มู่จิ่วซีเองก็สงสัยอย่างมาก นางจ้องไปที่กล่องสีดำใบนั้นขององค์ชายสามพอเปิดออก ทุกคนก็เห็นสิ่งของที่วางอยู่ตรงกลางกล่องขนาดประมาณเล็บหัวแม่มือ ภายใต้แสงที่ตกกระทบทำให้ก็สะท้อนแสงเจิดจรัสเป็นแสงสีรุ้ง งดงามอย่างมากมู่จิ่วซีหัวใจขึ้นมาในวินาทีแรกที่เห็น นี่มันเพชรไม่ใช่หรือไง?พริบตานางก็รู้ในทันทีว่าต้องคว้าของสิ่งนี้มาให้ได้ ไม่ใช่เพราะความงามของเพชร แต่ความแข็งของเพชรต่างหากหากเอามาเสริมให้กับอาวุธของนาง บางมีอาจได้ผลเหนือกว่าที่นางคาดไว้ก็ได้โม่จุนก็เห็นแววตากลมโตทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีหรี่เล็กลงมา ในแววตานั้นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากเพราะเขามั่นใจว่ามู่จิ่วซีต้องมีความคิดอย่างได้ของสิ่งนี้อย่างแน่นอน"นี่คือแคว้นซีเย่ว์หินวิญญาณซึ่งเป็นอัญมณีล้ำค่าของแคว้นซีเย่ว์ บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ไม่สามารถแบ่งทำลายได้เพราะความแข็งของมัน นอกจากนี้ทั้งแคว้นซีเย่ว์ก็มีเพียงแค่ 3 ก้อนเท่านั้น" องค์ชายสามกล่าวออกมา"สูงมากจริงๆ ข้าขอดูได้ไหม?" มู่จิ่วซีลุกขึ้นมาและเดินไปยังฝั่งตรงข้าม"ย่อมได้" องค์ชายสามยื่นให้มู่จิ่วซีชมอย่างยินดี "หินวิญญาณลำค่านี้เป็นหินที่งดงามที่สุด เหมาะสมกับแม่นางท
ต่อให้พวกเขาเข้าใจเพียงเล็กน้อย ยังไงก็ยังเป็นภาพที่มู่จิ่วซีแข่งชนะอยู่ดี ส่วนคนอื่นก็มีแค่โม่จุนเท่านั้นที่รู้ ไม่สิ ยังมีฮั้วอวิ๋นเทียนด้วยไอผู้ชายคนนั้นอย่ากลับมาอีกเลยจะดีที่สุด พอเขาเห็นรอยยิ้มของฮั้วอวิ๋นเทียนที่ยิ้มให้มู่จิ่วซีก็รู้สึกบาดตาอย่างมาก"จริงงั้นเหรอ ถ้าเงิน 10,000 ตำลึงกับของสิ่งนี้ ข้อก็จะยอมประลองด้วย" มู่จิ่วซีดีใจขึ้นมาและปรมมือทันที ราวกับเป็นแม่หญิงที่ได้ลูกอมอย่างใดอย่างนั้นชวีหย่งปินและองค์ชายสามก็มองหน้ากัน เหมือนกับพวกพวกเขาได้เบาใจลงได้"ดี!" องค์ชายสามก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณหนูใหญ่มู่ท่านนี้พูดคำไหนคำนั้นใช่หรือไม่?"โม่จุนก็หันไปมองพระพันปีหลวงและกล่าว : "พระพันปีหลวง ครั้งนี้ท่านจะทรงมอบให้จิ่วซีรับผิดชอบหรือพะยะค่ะ? นี่มันเป็นธัญพืชจำนวน 16,000 ตันเลยนะพะยะค่ะ""ข้าน้อยไม่ยอมรับ!" ทันใดนั้นก็มีองคมนตรีคนหนึ่งลุกกระโดดขึ้นมาพร้อมกับกล่าว "คุณหนูใหญ่มู่เข้าร่วมประลองรายการเดียวก็พอ จะให้นางเข้าร่วมทั้งสามรายการได้อย่างไร ท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ควรเข้าร่วมสักหนึ่งรายการ"คนๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่นใด เขาคืออธิบดีกรมพระราชวังนคร
