โม่จุนพยายามอดกลั้นแต่ก็ยังมีเสียงดังขึ้นมา ริมฝีปากของเขาขาวซีดและสั่น มือทั้งสองข้างกำจนเป็นหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บจนแทบขาดใจ"ให้ตายเถอะ ธนูนี่มีหนามย้อนด้วย!" มู่จิ่วซีมองไปยังบาดแผลและสบถออกมาเสียงดัง นางอยากจะฆ่าคนที่ทำจริงๆนางพยายามอดกลั้นสงบสติอารมณ์และใช้สำลีซับเลือด จากนั้นก็ตรวจสอบบาดแผลภายใน โชคยังดีที่หลอดเลือดสำคัญไม่ได้เสียหาย ไม่นานนางก็ห้ามเลือดจนหยุดเอาไว้ได้จากนั้นนางก็เย็บปิดปากแผล เพียงแต่ว่าปากแผลนี้มีขนาดใหญ่ มู่จิ่วซีก็กล่าวขึ้นมา : "ข้าต้องเย็ยปิดปากแผล เจ้ากัดอันนี้ไว้"มู่จิ่วซีหยิบมุมชายผ้าห่มมาให้เขากัดโม่จุนตอนนี้เหงื่อไหลเต็มหัวไปหมดพร้อมกับมองนางอย่างกังวลใจ เขาอ้าปากและกัดชายผ้าห่มไว้แล้วก็หลับตาลงอีกครั้งอานเย่ที่ร้องไห้อยู่ด้านหลังก็กล่าว : "คุณหนูใหญ่ไม่มียาชาหรือขอรับ ?""ไม่มี ไม่ได้เตรียมมาด้วย แต่ข้าฝังเข็มที่จุดหมาเสว์แล้ว คงจะดีขึ้นหน่อย บาดแผลนี้ค่อนข้างเย็บยาก ยังไงก็คงจะต้องเจ็บอยู่บ้าง"มู่จิ่วซีพูดขณะที่เริ่มเย็บปิดปากแผล"เจ้าจะร้องไห้อะไร ท่านอ๋องทนได้ เขาไร้เทียมทานขนาดนั้นตอนอยู่สนามรบ เจ้าแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก!" มู่
"ท่านพ่อข้า ?" มู่จิ่วซีรีบเดินออกมาตรงปากประตูของวัดเป้ากั๋ว นางก็ได้เห็นพ่อของนางสวมชุดเครื่องแบบทหาร พร้อมกับทหารกองหนึ่งประมาณ 30 นาย"ซีเอ๋อร์!" มู่เทียนซิงก้าวเข้าไปหาด้วยความกังวลอย่างมาก"ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร?" มู่จิ่วซีก็กุมไปที่มือของเขา"ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นยังไงบ้าง?" มู่เทียนซิงลดเสียงลงและถามขึ้นมา"ถูกธนูยิ่งเข้าที่อก บาดแผลสาหัสมาก แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู" มู่จิ่วซีกล่าวมู่เทียนซิงก็ถอนหายใจกล่าวออกมา : "งั้นก็ดี หากท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นอะไรไป นั่นจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่""มีข้าอยู่ เขาไม่มีทางตายได้หรอก" มู่จิ่วซีรีบกล่าวขึ้นมา"พ่อพาทหารกองหนึ่งมาปกป้องพวกเจ้า อ้อ ชิงเฟิงสืบเจอเรื่องหนึ่ง"ในใจของมู่จิ่วซีก็เต้นกระตุกขึ้นมา มู่เทียนซิงก็กล่าวต่อ : "ชิงเฟิงตรวจค้นห้องของจินเป้ยพบกระดาษข้อความหลายฉบับ""กระดาษข้อความ?" มู่จิ่วซีขมวดคิ้ว "กระดาษพวกนั้นเขียนไว้ว่าอะไรบ้าง?"ใบหน้าอันแก่ชราของมู่เทียนซิงก็บูดบึ้งขึ้นมา : "เป็นตัวเลขทั้งหมด อ่านไม่เข้าใจ" ขณะพูดเขาก็หยิบกระดาษพวกนั้นออกมามู่จิ่วซีก็เห็นกระดาษหนังวัวส
