มู่จิ่วซีเบือนหน้าอย่างฉงนและยักคิ้วถาม : "ข้าไม่อาจยืนยันมั่นใจได้ 100% คนที่เจ้าสู้ด้วยก่อนหน้านี้หกคนไม่สามารถยืนยันได้เลยเหรอ?"โม่จุนส่ายหัวและก็กล่าว : "แม้พวกเราจะคาดคิดว่าคือคนของแคว้นเป่ยจิ้น แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันให้มั่นใจ ถึงอย่างไรแต่ละอาณาจักรก็ล้วนมีไส้ศึกของอาณาจักรศัตรูเข้ามาแทรกซึม ถ้าไม่มีหลักฐานที่แท้จริงก็คงไม่อาจยืนยันมั่นใจได้ พวกเขาจะกัดเหมือนหมากัดกัน"มู่จิ่วซีก็กล่าว : "แม่นมหรงได้สารภาพแล้วว่าจ้วงชิงเหมยคือไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น ผนวกกับพิษของเงาหอมนิโลบล ป้าสะใภ้รองของข้าก็คงจะใช่เหมือนกัน จินเป้ยก็เป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น ฉีเล่อฉี่ก็คงจะใช่เหมือนกัน เจ้าคิดว่าคนที่มาฆ่าเจ้ากลุ่มนี้ไม่ใช่งั้นเหรอ? ถ้าจะให้พูด เจ้าไปถูกหลุ่มพรางคนพวกนี้ได้อย่างไร?"สีหน้าของโม่จุนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขึมขึ้นมาในทันที แววตาสีดำก็ย้อมไปด้วยประกายของความโมโหและโหดเหี้ยม"เมื่อคืนวาน ข้าเตรียมจะไปที่จวนอัครมหาเสนาบดี พอเห็นว่ารอบๆ มีคนเ้าสังเกตจวนอัครมหาเสนาบดี แน่นอนว่าข้าเลยไล่ตามจับคนพวกนั้น แต่ไม่คาดคิดว่าวรยุทธจะสูงส่ง โดยเฉพาะวิชาตัวเบา ผนวกกับข้าเองกลัวว่าจะต้องลงมือจนบาดเจ็บโดย
"แต่ว่าโม่จุน ในเมื่อเจ้ามีทหารมังกรดำในมือ 1,000 นาย ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเขามาปกป้องเจ้า?"ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดอย่างหงุดหงิด : "ข้าไม่คิดว่าศัตรูจะมียอดฝีมือถึง 6 คน""ข้าว่าแล้ว! เจ้ามันจองหองทระนงตน" มู่จิ่วซีหัวเราะใส่เขา"พวกมันอวดดี เจ้าเองก็พูดถูก เอาศพของพวกมันไปแขวนไว้สัก 3 วันให้พวกมันได้ดู" โม่จุนก็ตัดสินใจในทันทีวิธีการเอาศพไปแขวนโดยปกติจะทำตอนศึกสงคราม มักจะเกิดขึ้นมาสองแคว้นต้องมาเผชิญหน้ากัน"ข้าจะให้คนเอากลับไปแขวน ส่วนบาดแผลเจ้าพรุ่งนี้คงจะขยับได้แล้ว เดี๋ยวเรานั่งรถม้าค่อยๆ กลับพระนคร" มู่จิ่วซีกล่าว "อ้อ ก่อนหน้านี้ข้าได้บังคับถามชายชุดดำคนนั้น มันบอกว่าพวกมันมีรายชื่อสังหาร""รายชื่อสังหาร?" โม่จุนตกใจ"ใช่ แต่ว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้อยู่ในรายชื่อ คาดว่าหลังจากครั้งนี้ไปข้าคงถูกเพิ่มชื่อลงไป" มู่จิ่วซีหัวเราะยิ้มแห้งๆ "ก่อนหน้านี้ที่ใต้เท้ากู้ถูกลอบสังหาร คาดว่าเขาคงอยู่ในรายชื่อ"มู่จิ่วซีลุกขึ้นมาเดิน : "โม่จุน เจ้าต้องแบ่งเอาทหารมังกรดำของเจ้าไปแอบคุ้มกันองคมนตรีสำคัญสิ""ปกติข้างกายองคมนตรีจะมีองครักษ์ฝีมือดีอยู่แล้ว ใ