ท่านอ๋องหกโม่หยวนชิงพูดประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ดึงดูดสาวตาของคนทั้งหมดแววตาเฉียบคมของโม่จุนก็กวาดมองไป ทำเอาโม่หยวนชิงตกใจสะดุ้ง เขาเองพูดผิดไปอย่างงั้นเหรอ?ทำไมพวกเขาตบรางวัลให้มู่จิ่วซีได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้?"ขอบคุณท่านอ๋องหก แต่เงินของท่านซีเอ๋อร์และตระกูลของพวกเรารับเอาไว้ไม่ได้" มู่เทียนซิงยิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนมู่จิ่วซีหันไปมองท่านพอ่ของนางเอง จากนั้นก็เบะปาก เดิมทีก็อยากจะได้เงินของเขา แต่พอนึกได้ถึงจุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้ อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นพระชายาหกของเขาไม่เช่นนั้น นางก็คงไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ได้แคว้นซีเย่ว์หลายคนถึงกับตกตะลึงในสายตา คุณหนูใหญ่มู่ช่างเป็นที่ชื่นชอบของคนสำคัญในแคว้นเกาอวิ๋นขนาดนั้นเลยเหรอ?"ซีเอ๋อร์ งั้นแบบนี้ ถ้าเจ้าชนะ ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้เจ้าได้เป็นองค์หญิงสกุลนอกของแคว้นเกาอวิ๋นล่ะเป็นไง?" พระพันปีหลวงยิ้มหัวเราะกล่าวออกมา"ว้าว!" ทันใดนั้นองคมนตรีทั้งโถงก็เหมือนกับระเบิดลง"ไม่ได้!" โม่หยวนชิงเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมา "พระพันปีหลวง ถ้าจิ่วซีได้เป็นองค์หญิง นั่นไม่ใช่ว่านางก็ไม่สามารถอภิเษกเข้ามาในราชวงศ์ได้ใช่ไหม? แล้วแบบนี
"คุณหนูใหญ่มู่ เป็นแม่ทัพใหญ่จะไม่ทำสงครามได้อย่างไร แบบนั้นไม่ได้หรอก ทุกคนคงไม่ยอมรับ" บรรดาองคมนตรีต่างยิ้มออกมา"ก็ใช่ งั้นข้าก็ไม่เป็นแม่ทัพหญิงแล้ว อันที่จริงทำให้พอใจง่ายมาก แค่ให้เงินข้านิดหน่อยก็พอแล้ว ข้ายังไงก็ชอมเงินมากที่สุด" มู่จิ่วซีหันไปมองพระพันปีหลวงอย่างสงสาร"ก็ได้ งั้นก็เอาเป็นเงิน ถ้าเจ้าชนะ ข้าพระพันปีหลวงจะตบรางวัลให้ 1,000 ตำลึงทองเป็นไง?" พระพันปีหลงใหลให้กับท่าทีของนางที่แสร้งทำเป็นน่าสงสารมู่จิ่วซีก้ยิ้มออกมาในทันใด : "ขอบพระทัยพระพันปีหลวง ซีเอ๋อร์จะทุ่มเทอย่างดีที่สุดและชนะการประลองให้ได้!"มู่เทียนซิงถึงกับส่ายหัว นางลูกผู้หญิงโง่คนนี้ เป็นแม่ทัพหญิงดีกว่าตั้งมาก กลับอยากได้แค่เงินหลังจากฉากครื้นเครงได้ผ่านไป คนของแคว้นซีเย่ว์ก็พอจะประมารฐานะของมู่จิ่วซีคนนี้ได้คุณหนูใหญ่มู่คนนี้ไม่ธรรมดา มีคนมากมายที่ชอบนาง แน่นอนว่าจะต้องมีสาเหตุ การประลองครั้งนี้จะมีปัญหาจริงๆ ยังไงก็จะเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนถึงจะได้หลังจากสายตาของโม่จุนเย็นเยือกจ้องมองไปที่โม่หยวนชิง เขาก็หันหลังเผชิญหน้ากับองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์"ทุกคน การประลองยังคงเหมือนเมื่อปีก่
