ส่วนฮั้วอวิ๋นเทียนที่อยู่บนศาลาพอได้ยินเรื่องลามกพวกนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา คุณหนูใหญ่มู่คนนี้โผงผางจริงๆเรือนด้านหลังเป็นอาคารไม้สามชั้นตกแต่งอย่างหรูหรา เทียบได้กับโรงแรม 5 ดาวในยุคปัจจุบัน ตรงประตูมีป้ายไม้เขียนชื่อของนายโลมเอาไว้"คุณหนูใหญ่มู่ ที่นี่คือห้องพักของท่านชายน้อยจินเป้ย แต่ว่าคุณหญิงฉีได้จ่ายเงินเหมาเขาไว้ตลอดทั้งครึ่งเดือนแล้ว" พี่หญิงหงกล่าวยิ้มออกมาด้วยเสียงเบา"งั้นไม่ใช่ว่าคุณหญิงฉีจะมาคืนนี้หรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีนึกได้ว่าองค์หญิงเหวินซิงคงจะใกล้มาถึงเร็วๆ นี้แล้วพี่หญิงหงก็กล่าวออกมาอย่างเขินอายเล็กน้อย : "ต่อให้คุณหญิงฉีคืนนี้มาหา แต่ก็ไม่ได้มาเพื่อท่านชายน้อยจินเป้ย นางมาเพื่อไถ่ตัวท่านชายน้อยอู๋ถง เพียงแต่องค์หญิงเหวินซิงก็หมายปองท่านชายน้อยอู๋ถงเหมือนกัน นางเองก็อยากไถ่ตัวกลับไป เห้อ"มู่จิ่วซียังไม่ทันเอ่ยปากพูด พี่หญิงหงก๋หัวเราะยิ้มร่าขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่มู่ ไม่งั้นคืนนี้ท่านช่วยบ่าวหน่อยสิเจ้าคะ""ข้า? ข้าจะไปช่วยอะไรได้?" มู่จิ่วซีรู้สึกตกใจอย่างมาก"ถ้าหากบุคคลสำคัญทั้งสองแย่งอู๋ถงกันขึ้นมา บ่าวคงไม่อาจทนรับความขุ่นเคืองบาดหมางไว้ได้" พี่หญิงทำท่าอย่า
พี่หญิงหงเปิดประตูเพื่อให้มู่จิ่วซีเข้าไปก่อน พ่อดอกเก๊กฮวยก็แอบตามไปข้างหลังเงียบๆ แล้วปิดประตูตามหลัง"แค่กแค่กแค่ก"จินเป้ยที่อยู่ด้านในส่งเสียงไอออกมา"แย่แล้ว ท่านชายน้อยจินเป้ย สุขภาพร่างกายของเจ้าอ่อนแอจริงๆ เพิ่งมาก็เป็นหวัดลมหนาวแล้ว คงต้องให้ห้องครัวตุ๋นอาหารบำรุงร่างกายให้เจ้าแล้ว" พี่หญิงหงมุ่งตรงไปถึงยังเตียงก่อนมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีเดินเข้ามาก็เห็นชายคนหนึ่งสีหน้าดูป่วยโทรมอยู่บนเตียง แม้ว่าใบหน้าจะดูดีไม่เลว แต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าหล่อเหลา มีกลิ่นอายของความเป็นชายชาตรี โครงร่างใหญ่กว่าพ่อดอกเก๊กฮวย แตกต่างอย่างมากจากนายโลมที่แต่งกายกายตุ้งติ้งเป็นส่วนใหญ่"จินเป้ยขอคารวะคุณหนูใหญ่มู่" จินเป้ยลุกตัวขึ้นมาถวายความเคารพให้กับมู่จิ่วซี "จินเป้ยร่างกายเจ็บป่วย โปรดคุณหนูใหญ่อย่าถือสา""ไม่เป็นไร เจ้านอนพิงพูดกับข้าก็ได้ ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้วคงจะป่วยไม่น้อย" มู่จิ่วซีหย่อนก้นนั่งลงบนเตียง "ข้ามีทักษะแพทย์อยู่บ้าง เดี๋ยวช่วยดูอาการเจ้าให้"จินเป้ยตะลึงและรีบพูดขึ้นมาทันที : "คุณหนูใหญ่มู่ช่างสูงศํกดิ์ จะมาทำเรื่องแบบนี้เพื่อข้าได้อย่างไร หมอได้ตรวจอาการข้าแล้ว เขาบอกว่าให้ข้
