เขามีความคิดอยากจะเอื้อมือออกไปลูบหัวนาง แต่พอเห็นแววตาทั้งสองของโม่หยวนชิงที่ถลึงมอง เขาก็หมดอารมณ์ในทันทีในใจก็แอบด่าไอเด็กวรคนนี้อย่างไม่ได้หนักใจ"จิ่วซี เจ้าอย่าเดินใกล้กับเสด็จพี่ห้ามากนัก เขารังเกียจเจ้า" โม่หยวนชิงก็กระตุกหนวดเสือทันทีมู่จิ่วซีชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มแย้มออกมา"ไอตัวแสบ เจ้าพูดไร้สาระอะไร หุบปาก!" โม่จุนอีกนิดก็เกือบโมโหขึ้นมา แต่ว่าประตูทางเข้าได้มาอยู่ข้างหน้าแล้วขันทีตรงหน้าประตูก็ส่งเสียงดังขึ้นมา"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ท่านอ๋องหก คุณหนูใหญ่มู่ได้มาถึงแล้ว!"มู่จิ่วซีพอเข้าไปก็เห็นฝ่าบาทนั่งอยู่บนพระที่นั่งมังกร พระพันปีหลวงประทับอยู่ตรงด้านซ้ายของฝ่าบาท ด้านล่างแบ่งออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา ทางด้านซ้ายทั้งหมดเป็นองคมนตรีของราชสำนักแคว้นเกาอวิ๋นส่วนด้านขวาคือคนของแคว้นซีเย่ว์ที่แต่งกายต่างออกไป โดยมีองค์ชายสามและองคมนตรีคนอื่นๆทั้งสามคนรวมมู่จิ่วซีก็ได้เดินเข้าไป แน่นอนว่าต้องถวายบังคมก่อนพระพันปีหลวงและฝ่าบาทเพื่อเห็นมู่จิ่วซีก็เผยรอยยิ้มออกมา ตรงจุดนี้ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในทันที ต่อให้พระพันปีหลวงหลอกเงินนางอย่างไร แต่ความรักเอ็น
พระพันปีหลวงทรงดูภูมิฐานและมีน้ำใจ นางทรงยิ้มแย้มและหันไปมองท่านผู้สำเร็จราชการแทนและกล่าว : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าว่าไงล่ะ?"โม่จุนก็รีบกล่าวขึ้นมาอย่างนอบน้อม : "พวกเราแคว้นเกาอวิ๋นและแคว้นซีเย่ว์เป็นมิตรสหายเก่ากันมา ทุกปีที่แคว้นซีเย่ว์มาเยือนแคว้นเกาอวิ๋นก็ล้วยมาประลอง อ้างอิงกฎที่เคยใช้กันมา พวกเราก็ต้องรับคำท้าอยู่แล้ว""ฮาๆๆ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนดูสบายอารมณ์เสียจริง ปีหน้าหนาวช่างหนาวมาก ฝ่าบาทมอบภารกิจให้ข้าต้องเอาธัญพืชไปให้ได้ หวังว่าพระพันปีหลวงและท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะสนองความปรารถนาของข้า" องค์ชายสามยิ้มแย้มและกล่าวขึ้นมา"ข้าตอนนั้นถูกราชาหมาป่าไล่ตามอย่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ข้าเลยทำร้ายดวงตามันบอดไปข้าง" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็เอ่ยปากยิ้มแย้มพูดออกมาคำพูดที่โพล่งขึ้นมาของมู่จิ่วซีทำให้คนของแคว้นซีเย่ว์ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีโดยเฉพาะอามู่ซึ่งตอนนี้แววตาสองข้างได้ทอประกายของความเหี้ยมโหด เขาถลึงจ้องมองมู่จิ่วซี"ให้ตายเถอะ ดวงตาช่างเหมือนหมาป่าจริงๆ" มู่จิ่วซีรีบถอยกลับมามานั่งอยู่ข้างๆ มู่เทียนซิงท่านพ่อของนางเอง "ท่านพ่อ เจ้าเอาชนะเขาได้ไหม?"มู่เทียนซิงก็ไอออกมาและ
