โม่จุนและอัครมหาเสนาบดีไป๋ก็มองหน้ากัน ทั้งสองหันไปมองมู่จิ่วซีตอนนี้มู่จิ่วซีได้นั่งลงมา เงียบสนิทและกำลังคิดอะไรอยู่แต่โม่จุนและอัครมหาเสนาบดีไป๋กลับรู้ใจและไม่ได้เอ่ยปากพูดขัดจังหวะความคิดของนางประโยคนี้ของนาง ทำให้รู้ว่านางกำลังจะต้องกาวิธีทำอย่างไรถึงจะทำให้มีเครื่องมือที่ดีพร้อมผ่านไปสักพักมู่จิ่วซีก็เงยหน้าขึ้นมาและกล่าว : "ตอนนี้อาวุธของทหารในสนามรบคืออะไร?""ดาบกระบี่ หอก เกราะ ธนูหน้่ไม้และเครื่องยิงหิน พวกขวดน้ำมันเพลิง..." โม่จุนรีบพูดขึ้นมา "โดยพื้นฐานแล้วคือศาสตร์การใช้กำลังพลที่มากกว่าและรูปแบบทัพ แต่ถ้าหากจำนวนคนในทัพแตกต่างมากเกินไป ก็แทบจะไม่มีทางชนะได้เลย"มู่จิ่วซีก็กล่าวอย่างตกใจ : "ไม่มีปืนใหญ่หรอ?""ปืนใหญ่? อะไรคือปืนใหญ่?" โม่จุนกล่าวอย่างตกใจ"ปืนใหญ่ ก็คืออาวุธซึ่งมีอำนาจทำลายล้างมากกว่าขวดน้ำมันเพลิง ระยะก็สามารถยิงได้ไกลกว่ามาก ปืนใหญ่แค่ 1 กระสุน ส่งผลกระทบเป็นรัศมีได้หลาย 10 เมตร" มู่จิ่วซีก็กล่าวอย่างคนหัวโบราณโม่จุนก็ตกใจ อัครมหาเสนาบดีไป๋ก็ถลึงตาโตพร้อมกับพูด : "มีอาวุธแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?"มุมปากของมู่จิ่วซีก็กระตุกขึ้นมา ไม่คาดคิดว่ายุค
กรมพระราชวังนครบาลส่งมา 4 คนเพื่อรับจ้วงชิงเหมย พอรวมกับคนองครักษ์ของจวนอัครมหาเสนาบดีอีก 4 คนก็มีทั้งหมด 8 คนคอยคุ้มกันรถม้าแต่ก่อนจะออกไป มู่จิ่วซีก็ยัดก้อนผ้าเข้าไปในปากของจ้วงชิงเหมย จากนั้นก็ลากนางเข้ามาในรถม้าเล็กๆ ของตนเองในความมืด มู่จิ่วซีได้สั่งให้จี๋เฟิงพากลุ่มของทหารมังกรดำคอยดักเส้นตามเส้นทางสำคัญที่ผ่านไปตลอดทางส่วนนางเอง จ้วงชิงเหมยและเย่ฮานทั้งสามคนก็นั่งอยู่ในรถม้าธรรมดา และให้คนขับรถม้าธรรมดาขับออกไป พร้อมกับให้ขับตามหลังรถม้าซึ่งไม่ได้มีจ้วงชิงเหมยอยู่ด้านใน แต่กลับเป็นทหารมังกรดำคนหนึ่งแทนเพราะกรมพระราชวังนครบาลออกจากจวนอัครมหาเสนาบดีมาได้สักระยะ จะต้องผ่านเส้นทางขนาดใหญ่ไม่น้อย อีกทั้งยังต้องผ่านศูนย์กลางการค้า ผู้คนก็มีจำนวนไม่น้อย ดังนั้นความเร็วการเคลื่อนที่จึงค่อยๆ ช้าลงมู่จิ่วซีหลับตาพักสมองมาตลอดทาง ส่วนเย่ฮานกลับกังวลอย่างมาก จ้วงชิงเหมยก็ถูกมัดไพล่หลังรั้งคอพร้อมกับอุดปากเอาไว้ นางถลึงตามองมู่จิ่วซีอย่างโกรธแค้นหากสายตานั้นฆ่าคนได้ มู่จิ่วซีคงถูกฆ่านับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว"คุณหนูใหญ่ จะมีคนมาช่วยจ้วงชิงเหมยจริงๆ งั้นเหรอขอรับ?" เย่ฮานรู้สึกว่ามัน