"หุบปาก!" โม่จุนจู่ๆ ก็ตะคอกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา "โม่หยวนชิง ถ้าเจ้ายังกล้าพูดสามหาวอีก เจ้าจะไม่ได้ออกจากจวนอีกไปตลอดกาล!"โม่จุนโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนทำเอาทุกคนตกใจสะดุ้งโม่หยวนชิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว จากนั้นเขาก็พรวดขึ้นมากล่าวอย่างร้อนรน : "เสด็จพี่ห้า ข้าจะพูดจาสามหาวได้อย่างไร ข้าก็แค่อยากสู่ขอจิ่วซี ข้าชอบนาง ข้าจะไปสู่ขอที่จวนมู่!"ทุกคนตกตะลึงในสายตา ท่านอ๋องหกท่านนี้กล้าหาญไม่เบาทุกคนก็หันไปมองมู่จิ่วซีอย่างพร้อมเพรียง มู่จิ่วซีก็ตกตะลึงในสายตา ไอ้เด็กนี่มันใช้ได้ ช่างกล้าหาญมากทันใดนั้น ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงลมหนาว จากนั้นทั้งร่างของโม่หยวนชิงก็ถูกโม่จุนคว้าจับไว้ที่ท้ายทอยก็ยกออกไปบรรยากาศอันพรั่นพรึงรอบตัวของโม่จุนปกคลุมเต็มไปทั้งห้อง ทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกถึงความโกรธราวกับอัสนีบาตของเขาดูเหมือนท่านอ๋องหกคราวนี้ได้ยั่วยุจนท่านผู้สำเร็จราชการแทนโมโหเข้าแล้ว"ใครก็ได้ พาตัวท่านอ๋องหกกลับจวนอ๋องหกและควบคุมดูแลให้ดี หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้เขาออกจากจวนเด็ดขาด ไม่งั้นข้าจะตีขาของเขาให้หักซะ!" เสียงโกรธเกรี้ยวด้านนอกของโม่จุนทำให้ทุกคนถึงกับกลัวหัวหดใต้เท
โม่จุนทันใดนั้นก็ไม่อาจกระโจนเข้าไปหาได้ สีพระพักตร์ของพระพันปีหลวงดำทะมึนมองมาที่เขา"โม่จุน เจ้ามันไร้มารยาท นั่งลงเดี๋ยวนี้!" พระพันปีหลวงกล่าวอย่างเดือดดาล "ซีเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะผิดหรือถูก เจ้าอย่างน้อยก็ควรเคารพให้เกียรติ เจ้าว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นหมาบ้าเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!""พระพันปีหลวง ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะด่าเขา เขาบอกว่าโกรธโมโหท่านอ๋องหก แต่เอาความโมโหมาระบายกับข้า นี่มันเหตุผลอะไร?" มู่จิ่วซีกล่าวน้ยอยใจอย่างมาก "ข้าไม่ได้ไปเย้ายวนเขาแล้วไง"พระพันปีหลวงพอคิดดูก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง โม่จุนรู้สึกกระทบจิตใจเป็นพิเศษกับเรื่องที่โม่หยวนชิงชอบมู่จิ่วซี"โม่จุน หยวนชิงชอบซีเอ๋อร์ นั่นคือเรื่องของเขา เจ้าจะร้อนตัวอะไร?" พระพันปีหลวงทรงไม่เข้าใจโม่จุนกล่าวอย่างตกใจ "ใครร้อนตัว ข้าแค่กลัวว่าหยวนชิงจะถูกนางพาทำเสียคน""พระพันปีหลวง ท่านฟังสิเพคะ ! เขาหมายความว่ายังไง ข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ข้าไม่ได้ย่ำยีท่านอ๋องหกเลย พูดว่าข้าจะพาเขาเสียคนอะไร?" มู่จิ่วซีพรวดพราดขึ้นมาอัครมหาเสนาบดีและโจวเหยาหลบอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ทั้งสองมองหน้า จู่ๆ โจวเหยาก็เหมือนความหมายบางอย่า