กรมทหารรักษาพระองค์แคว้นซีเย่ว์เทียบเท่ากับกรมพระราชวังนครบาลของแคว้นเกาอวิ๋น ล้วนทำหน้าที่กำจัดไส้ศึกของแคว้นศัตรูและขัดขวางการส่งข่าวกรอง"ไอหยา ใต้เท้าชวีดูถูกข้าว่าเป็นผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเบ่ปากกล่าวออกมาชวีหย่งปินหลังจากตะลึกชะชักไปก็กล่าวออกมา : "แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น ลูกสาวคนโตของแม่ทัพใหญ่มู่ ข้าน้อยจะไปกล้าดูถูกได้เยี่ยงไร แต่ว่าการจะให้คุณหนูใหญ่มู่เพียงคนเดียวชนะการประลองสักรอบก็ยากแล้ว แต่กล่าวชนะได้ถึงสามรอบเช่นนี้ หรือว่าพวกท่านคิดว่าแคว้นซีเย่ว์ของเราไร้น้ำยางั้นหรือ?""ใต้เท้าชวี เจ้าทำไมถึงได้ฉลาดน้อยขนาดนี้! ข้าไม่ใช่ว่าให้โอกาสพวกเจ้าได้ชนะมากขึ้นหรือไง? แบบนี้พวกเจ้าก็สามารถชนะได้ธัญพืชกลับไปมากขึ้นแล้ว หรือว่าเจ้าอยากประลองเดิมพันกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนของพวกเรา?" มู่จิ่วซีทำสีหน้าสงสัยประหลาดใจองคมนตรีแต่ละคนถึงกับอดกลั้นไม่ไหวจนหลุดขำออกมาเล็กน้อย"จิ่วซี อย่าไร้มารยาท เรื่องของสองแคว้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น" โม่จุนรีบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม"เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้รู้สึกว่าฤดูหนาวปีนี้จะหนาว อยากแพ้ให้พวกเขางั้นเหรอ? ไม่อยากรับน้ำใจข้าไว้ ข้าก
มู่จิ่วซีเองก็สงสัยอย่างมาก นางจ้องไปที่กล่องสีดำใบนั้นขององค์ชายสามพอเปิดออก ทุกคนก็เห็นสิ่งของที่วางอยู่ตรงกลางกล่องขนาดประมาณเล็บหัวแม่มือ ภายใต้แสงที่ตกกระทบทำให้ก็สะท้อนแสงเจิดจรัสเป็นแสงสีรุ้ง งดงามอย่างมากมู่จิ่วซีหัวใจขึ้นมาในวินาทีแรกที่เห็น นี่มันเพชรไม่ใช่หรือไง?พริบตานางก็รู้ในทันทีว่าต้องคว้าของสิ่งนี้มาให้ได้ ไม่ใช่เพราะความงามของเพชร แต่ความแข็งของเพชรต่างหากหากเอามาเสริมให้กับอาวุธของนาง บางมีอาจได้ผลเหนือกว่าที่นางคาดไว้ก็ได้โม่จุนก็เห็นแววตากลมโตทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีหรี่เล็กลงมา ในแววตานั้นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากเพราะเขามั่นใจว่ามู่จิ่วซีต้องมีความคิดอย่างได้ของสิ่งนี้อย่างแน่นอน"นี่คือแคว้นซีเย่ว์หินวิญญาณซึ่งเป็นอัญมณีล้ำค่าของแคว้นซีเย่ว์ บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ไม่สามารถแบ่งทำลายได้เพราะความแข็งของมัน นอกจากนี้ทั้งแคว้นซีเย่ว์ก็มีเพียงแค่ 3 ก้อนเท่านั้น" องค์ชายสามกล่าวออกมา"สูงมากจริงๆ ข้าขอดูได้ไหม?" มู่จิ่วซีลุกขึ้นมาและเดินไปยังฝั่งตรงข้าม"ย่อมได้" องค์ชายสามยื่นให้มู่จิ่วซีชมอย่างยินดี "หินวิญญาณลำค่านี้เป็นหินที่งดงามที่สุด เหมาะสมกับแม่นางท