มู่จิ่วซีก็รีบขยับโม่จุนที่อยู่บนเตียงมาอย่างระมัดระวัง บาดแผลของโม่จุนได้รับความกระทบกระเทือน เขาเจ็บจนต้องกัดฟันพน้อมกับเหงื่อไหลตรงหน้าผาก แต่เขาก็ให้ความร่วมมือกับมู่จิ่วซีอย่างตั้งใจกระเบื้องหลังคาด้านบนถูกคนเปิดออก จากนั้นมู่จิ่วซีก็เห็นของมีคมจำนวนมากพุ่งบินลงมามู่จิ่วซีและโม่จุนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที มู่จิ่วซีร่ายรำแส้ของนางอย่างทันท่วงที แส้โบกเหวี่ยงจนเป็นวงกลม ความเร็วที่โบกสะพัดเร็วอย่างมาก มีดบินทั้งหมดถูกนางปัดจนกระจายไปรอบทิศ เสียงเกร้งเกร้งของของมีคมโดนปัดก็ดังอย่างต่อเนื่องเมื่อหยุดลงมองดู กำแพงและชั้นวางรอบด้านของห้องก็ถูกปักเต็มไปด้วยมีดบินที่ส่องแสงสะท้อน"คุณหนูใหญ่!" ด้านนอกเสียงของเย่ฮานก็เรียกดังขึ้นมา ภายในเสียงของเขามีความเป็นห่วงอย่างมาก"บนหลังคา!" มู่จิ่วซีตะโกนเสียงดัง จากนั้นนางก็เห็นเป็นเงาอะไรสักอย่างยาวๆ ตกลงมาจากด้านบนหลายเส้น"งู!" มู่จิ่วซีก็ขนลุกชันในทันที ด้านบนได้โยนงูพิษลงมา นางในฐานผู้หญิงคนหนึ่งก็รู้สึกกลัวงูมาโดยตลอดแต่ว่าในฐานะราชินีแห่งราตรี เมื่อออกทำภารกิจ นางก็ปะทะกับงูมาไม่น้อยครั้งเหมือนกันโม่จุนเองก็สะดุ้งตกใจ เขาออกแรง
"หนีอะไร หนีไปด้วยกันสิ แค่เพียงใช้กำลังภายในของเจ้ากับข้าช่วยกัน" ขณะพูดนางก็ใช้ผ้าห่มคลุมที่หัวของทั้งสองคน จากนั้นนางก็เหลือบมองเขาครู่หนึ่งและอุ้มขึ้นมาโม่จุนพยักหน้า ทั้งสองคนกระแทกหน้าต่างไม้ตรงหน้าเพื่อออกไปทั้งสองคนระเบิดกำลังภายในพร้อมกัน จนหน้าต่างก็ถูกกระแทกเปิดออก มู่จิ่วซีรีบอุ้มโม่จุนที่กระอักเลือดสดๆ ออกมา"มันหนีออกมาได้แล้ว ยิงธนู!" ชายร่างสูงกำยำเหี้ยมโหดก็ตะโกนเสียงดังออกมามู่จิ่วซีแอบพูดกับตัวเองว่าแย่แล้ว โม่จุนบาดเจ็บมากจนเกือบจะหมดสติไป บนตัวของเขามีเลือดซึมออกมาจนเต็ม"เจ้ารีบหนีไป!" โม่จุนยังคงต้องการให้มู่จิ่วซีรีบหนีเอาตัวรอดไปก่อนมู่จิ่วซีพลิกตัวลุกขึ้นมา ขาทั้งสองข้างของนางมายืนขวางโม่จุนไว้จากนั้นมือของนางก็ปรากฎแส้ออกมาอีกครั้ง ดอกธนูได้เล็งมามาที่พวกเขาสองคนอย่างเย็นเยียบราวกับปืนน้ำแข็งมู่จิ่วซีก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แส้ยาวในมือราวกับเต้นรำและแกว่งโบกจนเร็วอีกครั้งแม้แต่ลมก็ยากที่ผ่านเข้ามา ส่วนโม่จุนนั่งอยู่ตรงขาของนางเลยไม่ถูกธนูยิงเข้าใส่ตอนนี้สภาพมู่จิ่วซียับเยินอย่างมาก ผมของนางปล่อยกระเซิง แต่รอบกายของนางกลับแผ่ซ่ายไปด้วยบรรยากาศอันชั
