"โม่จุน ในหัวเจ้าเจ้าคิดอัปมงคลอะไรอีก!" มู่จิ่วซีพอเห็นเขาเล่นหูเล่นตามองตรงมาที่นาง ใบหน้างดงามของนางก็แดงฉานอย่างไม่ต้องสงสัย ทันใดนั้นก็หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ตัวเองเผยส่วนสำคัญออกมาให้เขาเห็นโม่จุนได้สติกลับมาทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นชามากขึ้น : "มู่จิ่วซี เจ้าจะมีศักดิ์ศรีสักหน่อยได้ไหม อย่าว่าแต่เจ้าตอนนี้เป็นบ่าวรับใช้ข้า ตัวตนฐานนะของข้า เจ้าเมื่อพบข้าก็ต้องเคารพ!"โม่จุนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ถูกตามใจจนเสียนิสัยหลายครั้งนับไม่ถ้วยที่หน้าไม่เคยไว้หน้าท่านผู้สำเร็จราชการแทนอย่างเขามู่จิ่วซีตกใจ นางลืมเรื่องหอโม่ช่างเหวินไปสนิทเลย"แค่กๆๆ บ่าวมู่จิ่วซีถวายบังคมท่านผู้สำเร็จราชการแทนเพค่ะ""ไม่เป็นไร ตามข้าไปหาพระพันปีหลวงเพื่อทานพระกระยาหารเช้า" โม่จุนพอเห็นนางสำรวมมารยาท ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตนเองประสบความสำเร็จผู้หญิงคนนี้ชอบเงิน นี่คือจุดอ่อนของนาง"เพค่ะ บ่าวน้อมรับพระบัญชา" มู่จิ่วซีจีบปากจีบคอกล่าวออกมา ฟังยังไงก็เหมือนกับพูดเหน็บแนม"เอาล่ะ ถ้าจะเสแสร้งก็ให้มันเนียนหน่อย" โม่จุนขนลุกชันกับคำพูดคำจาของนาง"โม่จุน เจ้าอย่าให้มันมากไปนัก นี่ก็ไม่ได้
โม่จุนก็รีบน้อมทักทายและกล่าว : "ข้าเองก็ไม่ได้ว่านางอะไร นางทำไมต้องร้องไห้ด้วย?""เจ้ายังจะมีหน้ามาถามอีก ซีเอ๋อร์บอกว่าเจ้าโทษนางไม่รู้จักขอบเขต ชนะการประลองแล้วไม่ควรจะเอาของเดิมพันมาเป็นของตัวเอง จะต้องมอบออกมา เจ้าเปนคนพูดใช่ไหม?""กระแอ่มๆๆ ความหมายของข้าคือนางใช่ว่าจะชนะอย่างแน่นอน ข้าไม่ได้หมายความอย่างอื่น" โม่จุนกระวนกระวายใจ เลยขาดความสุขุมพอเห็นมู่จิ่วซีร้องไห้จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี : "มู่จิ่วซี เจ้าเสียใจขนาดนั้นเลยหรอ ข้าก็แค่พูดไม่กี่ประโยคเอง""โม่จุน เจ้าจะพูดกับซีเอ๋อร์แบบนี้ได้ยังไง ซีเอ๋อร์โดดเด่นขนาดนี้ ชนะการประลอง นางอยากได้ของรางวัลนิดหน่อยจะทำไม? นางทำชื่อเสียงให้กับแคว้นเกาอวิ๋น เจ้าต้องการทำให้ซีเอ๋อร์น้อยใจใช่ไหม? เจ้าดูสิเจ้าทำเอาซีเอ๋อร์น้อยใจแล้ว!"โม่จุนตกตะลึงในสายตา มู่จิ่วซีร้องไห้เพราะแค่นี้ มันจะขนาดนั้นเลยจริงๆ หรอ?"ซีเอ๋อร์ อย่าร้องเลย พระพันปีหลวงสั่งสอนเขาแล้ว เขาน่ะ พักนี้เองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงมักจะขาดการบันยะบันยัง ไม่มีแม้แต่ความสุขุม" พระพันปีหลวงทรงปลอบมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีก็ปาดเช็ดน้ำตา หันมองโม่จุน"พระพันปีหลวง ข้ากลับไปจ
