟูพอดี

“โอ๊ย...”

เหยาเฮยฟูร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือด กุมท้องนั่งยองลง ใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมาซิบ ๆ

เย่คุนถลึงตาใส่ “ไสหัวไปเสีย ขืนยังไม่ไสหัวไปอีก ข้าจะให้เจ้าได้กระอักเลือดจริง ๆ เลยนี่!”

ผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วเร่งเดินมาเตะเหยาเฮยฟูทีหนึ่ง ก่อนจะฉุดกระชากลากถูพลางด่าทอ

หมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวแห่งนี้ มีแต่ผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วที่เอาเหยาเฮยฟูอยู่หมัด

เนื่องจากชาวบ้านหมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวกว่าครึ่งแซ่ฉินกันหมด ดังนั้นตระกูลฉินจึงทรงอิทธิพลมาก

เหยาเฮยฟูถูกต่อยทีหนึ่ง ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

พวกชาวบ้านดูเรื่องสนุกของคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์หัวเราะขบขัน หลังจากพึงพอใจแล้วจึงสลายตัว

เจียงโหย่วหรงกลับหวาดกลัวเหลือเกิน พูดเสียงเบา “ต้าหลาง ล่วงเกินเหยาเฮยฟู กลัวแต่หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่หยุดแล้ว...”

“กลัวเขาทำไม มาหนึ่งหน ข้าซ้อมหนึ่งหน”

เย่คุนตบบ่าของเจียงโหย่วหรง “เจ้ากับท่านแม่กินข้าวหรือยัง? ยังเหลือเศษเนื้อกับกระดูกอีกหน่อย รีบเอามาตุ๋นกินเถอะ เห็นเจ้าผอมอย่างนี้ ต้องกินให้มากจึงจะดี”

เจียงโหย่วหรงซึ้งใจจนอยากร้องไห้ กลับไม่กล้าแสดงออก “เช้าก็กินแล้ว ยังไม่หิว...เก็บเนื้อกวางกับกระดูกเอาไว้ค่อย ๆ กินเถอะ”

เย่คุนส่ายหน้า จากนั้นก็ไปทำกับข้าวที่ห้องครัวด้วยตัวเอง

ตอนเช้ากินแล้ว แต่ตอนนี้มันบ่ายแล้วนะ

เจียงโหย่วหรงจึงรีบเข้ามารับทำกับข้าวต่อ

เย่คุนว่างงานจึงไปวิจัยหน้าไม้ของตัวเอง

เมื่อวานโชคดีได้เจอกับกวางน้อย

ถ้าเจอกับกวางที่โตแล้ว หน้าไม้เล็กนี้คงใช้การไม่ได้

ยังต้องทำหน้าไม้ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก

บทจะทำก็ทำ เย่คุนพกขวานออกบ้านไปหาวัสดุทำหน้าไม้

หลังมื้อเย็น เจียงโหย่วหรงตักน้ำล้างเท้ามาอ่างหนึ่ง ปรนนิบัติเย่คุนล้างเท้า

เย่คุนมองเท้าเล็ก ๆ ประหนึ่งดอกบัวทองคำสามชุ่นของเจียงโหย่วหรงแล้วจึงยิ้มพูด “โหย่วหรง ข้าก็ช่วยเจ้าล้างเท้าด้วยเถอะ?”

“เท้าของข้า...ไม่สวย ข้าจะล้างเอง”

เจียงโหย่วหรงหน้าแดงด้วยความเขินอาย ถอดรองเท้าแล้ววางเท้าขาวปานหิมะลงในอ่างน้ำ

“เท้าเล็กกระจิดริดอย่างนี้ยังบอกว่าไม่สวยอีก?”

เย่คุนนั่งยองลงแล้วขัดถูเท้าเล็ก ๆ ของเจียงโหย่วหรง

แค่เท้านี้ก็เล่นได้เป็นปีแล้ว

เจียงโหย่วหรงกระดากใจหดเท้ากลับมา “ต้าหลาง ข้ารับไม่ไหว...ข้าล้างเท้าเองนะ ท่านนอนก่อนเถอะ...ข้า ข้า...”

“เจ้าทำไมหรือ?”

“ไม่มีอะไร ท่านแม่ปิดประตูแล้ว ข้าเข้าไปไม่ได้”

เจียงโหย่วหรงกัดริมฝีปาก เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ท่านแม่บอกว่าท่านล่าสัตว์ได้แล้ว ทั้งยังได้วัวภูเขามา ร่างกายต้องหายดีแล้วแน่ ร่วมหอได้แล้ว...”

ขนาดวัวภูเขายังต่อกรได้เลย เช่นนั้นการร่วมหอก็ไม่มีปัญหาแน่

เจียงโหย่วหรงชำเลืองมองเย่คุนระหว่างพูด หน้าแดงจะแทบหยดเป็นเลือดได้แล้ว

เย่คุนชะงักงันชั่วขณะ ก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมา ดึงมือภรรยา “โหย่วหรง บ้านข้าจน เจ้าไม่รังเกียจกระมัง?”

เจียงโหย่วหรงตัวกระตุกราวกับถูกไฟดูอย่างไรอย่างนั้น ตอบอ้อมแอ้มว่า “ต้าหลาง ท่านไม่รังเกียจข้าที่เป็นตัวกาลกิณี ข้า ข้าก็ดีใจจะแย่แล้ว อีกอย่าง บ้านแม่ข้าก็จน จนเหมือนกัน แล้วข้าจะรังเกียจท่านได้อย่างไร?”

“โหย่วหรง ขอบใจเจ้านะ”

ทันใดนั้นเย่คุนก็นึกถึงผ้ารัดศีรษะสีแดงและผ้าคลุมหน้าสีแดง จึงรีบล้วงออกมาจากหน้าอกและใส่บนศีรษะของเจียงโหย่วหรงด้วยตัวเอง “วันนี้พวกเราร่วมหอกัน ผ้ารัดผมสีแดงกับผ้าคลุมหัวสีแดงนี้ ให้เจ้านะ”

“ต้าหลาง นี่...ให้ข้าจริง ๆ หรือ?” เจียงโหย่วหรงตัวสั่นเทิ้ม

นี่น่าจะเป็นของขวัญที่เจียงโหย่วหรงได้รับเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้

ทั้งยังมีราคาแพงถึงเจ็ดแปดอีกแปะอย่างนี้อีก!

