ท่านอ๋องหกโม่หยวนชิงพูดประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ดึงดูดสาวตาของคนทั้งหมดแววตาเฉียบคมของโม่จุนก็กวาดมองไป ทำเอาโม่หยวนชิงตกใจสะดุ้ง เขาเองพูดผิดไปอย่างงั้นเหรอ?ทำไมพวกเขาตบรางวัลให้มู่จิ่วซีได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้?"ขอบคุณท่านอ๋องหก แต่เงินของท่านซีเอ๋อร์และตระกูลของพวกเรารับเอาไว้ไม่ได้" มู่เทียนซิงยิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนมู่จิ่วซีหันไปมองท่านพอ่ของนางเอง จากนั้นก็เบะปาก เดิมทีก็อยากจะได้เงินของเขา แต่พอนึกได้ถึงจุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้ อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นพระชายาหกของเขาไม่เช่นนั้น นางก็คงไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ได้แคว้นซีเย่ว์หลายคนถึงกับตกตะลึงในสายตา คุณหนูใหญ่มู่ช่างเป็นที่ชื่นชอบของคนสำคัญในแคว้นเกาอวิ๋นขนาดนั้นเลยเหรอ?"ซีเอ๋อร์ งั้นแบบนี้ ถ้าเจ้าชนะ ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้เจ้าได้เป็นองค์หญิงสกุลนอกของแคว้นเกาอวิ๋นล่ะเป็นไง?" พระพันปีหลวงยิ้มหัวเราะกล่าวออกมา"ว้าว!" ทันใดนั้นองคมนตรีทั้งโถงก็เหมือนกับระเบิดลง"ไม่ได้!" โม่หยวนชิงเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมา "พระพันปีหลวง ถ้าจิ่วซีได้เป็นองค์หญิง นั่นไม่ใช่ว่านางก็ไม่สามารถอภิเษกเข้ามาในราชวงศ์ได้ใช่ไหม? แล้วแบบนี
"คุณหนูใหญ่มู่ เป็นแม่ทัพใหญ่จะไม่ทำสงครามได้อย่างไร แบบนั้นไม่ได้หรอก ทุกคนคงไม่ยอมรับ" บรรดาองคมนตรีต่างยิ้มออกมา"ก็ใช่ งั้นข้าก็ไม่เป็นแม่ทัพหญิงแล้ว อันที่จริงทำให้พอใจง่ายมาก แค่ให้เงินข้านิดหน่อยก็พอแล้ว ข้ายังไงก็ชอมเงินมากที่สุด" มู่จิ่วซีหันไปมองพระพันปีหลวงอย่างสงสาร"ก็ได้ งั้นก็เอาเป็นเงิน ถ้าเจ้าชนะ ข้าพระพันปีหลวงจะตบรางวัลให้ 1,000 ตำลึงทองเป็นไง?" พระพันปีหลงใหลให้กับท่าทีของนางที่แสร้งทำเป็นน่าสงสารมู่จิ่วซีก้ยิ้มออกมาในทันใด : "ขอบพระทัยพระพันปีหลวง ซีเอ๋อร์จะทุ่มเทอย่างดีที่สุดและชนะการประลองให้ได้!"มู่เทียนซิงถึงกับส่ายหัว นางลูกผู้หญิงโง่คนนี้ เป็นแม่ทัพหญิงดีกว่าตั้งมาก กลับอยากได้แค่เงินหลังจากฉากครื้นเครงได้ผ่านไป คนของแคว้นซีเย่ว์ก็พอจะประมารฐานะของมู่จิ่วซีคนนี้ได้คุณหนูใหญ่มู่คนนี้ไม่ธรรมดา มีคนมากมายที่ชอบนาง แน่นอนว่าจะต้องมีสาเหตุ การประลองครั้งนี้จะมีปัญหาจริงๆ ยังไงก็จะเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนถึงจะได้หลังจากสายตาของโม่จุนเย็นเยือกจ้องมองไปที่โม่หยวนชิง เขาก็หันหลังเผชิญหน้ากับองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์"ทุกคน การประลองยังคงเหมือนเมื่อปีก่