มู่เทียนซิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากและพูดขึ้นมา : "เป็นไปได้มาก ซีเอ๋อร์ งั้นพวกเจ้าต้องรีบกลับพระนครแล้ว ที่นี่คือชายเมือง อันตรายมากยิ่งกว่า""โม่จุนบาดเจ็บสาหัสมาก ตอนนี้เขาขยับเคลื่อนที่ไม่ได้ อีกอย่างข้ากลัวเขาจะบาดเจ็บซ้ำ" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว "แต่ว่าองครักษ์ที่พ่อพามาด้วยคงทำให้ศัตรูระมัดระวังมากขึ้น"มู่เทียนซิงยังคงส่ายหัวและกล่าว : "ทหารพวกนี้ต่อกรได้กับแค่องครักษ์ธรรมดาทั่วไป ถ้าต้องประมือกับยอดฝีมือจริง เกรงว่าก็คงจะเหมือนถูกส่งไปตาย งั้นแบบนี้ พ่อจะอยู่ที่นี่ด้วย""ท่านพ่อ ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องเกิดขึ้นมามากมายขนาดนี้ พระนครก็คงไม่ปลอดภัยมากเหมือนกันเหรอ? ท่ารีบกลับไปเถอะ กันไว้ดีกว่าแก้ เดี๋ยวที่นี่ข้าคิดหาวิธีเอง อีกอย่างท่านพ่อต้องไปแจ้งข่าวที่นู่นด้วยว่าโม่จุนไม่เป็นไร!"ในใจของมู่จิ่วซีไม่สามารถสงบลงได้ อย่างที่ต้องรู้ว่ายอดฝีมือทั่วทั้งแคว้นเกาอวิ๋น ท่านผู้สำเร็จราชการแทนและท่านพ่อของนางถือว่ายอดฝีมือแนวหน้า ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่นี่ หากทางด้านนั้นเกิดเรื่องขึ้นมาล่ะ?ไส้ศึกมากมายขนาดนั้น ป้าสะใภ้รองลู่เวยหย่า ฮูหยินรองจ้วงชิงเหมยของอัครมหาเสนาบดี พวกนี้ล้ว
"ศัตรูปกติเวลาลอบโจมตีก็มักจะเลือกเวลาตอนคนที่ง่วงที่สุด ดังนั้นแจ้งให้ทุกคนผลัดกันเฝ้าเวรยาม" มู่จิ่วซีรับสั่งออกไปเย่ฮานก็รับคำสั่งและรีบออกไป ตอนนี้เขาเชื่อฟังคำสั่งของมู่จิ่วซีอย่างไม่มีเงื่อนไข เขาลืมคุณหนูใหญ่มู่คนก่อนที่ลืมกันว่าไม่มีอะไรคนนั้นไปหมดแล้วมู่จิ่วซีนั่งอยู่ที่มุมมืดพร้อมกับฝึกฝนวิชาเฟิงเหยียนหยูเฟย ร่างกายของนางรู้สึกราวกับอยู่ในสถานะไร้ตัวตนเมื่อถึงยามสอง เมฆหนาปกคลุมแสงของพระจันทร์เสี้ยว มู่จิ่วซีที่นั่งอยู่ในมุมมืดก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา"มาแล้ว!" มู่จิ่วซีรีบพูดในทันทีเย่ฮานที่อยู่ข้างกายห่างออกไปไม่ไกลก็สั่นสะท้านทั้งตัว เขาไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆแต่เขาก็ยังคงภายมือตั้งกระบวนท่าออกไป จากนั้นองครักษ์รอบด้านก็สามารถสัมผัสได้ ดาบยาวและกระบี่ยาวในมือก็จับกระชับแน่นขึ้น"ป้องกันประตูไว้" หลังจากมู่จิ่วซีพูดจบ นางก็กระโจนพุ่งออกมาจากในความมืดราวกับแมวเย่ฮานตกใจสะดุ้งและต้องการจะเรียกนาง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องปกป้องมู่จิ่วซีแต่ว่าเขาก็อดกลั้นเอาไว้และพยายามรักษาป้องกันประตูห้องของโม่จุนอย่างแน่นหนามู่จิ่วซีเพียงพลิกตัวก็ขึ้นไปอยู่ตรงมุมกำแพงชายคาด