"อะไรนะ ? พวกนางสองคนมาพร้อมกันงั้นเหรอ?" พี่หญิงหงตกตะลึงในสายตา"ใช่ขอรับ ใครจะรู้ว่าบังเอิญขนาดนี้ อีกอย่างพวกนางต้องการพบท่านชายน้อยอู๋ถงเหมือนกัน! เจ้ารีบไปดูเถอะ"พี่หญิงหงหันควับกลับมาคว้ามู่จิ่วซีและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ คืนนี้คงต้องพึ่งท่านแล้ว" ขณะพูดก็ลากมู่จิ่วซีวิ่งไปด้วยกัน"เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว พี่หญิงหง ข้าปวดฉี่ เจ้าให้ข้าไปเข้าสุขาก่อน" มู่จิ่วซีต้องการที่จะแจ้งข่าวก่อน นางมั่นใจแล้วว่าจินเป้ยคนนี้คือไส้ศึกที่ลอบสังหารใต้เท้ากู้อีกคนหนึ่งซึ่งหนีไปได้อีกทั้งยังเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไปถึงคุณหญิงฉี พอนึกถึงใต้เท้าฉีเลขาธิการกระทรวงราชทัณฑ์ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนที่มีกุญแจห้องเก็บยาพิษเงาหอมนิโลบล จนนางพอได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดก็รู้สึกสะพรึงกลัวในทันที"งั้นบ่าวขอไปดูสถานการณ์ก่อน คุณหนูใหญ่มู่ ท่านรีบมาด้วยล่ะ" พี่หญิงหงกล่าวอย่างร้อนรน"รู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ร้านขนมร้านนั้นข้าเอาแน่" มู่จิ่วซีขณะพูดก็วิ่งไปทางห้องสุขาขณะเดินไปตามทางก็เห็นชิงเฟิงที่ได้ไปแอบตรวจสอบมา"คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยได้ไปตรวจสอบมาแล้ว ห้องครัว ห้องฟืนและห้องเก็บเหล้าไม่มีใครน่าสงสัยเลยขอรับ""ชิง
ชั่ววินาทีที่ประตูถูกทีบให้เปิดออก มู่จิ่วซีก็กำลังทำท่าป้อนเหล้าให้อู๋ถงอยู่ก็นิ่งค้างไป ส่วนคนข้างนอกที่เห็นภาพฉากนี้ก็นิ่งค้างไปเหมือนกัน"คุณหนูใหญ่มู่" พี่หญิงหงเป็นคนแรกที่ตั้งสติขึ้นมาได้ นางส่งสายตาเป็ยนัยน์ให้กับมู่จิ่วซีและตีหน้ายิ้มกล่าวออกมา "ขอประทานอภัยจริงๆ ที่รบกวนความสุขท่านนะเจ้าคะ"มู่จิ่วซีที่มีแสงแดงก่ำและอู๋ถงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายก็วางจอกเหล้าลง ใบหน้าอึมครึมจ้องไปทางปากประตู องค์หญิงเหวินซิงและฉีเล่อฉี่ถลึงตามองอย่างไม่เชื่อในสายตาผู้หญิงสองคนนี้ล้วนแต่งกายหรูหราฉูดฉาด แค่มองดูก็คิดว่าเป็นแม่หญิงของหอบุปผา เพียงแต่แก่ไปนิดหน่อย เดิมทีดูจากอายุของพวกนางแล้วคงจะเป็นหญิงวัยกลางคนที่ยังคงรักษาความสง่างามไว้น่าเสียดายที่พวกนางอดทนต่อความเหงาไม่ไหว เที่ยวเล่นจนตัวเองหมดสภาพ ดั่งสุภาษิตดอกเฉาบนกิ่งหักซึ่งใช้บรรยายพวกนางได้เหมาะสมจนไม่มีอะไรมาเปรียบได้ดีกว่านี้อีกแล้ว (ดอกเฉาบนกิ่งหัก หมายถึง หญิงสาวที่หลงระเริงแล้วโดนผู้ชายย่ำยีแล้วทิ้งไป)"มู่จิ่วซี เจ้าหมายความว่ายังไง!" องค์หญิงเหวินซิงถลึงตาที่โมโหทั้งสองข้างมองไปที่มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าจะใจแค