“ข้าไม่ได้มีภรรยาคนที่สองสักหน่อย นี่ก็ต้องให้เจ้าอยู่แล้ว”

เย่คุนยิ้มแล้วอุ้มเจียงโหย่วหรงเดินไปทางเตียงโทรม ๆ

เจียงโหย่วหรงขัดขืนเบา ๆ เล็กน้อย จากนั้นก็คล้องคอของเย่คุนพร้อมกระซิบบอก “ต้าหลาง ดับน้ำมันสนก่อนเถอะ...”

“พู่!”

คบไฟน้ำมันสนบนกำแพงดับลงตามเสียง

จากนั้นก็เป็นเสียงถอดเสื้อผ้าสวบสาบ ๆ

เจียงโหย่วหรงให้ความร่วมมือไม่เป็น จึงตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด

ดีที่เย่คุนอ่อนโยนมาก เล้าโลมอารมณ์ทีละน้อย สืบเสาะบนตัวเจียงโหย่วหรงช้า ๆ ทำความคุ้นเคยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ตัวของเจียงโหย่วหรงอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มหายใจถี่กระชั้น

จากนั้นภาพคืนวสันต์ก็เปิดฉาก ณ บัดนี้

“ฮัดชิ่ว...!”

ตอนนี้เอง เสียงจามดังชัดมาจากใต้เตียง

“เฮ้ย มีคนอยู่ข้างล่าง!”

เย่คุนตกตะลึงพรึงเพริด โดดลงมาจากเตียงแล้วกุลีกุจอคว้าเสื้อผ้ามาคลุมร่างตัวหนึ่ง ก่อนจะควานหาตะบันไฟเพื่อจุดไฟ

เจียงโหย่วหรงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อยิ่งกว่า ใช้ผ้าคลุมเตียงผ้าปอห่อหุ้มตัวแน่น ขดอยู่บนเตียงมุมหนึ่ง

น้ำมันสนถูกจุดขึ้นอีกครั้ง

เย่คุนกำลังจะตรวจสอบใต้เตียง กลับเห็นแม่นางน้อยเนื้อตัวมอมแมมคลานออกมาตัวสั่นงก ๆ เงิ่น ๆ

“ไฉ่เตี๋ย? ทำไมเจ้าถึงอยู่ในบ้านข้าได้?”

เย่คุนประหลาดใจ

เด็กสาวคนนี้ก็คือเหยาไฉ่เตี๋ยน้องสาวของเหยาเฮยฟูนั่นเอง

เกินไปจริง ๆ เด็กคนนี้กลับใจกล้าหลบอยู่ใต้เตียงแอบฟังคนอื่นร่วมหอเสียได้

เหยาไฉ่เตี๋ยอายุเพียงสิบสี่สิบห้าเท่านั้น ปกติเป็นคนซื่อมาก ไม่นึกว่าจะแย่อย่างนี้

“พี่ต้าหลาง!”

เหยาไฉ่เตี๋ยคุกเข่าโขกศีรษะ น้ำตานองหน้า “พี่ต้าหลาง ข้าแอบเข้ามาตอนก่อนฟ้ามืด ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ...พี่ใหญ่ข้าจะขายข้าไปหอชุนเยี่ยน ข้ากลัวก็เลยมาหลบอยู่ที่บ้านท่าน...”

“หอชุนเยี่ยน?”

เย่คุนขมวดคิ้ว

หอชุนเยี่ยนก็คือหอนางโลมในตำบล สถานที่ที่บุรุษแสวงหาความสำราญ

เจ้าเดรัจฉานเหยาเฮยฟูคนนี้ ถึงกับจะขายน้องสาวตัวเองไปหอนางโลม

ทีแรกเย่คุนโกรธเหยาไฉ่เตี๋ยมาก

แต่หลังจากรู้ความก็อดเห็นใจไฉ่เตี๋ยไม่ได้

เจียงโหย่วหรงสวมเสื้อผ้าลงจากเตียงแล้วเหมือนกัน นางดึงตัวเหยาไฉ่เตี๋ยขึ้นมาทั้งหน้าแดง ก่อนจะพูดอย่างกระดากใจ “ไฉ่เตี๋ย แต่เจ้าหลบอยู่ที่บ้านเรา...ก็ไม่ได้นะ”

“พี่สะใภ้โหย่วหรง ท่านให้ข้าหลบหน่อยเถอะ ถ้าพี่ชายข้าตามหาข้าเจอ จะเอาข้าไปขายหอนางโลมจริง ๆ นะ!”

ไฉ่เตี๋ยโขกศีรษะอีกครั้ง พูดระคนสะอื้นไห้ “ข้าจะหลบอยู่ที่นี่ ไม่พูด พวกท่านก็ถือเสียว่าข้าไม่อยู่นะ ควรทำอะไรก็ทำไป...”

เฮ้ย ฉันจะถือว่าเธอไม่อยู่แล้วเล่นจ้ำจี้กับเมียเนี่ยนะ?

ต่อให้ฉันรับปาก เมียฉันก็ไม่รับปากหรอก

เย่คุนอีหลักอีเหลื่อ โบกมือพูด

“ไฉ่เตี๋ย ไม่งั้น...เจ้าไปหลบที่โรงช่างไม้หลังบ้านข้าเถอะ ข้าจะทำกระดานเตียงแล้วให้ผ้าปูเตียงกับเจ้า พอฟ้าสางเจ้าก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่ว ให้เขาสั่งสอนพี่ชายของเจ้าเถอะ”

ยามนี้ดึกมากแล้ว เย่คุนทำใจไล่เหยาไฉ่เตี๋ยไปไม่ลง จึงได้แต่รับไว้ชั่วคราว

ไฉ่เตี๋ยดีใจลิงโลด ขานรับเนือง ๆ “พี่ต้าหลาง พี่สะใภ้โหย่วหรง เช่นนั้นก็ขอบคุณพวกท่านมากนะ!”

เจียงโหย่วหรงถอนหายใจด้วยเหมือนกัน หาผ้าปูเตียงเก่าและไปส่งไฉ่เตี๋ยหลังเรือนพร้อมกันเย่คุน

ในโรงช่างไม้

เย่คุนใช้แผ่นไม้สองชิ้นประกอบเป็นเตียงให้นาง

เหยาไฉ่เตี๋ยกลับตัวสั่นเทาเหงื่อท่วมหัว

เย่คุนจึงถาม “ไฉ่เตี๋ย ทำไมเจ้าเหงื่อแตกเยอะล่ะ แถมยังตัวสั่นอีก?”