โม่จุนมองไปที่พวกเขาแล้วยิ้มอย่างเย็นชา : "พวกเจ้าจะบอกว่าข้าสายตาไม่เฉียบแหลมใช่ไหม?"อัครมหาเสนาบดีและโจวเหยาทันใดนั้นก็สะอึกขึ้นมา สีหน้ากระอักกระอ่วน ในใจพวกเขากลับคิดตรงกันว่าสายตาของโม่จุนคราวนี้แย่มากจริงๆคาดไม่ถึงว่าจะถอนหมั้น!ตอนนี้สีหน้าที่แสดงออกมาของเขา อย่างกับสามีที่หึงหวง!แค่เขาคนเดียวยังรู้สึกว่าไม่เท่าไหร่ แต่ยังมีมู่จิ่วซีที่ยังคงโกรธอยู่ แบบนี้มันขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองชัดๆท่านผู้สำเร็จราชการแทนผู้สูงส่ง สติปัญญาที่ชาญฉลาดมาโดยตลอด ทำไมเรื่องความรักถึงได้เหมือนกับคนปัญญาอ่อนไปได้?"โม่จุน เจ้าใจเย็นหน่อยได้ไหม? ให้ข้ารักนวลสงวนตัว ถ้ารักนวลสงวนตัวแล้วจะเข้าร่วมการแข่งพรุ่งนี้ได้ยังไง? ตอนนี้ไม่ใช่ว่าควรเข้าเรื่องคุยได้แล้วหรือไง? เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่ อยากให้พวกเราแพ้หรือไง! ถ้าแพ้ขึ้นมาเจ้าก็ออกค่าธัญพืชด้วยแล้วกัน!" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโหมู่เทียนซิงมองไปที่ลูกสาว จากนั้นก็มองไปที่โม่จุน ในตอนท้ายก็มองไปที่พระพันปีหลวง ไป๋ชินเตี่ยนและโจวเหยา ใบหน้าอันแก่ชราของเขาซัฐว้อนจนไม่อาจใช้อักษรอธิบายได้นี่มันเรื่องอะไร? เข้าเหมือนจะมองเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะมอง
"พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่าเริ่มประลองแล้วหรอกเหรอ? ราชสำนักช่วงเช้ายังต้องเจรจาอีกหรือไง?" มู่จิ่วซีถาม"เรื่องของสองอาณาจักรจะง่ายดายแบบนั้นได้ที่ไหน มีเรื่องตั้งเยอะ ยังไงก็จำเป็นต้องเจรจารับมืออย่างเป็นทางการที่ราชสำนัก" พระพันปีหลวงทรงตรัส "พวกเจ้าลองว่ามา ว่าถ้าหากพวกเขาต้องการอภิเษกทางการทูตขึ้นมาล่ะ?""ปฏิเสธไม่ได้หรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วถามอัครมหาเสนาบดีไป๋ก็รีบกล่าวอธิบาย : "ก็ใช่ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ แต่แคว้นซีเย่ว์คงจะโกรธมาก โดยอ้างว่าแคว้นเกาอวิ๋นดูถูกพวกเขา หลังจากนั้นไม่ว่าจะทำอะไรข้ออ้างก็จะเยอะแยะมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราต้องประลองชนะ ธัญพืชพวกเขาก็ยิ่งเอาไปไม่ได้ พวกเขาแบบนี้ก็เหมือนกับมาเก้อไม่ใช่หรือไง?""ดังนั้นไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ธัญพืชยังไงก็ต้องเอาไปให้ได้งั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเข้าใจได้ในที่สุด ต่อให้การประลองทั้งสามแคว้นซีเย่ว์แพ้ราบ งั้นหากองค์หญิงน้อยอภิเษกเพื่อทางการทูต ซึ่งพวกเขาในญานะแคว้นเกาอวิ๋น ก็คงต้องมอบธัญพืชให้แสดงถึงการเป็นพันธมิตรของสองแคว้น"จะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าพวกเราจะต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าพวกเขามีแผนลับอะไร" โม่จุนขมวดคิ้ว เขากลับมามีท่าทีที่ดูน่าเก