"หุบปาก!" โม่จุนจู่ๆ ก็ตะคอกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา "โม่หยวนชิง ถ้าเจ้ายังกล้าพูดสามหาวอีก เจ้าจะไม่ได้ออกจากจวนอีกไปตลอดกาล!"โม่จุนโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนทำเอาทุกคนตกใจสะดุ้งโม่หยวนชิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว จากนั้นเขาก็พรวดขึ้นมากล่าวอย่างร้อนรน : "เสด็จพี่ห้า ข้าจะพูดจาสามหาวได้อย่างไร ข้าก็แค่อยากสู่ขอจิ่วซี ข้าชอบนาง ข้าจะไปสู่ขอที่จวนมู่!"ทุกคนตกตะลึงในสายตา ท่านอ๋องหกท่านนี้กล้าหาญไม่เบาทุกคนก็หันไปมองมู่จิ่วซีอย่างพร้อมเพรียง มู่จิ่วซีก็ตกตะลึงในสายตา ไอ้เด็กนี่มันใช้ได้ ช่างกล้าหาญมากทันใดนั้น ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงลมหนาว จากนั้นทั้งร่างของโม่หยวนชิงก็ถูกโม่จุนคว้าจับไว้ที่ท้ายทอยก็ยกออกไปบรรยากาศอันพรั่นพรึงรอบตัวของโม่จุนปกคลุมเต็มไปทั้งห้อง ทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกถึงความโกรธราวกับอัสนีบาตของเขาดูเหมือนท่านอ๋องหกคราวนี้ได้ยั่วยุจนท่านผู้สำเร็จราชการแทนโมโหเข้าแล้ว"ใครก็ได้ พาตัวท่านอ๋องหกกลับจวนอ๋องหกและควบคุมดูแลให้ดี หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้เขาออกจากจวนเด็ดขาด ไม่งั้นข้าจะตีขาของเขาให้หักซะ!" เสียงโกรธเกรี้ยวด้านนอกของโม่จุนทำให้ทุกคนถึงกับกลัวหัวหดใต้เท
โม่จุนทันใดนั้นก็ไม่อาจกระโจนเข้าไปหาได้ สีพระพักตร์ของพระพันปีหลวงดำทะมึนมองมาที่เขา"โม่จุน เจ้ามันไร้มารยาท นั่งลงเดี๋ยวนี้!" พระพันปีหลวงกล่าวอย่างเดือดดาล "ซีเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะผิดหรือถูก เจ้าอย่างน้อยก็ควรเคารพให้เกียรติ เจ้าว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นหมาบ้าเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!""พระพันปีหลวง ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะด่าเขา เขาบอกว่าโกรธโมโหท่านอ๋องหก แต่เอาความโมโหมาระบายกับข้า นี่มันเหตุผลอะไร?" มู่จิ่วซีกล่าวน้ยอยใจอย่างมาก "ข้าไม่ได้ไปเย้ายวนเขาแล้วไง"พระพันปีหลวงพอคิดดูก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง โม่จุนรู้สึกกระทบจิตใจเป็นพิเศษกับเรื่องที่โม่หยวนชิงชอบมู่จิ่วซี"โม่จุน หยวนชิงชอบซีเอ๋อร์ นั่นคือเรื่องของเขา เจ้าจะร้อนตัวอะไร?" พระพันปีหลวงทรงไม่เข้าใจโม่จุนกล่าวอย่างตกใจ "ใครร้อนตัว ข้าแค่กลัวว่าหยวนชิงจะถูกนางพาทำเสียคน""พระพันปีหลวง ท่านฟังสิเพคะ ! เขาหมายความว่ายังไง ข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ข้าไม่ได้ย่ำยีท่านอ๋องหกเลย พูดว่าข้าจะพาเขาเสียคนอะไร?" มู่จิ่วซีพรวดพราดขึ้นมาอัครมหาเสนาบดีและโจวเหยาหลบอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ทั้งสองมองหน้า จู่ๆ โจวเหยาก็เหมือนความหมายบางอย่า