“พี่ต้าหลาง ข้าหิวจน...ข้ากินแค่ผักป่าถ้วยหนึ่งเมื่อเช้า...”

“นี่...”

เย่คุนถอนหายใจแล้วจึงสอบถามกับเจียงโหย่วหรง “โจ๊กเนื้อกวางเมื่อตอนเย็น กินหมดแล้วหรือ?”

เจียงโหย่วหรงพยักหน้า “ยังเหลืออีกถ้วยใหญ่ ข้าจะไปอุ่นให้ไฉ่เตี๋ยนะ”

ตุบ!

ไฉ่เตี๋ยคุกเข่าลง “พี่สะใภ้ ไม่ต้องอุ่นแล้ว ข้าจะกินทั้งอย่างนี้แหละ ขืนไม่กินอีกข้าต้องตายแล้วนะ”

เจียงโหย่วหรงรีบพยักหน้าแล้วไปยกโจ๊กเนื้อกวางถ้วยโตจากห้องครัวด้านข้าง

ซู๊ด ๆ!

ไม่ถึงสองนาที โจ๊กชามหนึ่งก็ลงท้องไฉ่เตี๋ยไปจนหมด

จากนั้นไฉ่เตี๋ยก็เริ่มเลียถ้วย แล้วมองเย่คุนตาปริบ ๆ น่าสงสาร

“พี่ต้าหลาง โจ๊กเนื้อกวางนี้เป็นของที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมา...ข้าจะเป็นสาวใช้ของท่านได้หรือไม่? ข้าทำงานเก่งนะ ให้ข้ากินโจ๊กข้าวกล้องวันละถ้วยก็พอ ผักป่าก็ได้ จริง ๆ นะ”

Related chapters

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 7

    เย่คุนส่ายหน้า “เด็กโง่ เจ้าดูสภาพครอบครัวยากจนของเราสิ มีสาวใช้ไหวหรือ?”ไฉ่เตี๋ยมองเจียงโหย่วหรง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดเย่คุนคิดแล้วจึงถอนหายใจ “เจ้านอนเถอะไฉ่เตี๋ย ต่อไปถ้าหิวจนทนไม่ไหวก็แอบมา เราจะให้เจ้ากินสักหน่อย”“พี่ต้าหลาง ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”ไฉ่เตี๋ยน้ำตาหยดติ๋ง ๆ พลางสูดจมูก “พี่ชายข้าเป็นคนเลว วันนี้ทะเลาะกับท่าน ท่านไม่เพียงแต่ไม่โกรธยังให้ของข้ากินอีก”“พี่ชายเจ้าก็ส่วนพี่ชายเจ้า เจ้าก็ส่วนเจ้า นอนเร็วหน่อยเถอะ”เย่คุนถอนหายใจในใจ ก่อนจะจูงมือเจียงโหย่วหรงออกไปครั้นกลับถึงห้องนอน เจียงโหย่วหรงก็ก้มหน้างุด หน้ายังแดงระเรื่ออยู่เมื่อครู่ขายหน้าเหลือเกิน พูดตั้งมากมาย ส่งเสียงก็หลายอยู่ นางเด็กไฉ่เตี๋ยได้ยินหมดแล้วเย่คุนเป่าน้ำมันสนให้ดับ“นอนเถอะ โหย่วหรง”“อื้ม...”“เรามาอีกที เจ้าปล่อยตัวตามสบาย ไม่ต้องกลัวนะ”“ต้าหลาง เมื่อกี้น่าอายจังเลย...”“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน มีอะไรน่าอาย?”หลังจากสนทนาหวานชื่น ในที่สุดเจียงโหย่วหรงก็ปลดปล่อยตัวเอง ดุจบุปผาที่คลี่บานออกช้า ๆ รับกับผีเสื้อของตัวเองเย่คุนอ่อนโยนมาก รักหยกถนอมบุปผาเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 8

    เย่คุนก็อยากวิ่งเหมือนกัน แต่เพิ่งจะก้าวเดิน ข้อเท้าก็เจ็บรุนแรงจนล้มนั่งลงกับพื้นชะตาขาดแล้ว!เสือตรงหน้ามีน้ำหนักถึงห้าหกร้อยชั่งเต็ม ๆ ต่อให้มีเย่คุนสามคนอยู่ที่นี่ก็ยังต้องตายสถานเดียว!ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่คุนยังเจ็บข้อเท้า ไม่สามารถวิ่งได้“โฮก!”ข้างหูมีเสียงคำรามดังมา เสือโคร่งตัวนั้นกลับทิ้งเย่คุนและกระโจนไปทางเหยาเฮยฟูแทนดูท่าเสือร้ายตัวนี้จะเรื่องมาก อยากกินของที่กระโดดโลดเต้น สร้างความท้าทายให้ตัวเองหน่อยเหยาเฮยฟูเพิ่งวิ่งไปได้สิบกว่าก้าวก็ถูกเสือร้ายข้างหลังตามทัน ตะครุบใส่เขา“เย่คุน ช่วยข้า...”เหยาเฮยฟูร้องเสียงหนึ่งก่อนจะเงียบไปเย่คุนลืมตาขึ้น เห็นไหล่ขวาและแขนขวาที่เหยาเฮยฟูได้รับบาดเจ็บถูกเสือร้ายกัดหายไปแล้ว!เสือร้ายกัดไหล่ของเหยาเฮยฟู จากนั้นก็ทิ้งไปอีกทางหนึ่งคำที่สองกัดหลังคอของเหยาเฮยฟูตรง ๆฝนโลหิตสาดกระเซ็นมือเท้าของเหยาเฮยฟูยังชักกระตุกอยู่ชั่วสะเก็ดไฟ เย่คุนยกหน้าไม้ขึ้นอีกครั้ง เล็งไปที่เสือร้ายวันนี้ยากจะหนีรอดจากความตาย แต่อย่างไรก็ต้องดิ้นรนสักตั้ง!เสือร้ายจบชีวิตของเหยาเฮยฟู จากนั้นจึงหันมามองเย่คุน“มาสิ ไอ้เดรัจฉาน มาสู้ต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 9

