เขามีความคิดอยากจะเอื้อมือออกไปลูบหัวนาง แต่พอเห็นแววตาทั้งสองของโม่หยวนชิงที่ถลึงมอง เขาก็หมดอารมณ์ในทันทีในใจก็แอบด่าไอเด็กวรคนนี้อย่างไม่ได้หนักใจ"จิ่วซี เจ้าอย่าเดินใกล้กับเสด็จพี่ห้ามากนัก เขารังเกียจเจ้า" โม่หยวนชิงก็กระตุกหนวดเสือทันทีมู่จิ่วซีชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มแย้มออกมา"ไอตัวแสบ เจ้าพูดไร้สาระอะไร หุบปาก!" โม่จุนอีกนิดก็เกือบโมโหขึ้นมา แต่ว่าประตูทางเข้าได้มาอยู่ข้างหน้าแล้วขันทีตรงหน้าประตูก็ส่งเสียงดังขึ้นมา"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ท่านอ๋องหก คุณหนูใหญ่มู่ได้มาถึงแล้ว!"มู่จิ่วซีพอเข้าไปก็เห็นฝ่าบาทนั่งอยู่บนพระที่นั่งมังกร พระพันปีหลวงประทับอยู่ตรงด้านซ้ายของฝ่าบาท ด้านล่างแบ่งออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา ทางด้านซ้ายทั้งหมดเป็นองคมนตรีของราชสำนักแคว้นเกาอวิ๋นส่วนด้านขวาคือคนของแคว้นซีเย่ว์ที่แต่งกายต่างออกไป โดยมีองค์ชายสามและองคมนตรีคนอื่นๆทั้งสามคนรวมมู่จิ่วซีก็ได้เดินเข้าไป แน่นอนว่าต้องถวายบังคมก่อนพระพันปีหลวงและฝ่าบาทเพื่อเห็นมู่จิ่วซีก็เผยรอยยิ้มออกมา ตรงจุดนี้ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในทันที ต่อให้พระพันปีหลวงหลอกเงินนางอย่างไร แต่ความรักเอ็น
พระพันปีหลวงทรงดูภูมิฐานและมีน้ำใจ นางทรงยิ้มแย้มและหันไปมองท่านผู้สำเร็จราชการแทนและกล่าว : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าว่าไงล่ะ?"โม่จุนก็รีบกล่าวขึ้นมาอย่างนอบน้อม : "พวกเราแคว้นเกาอวิ๋นและแคว้นซีเย่ว์เป็นมิตรสหายเก่ากันมา ทุกปีที่แคว้นซีเย่ว์มาเยือนแคว้นเกาอวิ๋นก็ล้วยมาประลอง อ้างอิงกฎที่เคยใช้กันมา พวกเราก็ต้องรับคำท้าอยู่แล้ว""ฮาๆๆ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนดูสบายอารมณ์เสียจริง ปีหน้าหนาวช่างหนาวมาก ฝ่าบาทมอบภารกิจให้ข้าต้องเอาธัญพืชไปให้ได้ หวังว่าพระพันปีหลวงและท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะสนองความปรารถนาของข้า" องค์ชายสามยิ้มแย้มและกล่าวขึ้นมา"ข้าตอนนั้นถูกราชาหมาป่าไล่ตามอย่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ข้าเลยทำร้ายดวงตามันบอดไปข้าง" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็เอ่ยปากยิ้มแย้มพูดออกมาคำพูดที่โพล่งขึ้นมาของมู่จิ่วซีทำให้คนของแคว้นซีเย่ว์ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีโดยเฉพาะอามู่ซึ่งตอนนี้แววตาสองข้างได้ทอประกายของความเหี้ยมโหด เขาถลึงจ้องมองมู่จิ่วซี"ให้ตายเถอะ ดวงตาช่างเหมือนหมาป่าจริงๆ" มู่จิ่วซีรีบถอยกลับมามานั่งอยู่ข้างๆ มู่เทียนซิงท่านพ่อของนางเอง "ท่านพ่อ เจ้าเอาชนะเขาได้ไหม?"มู่เทียนซิงก็ไอออกมาและ