ต่อให้พวกเขาเข้าใจเพียงเล็กน้อย ยังไงก็ยังเป็นภาพที่มู่จิ่วซีแข่งชนะอยู่ดี ส่วนคนอื่นก็มีแค่โม่จุนเท่านั้นที่รู้ ไม่สิ ยังมีฮั้วอวิ๋นเทียนด้วยไอผู้ชายคนนั้นอย่ากลับมาอีกเลยจะดีที่สุด พอเขาเห็นรอยยิ้มของฮั้วอวิ๋นเทียนที่ยิ้มให้มู่จิ่วซีก็รู้สึกบาดตาอย่างมาก"จริงงั้นเหรอ ถ้าเงิน 10,000 ตำลึงกับของสิ่งนี้ ข้อก็จะยอมประลองด้วย" มู่จิ่วซีดีใจขึ้นมาและปรมมือทันที ราวกับเป็นแม่หญิงที่ได้ลูกอมอย่างใดอย่างนั้นชวีหย่งปินและองค์ชายสามก็มองหน้ากัน เหมือนกับพวกพวกเขาได้เบาใจลงได้"ดี!" องค์ชายสามก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณหนูใหญ่มู่ท่านนี้พูดคำไหนคำนั้นใช่หรือไม่?"โม่จุนก็หันไปมองพระพันปีหลวงและกล่าว : "พระพันปีหลวง ครั้งนี้ท่านจะทรงมอบให้จิ่วซีรับผิดชอบหรือพะยะค่ะ? นี่มันเป็นธัญพืชจำนวน 16,000 ตันเลยนะพะยะค่ะ""ข้าน้อยไม่ยอมรับ!" ทันใดนั้นก็มีองคมนตรีคนหนึ่งลุกกระโดดขึ้นมาพร้อมกับกล่าว "คุณหนูใหญ่มู่เข้าร่วมประลองรายการเดียวก็พอ จะให้นางเข้าร่วมทั้งสามรายการได้อย่างไร ท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ควรเข้าร่วมสักหนึ่งรายการ"คนๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่นใด เขาคืออธิบดีกรมพระราชวังนคร
ท่านอ๋องหกโม่หยวนชิงพูดประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ดึงดูดสาวตาของคนทั้งหมดแววตาเฉียบคมของโม่จุนก็กวาดมองไป ทำเอาโม่หยวนชิงตกใจสะดุ้ง เขาเองพูดผิดไปอย่างงั้นเหรอ?ทำไมพวกเขาตบรางวัลให้มู่จิ่วซีได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้?"ขอบคุณท่านอ๋องหก แต่เงินของท่านซีเอ๋อร์และตระกูลของพวกเรารับเอาไว้ไม่ได้" มู่เทียนซิงยิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนมู่จิ่วซีหันไปมองท่านพอ่ของนางเอง จากนั้นก็เบะปาก เดิมทีก็อยากจะได้เงินของเขา แต่พอนึกได้ถึงจุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้ อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นพระชายาหกของเขาไม่เช่นนั้น นางก็คงไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ได้แคว้นซีเย่ว์หลายคนถึงกับตกตะลึงในสายตา คุณหนูใหญ่มู่ช่างเป็นที่ชื่นชอบของคนสำคัญในแคว้นเกาอวิ๋นขนาดนั้นเลยเหรอ?"ซีเอ๋อร์ งั้นแบบนี้ ถ้าเจ้าชนะ ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้เจ้าได้เป็นองค์หญิงสกุลนอกของแคว้นเกาอวิ๋นล่ะเป็นไง?" พระพันปีหลวงยิ้มหัวเราะกล่าวออกมา"ว้าว!" ทันใดนั้นองคมนตรีทั้งโถงก็เหมือนกับระเบิดลง"ไม่ได้!" โม่หยวนชิงเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมา "พระพันปีหลวง ถ้าจิ่วซีได้เป็นองค์หญิง นั่นไม่ใช่ว่านางก็ไม่สามารถอภิเษกเข้ามาในราชวงศ์ได้ใช่ไหม? แล้วแบบนี