โม่จุนมองไปที่พวกเขาแล้วยิ้มอย่างเย็นชา : "พวกเจ้าจะบอกว่าข้าสายตาไม่เฉียบแหลมใช่ไหม?"อัครมหาเสนาบดีและโจวเหยาทันใดนั้นก็สะอึกขึ้นมา สีหน้ากระอักกระอ่วน ในใจพวกเขากลับคิดตรงกันว่าสายตาของโม่จุนคราวนี้แย่มากจริงๆคาดไม่ถึงว่าจะถอนหมั้น!ตอนนี้สีหน้าที่แสดงออกมาของเขา อย่างกับสามีที่หึงหวง!แค่เขาคนเดียวยังรู้สึกว่าไม่เท่าไหร่ แต่ยังมีมู่จิ่วซีที่ยังคงโกรธอยู่ แบบนี้มันขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองชัดๆท่านผู้สำเร็จราชการแทนผู้สูงส่ง สติปัญญาที่ชาญฉลาดมาโดยตลอด ทำไมเรื่องความรักถึงได้เหมือนกับคนปัญญาอ่อนไปได้?"โม่จุน เจ้าใจเย็นหน่อยได้ไหม? ให้ข้ารักนวลสงวนตัว ถ้ารักนวลสงวนตัวแล้วจะเข้าร่วมการแข่งพรุ่งนี้ได้ยังไง? ตอนนี้ไม่ใช่ว่าควรเข้าเรื่องคุยได้แล้วหรือไง? เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่ อยากให้พวกเราแพ้หรือไง! ถ้าแพ้ขึ้นมาเจ้าก็ออกค่าธัญพืชด้วยแล้วกัน!" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโหมู่เทียนซิงมองไปที่ลูกสาว จากนั้นก็มองไปที่โม่จุน ในตอนท้ายก็มองไปที่พระพันปีหลวง ไป๋ชินเตี่ยนและโจวเหยา ใบหน้าอันแก่ชราของเขาซัฐว้อนจนไม่อาจใช้อักษรอธิบายได้นี่มันเรื่องอะไร? เข้าเหมือนจะมองเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะมอง
"พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่าเริ่มประลองแล้วหรอกเหรอ? ราชสำนักช่วงเช้ายังต้องเจรจาอีกหรือไง?" มู่จิ่วซีถาม"เรื่องของสองอาณาจักรจะง่ายดายแบบนั้นได้ที่ไหน มีเรื่องตั้งเยอะ ยังไงก็จำเป็นต้องเจรจารับมืออย่างเป็นทางการที่ราชสำนัก" พระพันปีหลวงทรงตรัส "พวกเจ้าลองว่ามา ว่าถ้าหากพวกเขาต้องการอภิเษกทางการทูตขึ้นมาล่ะ?""ปฏิเสธไม่ได้หรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วถามอัครมหาเสนาบดีไป๋ก็รีบกล่าวอธิบาย : "ก็ใช่ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ แต่แคว้นซีเย่ว์คงจะโกรธมาก โดยอ้างว่าแคว้นเกาอวิ๋นดูถูกพวกเขา หลังจากนั้นไม่ว่าจะทำอะไรข้ออ้างก็จะเยอะแยะมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราต้องประลองชนะ ธัญพืชพวกเขาก็ยิ่งเอาไปไม่ได้ พวกเขาแบบนี้ก็เหมือนกับมาเก้อไม่ใช่หรือไง?""ดังนั้นไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ธัญพืชยังไงก็ต้องเอาไปให้ได้งั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเข้าใจได้ในที่สุด ต่อให้การประลองทั้งสามแคว้นซีเย่ว์แพ้ราบ งั้นหากองค์หญิงน้อยอภิเษกเพื่อทางการทูต ซึ่งพวกเขาในญานะแคว้นเกาอวิ๋น ก็คงต้องมอบธัญพืชให้แสดงถึงการเป็นพันธมิตรของสองแคว้น"จะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าพวกเราจะต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าพวกเขามีแผนลับอะไร" โม่จุนขมวดคิ้ว เขากลับมามีท่าทีที่ดูน่าเก