    เจียงโหย่วหรงมองเย่คุนแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนกันราวกับนางก็สนับสนุนให้เย่คุนรับอนุภรรยา“ไฉ่เตี๋ย เจ้าอย่าทำแบบนี้!”เย่คุนยิ้มแห้งพลางโบกมือ “พี่ชายเจ้าตายแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าไม่มีข้าวกินก็มากินบ้านข้าได้ ช่วยข้าดูแลท่านแม่...ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าได้หิว”“ขอบคุณพี่ต้าหลาง!”ไฉ่เตี๋ยโขกศีรษะ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจนางรู้สึกว่าเย่คุนพูดอย่างนี้ก็คือรับนางเป็นอนุภรรยาแล้วชาวบ้านที่มารับมาถึงแล้ว ต่างพกหาบแบนและเชือกปอมา หามเสือกลับไปอย่างเอิกเกริกเรื่องนี้สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งหมู่บ้านเฉ่าเมี่ยว คนนับร้อยมามุงดูด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยาผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วพูด“เย่คุน เราต้องออกเดินทางกันคืนนี้เลย ส่งเสือไปที่ที่ว่าการอำเภอ พรุ่งนี้เช้าก็ถึง ข้าจะช่วยเจ้ายืมเกวียนมาสักคัน แล้วให้ชาวบ้านสองสามคนไปเป็นเพื่อนเจ้านะ”ตามระเบียบ ยิงเสือตายต้องส่งไปตรวจสอบที่ที่ว่าการอำเภอสำหรับการตรวจสอบจะต้องมีซากเสือ เครื่องมือที่ทำให้เสือตาย ผู้ฆ่าเสือ จะขาดไม่ได้สักอย่างเย่คุนพยักหน้า ไหว้วานผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วไปยืมเกวียนและให้ภรรยาเจียงโหย่วหรงรีบทำอาหารไต้สี่ก็ช่วยด้วย นำไก่ป่ากระต่าย

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 10

    เย่คุนประหลาดใจเล็กน้อย มองประเมินอีกฝ่ายชายชุดผ้าเกอพูดอีก“พื้นที่ทางใต้ของเขาต้าเซียงตั้งกลุ่มฆ่าเสือขนาดใหญ่ ฝูงเสือถูกขับไล่รุกล้ำพื้นที่ของอำเภอนี้ ภัยเสือของอำเภอนี้จะหนักมากขึ้น ชาวบ้านของอำเภอนี้มีอันตรายกันทุกคน ดังนั้นข้าอยากขอคำชี้แนะประสบการณ์ฆ่าเสือของพวกท่านจากใจจริง”ตามหลัก เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นเสือจะไม่ปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ แต่แถบเขาต้าเซียงที่ชายชุดผ้าเกอกล่าวถึง เนื่องจากหลายปีก่อนมีโรคระบาด จึงทำให้พื้นที่ภูเขากว่าพันลี้ไม่มีคนอยู่อาศัย จำนวนเสือเพิ่มเป็นเท่าตัวตอนนี้ราชสำนักก่อตั้งกองทัพใหญ่เพื่อฆ่าเสือบนเขาต้าเซียง ใช้การโจมตีทางศาสตราวุธและกองทัพในการขับไล่ เสือในเขาต้าเซียงพันลี้ย่อมต้องเคลื่อนย้ายขึ้นทางเหนือเป็นธรรมดาสถานการณ์เช่นนี้ พื้นที่ปาสู่ในภายหลังก็เคยปรากฏจางเสี้ยนจงเพชฌฆาตแห่งซีชวนเหมือนกัน กวาดล้างจนไร้คนพันลี้ เสือแตกกระเจิง ต่อมาสมัยแมนจูและชิงปกครองใต้หล้า ขุนนางและผู้ติดตามที่ส่งไปซีชวนเห็นเสือรวมตัวเป็นฝูงทำกิจกรรมกับตาตนเอง ล้อมหมู่บ้านเดินเตร็ดเตร่ กินคนนับไม่ถ้วน นายอำเภอคนหนึ่งพาผู้ติดตามห้าหกคนไปประจำตำแหน่ง สุ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 11

    เย่คุนล้างเท้าแล้วเรียกเจียงโหย่วหรงมา“โหย่วหรง วันนี้ข้าซื้อผ้าปอละเอียดมาอีกแล้ว เจ้าเชิญพี่สะใภ้ไต้สี่ข้างบ้านมาตัดชุดให้คนในบ้านเราเถอะ ชุดของไฉ่เตี๋ยเก่ามาก ทำให้ไฉ่เตี๋ยอีกชุดด้วย”ฝีมือการตัดชุดของไต้สี่ไม่เลว ตัดได้พอดีตัวเจียงโหย่วหรงพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาพี่สะใภ้ไต้สี่แต่เช้านะ”ไฉ่เตี๋ยกลับส่ายหน้าเนือง ๆ “พี่ต้าหลาง พี่โหย่วหรง ข้าไม่ต้องการเสื้อผ้า แค่ไม่หิวก็พอแล้ว”“นางเด็กโง่ เจ้าอยู่บ้านข้าก็คือครอบครัวเดียวกัน พวกเรากินใช้เหมือนกัน”เย่คุนลูกศีรษะของไฉ่เตี๋ย “เจ้าไปนอนเถอะ ข้ามีเรื่องพูดกับพี่โหย่วหรงของเจ้า”ไฉ่เตี๋ยยิ้มแล้วหมุนตัวออกไปเจียงโหย่วหรงล้างเท้าให้เย่คุน จากนั้นก็ทางยาฟกช้ำให้เขาความจริงเท้าของเย่คุนจวนจะหายดีแล้ว เดินกะเผลก ๆ ได้พักอีกสักสองวัน สลายลิ่มเลือดก็น่าจะกลับมาเป็นปกติเย่คุนมองเจียงโหย่วหรงแล้วพูด“โหย่วหรง ไฉ่เตี๋ยน่าสงสาร เรารับนางไว้ชั่วคราวเถอะ ให้นางช่วยเจ้าทำงานหน่อย อีกสักสองปี เอาไว้นางโตแล้วค่อยหาบ้านแม่สามีให้นาง”เจียงโหย่วหรงเงยหน้าด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก “ต้าหลาง ท่านไม่ใช่จะเก็บไฉ่เตี๋ยเอาไว้...เป็นอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 12

