เถ้าแก่ร่างท้วมก็พาบ่าวสองคนเข้ามาจัดการข้าวของด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักในเรือนก็เรียบร้อยใหม่กริบในพริบตา โต๊ะม้าหินก็ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นโต๊ะไม้แดงสี่เหลี่ยมตัวยาวด้านบนก็ได้มีผลไม้และขนมวางเอาไว้ กาน้ำชาอย่างดีทำให้มู่จิ่วซีและโม่จุนสงบอารมร์ลงมาได้"นี่คือชาบัวหิมะที่เอามาจากแคว้นเป่ยจิ้น ทั้งสองเชิญลองดื่มดู" ฮั้วอวิ๋นเทียนใช้ชาเพื่อกล่าวขอโทษสีหน้าโม่จุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนมู่จิ่วซีก็ยกชาขึ้นมาดื่ม พอดื่มเสร็จก็กล่าวออกมา : "ไม่เลว สดชื่นหวานละมุน รสชาตินุ่มลึก คงจะไม่ใช่ถูกๆ สินะ""ฮาฮา คุณหนูใหญ่มู่ ชาบัวหิมะนี้ครึ่งขีดราคาพันตำลึงทอง" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปยังใบหน้าของมู่จิ่วซีที่กลับมาเป็นปกติพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มมู่จิ่วซีถลึงตาจนกลมโต : "แพงขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นข้าต้องดื่มอีกสักสองสามถ้วยซะแล้ว"โม่จุนรู้สึกอึดอัดในใจ ผู้หญิงคนนี้ทำตัวขายหน้ามากไปแล้ว"ที่จวนของข้าก็มี ถ้าเจ้ารักในการดื่มชา กลับไปข้าจะให้อานเย่เอาไปส่งให้" โม่จุนรับกับพฤติกรรมนางต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆมู่จิ่วซีหันกลับมามองใบหน้าอันหล่อเหลาและเย็นชานั้น : "โม่จุน ทำไมเจ้าอยู่ดีๆ ก็ใจกว้างขนาดนี้?
มู่จิ่วซีไม่รู้ว่าคำพูดของตนเองตรงไหนที่ทำให้อาจื่อมีปฏิริยาแบบนี้ หรือว่านางพูดผิดไป?"คุณหนูใหญ่มู่ ยังไงท่านก็เร่งมือช่วยดูอาการให้คุณหนูก่อนเถอะ" เสี่ยวหลันที่อยู่ข้างๆ ก็เร่งเร้ามู่จิ่วซี น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในใจของมู่จิ่วซีรู้สึกแปลกๆ นางรีบตรวจแมะชีพจรให้กับอาจื่อและถามถึงอาการป่วยอย่างที่ต้องรู้ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจไม่จำเป็นต้องเอาแต่นอนอยู่ตลอดทั้งวัน ขอเพียงอาการไม่กำเริบก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ"คุณหนูอาจื่อเจ็บหน้าอกบ่อยไหม?" มู่จิ่วซีถามอาจื่อพยักหน้า : "ใช่ ตอนปวดขึ้นมาเวลายืนจะไม่ค่อยสบาย ได้แต่ต้องนอน" ขณะที่นางพูดสายตาก็พรุบลงมู่จิ่วซีขมวดคิ้ว จากนั้นก็ฝังเข็มลงตรงบริเวณหัวใจโดยรอบสี่ทิศของนาง จนท้ายที่สุดมู่จิ่วซีก็เริ่มกร่นด่าสาปแช่งในใจเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีอาการป่วยทางหัวใจอะไรเลย หัวใจแข็งแรงดีมาก นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการแกล้งป่วยไม่สิ ถ้าหากแกล้งป่วย สีหน้าของนางจะซีดขาวแบบนี้ได้ยังไงอาจื่อเองก็มีอาการไออยู่บ้าง ตอนที่นางกุมไปที่นางก็ดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก สายตาของอาจื่อแอบมองมู่จิ่วซีอยู่เป็นครั้งคราวไม่นานนัก เข็มเงินของมู่จิ่