"คุณหนูใหญ่มู่ เป็นแม่ทัพใหญ่จะไม่ทำสงครามได้อย่างไร แบบนั้นไม่ได้หรอก ทุกคนคงไม่ยอมรับ" บรรดาองคมนตรีต่างยิ้มออกมา"ก็ใช่ งั้นข้าก็ไม่เป็นแม่ทัพหญิงแล้ว อันที่จริงทำให้พอใจง่ายมาก แค่ให้เงินข้านิดหน่อยก็พอแล้ว ข้ายังไงก็ชอมเงินมากที่สุด" มู่จิ่วซีหันไปมองพระพันปีหลวงอย่างสงสาร"ก็ได้ งั้นก็เอาเป็นเงิน ถ้าเจ้าชนะ ข้าพระพันปีหลวงจะตบรางวัลให้ 1,000 ตำลึงทองเป็นไง?" พระพันปีหลงใหลให้กับท่าทีของนางที่แสร้งทำเป็นน่าสงสารมู่จิ่วซีก้ยิ้มออกมาในทันใด : "ขอบพระทัยพระพันปีหลวง ซีเอ๋อร์จะทุ่มเทอย่างดีที่สุดและชนะการประลองให้ได้!"มู่เทียนซิงถึงกับส่ายหัว นางลูกผู้หญิงโง่คนนี้ เป็นแม่ทัพหญิงดีกว่าตั้งมาก กลับอยากได้แค่เงินหลังจากฉากครื้นเครงได้ผ่านไป คนของแคว้นซีเย่ว์ก็พอจะประมารฐานะของมู่จิ่วซีคนนี้ได้คุณหนูใหญ่มู่คนนี้ไม่ธรรมดา มีคนมากมายที่ชอบนาง แน่นอนว่าจะต้องมีสาเหตุ การประลองครั้งนี้จะมีปัญหาจริงๆ ยังไงก็จะเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนถึงจะได้หลังจากสายตาของโม่จุนเย็นเยือกจ้องมองไปที่โม่หยวนชิง เขาก็หันหลังเผชิญหน้ากับองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์"ทุกคน การประลองยังคงเหมือนเมื่อปีก่
"หุบปาก!" โม่จุนจู่ๆ ก็ตะคอกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา "โม่หยวนชิง ถ้าเจ้ายังกล้าพูดสามหาวอีก เจ้าจะไม่ได้ออกจากจวนอีกไปตลอดกาล!"โม่จุนโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนทำเอาทุกคนตกใจสะดุ้งโม่หยวนชิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว จากนั้นเขาก็พรวดขึ้นมากล่าวอย่างร้อนรน : "เสด็จพี่ห้า ข้าจะพูดจาสามหาวได้อย่างไร ข้าก็แค่อยากสู่ขอจิ่วซี ข้าชอบนาง ข้าจะไปสู่ขอที่จวนมู่!"ทุกคนตกตะลึงในสายตา ท่านอ๋องหกท่านนี้กล้าหาญไม่เบาทุกคนก็หันไปมองมู่จิ่วซีอย่างพร้อมเพรียง มู่จิ่วซีก็ตกตะลึงในสายตา ไอ้เด็กนี่มันใช้ได้ ช่างกล้าหาญมากทันใดนั้น ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงลมหนาว จากนั้นทั้งร่างของโม่หยวนชิงก็ถูกโม่จุนคว้าจับไว้ที่ท้ายทอยก็ยกออกไปบรรยากาศอันพรั่นพรึงรอบตัวของโม่จุนปกคลุมเต็มไปทั้งห้อง ทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกถึงความโกรธราวกับอัสนีบาตของเขาดูเหมือนท่านอ๋องหกคราวนี้ได้ยั่วยุจนท่านผู้สำเร็จราชการแทนโมโหเข้าแล้ว"ใครก็ได้ พาตัวท่านอ๋องหกกลับจวนอ๋องหกและควบคุมดูแลให้ดี หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้เขาออกจากจวนเด็ดขาด ไม่งั้นข้าจะตีขาของเขาให้หักซะ!" เสียงโกรธเกรี้ยวด้านนอกของโม่จุนทำให้ทุกคนถึงกับกลัวหัวหดใต้เท
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่