มู่จิ่วซีตาแดงก่ำในทันที "โยนคบเพลิง เผาพวกมันซะ!"คนชุดดำทั้งสามเมื่อได้ยินก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา จากนั้นก็กระจายตัวเพื่อฝ่าวงล้อมออกไปข้างนอกส่วนคนชุดดำคนหนึ่งที่ล้มจนทั้งตัวเต็มไปด้วยน้ำมันก็ถูกไฟเผาทันทีเมื่อคบเพลิงถูกโยนออกมา จากนั้นเขาก็ร้องโหยหวนพร้อมกับไฟที่ลุกท่วมตัว"ไป! รีบหนีไป!" เมื่อคนๆ นั้นถูกเผาก็รีบตะโกนบอกกับคนชุดดำสองคนที่เหลือ จากนั้นเขาก็กางมือวิ่งกระโจนตัวเข้าไปหาทางด้านอาเหยาและทหารซึ่งมีจำนวนคนมากสุดอาเหยาก็พาทหารให้รีบถอย แส้ยาวในมือของมู่จิ่วซีก็สะบัดฟาดออกไปยังขาของคนชุดดำคนหนึ่งที่ถูกฟันคนชุดดำคนนั้นมีพลังแข็งแกร่งสูงมาก เขาหันกลับมาและใช้ดาบฟันไปยังแส้ที่พุ่งมา ทั้งสองปะทะกัน ชายชุดดำตัดสินใจทิ้งดาบของเขาและอาศัยจังหวะที่มู่จิ่วซีดังแส้กลับ เขาก็ลดความเร็วดาบลงเพื่อไม่ให้ทำร้ายตนเองคนชุดดำคนนั้นหันหลังกลับและกระโจนขึ้นกำแพงไปเตรียมที่จะหนีส่วนคนชุดดำอีกคนหนึ่งถูกเย่ฮานพัวพันไว้กัดไม่ปล่อย พวกเขาทั้งสองได้ทะยานขึ้นไปโรมรันกันอยู่บนยอดอาคาร"เจ้านี่ปล่อยข้าจัดการเอง!" มู่จิ่วซีกล่าว จากนั้นนางก็ทะยานข้ามกำแพงไปเพื่อไล่ตามคนชุดดำที่บาดเจ็บคนนั้น"
"คราวก่อน?" ชายคนนั้นชะงักไปสักพัก "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าคงจะมองตัวเจ้าเองดีเกินไปแล้วกระมัง เจ้าไม่ได้อยู่ในรายชื่อของพวกเรา แต่ว่าหลังจากครั้งนี้ บางทีก็อาจต้องมีชื่อเจ้าเสียแล้ว""รายชื่อ? ดูเหมือนพวกเจ้าคงจะหลบซ่อนมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ลงมือแล้วสินะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าจะได้มีส่วนร่วมด้วย แต่ว่าตัวเจ้าเองคงไม่ได้มีโอกาสแล้ว""เจ้าต่างหากที่จะไม่ได้มีโอกาสแล้ว" ชายคนนั้นลงมือจู่โจมในทันที เขาพุ่งมาหามู่จิ่วซีมู่จิ่วซีก็โน้มตัวลง ขาของนางกวาดเตะไปตรงแผลที่เท้าของชายคนนั้น ต่อมาชายคนนี้ก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมาในลำคอ ขณะที่เขากำลังล้มลงก็ได้แทงมีดสั้นตรงมาที่หัวใจของมู่จิ่วซีเพียงแต่ปลายดาบเขายังไม่ทันแทงถึง