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ป่วยอะไรเลย" มู่จิ่วซีพูดด้วยเสียงเบาโม่จุนกล่าวอย่างตกตะลึง : "เจ้ามั่นใจ?""แน่นอน ถ้าหากข้าพูดไป จิ้งจอกม่วงจะต้องไม่เชื่อแน่ แต่ถ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่ได้กำลังภายในวิถีจิตเฟิงเหยียนหยูเฟยมาครอง" แววตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีล้วนเป็นความลังเล"ผ้หญิงคนนี้ทำไมถึงต้องแกล้งป่วยด้วย?" ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็ยิ่งจริงจังขึ้นมา"ฝีมือสูงมาก" มู่จิ่วซีก็บอกถึงเรื่องกำลังภายในของนางที่สามารถควบคุมลมปราณในการอุดหลอดเลือดได้ตามใจ"มีความสามารถแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?" โม่จุนตกใจอย่างมาก "ดูเหมือนวิถีจิตกำลังภายในของผูหญิงคนนี้คงจะพิเศษมาก บางทีอาจเป็นวิชามาร ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของจิ้งจอกม่วงรึ?""แน่นอนว่าไม่ใช่" มู่จิ่วซีส่ายหัว"ถ้าไม่ใช่ งั้นการแกล้งป่วยเพื่ออยู่ข้างกายของจิ้งจอกม่วงแบบนี้ เกรงว่าคงจะชอบเขาสินะ" โม่จุนวิเคราะห์กล่าวออกมามู่จิ่วซีก็ฉุกคิดนึกถึงตอนที่นางพูดว่าความงามของนางคือสิ่งที่สั่นคลอนหัวใจของชายหนุ่มได้ในตอนนั้น อาจื่อและเสี่ยวหลันก็มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันทีดูเหมือนโม่จุนจะคาดเดาถูกผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยากอยู่ห่างกายจิ้งจอกม่วง ถ้าไม่แกล้งป่วย จ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันไปมองมู่จิ่วซีและกล่าวออกมา : "ฐานะของอาจื่อกับอาการป่วยเกี่ยวข้องกันงั้นรึ?"มู่จิ่วซีมองเห็นความไม่พอใจนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา นางเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยตอบ : "เกี่ยวข้อง นี่เป็นส่วนในการตัดสินใจของข้าว่าจะอยากรักษานางหรือไม่""เจ้าไม่อยากได้วิถีจิตกำลังภายในและทองคำ 10,000 ตำลึงแล้วหรือไง?""วิญญูชนต้องการเงินทองทรัพย์สิน ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง" มู่จิ่วซีสองมือกอดอก "พูดมาตามตรง อาจื่อคนนี้ข้าก็ไม่ค่อยชอบนัก แม้ว่าจะรูปลักษณ์งดงามมากก็ตาม"ฮั้วอวิ๋นเทียนตกใจและหันไปมองใบหน้าที่สวยงามและโอหังของมู่จิ่วซี : "ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบอาจื่อ?""เพราะว่าอาการโรคหัวใจของนางไม่ได้รุนแรงมากขนาดอย่างที่เห็นภายนอก นางเสแสร้งเกินจริงมากไป"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ในใจของโม่จุนถึงกับยอมรับนาง ผู้หญิงคนนี้มีกลยุทธิ์อย่างมาก แฝงเรื่องจริงในเรื่องโกหก แฝงเรื่องโกหกเอาไว้ในเรื่องจริง นี่ยิ่งทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนเชื่อนางมากขึ้นสีหน้าของฮั้วอวิ๋นเทียนเปลี่ยนไป จากนั้นก็พูดขึ้นมา : "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง?""ความหมายก็ตรงตามตัวอักษร โรคหัวใจ ตอนที่อาการยังไม่กำเริบก็จะเหมือนกับคน