    หากเป็นจริง เช่นนั้นเจียงโหย่วหรงก็จะได้หน้ามากอีกอย่าง บ้านมารดาของนางก็ยากจนเหมือนกัน แม้แต่โจ๊กผักป่ายังไม่แน่ว่าจะได้กินอิ่มทุกวันส่งเนื้อเสือและข้าวขาวเหล่านี้ไป จะช่วยชีวิตได้“โง่จริง ข้าเคยหลอกเจ้าหรือ?”เย่คุนบีบหัวไหล่ของเจียงโหย่วหรง “รีบไปเก็บของเถอะ เอาเนื้อเสือไปบ้านแม่เจ้าสิบชั่ง ข้าวขาวสิบชั่ง ส่วนของอย่างอื่นข้าจะเตรียมเอง”เจียงโหย่วหรงรู้สึกว่าของเยอะเกินไปจึงกระซิบกระซาบว่า “เอาของไปเยอะอย่างนี้ ท่านแม่จะดุข้าได้นะ”“ไม่เป็นไร ข้าจะพูดกับท่านแม่เอง”เย่คุนยิ้มแล้วเดินกะเผลกไปปรึกษากับมารดาเฒ่าสามีตายเชื่อฟังบุตร บุตรเติบใหญ่เป็นอิสระจากมารดาหญิงชราพยักหน้าปราศจากความเห็น“พวกเราไม่ได้จ่ายเงินสักแดงก็รับตัวโหย่วหรงแต่งเข้าบ้าน เจ้าไปเยี่ยมเยียนพ่อตาแม่ยายเจ้าครั้งนี้ จะเอาของไปหน่อยก็สมควร”เจียงโหย่วหรงที่อยู่ทางหนึ่งได้ยิน พลันแย้มยิ้มชื่นบาน รีบมาขอบคุณมารดาสามีตรงหน้าดังนั้นเรื่องในบ้านจึงรบกวนไต้สี่กับไฉ่เตี๋ยไต้สี่เย็บเสื้อผ้าอยู่ที่นี่และดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนไฉ่เตี๋ยทำกับข้าวเป็น เป็นลูกมือให้ไต้สี่ พร้อมกับเรียนรู้การตัดเย็บเสื้อผ้าจาก

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 13

    “ต้าหลาง...”เจียงโหย่วหรงรู้ว่าสามีโกรธแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยท่าทางน่าสงสาร น้ำตาคลอเบ้าจะตกมิตกแหล่เซวซานกูแค่นเสียงหัวเราะ และตบมือพูด“เจ้าไม่มาสิดี ใครอยากให้พวกเจ้ามากันฮะ? แบบนี้สิดีที่สุด ต่อไปพวกเจ้าเป็นเศรษฐี เราเป็นขอทานก็ไม่เข้าบ้านเจ้าเหมือนกัน!”“งั้นก็ได้ เราตกลงตามนี้”เย่คุนพยักหน้า ดึงเจียงโหย่วหรงจะออกไป“ต้าหลาง อย่าไป”เจียงกั๋วจู้เข้าไปรั้งตัว ก่อนจะถอนหายใจพูด “อย่างไรเจ้าก็คือลูกเขยของข้า ในเมื่อเข้าบ้านมาแล้วจะไปแบบไม่กินข้าวได้อย่างไร? ที่บ้านยังมีข้าวกล้องอีกกำ ต้มโจ๊กสักหน่อย กินแล้วค่อยว่ากันเถอะ”เจียงหลี่ซื่อพยักหน้าด้วยแววตาจริงใจเหมือนกันปัง!เซวซานกูกลับสะบัดก้นเปิดประตูเดินไป“พี่สะใภ้ใหญ่!”เจียงโหย่วหรงตามไปแต่เซวซานกูเดินจ้ำไปริมแม่น้ำแบบหัวก็ไม่หันเจียงโหย่วหรงถอนหายใจกลับเข้าบ้าน มองเย่คุนด้วยท่าทางน่าสงสารขณะเย่คุนกำลังจะพูดอะไร ก็มีแม่นางน้อยสองคนเดินออกมาจากหลังเรือน คนหนึ่งอยู่ในวัยเจ็ดแปดขวบ อีกคนหนึ่งสิบสามสิบสี่ปีหน้าตายสีเหมือนผัก เช่นถั่วงอกที่เติบโตไม่เต็มที่นั่นคือน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรง น้องรองเจียงโหย่

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 14

    เมื่อนั้นเย่คุนจึงหัวเราะ ก่อนจะกำหมัดพูด “พี่ใหญ่อย่าได้เกรงใจ”เซวซานกูอายยิ่งกว่า อุ้มลูกชายมาคุกเข่าตรงหน้าเย่คุน“น้องเขยคนดี ข้าพาลูกชายมาโขกศีรษะให้เจ้าแล้ว เจ้าคือน้อง น้องเขยแท้ ๆ ลูกชายข้าก็คือลูกของเจ้า!”ตอนนี้ก็คือน้องเขยแท้ ๆ แล้ว?เมื่อกี้ใครบอกว่าเป็นขอทานก็ไม่เข้าบ้านฉัน?ปากเล็ก ๆ นี่พูดจาเหมือนปล่อยตดเย่คุนมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ย่อมไม่ถือสาคนอย่างเซวซานกู พอใจแล้วก็หยุด ค้อมตัวเซวซานกูลุกขึ้นแล้วหยิบเศษตำลึงหนึ่งชิ้น ประมาณสองสามเฉียน “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าที่เป็นน้องเขยแท้ ๆ เจอกับหลานชายเป็นครั้งแรก เศษตำลึงนี้เอาไปทำกำไลให้หลานชายแท้ ๆ ของข้าเถอะ”เจียงโหย่วหรงได้ยินอยู่ด้านหลังขำพรืด จากนั้นจึงรีบปิดปากเซวซานกูตื่นเต้นจนตัวสั่น วางลูกชายลงพื้นแล้วกอบเศษตำลึงด้วยสองมือ “น้องเขย นี่คือ...เงินตำลึงหรือ?”หญิงชาวบ้านไม่มีโอกาสเห็นเงินตำลึง“ไม่เชื่อท่านก็ลองกัดดูสิ ดูสิว่ามีรอยฟันหรือไม่” เย่คุนทำหน้าจริงจัง“ได้ ข้าจะกัดดูนะ...”เซวซานกูยัดเงินเข้าปากแล้วออกแรงกัดจริง ๆ“ไอ้หยา ฟันของข้า...”เซวซานกูยิงฟัน มองเงินแบบไม่สนใจความเจ็บปวดดังคาด บนนั้นม