หวางชิวได้ตัดแส้ของนางจนขาด แต่เนื่องจากระยะที่ใกล้กันเกินไป เขาเลยถูกกรีดที่ไหล่ เขาตีลังกาหลบกลับหลังไปแล้ว แต่กริชชิงหลงช่างคมเกินไป ดังนั้นเลยทำให้เขาบาดเจ็บนั่นเลยทำให้เขาหวาดกลัวในใจ แต่มู่จิ่วซีก็ไม่ได้ให้เวลาเขาได้คิด นางได้กระโจนเข้ามาหาอีกครั้งแล้วกริชและดาบสั้นก็ปะทะเข้าด้วยกัน จากนั้นหวางชิวก็ต้องคร่ำครวญอีกครั้ง เพราะดาบสั้นของเขาถูกกริชชิงหลงฟันจนแตกหวางชิวก็เอาดาบสั้นอีกครึ่งหนึ่งแมงไปที่มู่จิ่วซีมู่จิ่วซีไม่ได้ถอยกลับ นางเพียงแค่เอี้ยวหัวหลบ ส่วนหวางชิวก็คิดจะอาศัยจังหวะนี้หลบหนี แต่ไม่คาดคิดว่าความเร็วของมู่จิ่วซีจะยังเร็วกว่าเขาความรู้สึกอันตรายเบื้องหลังทำให้หวางชิวแทบจะต้องเรียกสติกลับมา เขาใช้กำลังภายในทั้งหมดชกเข้าหามู่จิ่วซีมู่จิ่วซีได้โยกย้ายกำลังภายในของเฟิงเหยียนหยูเฟยมาทั้งหมด แต่นางก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันของหมัดที่พุ่งเข้ามา ทำให้นางยากที่รุกคืบหน้า กริชชิงหลงเลยถูกยกขึ้นเพื่อพยายามจะกรีดแทงหมัดนั้นที่กำลังพุ่งเข้ามาแต่หวางชิวก็ได้รู้ถึงความคมของกริชชิงหลงนั้นแล้ว เขาจะกล้าไปแตะต้องซะที่ไหน เขากลับหดหมัดนั้นกลับไป ขาของเขาก็ลอยเตะเข้ามาแทนไปยังต
"คุณหนูใหญ่" จี๋เฟิงเสียขวัญจนรีบตะโกนเรียกเสียงดัง ทั้งตัวของเขารีบพุ่งกระโจนเข้าไปหาแต่ทว่าตอนนี้หวางชิวแทบไม่ได้สนใจจี๋เฟิง เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่รอด งั้นก่อนจะตายก็จะต้องลากศัตรูคนสำคัญขององค์กรอย่างมู่จิ่วซีตายตามไปด้วยมู่จิ่วซีหัวเราะเยาะเย้ยและมองหวางชิวที่กระโจนเข้ามาหา นางถอยออกไปทันที จากนั้นก็ดีดเข็มเข็มเล่มหนึ่งไปยังตรงเข่าของเขาอย่างไร้ซุ่มเสียงหวางชิวยังไม่ทันจะกระโจนเข้าหามู่จิ่วซี เขาก็กลับล้มเองเสียก่อน พอเข่าซ้ายคงเขาแตะพื้น ความเจ็บปวดตรงเข่าก็ปวดร้าวขึ้นกระทันหัน จากนั้นทั้งตัวของเขาก็เหมือนม้าที่ขาหักไปข้างและล้มกระแทกกับพื้นจนไถลไปกับพื้นข้างหน้าอีกหลายเมตรส่วนจี๋เฟิงทางด้านหลังก็ได้กระโจนเข้ามา หมัดกำปั้นก็ได้กระแทกไปที่หัวของหวางชิวหวางชิวก็คิดว่าควรจะกัดพิษปลิดชีพตัวเองดีไหม แต่จู่ๆ ก็รู้สึกปวดและมึนที่หัว เขาก็ได้สลบไปในทันทีมู่จิ่วซีรีบตามเข้ามาและจับง้างปากเขาออกเพื่อควักถอนเอาพิษตรงฟันออกมานางหันไปรอบๆ อีกครั้งล้วนเต็มไปด้วยเลือดที่นองพื้น และยังมีพวกชุดดำกำลังสู้รบอยู่ พอพวกเขาเห็นพี่ใหญ่หมดสติตายไปแล้ว พวกเขาก็ตื่นตระหนก บนร่างกายพวกเขาก็มี