โม่จุนนอนแผ่บนพื้นพร้อมกับใจที่ฟุ้งซ่าน ถึงอย่างไรท่าของเขาที่นั่งอยู่ตรงพื้นตอนนี้ไม่ว่าจะดูยังไงก็แปลก เขาเหมือนถูกมู่จิ่วซีเหยียบเอาไว้อย่างใดอย่างนั้นอีกอย่างเขาเป็นถึงท่านผู้สำเร็จราชการแทนอันมีเกียรติกลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งเหยียบขวางไว้แบบนี้ เลยทำให้เขารู้สึกลำบากใจอย่างมากถ้าไม่ใช่เพราะเขาถือดีทระนงตนขนาดนั้นจนไม่ต้องหลุมพรางของคนพวกนั้น เรื่องแบบนี้จะไปเกิดขึ้นได้อย่างไร?เจ้าพวกไส้ศึกสมควรตาย ถ้าวันนี้พวกมันไม่ตาย เขาจะจับพวกมันเอาไว้ ให้พวกมันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากการถูกดาบมีดฟันแล่เป็นหมื่นเล่มพวกชุดดำหกคนที่เหลือก็บุกสลับโจมตีกันเข้ามา มู่จิ่วซีก็ดีดเข็มในมือออกไปเล่มหนึ่งด้วยระยะห่างที่ใกล้ พวกมันสามคนถูกเข็มดีดปักจนร้องเสียงดังออกมาและถอยกลับไปส่วนมู่จิ่วซียังคงบุกอย่างไม่หยุด นางบุกจู่โจมพวกชุดดำซ้ายขวาและคนที่อยู่ข้างหลังทั้งหมดสามคนจากนั้นก็เห็นเพียงแต่การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของนางพร้อมกับร่างกายที่คล่องแคล่ว ดูเหมือนนอกจากขอสองข้างของนางที่ราวกับตะปูยึดแน่นตรงพื้นแล้ว ร่างกายท่อนบนของนางสามารถเบี่ยงพลิ้วได้อย่างคล่องแคล่วจนน่ากลัว เหมือนกับเป็นสัตว์ตัวนิ่
"จิ่วซี!" โม่จุนสะดุ้งตกใจ เขาเห็นชายชุดดำทั้งแปดคนเพียงพริบตาก็ถูกนางฆ่าไปแล้วสี่คน สองคนบาดเจ็บสาหัสและอีกสองคนที่บาดเจ็บไม่ค่อยจะสู้ดีนักจนตอนนี้ไม่กล้าเข้ามาเพราะว่ามู่จิ่วซีตอนนี้ช่างเหมือนกับเทพอสูรที่กำลังปีนขึ้นมาจากขุมนรกอย่างใดอย่างนั้นทั่วทั้งตัวและใบหน้าของนางล้วนเต็มไปด้วยเลือดสด แต่ทุกคนกลับมองเห็นชัดเจนดีว่าเลือดพวกนั้นไม่ใช่ของนาง นางแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรอันที่จริงเพราะมู่จิ่วซีโชคดีที่ตนเองตั้งใจฝึกฝนเฟิงเหยียนหยูเฟย ถ้าหากนางไม่มีพลิงพิเศษอย่างกำลังภายใน นางคงไม่สามารถรวดเร็วและมีพละกำลังขนาดนี้ได้เลยถึงอย่างไรฝีมือของทหารเดนตายพวกนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอ ส่วนนางชนะได้เพราะการต่อสู้ระยะประชิดและความรวดเร็วทักษะพื้นฐานของพวกมือสังหารทั้งรวดเร็ว รุนแรง แม่นยำ ซึ่งนางในฐานะราชินีแห่งราตรีได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่กลัวการต่อสู้ระยะประชิด ที่นางกลัวคือศัตรูมีกำลังภายใน ความเร็วที่เพิ่มขึ้นและพละกำลังที่มากยิ่งกว่าแต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว นางเองก็มีอย่างที่ว่าไปเหมือนกัน แม้ว่าคนพวกนี้จะแกร่งกว่านาง แต่ประสบการณ์กลับไม่เท่านาง เรื่องทักษะยิ่งห่าง