Latest chapter

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 40

    “ฮะ พ่อของเจียวเจียวทำแม่ของตัวเองตาย?” เย่คุนอึ้งหลังจากพิจารณา เย่คุนก็ขี่ม้าพาฉินโฉ่วตรงดิ่งไปยังตลาดพ่อค้าคนกลางทันทีตลาดพ่อค้าคนกลางคือสถานที่ซื้อขายปศุสัตว์ และเป็นจุดขายลูกชายลูกสาวของคนยากคนจนด้วยบางครั้งทางการจะนำครอบครัวลูกสาวของผู้กระทำผิดมาขายที่นี่เหมือนกันในมุมหนึ่งของตลาดพ่อค้าคนกลาง บนเวทีดินรัศมีหนึ่งจั้ง สูงสองฉื่อตรงหน้าเวทีมีคนมุงชี้นิ้วอยู่เต็มไปหมดบนเวทีดินมีแม่นางยืนอยู่สามคน บนศีรษะเสียบรวงข้าว ตรงหน้าอกห้อยป้ายไม้เขียนราคาขนาดเท่าฝ่ามืออยู่เจียวเจียวลูกสาวเถ้าแก่ร้านอาหารยืนอยู่ตรงกลาง บนแผ่นป้ายตรงหน้าอกเขียนว่าหนึ่งพวงดูท่าคงเพราะเจียวเจียวหน้าตาสวยหมดจด จึงมีราคาสูงลิ่วเนื่องจากแม่นางหน้าตาดี สามารถขายไปยังสถานเริงรมย์รับแขกหาเงินได้เจียวเจียวผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาเหม่อลอย ริมฝีปากแห้งจนลอก มองฝูงชนเบื้องล่างอย่างสับสนตกอับมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเคยเป็นแม่นางงดงามน่าประทับใจคนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกคนเลือก ถูกคนเชือดตามใจชอบพวกบรรดาแขกที่มองอยู่ด้านข้างกำลังชี้นิ้ว“ทำไมถึงขายเจียวเจียวแพงอย่างนี้นะ? เพราะหน้าต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 39

    เด็กในหมู่บ้านหิวจนไส้กิ่ว แต่ละคนมองเจียงโหย่วหรงด้วยท่าทางน่าสงสารเย่คุนกระโดดลงจากม้าแล้วหยิบเนื้อแห้งกับผลไม้แจกจ่ายให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ยังให้เงินห้าเหรียญทองแดงกับทุกคนคนทั้งหมู่บ้านตกตะลึงพรึงเพริด ต่างยิ้มแย้มมาต้อนรับ“เขยของเจียงเหอโถวเรากลับมาแล้ว!”“พ่อเขยใจกว้างจริง ๆ โหย่วหรงมีบุญแท้ ๆ!”เย่คุนแค่ยิ้มพลางพยักหน้าพี่ชายพี่สะใภ้ของโหย่วหรงออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่บานเท่ากระด้ง และช่วยเย่คุนจูงม้าด้วยเหมือนกันพวกเขารู้ว่าพอเย่คุนมา บ้านก็จะรวยแล้วน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรงก็มาจูงมือพี่สาวด้วย “พี่หญิง ท่านอ้วนแล้ว เสื้อผ้าสวยจังเลย ยังมีผ้ารัดหัว ไหนจะตุ้มหูนี่อีก...”“ไม่ต้องรีบร้อน พวกเจ้าก็มีนะ พี่เขยเจ้าเอาของขวัญมาให้พวกเจ้าด้วย”เจียงโหย่วหรงสวมกอดน้องสาวและยิ้มพูด “อีกอย่าง พี่เขยเจ้าบอกแล้วนะว่าจะรับพวกเจ้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวด้วยกัน”น้องสามโหย่วไฉร้องไชโยกระโดดโลดเต้นโหย่วเต๋ออายุสิบสี่สิบห้ารู้ความแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยความเขินอายทีหนึ่งเมื่อถึงบ้านมารดา เจียงโหย่วหรงก็หยิบของขวัญออกมา ของกินเครื่องนุ่งห่มอะไรก็มีหมดเย่คุนให้เงินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 38

    เจียวเจียวตกตะลึงหนัก “นายท่าน ท่านช่างเป็นคนดีแท้ ๆ มีเงินสองร้อยอีกแปะนี้ ไม่แน่ว่าซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์จะอยู่รอดต่อไปได้”“ต้องรอดสิ”เย่คุนคีบเนื้อในถ้วยให้ซานเอ๋อร์และน้องสาว “ต่อไปพวกเจ้าก็กินข้าวที่นี่ เอาไว้อากาศหนาวแล้วข้าจะมารับตัวพวกเจ้า”ซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์โขกศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะรับเนื้อย่างมากินแบบตะกละตะกลามเย่คุนมองเจียวเจียวแล้วยิ้มพูด “เจียวเจียว ต่อไปข้ามาอีกจะเอาเต้าเจี้ยวอย่างหนึ่งมาให้พวกเจ้า จะทำกับข้าวหรือกินกับข้าวก็อร่อยทั้งนั้น ถึงเวลาเจ้าก็ช่วยข้าขายเต้าเจี้ยว ได้เงินแล้วพวกเรามาแบ่งด้วยกัน”การทำเต้าเจี้ยวถั่วเหลืองไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเย่คุนเคยคิดมาแล้ว ลองทำดูได้เมื่อไม่มีเต้าเจี้ยว การกินอาหารของเขาในทุกวันก็ไม่มีรสชาติ“ได้สินายท่าน ข้าจะรอท่านมานะ” เจียวเจียวดีใจมากเย่คุนกล่าวอำลานำถั่วเหลืองร้อยชั่งกลับมาจากตัวอำเภอฉินโฉ่วไม่เข้าใจเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าเย่คุนซื้อถั่วเหลือเยอะแยะอย่างนี้มาทำอะไร“ข้าจะทำเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องปรุงที่รสดีมาก ๆ”เย่คุนอธิบายกับฉินโฉ่ว “เครื่องปรุงชนิดนี้เอามาคลุกกับข้าวได้ อร่อยกว่ากินเนื้ออีก ถ้าเอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 37