โม่จุนเอ่ยปากพูด : "นี่เป็นปัญหาที่ยากจริงๆ เจ้าสำนักฮั้วไม่มีทางให้เฟิงเหยียนหยูเฟยกับเจ้าโดยที่ไม่เห็นผลลัพธ์ของเจ้าก่อน แต่ถ้าไม่มีกำลังภายใน เจ้าเองก็ไม่มีทางที่จะรักษาแม่หญิงอาจื่อได้ นี่ก็คือทางตัน"มู่จิ่วซียักใหล่และมองไปที่ฮั้วอวิ๋นเทียนและกล่าวออกมา : "นอกจากเจ้าจะไว้ใจข้า เอาวิถีจิตกำลังภายในมาให้ข้าก่อนและรอจนกว่ากำลังภายในข้าจะเพิ่มขึ้น ข้าก็จะสามารถช่วยแม่หญิงอาจื่อได้"สีหน้าของฮั้วอวิ๋นเทียนก็ขมวดเข้มขึ้นและมองไปที่นาง จากนั้นก็มองไปที่โม่จุน"เจ้ากลัวว่าข้าจะรักษาอาจื่อไม่หายและเสียเฟิงเหยียนหยูเฟยของเจ้าไปโดยประโยชน์สินะ? อันที่จริงเจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักของหอดาราจันทรา จะไปมีอะไรให้ต้องกลัว? มากสุดข้าก็แค่รักษานางไม่หาย เจ้าก็เอากำลังภายในของข้าคืนไปก็จบแล้ว"มู่จิ่วซีให้คำแนะนำเขา"งั้นเจ้าก็คงรู้ว่าถ้าเจ้าหรอกข้าจะมีผลลัพธ์อะไรตามมา?" จู่ๆ บรรยากาศรอบตัวของฮั้วอวิ๋นเทียนก็ดำทะมึนขึ้นมาพร้อมกับแฝงไปด้วยกลิ่นอายความกระหายเลือดยามค่ำคืนกลิ่นนี้ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกคุ้นเคยมาก ในใจก็คิดว่าในมือของผู้ชายคนนี้มีชีวิตของผู้คนอยู่ไม่น้อยทันใดนั้นรอบกายของโม่จุนก็แผ่ซ่า
ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ค่อยกล้าอยากจะเชื่อ แต่ท่าทีที่นิ่งสงบและมั่นใจของมู่จิ่วซีทำให้เขารู้สึกว่ามู่จิ่วซีไม่ได้หรอกเขา อีกอย่างนางก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องหลอกเขาถึงอย่างไรนางและอาจื่อก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน จรรยาบรรณแพทย์ของนางตรงจุดนี้เลยทำให้เขาเชื่อมู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่มู่ ข้าเชื่อเจ้า ข้าจะให้วิชายุทธส่วนแรกของเฟิงเหยียนหยูเฟยแก่เจ้าก่อน" คำพูดของฮั้วอวิ๋นเทียนทำให้มู่จิ่วซีตะลึงไปนางรีบหันไปมองโม่จุน โม่จุนก็พยักหน้าและพูดออกมา : "วิถีจิตกำลังภายในโดยปกติจะแบ่งออกเป็นสามส่วน มีคนมากมายที่ไม่จำเป็นต้องเรียนไปถึงส่วนที่สาม เจ้าเพิ่งเริ่มต้น เรียนส่วนแรกก็พอ"มู่จิ่วซีพยักหน้า : "ได้ งั้นก็ส่วนแรกก่อน"ฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปที่นางแะกล่าว : "งั้นเจ้าจะให้คำยืนยันกับข้าสักคำได้ไหม ว่าเจ้าจะเรียนถึงขั้นไหนถึงจะสามารถช่วยรักษาอาการอาจื่อได้?"มู่จิ่วซีเผยสีหน้าขมขื่นขึ้นมา จากนั้นก็มองไปที่โม่จุนโม่จุนขมวดคิ้วและพูด : "ตอนนี้ยังไม่รู้ว่านางสามารถฝึกฝนเรียนรู้ได้เร็วแค่ไหน แต่ว่าหากพูดตามปกติแล้ววิชายุทธส่วนแรกจะค่อนข้างง่าย ข้ารู้สึกว่าเวลาแค่สามเดือนนางก็คงจะเรียนรู้ทั้งหมดได