ทันใดนั้นทหารมังกรดำกล้วนดีใจตะโกนกล่าวออกมา: "ขอบคุณคุณหนูใหญ่" จากนั้นก็ตามจี๋เฟิงกลับไป พวกเขาออกมาปฏิบัติภารกิจครั้งแรกก็ยังมีรางวัลอื่นให้อีก ล้วนดีใจกันมาก การบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าคุ้มค่า"พี่ใหญ่จี๋เฟิง หลังจากนี้ขอติดตามคุณหนูใหญ่มู่ได้ไหม" มีคนถามขึ้นมาจี๋เฟิงก็กล่าวอย่างอารมณ์เสีย : "เจ้าฝันหวานเกินไป ขนาดข้ายังอยากติดตามคุณหนูใหญ่มู่เลย แต่ท่านอ๋องบอกไว้ให้ร่ำเรียนสิ่งที่คุณหนูใหญ่มู่สอน เมื่อถึงระดับระดับมาตรฐานที่นางต้องการคัดเลือกแล้ว คุณหนูใหญ่มู่ก็ถึงจะคัดเลือกเข้ามา""หา แบบนี้หลิวฮั่วกับเหอเฟิงสองคนนั้นก็เอาเปรียบน่ะสิ" มีคนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ"รอพวกเขากลับมาจากภารกิจนี้แล้วก็ต้องเพิ่มการฝึกฝน พวกเจ้าก็ขยันหน่อยเถอะ อย่าให้คุณหนูใหญ่มู่ในตอนท้ายต้องเลือกกลุ่มอื่นล่ะ แบบนั้นจะขายหน้ามาก" จี๋เฟิงก็รีบพูดขึ้นมา"ครับ! พวกเราจะตั้งใจพยายามแน่นอน" ทหารมังกรดำต่างล้วนหึกเหิม พวกเขาตอนนี้ล้วนเห้นมู่จิ่วซีเหมือนกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว ถึงขนาดนั้นชื่นชอบคุณหนูใหญ่มู่มากกว่าถึงอย่างไรท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ชอบทำหน้าเย็นชาเหมือนโลงผุ เคร่งขรึมยิ่งกว่าอะไร พ
เย่อู่เหิงพอเห็นมู่จิ่วซีก็ตาลุกวาวเหมือนพระจันทร์เต็มดวง แต่ทว่าทันใดนั้นก็ปรากฎความเขินอายออกมา พอนึกถึงเรื่องในคืนนั้นตอนที่ตัวเองพูดต่อหน้าทุกคนว่าชอบมู่จิ่วซี ก็ไม่รู้ว่านางได้รู้แล้วหรือยัง?"ซีเอ๋อร์ เจ้ามาได้พอดีเลย พวกเจ้าคุยกันไปก่อน พ่อจะไปกรมกลาโหมสักหน่อย" มู่เทียนซิงพอเห้นมู่จิ่วซีกลับมาก็รีบหันกลับวิ่งไปทันทีมุมปากของมู่จิ่วซีก็ยิ้มกระตุกขึ้นมา : "อู่เหิง พวกเราทานไปคุยไปดีกว่าไหม?"เย่อู๋เหิงก็ตอบกลับอย่างเขินอาย : "คือ คงจะไม่ดีหรอกกระมัง?""มีอะไรตรงไหนไม่ดี ไปกันเถอะ" มู่จิ่วซีก้พาเย่อู่เหิงไปยังห้องอาหารของจวนแม่ทัพทั้งสองคนนั่งหันหน้าชนกัน เหล่าคนรับก็ทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟให้"จิ่วซี ได้ยินมาว่าเจ้าจับหวางชิวได้งั้นเหรอ?" เย่อู๋เหิงได้ยินมาเมื่อตอนบ่าย"ใช่ ร่วมมือกับทหารมังกรดำจับมาได้ ยังดีที่เขาไม่ตาย" มู่จิ่วซียังคงดีใจอยู่เลย"เจ้าเก่งกาจจริงๆ ขนาดนี้เจ้ายังคาดเดาได้ แล้วยังจับเป็นเขาได้อีก เกรงว่าต่อให่หวางชิวกัดยาพิษ เจ้าเองก็คงคาดการณ์ไว้แล้ว" เย่อู่เหิงหัวเราะยิ้มแย้มขึ้นมา"แน่นอนอยู่แล้ว หวางชิวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา จากปากคำของจ้วงชิงเหมย รู้สึกว