"เจ้ามันสารเลว! เจ้ามันเจตนาจงใจ!" องค์หญิงเหวินซิงกร่นด่าในทันที "อยากจะมีเรื่องกับข้ามากนักใช่ปะ!"ใบหน้าของคุณหญิงฉีเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเอ่ยกล่าว : "องค์หญิง อู๋ถงทั้งเฉียบแหลมและรูปงาม ข้าเองชอบมากจริง ๆ ไม่งั้นข้าคงไม่เอาทองคำมาไถ่ตัวเขามากขนาดนี้ ที่จวนของ องค์หญิงเองมีสนมชายมากขนาดนั้น ไม่มีอู๋ถงไปสักคนคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง""เจ้า!" องค์หญิงเหวินซิงถูกยั่วให้โมโหจนทำท่าอยากจะเข้าไปตบคนมู่จิ่วซียิ้มขึ้นมาในฉับพลันพร้อมกับกล่าว : "พวกเจ้าสองคนอยากเป็นที่น่าหัวเราะให้กับคนอื่นก็ขอเชิญออกไปเถอะ อย่ามาขวางเวลาดื่มเหล้าของข้า""พี่หญิงหง ข้าเอาทองหมื่นตำลึงมาให้แล้ว ข้าต้องการไถ่ตัวอู๋ถงเดี๋ยวนี้" คุณหญิงฉีเพียงโบกมือ คนรับใช้กลุ่มหนึ่งก็ขนลังไม้เข้ามาห้าลังจากนั้นพอกล่องไม้ที่วางเรียงเป็นแถวถูกเปิดออกต่อหน้าผู้คน แสงอร่ามของทองคำก็สะท้อนเป็นประกายอยู่ในแววตาของทุกคน ดวงตาที่พร่างพราวมากที่สุดก็คือมู่จิ่วซี"ว้าว คุณหญิงฉีช่างมีเงินเยอะมากจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าสามีเจ้าที่ตายไปหากรู้ขึ้นมาจะปีนขึ้นจากโลงมาหรือเปล่า" มู่จิ่วซีก็พูดปากหมาขึ้นมา"คุณหนูใหญ่มู่!" สีหน้าของคุณหญิ
อู๋ถงตกตะลึง จากนั้นเขาก็เขยิบเข้ามาใกล้มู่จิ่วซีและกระซิบข้างหูมาประโยคหนึ่งมู่จิ่วซีพอได้ยินก็ตาทอเป็นประกายและซุบซิบที่ข้างหูของเขาไม่กี่ประโยค ในตอนท้ายมุมปากของนางก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย"มู่จิ่วซี เจ้ามันไร้ยางอาย!""มู่จิ่วซี เจ้ามีอีหน้าด้าน!"ผู้หญิงทั้งสองคนพอเห็นพวกเขาสนิทแนบชิดกันขนาดนี้ก็ด่าถอขึ้นมาในฉับพลันอู๋ถงพอฟังสิ่งที่มู่จิ่วซีพูดจนจบก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างเขินอายและพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาราวกับองุ่นสีดำเข้มทั้งสองข้างก็ทอประกายมองไปยังมู่จิ่วซีอย่างสดใสมู่จิ่วซีหันไปมองผู้หญิงสองคนนั้นที่โกรธจนใบหน้าบูดบึ้งพร้อมกับกล่าว : "ข้าค่อนข้างจน ดังนั้นข้าเสนอได้แค่ 100 ตำลึงเงิน""อะไรนะ!" ทุกคนถึงกับตกใจและอุทานออกมา"100 ตำลึงเงินจะไปไถ่ตัวนายโลมอันดับหนึ่งได้ยังไง!""คุณหนูใหญ่มู่ นี่เจ้าดูถูกอู๋ถงงั้นเหรอ?""มู่จิ่วซี เจ้าล้อเล่นงั้นเหรอ?""พี่หญิงหง เจ้าบอกมาซิว่าอู๋ถงราคาเท่าไหร่?"คนกลุ่มนั้นก็ฮือฮาแย่งกันพูดขึ้นมา พี่หญิงหงก็ได้แต่ยิ้มแหยงๆ พร้อมกับหันไปมองมู่จิ่วซีและยิ้มขึ้นมาในท้ายที่สุด : "นายโลมอันดับหนึ่งอย่างน้อยต้องใช้เงิน 3,000 ตำลึง