กรมทหารรักษาพระองค์แคว้นซีเย่ว์เทียบเท่ากับกรมพระราชวังนครบาลของแคว้นเกาอวิ๋น ล้วนทำหน้าที่กำจัดไส้ศึกของแคว้นศัตรูและขัดขวางการส่งข่าวกรอง"ไอหยา ใต้เท้าชวีดูถูกข้าว่าเป็นผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเบ่ปากกล่าวออกมาชวีหย่งปินหลังจากตะลึกชะชักไปก็กล่าวออกมา : "แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น ลูกสาวคนโตของแม่ทัพใหญ่มู่ ข้าน้อยจะไปกล้าดูถูกได้เยี่ยงไร แต่ว่าการจะให้คุณหนูใหญ่มู่เพียงคนเดียวชนะการประลองสักรอบก็ยากแล้ว แต่กล่าวชนะได้ถึงสามรอบเช่นนี้ หรือว่าพวกท่านคิดว่าแคว้นซีเย่ว์ของเราไร้น้ำยางั้นหรือ?""ใต้เท้าชวี เจ้าทำไมถึงได้ฉลาดน้อยขนาดนี้! ข้าไม่ใช่ว่าให้โอกาสพวกเจ้าได้ชนะมากขึ้นหรือไง? แบบนี้พวกเจ้าก็สามารถชนะได้ธัญพืชกลับไปมากขึ้นแล้ว หรือว่าเจ้าอยากประลองเดิมพันกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนของพวกเรา?" มู่จิ่วซีทำสีหน้าสงสัยประหลาดใจองคมนตรีแต่ละคนถึงกับอดกลั้นไม่ไหวจนหลุดขำออกมาเล็กน้อย"จิ่วซี อย่าไร้มารยาท เรื่องของสองแคว้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น" โม่จุนรีบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม"เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้รู้สึกว่าฤดูหนาวปีนี้จะหนาว อยากแพ้ให้พวกเขางั้นเหรอ? ไม่อยากรับน้ำใจข้าไว้ ข้าก
มู่จิ่วซีเองก็สงสัยอย่างมาก นางจ้องไปที่กล่องสีดำใบนั้นขององค์ชายสามพอเปิดออก ทุกคนก็เห็นสิ่งของที่วางอยู่ตรงกลางกล่องขนาดประมาณเล็บหัวแม่มือ ภายใต้แสงที่ตกกระทบทำให้ก็สะท้อนแสงเจิดจรัสเป็นแสงสีรุ้ง งดงามอย่างมากมู่จิ่วซีหัวใจขึ้นมาในวินาทีแรกที่เห็น นี่มันเพชรไม่ใช่หรือไง?พริบตานางก็รู้ในทันทีว่าต้องคว้าของสิ่งนี้มาให้ได้ ไม่ใช่เพราะความงามของเพชร แต่ความแข็งของเพชรต่างหากหากเอามาเสริมให้กับอาวุธของนาง บางมีอาจได้ผลเหนือกว่าที่นางคาดไว้ก็ได้โม่จุนก็เห็นแววตากลมโตทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีหรี่เล็กลงมา ในแววตานั้นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากเพราะเขามั่นใจว่ามู่จิ่วซีต้องมีความคิดอย่างได้ของสิ่งนี้อย่างแน่นอน"นี่คือแคว้นซีเย่ว์หินวิญญาณซึ่งเป็นอัญมณีล้ำค่าของแคว้นซีเย่ว์ บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ไม่สามารถแบ่งทำลายได้เพราะความแข็งของมัน นอกจากนี้ทั้งแคว้นซีเย่ว์ก็มีเพียงแค่ 3 ก้อนเท่านั้น" องค์ชายสามกล่าวออกมา"สูงมากจริงๆ ข้าขอดูได้ไหม?" มู่จิ่วซีลุกขึ้นมาและเดินไปยังฝั่งตรงข้าม"ย่อมได้" องค์ชายสามยื่นให้มู่จิ่วซีชมอย่างยินดี "หินวิญญาณลำค่านี้เป็นหินที่งดงามที่สุด เหมาะสมกับแม่นางท