มู่จิ่วซีกระแอมไอออกมาก่อนจะพูด : "หากอภิเษกทางการทูตจำเป็นต้องอภิเษก งั้นข้าก็ทำได้เพียงแต่ต้องประลองชนะทั้งหมด""เกรงว่าการอภิเษกทางการทูตคงจะไม่ใช่แค่เพื่อธัญพืชอย่างเดียวน่ะสิ" อัครมหาเสนาบดีไป๋กล่าวออกมาอย่างเงียบๆโม่จุนหันไปมองเขา จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม"งั้นเจ้าก็คิดหาวิธีไม่ให้นางอภิเษกทางการทูต" มุมปากของมู่จิ่วซีก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็นชั่วร้าย"ซีเอ๋อร์มีวิธีอะไร?" พระพันปีหลวงตรัสถามมู่จิ่วซีก็ยิ้มเยาะกล่าวขึ้นมา : "ให้องค์หญิงท่านนั้นป่วย บรรดาท่านอ๋องของพวกเราคงไม่อาจยอมรับองค์หญิงที่ป่วยได้หรอกใช่ไหม?""เจ้าหมายถึงวางยาพิษ?" โม่จุนเลิกคิ้วขึ้นมา"ไม่ได้ หากวางยาพิษ แคว้นซีเย่ว์จะต้องรู้ว่าเป็นพวกเราที่ทำ พอเรื่องใหญ่ขึ้นมา ก็จะส่งผลต่อมิตรภาพของสองอาณาจักร" อัครมหาเสนาบดีไป๋กล่าวขึ้นมามู่จิ่วซีก็กล่าว : "งั้นให้นางป่วยโรคทั่วไปนิดหน่อยก็พอ""จะให้นางป่วยโรคทั่วไปนิดหน่อยได้ยังไง?" ทุกคนต่างมองมู่จิ่วซี"อย่างเช่นให้นางแพ้จนอาการกำเริบ แบบนี้ก็จะไม่โยงถึงพวกเรา หรือให้นางเสียโฉมซึ่งก็คงจะอภิเษกไม่ได้แล้วปะ ยังมีอีกวิธีที่ดีที่สุด ฮิๆๆ" เสียงหัวเราะ
ทุกคนพอเห็นนางก็มีแรงฮึดขึ้นมาและไม่อยากจะหยอกล้อกันอีก ไม่นานนัก มู่เทียนซิงและมู่จิ่วซีก็กลับมาถึงจวนมู่ ส่วนอัครมหาเสนาบดีไป๋และโม่จุนก็อยู่ที่นั่นต่อกับพระพันปีหลวงเพื่อวางแผนกลยุทธ์ไส้ศึกส่วนโจวเหยาก็แอบไปสังเกตการณ์องค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์ อ้างจากคำพูดของเขา เรื่องใช้สมองแบบนี้ เขาไม่อาจสู้พวกเขาได้มู่จิ่วซีหลังจากกลับมาที่จวน นางก็ยุ่งอยู่แต่ในจวนของนางเองขึ้นมา ทุกคนไม่รู้ว่านางทำอะไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนนางส่วนคนของแคว้นซีเย่ว์ที่ไปสอบถามเรื่องของคุณหนูใหญ่มู่จนทั่วก็ได้ข้อมูลว่าคุณหนูใหญ่มู่ท่านนี้เมื่อก่อนเป็นคนไร้ค่าและไม่มีความสามารถ เป็นคุณหนูใหญ่ที่เอาแต่ใจช่ำชองเรื่องกินดื่มเที่ยวและเสเพลแต่เพราะเป็นที่โปรดปราณของแม่ทัพใหญ่มู่และพระพันปีหลวง อยู่ในพระนครสามารถกล่าวได้ว่านางมีอิทธิพล ทำให้นางมีนิสัยไม่สนกฎหมายไม่สนสวรรค์ในสายตาแต่อันที่จริงคุณหนูใหญ่มู่ช่วงนี้ได้ชนะการแข่งเดิมพันหนึ่งมา ทุกคนถึงได้รู้ว่าคุณหนูใหญ่มู่ไม่ใช่คนที่ไร้ความสามารถซะทีเดียว การวาดภาพของนางเป็นหนึ่งในแคว้นเกาอวิ๋นแน่นอนได้ยินมาว่านางชนะเดิมพันเป็นเงิน 25,000 ตำลึงเงิน แต่ว่
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่