    บนนั้นมีแกนปั่นด้ายห้าแกน หมุนเร็วมากเย่คุนเรียกเจียงโหย่วหรงและไต้สี่มาให้ความร่วมมือเขาในการทดสอบเครื่องหลังจากจัดการใยปอเสร็จ แกนปั่นด้ายทั้งห้าก็หมุนพร้อมกัน ด้ายปอที่ทอออกมาเล็กละเอียดและเหนียวแน่นครั้นลูบ กลับได้ความรู้สึกเหมือนด้ายปอละเอียด!เขาทดลองไป ก็ปรับเครื่องปั่นด้ายไปสองชั่วโมงให้หลัง ด้ายปอที่ผลิตก็มีคุณภาพดียิ่งขึ้นไต้สี่ตรวจสอบด้ายปอที่ผลิตออกมาแล้วก็โพล่งปากด้วยความตะลึง“พี่ต้าหลาง นี่แทบจะเป็นด้ายปอละเอียดแล้วนะ ขายราคาสูงได้ แถมยังทอได้เร็วมากอีก ต่อไปข้ากับพี่โหย่วหรงก็ปั่นด้ายเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว”เจียงโหย่วหรงพยักหน้างก ๆ “ใช่ ต่อไปพวกเราก็ปั่นด้ายกันเยอะ ๆ”ไฉ่เตี๋ยประสมโรง “ข้าก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน!”ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีคุณค่าดังนั้นผู้หญิงแคว้นต้าติ่งจึงไม่กล้าอู้งานเย่คุนหยักหน้า “ข้าจะไปซื้อใยปอมาลองดูสักหน่อย พวกเจ้าสามคนผลัดกันทำ ต้องทำให้คล่องนะ”ห่วงโซ่อุตสาหกรรมปอมีขั้นตอนหลายอย่างตอนนี้เย่คุนยังไม่มีเงินทุน ดังนั้นจึงได้แต่เริ่มจากการทำเส้นด้าย แบบนี้จะง่ายกว่าและสะดวกจะขยายใหญ่ในหมู่บ้านปลูกต้นปอท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 36

    ขี่ม้าเสร็จสิ้นเย่คุนจุดตะเกียงน้ำมันเพื่อชื่นชมสาวงามด้านข้าง มองทีละชุ่น มองให้พอไต้สี่กระมิดกระเมี้ยนมุดศีรษะกับหน้าอกของเย่คุน “พี่ต้าหลาง ทำไมท่านยังไม่ซ่อมเตียงอีกล่ะ? ถ้าพี่โหย่วหรงกับไฉ่เตี๋ยได้ยิน จะฟังออกนะ...”แต่งเข้ามาแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญกับใหญ่เล็กสูงต่ำเจียงโหย่วหรงคือภรรยา ไต้สี่คืออนุภรรยาดังนั้นแม้ว่าเจียงโหย่วหรงจะอ่อนกว่าสามปีก็ตาม แต่ไต้สี่ก็ต้องเรียกโหย่วหรงว่าพี่ “งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะซ่อมนะ...”เย่คุนกำลังชื่นชมผิวพรรณแต่ละชุ่นของไต้สี่อยู่ และจุดที่ปกติมองไม่เห็นด้วยยี่สิบวันที่ฆ่าเสือ ไต้สี่นอนอยู่บ้านของเย่คุนแทบทุกวัน มีเนื้อกิน มีข้าวขาว รูปร่างสมบูรณ์ขึ้นมาก ผิวพรรณขาวเนียนกว่าเดิม ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้คนนึกอยากครั้นชมไปชมมาก็เริ่มเกิดความรู้สึกอีกครั้งนี้ไต้สี่ไม่อายแล้ว ต้อนรับเย่คุน จากนั้นเตียงทรุดโทรมก็เริ่มบรรเลงเพลงรักสุขสมอีกครั้งวันต่อมาไต้สี่ตื่นแต่เช้า หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ทำความเคารพมารดาสามีและเจียงโหย่วหรงเย่คุนนอนจนถึงช่วงฟ้าสางจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าคัน ๆ ครั้นลืมตาก็เห็นเจียงโหย่วหรงกำลังมองเขาอยู่ข้างเตี

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 35

    “ไม่ใช่อนุ แต่เป็นฮูหยินรอง”เย่คุนเริ่มหวั่นไหว จึงโอบไต้สี่ “แม่ข้ากับโหย่วหรงเห็นด้วยแล้ว และข้าก็ชอบเจ้า”ไต้สี่เนื้อตัวอ่อนฉับพลัน ล้มอยู่ในอ้อมอกของเย่คุน “ท่านไม่รังเกียจข้า...ที่เป็นหญิงม่ายหรือ?”“ไม่รังเกียจ ชอบมาก”เย่คุนชักจะอดรนทนไม่ไหวแล้วเริ่มขยับทีละน้อยไต้สี่ขำพรืด ผลักเย่คุนออกเบา ๆ “นั่นก็ต้องมีแม่สื่อนะ แล้วก็...ท่านซื้อผ้ารัดศีรษะสีแดงให้ข้าสักชิ้นเถอะ ผ้ารัดศีรษะสีแดงเหมือนกับของโหย่วหรง ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”เย่คุนยิ้มแล้วบีบมือของไต้สี่ “เอาไว้ทัพใหญ่ของราชสำนักมาขับไล่โจรกับเสือแล้ว ข้าจะสู่ขอเจ้า”“ข้าจะรอท่าน”จากนั้นไต้สี่ก็วิ่งออกไปทั้งหน้าแดงทัพใหญ่ของราชสำนักมาเร็วมาก ถึงในสามวันต่อมา มีจำนวนพลถึงสองพันคน ผู้ใหญ่บ้านของแต่ละหมู่บ้านระดมกลุ่มฆ่าเสือและชาวบ้านไปร่วมฆ่าเสือด้วยแค่เวลาสี่ห้าวัน ก็ค้นภูเขาลูกใหญ่บริเวณหลายร้อยลี้จนหมด ฆ่าเสือใหญ่เล็กได้เป็นร้อยตัวอีกทั้งยังมีหมูป่าและวัวภูเขาอีกมากมายเม่น จิ้งจอก กระต่ายก็ถูกกวาดล้างไปเยอะเหมือนกันเมื่อทัพใหญ่มาถึง โจรบนเขาซวงยาหนีเตลิดเปิดเปิงไม่เห็นเงาแต่เย่คุนรู้ ขอเพียงทัพให