ต่อให้พวกเขาเข้าใจเพียงเล็กน้อย ยังไงก็ยังเป็นภาพที่มู่จิ่วซีแข่งชนะอยู่ดี ส่วนคนอื่นก็มีแค่โม่จุนเท่านั้นที่รู้ ไม่สิ ยังมีฮั้วอวิ๋นเทียนด้วยไอผู้ชายคนนั้นอย่ากลับมาอีกเลยจะดีที่สุด พอเขาเห็นรอยยิ้มของฮั้วอวิ๋นเทียนที่ยิ้มให้มู่จิ่วซีก็รู้สึกบาดตาอย่างมาก"จริงงั้นเหรอ ถ้าเงิน 10,000 ตำลึงกับของสิ่งนี้ ข้อก็จะยอมประลองด้วย" มู่จิ่วซีดีใจขึ้นมาและปรมมือทันที ราวกับเป็นแม่หญิงที่ได้ลูกอมอย่างใดอย่างนั้นชวีหย่งปินและองค์ชายสามก็มองหน้ากัน เหมือนกับพวกพวกเขาได้เบาใจลงได้"ดี!" องค์ชายสามก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณหนูใหญ่มู่ท่านนี้พูดคำไหนคำนั้นใช่หรือไม่?"โม่จุนก็หันไปมองพระพันปีหลวงและกล่าว : "พระพันปีหลวง ครั้งนี้ท่านจะทรงมอบให้จิ่วซีรับผิดชอบหรือพะยะค่ะ? นี่มันเป็นธัญพืชจำนวน 16,000 ตันเลยนะพะยะค่ะ""ข้าน้อยไม่ยอมรับ!" ทันใดนั้นก็มีองคมนตรีคนหนึ่งลุกกระโดดขึ้นมาพร้อมกับกล่าว "คุณหนูใหญ่มู่เข้าร่วมประลองรายการเดียวก็พอ จะให้นางเข้าร่วมทั้งสามรายการได้อย่างไร ท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ควรเข้าร่วมสักหนึ่งรายการ"คนๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่นใด เขาคืออธิบดีกรมพระราชวังนคร
ท่านอ๋องหกโม่หยวนชิงพูดประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ดึงดูดสาวตาของคนทั้งหมดแววตาเฉียบคมของโม่จุนก็กวาดมองไป ทำเอาโม่หยวนชิงตกใจสะดุ้ง เขาเองพูดผิดไปอย่างงั้นเหรอ?ทำไมพวกเขาตบรางวัลให้มู่จิ่วซีได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้?"ขอบคุณท่านอ๋องหก แต่เงินของท่านซีเอ๋อร์และตระกูลของพวกเรารับเอาไว้ไม่ได้" มู่เทียนซิงยิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนมู่จิ่วซีหันไปมองท่านพอ่ของนางเอง จากนั้นก็เบะปาก เดิมทีก็อยากจะได้เงินของเขา แต่พอนึกได้ถึงจุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้ อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นพระชายาหกของเขาไม่เช่นนั้น นางก็คงไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ได้แคว้นซีเย่ว์หลายคนถึงกับตกตะลึงในสายตา คุณหนูใหญ่มู่ช่างเป็นที่ชื่นชอบของคนสำคัญในแคว้นเกาอวิ๋นขนาดนั้นเลยเหรอ?"ซีเอ๋อร์ งั้นแบบนี้ ถ้าเจ้าชนะ ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้เจ้าได้เป็นองค์หญิงสกุลนอกของแคว้นเกาอวิ๋นล่ะเป็นไง?" พระพันปีหลวงยิ้มหัวเราะกล่าวออกมา"ว้าว!" ทันใดนั้นองคมนตรีทั้งโถงก็เหมือนกับระเบิดลง"ไม่ได้!" โม่หยวนชิงเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมา "พระพันปีหลวง ถ้าจิ่วซีได้เป็นองค์หญิง นั่นไม่ใช่ว่านางก็ไม่สามารถอภิเษกเข้ามาในราชวงศ์ได้ใช่ไหม? แล้วแบบนี