มู่จิ่วซีถูกคำพูดของมู่จิ่วซีแทงใจดำจนเลือดไหล ต้องโทษเขาเองที่ปากเสียถึงได้ไปบอกว่าจะให้เงินนาง 10,000 ตำลึงทองมู่จิ่วซีเหลือบมองโม่จุนครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังขมวดบึ้งตึงของฮั้วอวิ๋นเทียนและยิ้มกล่าวออกมา : "แต่ว่าเจ้าเองคงไม่สบายใจแน่ๆ งั้นข้าเดิมพันแข่งขันกับเจ้าหน่อยเป็นไง?""ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจว่าข้าจะรู้เรื่องของพวกไส้ศึกนี้?" ฮั้วอวิ๋นเทียนแทบอยากจะหัวเราะและร้องไห้ออกมา"ถ้าเจ้าไม่รู้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว ข้ามั่นใจในความสามารถของเจ้า" สี่คำสุดท้ายของมู่จิ่วซีที่พูดไปทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่มีโอกาสให้ได้ขัดขืน"ได้ งั้นเจ้าจะเดิมพันแข่งขันอะไร? ทักษะฉิน ?" ฮั้วอวิ๋นเทียนผ่อนคลายลงมา"ทักษะฉินเจ้าเคยแพ้ให้ข้าแล้ว แต่ให้ข้าชนะอีกเจ้าเองก็จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น งั้นพวกเราแข่งเขียนอักษรล่ะ เป็นไง?"มู่จิ่วซียิ้มจนตาพริ้มพร้อมกับเอียงคอ ไม่ว่าจะดูยังไงก็ดูเฉลียวฉลาดน่ารัก"ทักษะฉินของเจ้าชนะเจ้าสำนักฮั้ว?" ทันใดนั้นโม่จุนก็ตกใจและหันไปมองมู่จิ่วซี เขารู้ว่าเพลงของเจ้าสำนักหอดาราจันทราอย่าง "เฟิงชิวฮวง" ซึ่งเคยทำให้ทั้งหกอาณาจักรประหลาด
มู่จิ่วซียิ้มขึ้นในฉับพลันและยื่นแบมือสีขาวนวลละอออันละเอียดอ่อนออกไปข้างหนึ่งฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปที่มือของนางแล้วก็ยิ้ม จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปจับกับมือของนางครู่หนึ่งโม่จุนมองพวกเขาจับมือกันก็นึกมู่จิ่วซีเมื่อก่อนที่ทำกับเขาเช่นนี้เหมือนกัน ทันใดนั้นในใจก็มีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างหนึ่งขึ้นมา"เดี๋ยวข้าให้คนไปเอาพู่กันกับหมึกมาให้" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"ไม่จำเป็น แค่เขียนอักษร ไม่จำเป็นต้องพิธีการขนาดนั้น เราใช้แค่กิ่งไม้เขียนบนพื้นก็พอ แบบนี้ก็จะยิ่งสะท้อนทักษะการระดับการเขียนให้มากยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือไง?"ใบหน้าที่งดงามของมู่จิ่วซีก็หันไปมองฮั้วอวิ๋นเทียนฮั้วอวิ๋นเทียนผงะไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็คิดอยู่พักหนึ่งและเห็นด้วยและยิ้มกล่าวออกมาในทันที : "ได้ แบบนี้ก็ยิ่งน่าสนใจกว่าเหมือนกัน?"ทั้งสองคนรีบเดินมาที่ต้นมาต้นหนึ่งในเรือน ฮั้วอวิ๋นเทียนก็เด็ดกิ่งไม้ออกมาสองกิ่ง โดยกิ่งหนึ่งมอบให้มู่จิ่วซี"จิ่วซี" โม่จุนเดินมาอยู่ตรงหน้ามู่จิ่วซีและกล่าวด้วยเสียงทุ้ม "เจ้าทำได้จริงๆ เหรอ? หรือว่าให้ข้าแข่งกับเขาจะดีกว่า"โม่จุนคิดว่าข้อมูลข่าวกรองของไส้ศึกพวกนี้สำคัญมาก ถ้าหากมู่จิ่วซีแพ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่