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 34

    เย่คุนคิดแล้วก็หัวเราะ “ความจริงข้าไม่อยากได้อนุหรอก แต่ก็อยากได้คนปรนนิบัติท่านแม่เพิ่มอีกคน...ท่านแม่อายุมากแล้ว ตาก็มองไม่เห็น มีคนดูแลมากขึ้นอีกคน อย่างไรก็คือดี”เจียงโหย่วหรงขำพรืด “อื่ม กลางวันดูแลท่านแม่ กลางคืนดูแลท่าน”“ไม่ต้องดูแลข้าหรอก จริง ๆ นะ”สองสามีภรรยาสนทนากันอยู่นานครั้นกลางดึกก็ทำศึกอีกหนจึงจะหลับทว่าครึ่งคืนก็ถูกเสียงตีกลองรบกวนจนตื่นซั่งกวนจี้ฟูฆ่าเสือตัวหนึ่งได้ที่หอสังเกตการณ์ทางใต้ของหมู่บ้านคืนนี้เย่คุนไม่เข้าเวร ดังนั้นจึงไม่ไปดูเช้าตื่นขึ้นมาทุกคนแบ่งเนื้อเสือกันเสร็จแล้ว และยังเก็บเนื้อส่วนดีให้เย่คุนอีกยี่สิบชั่งซั่งกวนจี้ฟูอารมณ์ดียิ่ง ตบบ่าของเย่คุน “ทุกคนต่างบอกว่าของของพี่ต้าหลางใช้งานดี เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ”เย่คุนหัวเราะเหอะ ๆของดี ๆ ยังมีอีกเพียบ แค่ไม่มีเวลาทำเฉย ๆซั่งกวนจี้ฟูพูดขึ้นมาอีก “แต่อีกไม่นานของของท่านก็ต้องเก็บเข้ากรุแล้วละ เพราะในเจ็ดวัน ราชสำนักจะส่งทัพใหญ่มากำจัดภัยพิบัติจากเสือทีละชุ่น”ฉินโฉ่วตกใจ “พูดอย่างนี้ งั้นต่อไปพวกเราก็ไม่มีเสือให้ฆ่าแล้วสิ?”ชาวบ้านต่างหดหู่ใจมากไม่มีเสือให้ฆ่า นั่นก็หมายถึงไม่มีร

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 33

    ซั่งกวนจี้ฟูประทับใจมาก จึงลุกขึ้นยืนพูด“พี่ต้าหลางกตัญญูต่อบุพการี ทั้งผดุงความเป็นธรรมช่วยเหลือผู้คน คุณธรรมเหตุผลสูงส่ง ฆ่าเสือปลายโจรพิทักษ์ความสงบสุขบนแดนดิน ตอบแทนราชสำนัก ข้าเลื่อมใสมาก ยินดีสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า ไม่ขอเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน!”เฮ้ย จะสาบานเป็นพี่น้องเหรอ?เย่คุนคิดแล้วก็ยิ้มพูด “จะสาบานก็ได้แต่...ข้าต้องเป็นพี่ใหญ่นะ”แคว้นต้าติ่งให้ความสำคัญกับกษัตริย์ ขุนนาง บิดา บุตรสาบานเป็นพี่ใหญ่ก็คือจ้าว ก็คือบิดา ก็คือนาย!ส่วนน้องก็เท่ากับสมบัติส่วนตัวของพี่ใหญ่ ปกติแล้วต้องเหมางานหมด แต่ไม่จำกัดการเป็นคนคุ้มกัน ทำงานเบ็ดเตล็ด เทถังส้วมและอื่น ๆ ทั้งยังต้องเตรียมตัวตายเพื่อพี่ใหญ่เสมอ...เย่คุนไม่ได้โง่ จะหลงกลไม่ได้ จะให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นสมบัติส่วนตัวของซั่งกวนจี้ฟูไม่ได้!ซั่งกวนจี้ฟูอึ้ง “แต่ข้าอายุมากกว่าเจ้านะ!”ฉินโฉ่วก็ตกใจเหมือนกัน รู้สึกว่าสมองของเย่คุนชำรุดไปแล้วใต้เท้านายกองสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าเป็นเรื่องได้หน้าขนาดไหน เจ้ายังจะได้คืบเอาศอก จะเป็นพี่ใหญ่อีกหรือ?“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ข้าเป็นคนดวงกินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    ซั่งกวนจี้ฟูปัดมือ “โกลนม้าไม่สำคัญ ข้าอยากได้หน้าไม้ของเจ้า มีเท่าไรก็เอาหมด”ช่วงเช้าวันนี้ซั่งกวนจี้ฟูเห็นหน้าไม้เบายิงคราวละสองดอกที่พวกฉินโฉ่วใช้ป้องกันตัว ครั้นทดลองแล้วก็อิจฉาเสียไม่มีประจวบเหมาะกับฉินโฉ่วขอให้ส่งทหารมาทลายรังโจร ดังนั้นซั่งกวนจี้ฟูจึงมาด้วย“ต้องจัดการโจรจากเขาซวงยาก่อน ข้าถึงจะมีเวลาทำหน้าไม้ให้ท่าน”เย่คุนถอนหายใจ “โจรพวกนั้นฆ่าคนไม่กะพริบตา ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ได้สักกี่วัน”ซั่งกวนจี้ฟูหัวเราะชอบใจ “ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกวาดล้างโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่!”เจ็ดวัน?เย่คุนดีใจมาก แต่ก็สงสัยความสามารถของซั่งกวนจี้ฟูอีกคราวก่อนเคยคุยกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาของซั่งกวนจี้ฟูมีแต่ทหารราบห้าสิบคน ทหารม้ายี่สิบคนและอุปกรณ์พื้นฐานเท่านั้นเขาซวงยามีโจรร้อยกว่าคน แม้กำลังรบจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ได้เปรียบทางชัยภูมิหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่านซั่งกวนจี้ฟูมีกำลังทหารแค่นี้ก็คิดจะบุกเขาซวงยากวาดล้างพวกโจร เกรงว่าจะไม่ง่าย“ถูกต้อง ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกำจัดโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่”ซั่งกวนจี้ฟูพยักหน้าแล้วเข้าหมู่บ้านพร้อมกับเย่คุน ก่อนจะเอ่ย “ข้าย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status