ถึงอย่างไรก็ทำให้เฟิ่งหล่าวคนหกคุ้มคลั่งได้ และก็สามารถให้จักรพรรดิมีข้ออ้างในการคุกคามชายแดนของแคว้นเกาอวิ๋นมู่จิ่วซีรู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน ดูเหมือนเซียวหลิงเย่ว์จะไม่ได้พูดความจริง"อู่เหิง เรื่องนี้เจ้าห้ามคุยกับใครทั้งนั้น ที่แท้เซียวหลิงเย่ว์ก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์" มู่จิ่วซีต้องการจะฉีกโฉมหน้าแท้จริงของนางออกมาไม่งั้นโม่จุนคงจะคิดว่านางเองอคติกับเซียวหลิงเย่ว์ เอาแต่ทำรายชื่อเสียงของเซียวหลิงเย่ว์เย่อู่เหิงพยักหน้า จากนั้นก็กล่าว : "แคว้นเป่ยจิ้นต้องการทำสงครามงั้นรึ? ข้าเห็นว่าท่านพ่อเจ้าวิตกกังวลมาก""ไม่มีทาง แคว้นเป่ยจิ้นก็แค่วางมาดใหญ่โตตบตาคนอื่นก็เท่านั้น" มู่จิ่วซียิ้วกล่าว "เจ้าวางใจเถอะ อ้อ ใช่แล้ว ทางด้านเจ้ามีอะไรน่าสงสัยไหม"เย่อู่เหิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามขึ้นมา : "ไม่ได้มีเรื่องอะไรพิเศษ จับกุมไส้ศึกไม่จำเป็นต้องถึงศาลต้าหลี่ พวกเราก็แค่ช่วยได้ก็ช่วยเท่านั้น ที่เจ้าบอกให้ข้าหาคนระดับสูง โดยพื้นฐานก็อยู่ภายในค่ายทหาร ที่เหลือก็คือท่านผู้สำเร็จราชการแทนและใต้เท้าโจวเหยาพวกนี้ พวกคนหนุ่มมีอายุน้อย แต่ว่าข้ากำลังไล่ตรวจสอบ"มู่จิ่วซีพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล
แน่นอนมู่จิ่วซีจะไม่ยอมเปิดเผยว่าของน่าสนุกๆ คืออะไร เย่อู่เหิงก็กลับพร้อมกับหัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ พร้อมกับเฝ้ารอมื้ออาหารกลางวันในวันพรุ่งนี้พอนึกถึงโม่จุนและฮั้วอวิ๋นเทียน เขาก็รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา สองคนนั้นต่างหากที่เป็นตัวละครหลัก ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะมาหรือไม่มู่จิ่วซีหลังจากกำหนดเรียบร้อยแล้วก็เรียกชิงเฟิงเข้ามา นางเขียนจดหมายเชิญสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้ไปส่งโม่จุน อีกฉบับแน่นอนว่าให้ไปส่งที่หอดาราจันทราจากนั้นนางก็กลับไปที่เรือนเพื่อจัดการข้าวของต่างๆ"คุณหนู ท่านกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?" ลู่เอ๋อร์เห็นคุณหนูของนางเองเดี๋ยวก็ทำท่อนไม้ เดี๋ยกว็ไปทำเหล็กเส้น ดูแล้วเหมือนกับกำลังยุ่งวุ่นวาย รู้สึกราวกับว่าคุณหนูกำลังจะเอาใช้ทำอะไรกับศพอีกแล้วลู่เอ๋อร์ตั้งแต่ได้ยินว่าคุณหนูชนะการแข่งประลองเย็บปักถักร้อยของสองแคว้นในรายการแรกเพราะว่านางนั้นเย็บศพมา นางก็หวาดกลัวในใจ เอาแต่คิดว่าทุกครั้งที่คุณหนูไม่ได้พานางออกไปด้วย นางคงไปช่วยงานที่ป่าช้าใช่ไหม?พอภาพจิตนาการเริ่มชัดเจน ก็ทำให้ลู่เอ๋อร์เริ่มเอาแต่คิดว่ามู่จิ่วซีทำแต่ของแปลกๆ ในใจของนางเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน"แน่นอนว่ามันคือของน่าสนุก
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่