มู่จิ่วซีขณะที่ร้องไห้ก็ก้มหน้าปาดเช็ดน้ำตาไอผู้ชายชาติหมา ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้!มู่จิ่วซีหลังจากถูกทำให้โมโห นางก็คิดถึงการสั่งสอนผู้ชายตัวแสบคนนี้ ดังนั้นพอนางเห็นพระพันปีหลวงก็เริ่มแสดงเสแสร้ง"มู่จิ่วซี เจ้าอย่าพูดจามั่วซั่ว ข้าแค่ไปดูว่าเจ้าดื่มจนเมาแล้วหรือไม่ ไม่ได้ทำอนาจารเจ้า" ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนแดงฉานจนผิดปกติ"ไม่ได้ทำ? ไม่ได้ทำแล้วเจ้าหน้าแดงทำไม เจ้า เจ้าได้เห็น...ฮือ...ข้าอยากตาย" มู่จิ่วซีร้องไห้จนจะเป็นจะตายพระพันปีหลวงพอได้ยินก็อกสั่นขวัญแขวน โม่จุนไปเห็นอะไรเข้ากันแน่?โม่จุนพริบตาก็หูแดงขึ้นมา ทำตัวเหมือนวัวสันหลังหวะ ข้าไม่กล้าจะแก้ตัวอีกแล้วจริงๆ เพราะกลัวว่ามู่จิ่วซีจะพูดอะไรที่กล้าหาญมากกว่านี้ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงไม่ได้สนใจชื่อเสียงของตัวเองเลย"พระพันปีหลวง ข้าไม่ได้ทำจริงๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านฟังข้าอธิบายก่อน" โม่จุนได้แต่ขอร้อง"อธิบายอะไร โม่จุน ข้าขอบอกเจ้าไว้ ถ้าเจ้าไม่ปลอบซีเอ๋อร์ให้ดี หลังจากนี้ก็อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!" พระพันปีหลวงตรัสอย่างอารมร์เสียโม่จุนก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขามองมู่จิ่วซีและคิดอยู่พักหนึ่งพร้อมกับกล่าว : "จิ่วซ
โม่จุนหยุดฝีเท้าลงพร้อมกับหันกลับมามองไปที่มู่จิ่วซีเขารู้สึกตัวเองถูกมู่จิ่วซียั่วโมโหจนอยากจะตายอยู่แล้ว"เจ้าเมื่อครู่นี้จงใจทำต่อหน้าพระพันปีหลวงใช่ไหม?""จงใจแล้วยังไง โม่จุน เจ้าเองก็เอาเปรียบข้า ข้าก็เอาหอโม่ช่างเหวินเอาเปรียบเจ้าคืน" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองไปที่เขาโม่จุนเรียกได้ว่าโมโหมาก ผู้หยิงคนนี้ที่แท้ก็เจ้าคิดเจ้าแค้นทุกเรื่อง"เอาเปรียบ ข้าเอาเปรียบตรงไหน คงไม่ใช่เพราะเห็นอะไรจนอุจาดลูกตาหรอกใช่ไหม?" โม่จุนกล่าวยึดมั่นในตนเองอย่างมากมู่จิ่วซีถลึงตาจ้องเขม็งมองเขาและกัดฟันพูดขึ้นมา : "เจ้าพูดอะไร?"โม่จุนก็ส่งเสียงไม่พอใจและหันหลังกลับเดินจากไป"ไอผู้ชายชาติหมา!" มู่จิ่วซีโกรธไม่เบา ทันใดนั้นก็กร่นด่าออกมาโม่จุนหันควับกลับมาในทันที จากนั้นก็คว้ามู่จิ่วซีไว้ด้วยแขนข้างเดียวมู่จิ่วซีก็โกรธพร้อมไปข้างหน้าโดยไม่ถอย นางเอี้ยวศีรษะหลมจนโม่จุนก็ได้แต่คว้าอากาศ หมัดของนางกระแทกเข้ากับท้องของโม่จุนโม่จุนจะยอมให้นางต่อยง่ายๆ ได้ยังไงกัน เขารีบเอี้ยวตัวหลบ และใช้เท้าเตะออกไปในทันทีมู่จิ่วซีก็ยกเท้าเตะออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน สองแข้งได้ฟาดปะทะกันทันใดนั้นทั้งสองคนก็