"คุณหนูใหญ่มู่ เป็นแม่ทัพใหญ่จะไม่ทำสงครามได้อย่างไร แบบนั้นไม่ได้หรอก ทุกคนคงไม่ยอมรับ" บรรดาองคมนตรีต่างยิ้มออกมา"ก็ใช่ งั้นข้าก็ไม่เป็นแม่ทัพหญิงแล้ว อันที่จริงทำให้พอใจง่ายมาก แค่ให้เงินข้านิดหน่อยก็พอแล้ว ข้ายังไงก็ชอมเงินมากที่สุด" มู่จิ่วซีหันไปมองพระพันปีหลวงอย่างสงสาร"ก็ได้ งั้นก็เอาเป็นเงิน ถ้าเจ้าชนะ ข้าพระพันปีหลวงจะตบรางวัลให้ 1,000 ตำลึงทองเป็นไง?" พระพันปีหลงใหลให้กับท่าทีของนางที่แสร้งทำเป็นน่าสงสารมู่จิ่วซีก้ยิ้มออกมาในทันใด : "ขอบพระทัยพระพันปีหลวง ซีเอ๋อร์จะทุ่มเทอย่างดีที่สุดและชนะการประลองให้ได้!"มู่เทียนซิงถึงกับส่ายหัว นางลูกผู้หญิงโง่คนนี้ เป็นแม่ทัพหญิงดีกว่าตั้งมาก กลับอยากได้แค่เงินหลังจากฉากครื้นเครงได้ผ่านไป คนของแคว้นซีเย่ว์ก็พอจะประมารฐานะของมู่จิ่วซีคนนี้ได้คุณหนูใหญ่มู่คนนี้ไม่ธรรมดา มีคนมากมายที่ชอบนาง แน่นอนว่าจะต้องมีสาเหตุ การประลองครั้งนี้จะมีปัญหาจริงๆ ยังไงก็จะเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนถึงจะได้หลังจากสายตาของโม่จุนเย็นเยือกจ้องมองไปที่โม่หยวนชิง เขาก็หันหลังเผชิญหน้ากับองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์"ทุกคน การประลองยังคงเหมือนเมื่อปีก่
"หุบปาก!" โม่จุนจู่ๆ ก็ตะคอกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา "โม่หยวนชิง ถ้าเจ้ายังกล้าพูดสามหาวอีก เจ้าจะไม่ได้ออกจากจวนอีกไปตลอดกาล!"โม่จุนโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนทำเอาทุกคนตกใจสะดุ้งโม่หยวนชิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว จากนั้นเขาก็พรวดขึ้นมากล่าวอย่างร้อนรน : "เสด็จพี่ห้า ข้าจะพูดจาสามหาวได้อย่างไร ข้าก็แค่อยากสู่ขอจิ่วซี ข้าชอบนาง ข้าจะไปสู่ขอที่จวนมู่!"ทุกคนตกตะลึงในสายตา ท่านอ๋องหกท่านนี้กล้าหาญไม่เบาทุกคนก็หันไปมองมู่จิ่วซีอย่างพร้อมเพรียง มู่จิ่วซีก็ตกตะลึงในสายตา ไอ้เด็กนี่มันใช้ได้ ช่างกล้าหาญมากทันใดนั้น ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงลมหนาว จากนั้นทั้งร่างของโม่หยวนชิงก็ถูกโม่จุนคว้าจับไว้ที่ท้ายทอยก็ยกออกไปบรรยากาศอันพรั่นพรึงรอบตัวของโม่จุนปกคลุมเต็มไปทั้งห้อง ทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกถึงความโกรธราวกับอัสนีบาตของเขาดูเหมือนท่านอ๋องหกคราวนี้ได้ยั่วยุจนท่านผู้สำเร็จราชการแทนโมโหเข้าแล้ว"ใครก็ได้ พาตัวท่านอ๋องหกกลับจวนอ๋องหกและควบคุมดูแลให้ดี หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้เขาออกจากจวนเด็ดขาด ไม่งั้นข้าจะตีขาของเขาให้หักซะ!" เสียงโกรธเกรี้ยวด้านนอกของโม่จุนทำให้ทุกคนถึงกับกลัวหัวหดใต้เท