ก่อนรุ่งอรุณที่ดำมืดที่สุดก็ได้ผ่านพ้นไป แสงอาทิตย์เริ่มขึ้นทิศตะวันออก แสงเริ่มส่องผ่านทะลุชั้นเมฆ ในป่าเต็มไปด้วยหมอกทั้งวัดเป้ากั๋วถูกเผาหายไปครึ่งหนึ่ง ควันลอยคลุ้งไปหมด ภายในเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญร้องไห้ยังดีตอนที่อานเย่และมู่จิ่วซีแบกโม่จุนมาถึงปากประตูของวัดเป้ากั๋ว เย่อู๋เหิงก็ได้คนกลุ่มมาถึงอย่างรวดเร็วพอดีนี่เป็นครั้งที่สองที่ถูกลอบโจมตี อาเหยารีบส่งคนกลับไปก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อนำกำลังเสริมมาทันทีเพราะพวกเขาไม่มีใครคาดคิดว่าศัตรูจะเยอะมากขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าระลอกแรกพวกมันมาสามคน หากระลอกสองมาอีกสิบกว่าคนก็ถือเยอะมากแล้วไม่คาดคิดว่าจะส่งมามากถึงสามสี่สิบคน อีกทั้งแต่ละคนก็มีวรยุทธสูง พวกนักบวชก็ได้แต่ออกไปสู้ ไหนจะต้องทั้งช่วยคนทั้งดับไฟ ความเสียหายยิ่งรุนแรงมากขึ้นแต่ว่าเมื่อทุกคนรู้ว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนต่างก็ล้วนถอนหายใจโล่งอกตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วนมากจริงๆ มีแค่มู่จิ่วซีที่ปกป้องโม่จุนคนเดียว พวกเขาคิดว่าว่าสองคนนี้ต้องตายแล้วแน่ๆ ไม่คาดคิดว่าคุณหนูใหญ่มู่จะทำได้ขนาดนี้จริงๆแต่ว่าทำได้อย่างไรนั้น พวกเขาไม่มีใครเห็นเลย มู่จิ่วซีเองก
นางเปลี่ยนผ้าชุบน้ำบนหน้าผากของโม่จุนไม่หยุดเพื่อให้อุณหภูมิเขาเย็นลง พวกเขาเดินทางกลับพระนครตลอดทางไม่หยุดเขาถูกส่งไปที่สถาบันแพทย์หลวงโดยตรงทันที มู่จิ่วซีที่เหนื่อยอย่างมากก็ถอนหายใจออกมา นางเข้าไปที่สถาบันแพทย์หลวงและงีบหลับพักผ่อนพอมู่จิ่วซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างกลับมืดและเงียบสงบมาก ช่วงขณะนั้นนางเหมือนไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ในปีไหนนางรีบจัดการเก็บข้าวของและเดินออกมา พอเห็นว่าด้านนอกเป็นเวลาเช้าตรู่ นางก็กังวลเรื่องของโม่จุนทันทีปากประตูมีทหารมังกรดำเฝ้าป้องกันไว้ หนึ่งในนั้นมีคนชื่อจี๋เฟิง เขาเป็นคนของทหารมังกรดำพวกเขาก่อนหน้านี้ได้ไปเห็นสภาพของวัดเป้ากั๋วมาแล้ว พวกเขาได้ยินมาว่ามู่จิ่วซีเป็นคนปกป้องท่านอ๋อง อีกทั้งในตอนท้ายยังจัดการพวกศัตรูให้หนีไปได้ แต่ทุกคนล้วนไม่อยากจะเชื่อและรู้สึกเรื่องราวเกินจริงไปหน่อย คงจะเพราะศัตรูอ่อนแอเกินไปมากกว่าแต่ว่าพวกเขาก็ยังเคารพมู่จิ่วซีมาก ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทอดทิ้งท่านอ๋องในช่วงที่อันตรายวิกฤติที่สุด"ท่านอ๋องตื่นขึ้นมาหรือยัง?" มู่จิ่วซีถาม"ตื่นแล้วขอรับ แพทย์หลวงทั้งสองกำลังเฝ้าดูอาการรักษา" จี๋เฟิงพูดมู่จิ่วซีก็พูดออกมาอ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่