"ถ้าข้าไม่ปลดผนึกลมปราณทั้งสองสาย ข้าจะชนะยิงธนู 100 เมตรได้ยังไง!" มู่จิ่วซีกล่าว "โม่จุน ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าถูก 6 คนไล่ฆ่า เจ้าหลอกข้าใช่ไหม?"โม่จุนตกตะลึง จากนั้นเขาก็ผลักออกด้วยพละกำลัง : "เจ้ารู้ได้ยังไง?""ที่แท้เจ้าก็ปิดบังข้า ดูจากพลังของเจ้าในตอนนี้ อย่าแต่ 6 คนเลย ต่อให้ 16 คนก็ยังไม่ใช่คู่มือของเจ้า!"มู่จิ่วซีกล่าวอย่างเย็นชา"ดูเหมือนว่าเจ้าจะฉลาดจริง ไม่เคยปกปิดอะไรเจ้าได้" หลังจากโม่จุนต่อสู้ไป 1 กระบวนท่า เขาก็ได้ระบายความโกรธไปไม่น้อย "เดินไปคุยไปแล้วกัน"มู่จิ่วซีปัดไปบนเสื้อผ้าของนาง จากนั้นก็เดินเคียงไหล่กับโม่จุนองครักษ์ที่หน้าประตูวังก็อ้าปากค้าง"สู้กันเสร็จแล้ว?""ใครชนะล่ะ?""ไปทั้งแบบนี้เนี่ยนะ? ทำไมดูไม่เห็นเหมือนโกรธโมโหกันเลย""ไม่เข้าใจเลยจริงๆ""ถ้าเจ้าเข้าใจ ป่านนี้จะยังได้มาเป็นองครักษ์หรือไง?""ที่แท้ก็เป็นคนเก่งกาจ ทำงานล้วนเหนือความคาดหมาย""อันที่จริวท่านผู้สำเร็จราชการแทนและคุณหนูใหญ่มู่ก็เหมาะสมกันมาก""ข้าว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่ก็เร็วจะต้องเสียใจที่ถอนหมั้น!""พวกเรามาพนันกันไหมล่ะ ข้าพนันว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะต้อง
โม่จุนและมู่จิ่วซีพอมาถึงหน้าประตูใหญ่ก็เห็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งเหงื่อเต็มหน้ารออยู่พอเห็นโม่จุนออกมา ทันใดนั้นนางก็ล้มคุกเข่าและกล่าวอย่างร้อนรน : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ขอร้องท่านช่วยพระชายาสามด้วย""นางอยู่ไหน?" โม่จุนถาม"โรงแพทย์หย่งอาน""เกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่?" โม่จุนโบกมือเรียกอานเย่ให้เตรียมรถม้า"ประมาณยามสามเจ้าคะ" บ่าวรับใช้กล่าว (ยามสาม เวลาประมาณ 23:00-01:00)"ไม่ถูกสิ! จะเป็นยามสามได้ยังไง พระชายาไม่ใช่ว่าควรอยู่ที่จวนอ๋องหรอกเหรอ? เกิดเรื่องตอนยามสาม แล้วทำไมถึงไปส่งโรงแพทย์หย่งอาน ไม่ใช่ว่าควรจะเชิญหมอให้ไปหาหรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็ถามอย่างกระวนกระวายบ่าวรับใช้ก็รีบกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก : "พระชายา พระชายานางตอนเดินกลับไปยังจวนอ๋องก็ถูกลอทำร้ายบนถนนเพคะ"โม่จุนก็กล่าวอย่างตกตะลึง : "พระชายาของเจ้ายามสามถึงเพิ่งจะกลับจวน? แล้วเมื่อคืนนางอยู่ที่ไหน?"บ่าวรับใช้กระวนกระวายอย่างมาก แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือกและได้แต่พูดความจริง : "พระชายาสามเมื่อคืนได้ไปที่ศาลาพักม้าเจ้าคะ"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็เผยยิ้มเย็นชาตรงมุมปากและหันมองโม่จุนอย่างเย็นชา"ไปดูกันก่อ