มู่จิ่วซีหัวเราะเสียงดังลั่น : "พวกเจ้าเล่นขายของพ่อแม่ลูกกันเหรอไง? พอไม่ได้ดั่งใจก็งอแงขึ้นมา นี่พวกเจ้ารู้จักคำว่ายางอายสองคำนี้ไหมว่าเขียนยังไง?""เจ้า!" องค์หญิงเหวินซิงโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว อู๋ถงก็รีบตามมาและดึงชายเสื้อมู่จิ่วซีที่ด้านหลังเบาๆ พร้อมกับกล่าว : "คุณหนูใหญ่ อู๋ถงคงหาเรื่องลำบากให้ท่านสินะขอรับ"ขณะที่เขาพูดก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกล่าวกับองค์หญิงเหวินซิงและฉีเล่อฉี่ : "ทั้งสองท่าน ขอบพระคุณอย่างมากที่เมตตาเอ็นดูข้า อู๋ถงยอมที่จะไปกับคุณหนูใหญ่มู่เอง ทั้งสองท่านขอได้โปรดปล่อยอู๋ถงผู้นี้ไปด้วยเถอะขอรับ""อู๋ถงเจ้ามันอวดดี ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงดูแลเจ้ามาเสียเปล่าจริงๆ""อู๋ถง เจ้ามันไม่รักดีจริงๆ เสียดายที่ข้าอุตส่าห์ให้เงินเจ้า 500 ตำลึงทุกครั้ง เจ้ามันก็แค่หมาป่าตาขาว" (หมาป่าตาขาว หมายถึง ทรพี อกตัญญู)อู๋ถงถึงกับคุกเข่าก้มหัวให้กับนางสองคนนั้นในทันทีนางสองคนนั้นก็เริ่มด่าถอเขา จนในที่สุดก็โกรธถึงขั้นลงไม้ลงมือกับอู๋ถง จิกกระชากลากผมของอู๋ถงทุกคนต่างรู้สึกแปลกอย่างมากว่าทำไมมู่จิ่วซีไม่ปกป้องอู๋ถง นางกลับเพียงแค่กอดอกดูฉากละครตรงหน้า นางไถ่ตัวเขาไปแล้ว แต่เ
มู่จิ่วซีหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาก็จ้องไปที่องค์หญิงเหวินซิง"ใครบอกว่าอู๋ถงก็แค่นายโลม เมื่อครู่ข้าก็พูดแล้วว่าเขาเป็นคนของข้า เขาไม่ใช่นายโลมแล้ว องค์หญิงกับคุณหญิงฉี นี่พวกท่านทั้งสองกำลังทำร้ายทารุณคนธรรมดาอยู่นะ ข้าว่าข้าคงต้องเอาเรื่องนี้ไปทูลบอกพระพันปีหลวงเสียแล้ว""เจ้า!" องค์หญิงเหวินซิงโกรธจัดจนอีกนิดก็แทบกระอักเลือดสายตาของมู่จิ่วซีก็กวาดมองไปทางฉีเล่อฉี่อีกครั้งก็เห็นสายตาที่มุ่งร้ายอันดำมืดของนาง ซึ่งแตกต่างจากความโกรธขององค์หญิงเหวินซิงแส้ของมู่จิ่วซีที่อยู่ในมือก้ฟาดออกไปอีกครั้งไปใกล้ตัวของฉีเล่อฉี่"มู่จิ่วซี เจ้าจะเอายังไงกันแน่?" ฉีเล่อฉี่ตัวสั่น พอเห็นท่าทีของมู่จิ่วซีแล้วก็รู้สึกว่ามู่จิ่วซีกล้ากล้าจะฟาดแส้มาหานางจริงๆมู่จิ่วซีก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา นางหันมามองอู๋ถงและกล่าว : "พวกเจ้าทำร้ายอู๋ถงจนอยู่ในสภาพนี้ อย่างน้อยก็ต้องชดใช้สักหน่อย"แววตาของมู่จิ่วซีก็หันไปมองทองคำที่เกลื่อนบนพื้นชั่วขณะนั้นทุกคนก็เข้าใจในทันที มู่จิ่วซีต้องการมีเหตุผลชอบธรรมมากพอและปล้นอย่างเปิดเผย"ได้ งั้นขอชดใช้อู๋ถงด้วยทองคำแท่งหนึ่ง คงจะพอค่ารักษาเขาแล้วใช่ปะ" ฉีเล่อฉี่ใช้เท้
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่