"โม่จุน ต้องเร่งมือแล้ว ไม่งั้นข้าคงช่วยนางไม่ได้" มู่จิ่วซีมองโม่จุนและกล่าวอย่างจริงจังโม่จุนหันไปมองเซียวหลิงเย่ว์ หัวคิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันจนแน่น"ลองเลือดของคนอื่นก่อนได้ไหม?" โม่จุนถาม"ได้ แต่ว่าข้ากลัวไม่ทันการ ไปเรียกองครักษ์และบ่าวรับใช้เข้ามาหยดเลือดก่อน" มู่จิ่วซีพอรับสั่งกับพวกหมอให้เอาถ้วยใส่น้ำสะอาดมาหลายๆ ใบจากนั้นก็เอาเลือดตรงข้อมือของเซียวหลิงเย่ว์หยกลงไปหลายหยด จากนั้นก็เรียกพวกเขาเข้ามาหยดเลือดทีละคน จนโม่จุนเป็ตคนสุดท้ายที่หยดเลือด แต่ว่ากลับไม่มีเลือดของใครก็ละลายรวมกันได้เลย"จะลองมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว พระชายาสามไม่ได้มีเลือดให้ลองมากกว่านี้แล้ว มีแค่องค์ชายสามหรือองค์หญิงสือที่มีโอกาสเป็นไปได้มาก" มู่จิ่วซีบอกกับโม่จุน "ต้องรีบแล้ว!"มู่จิ่วซีหยิบเข็มเงินออกมาเพื่อประคองหัวใจของเซียวหลิงเย่ว์"รบกวนเจ้าดูแลด้วย ข้าจะรีบไป" โม่จุนพูดจบก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปหัวใจของมู่จิ่วซีราวกับถูกหมัดชก นางหายใจไม่สะดวกเล็กน้อยนางลุกขึ้นมาและเดินออกไปนั่งลงข้างนอก บ่าวคนนั้นก้ได้ถูกเรียกเข้ามา"บ่าวชิวจวี๋ขอร้องคุณหนูใหญ่มู่ช่วยพระชายาด้วย" ชิวจวี๋ร้องไห้กล่าวออก
มู่จิ่วซีพอคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออกว่าใครจะสามารถฆ่าเซียวหลิงเย่ว์ดูเหมือนฆาตรกรรายใหญ่คงจะเป็นคนที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่านางนอกเสียจากเซียวหลิงเย่ว์กำลังทำเรื่องอะไรสักอย่างที่ไม่อาจบอกคนอื่นได้ สู้กับคนภายในของตัวเองท่านอ๋องสามถึงแม้จะเกลียดเซียวหลิงเย่ว์รักโม่จุน แต่เขาก็ยังให้คนไปรายงานโม่จุน งั้นก็แสดงว่าไม่มีทางที่เขาจะเอาชีวิตเซียวหลิงเย่ว์ทันใดนั้น มู่จิ่วซีก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของหวางชิวหวางจึเย่ได้ไปที่ร้านฮัวคายชี่ไหล ส่วนชิวจวี๋ก็ไปเช่นกัน ยังมีอีกอย่างก็คือภายในคงอาจเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องสี่งั้นภายในนั้นจะเกี่ยวข้องกับการพยายามฆ่าเซียวหลิงเย่ว์ด้วยไหม?มู่จิ่วซีไม่ได้เอาเรื่องท่านอ๋องสี่บอกกับโม่จุน เนื่องจากไม่มีหลักฐานให้สงสัยท่านอ๋องสี่ แต่พอตอนนี้มู่จิ่วซีได้ลองคิดดู ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆแต่หากท่านอ๋องสี่มีอะไรลับลมคมใน ทำไมถึงต้องฆ่าเซียวหลิงเย่ว์ด้วย?มู่จิ่วซีคิดจนปวดหัวและก็ส่ายหัวขึ้นในทันที เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นางคาดเดาเองทั้งนั้นด้านนอกก็มีเสียงม้าร้องดังขึ้นมา จากนั้นโม่จุนก็พุ่งเข้ามา คนที่มาด้วยคือองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์เฟิ่