คอของเขาก็รู้สึกเย็นวาบ จากนั้นเลือดสดๆ ก็ได้พุ่งออกมาชายคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น มือพยายามจะกุมไปตรงลำคอ สายตาเขาจ้องมองมู่จิ่วซีอย่างพยาบาท เขาไม่อยากเชื่อว่าตนเองซึ่งเป็นทหารเดนตายวรยุทธสูงล้ำจะต้องมาถูกมู่จิ่วซีจัดการด้วยเพียงกระบวนท่าเดียว"ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ยอมแพ้ งั้นก็ตายไปเถอะ แต่ว่าข้าจะเอาศพของเจ้าไปโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตูเมืองทิศเหนือ ให้คนของแคว้นเป่ยจิ้นได้เ
มู่จิ่วซีเบือนหน้าอย่างฉงนและยักคิ้วถาม : "ข้าไม่อาจยืนยันมั่นใจได้ 100% คนที่เจ้าสู้ด้วยก่อนหน้านี้หกคนไม่สามารถยืนยันได้เลยเหรอ?"โม่จุนส่ายหัวและก็กล่าว : "แม้พวกเราจะคาดคิดว่าคือคนของแคว้นเป่ยจิ้น แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันให้มั่นใจ ถึงอย่างไรแต่ละอาณาจักรก็ล้วนมีไส้ศึกของอาณาจักรศัตรูเข้ามาแทรกซึม ถ้าไม่มีหลักฐานที่แท้จริงก็คงไม่อาจยืนยันมั่นใจได้ พวกเขาจะกัดเหมือนหมากัดกัน"มู่จิ่วซีก็กล่าว : "แม่นมหรงได้สารภาพแล้วว่าจ้วงชิงเหมยคือไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น ผนวกกับพิษของเงาหอมนิโลบล ป้าสะใภ้รองของข้าก็คงจะใช่เหมือนกัน จินเป้ยก็เป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น ฉีเล่อฉี่ก็คงจะใช่เหมือนกัน เจ้าคิดว่าคนที่มาฆ่าเจ้ากลุ่มนี้ไม่ใช่งั้นเหรอ? ถ้าจะให้พูด เจ้าไปถูกหลุ่มพรางคนพวกนี้ได้อย่างไร?"สีหน้าของโม่จุนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขึมขึ้นมาในทันที แววตาสีดำก็ย้อมไปด้วยประกายของความโมโหและโหดเหี้ยม"เมื่อคืนวาน ข้าเตรียมจะไปที่จวนอัครมหาเสนาบดี พอเห็นว่ารอบๆ มีคนเ้าสังเกตจวนอัครมหาเสนาบดี แน่นอนว่าข้าเลยไล่ตามจับคนพวกนั้น แต่ไม่คาดคิดว่าวรยุทธจะสูงส่ง โดยเฉพาะวิชาตัวเบา ผนวกกับข้าเองกลัวว่าจะต้องลงมือจนบาดเจ็บโดย
"แต่ว่าโม่จุน ในเมื่อเจ้ามีทหารมังกรดำในมือ 1,000 นาย ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเขามาปกป้องเจ้า?"ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดอย่างหงุดหงิด : "ข้าไม่คิดว่าศัตรูจะมียอดฝีมือถึง 6 คน""ข้าว่าแล้ว! เจ้ามันจองหองทระนงตน" มู่จิ่วซีหัวเราะใส่เขา"พวกมันอวดดี เจ้าเองก็พูดถูก เอาศพของพวกมันไปแขวนไว้สัก 3 วันให้พวกมันได้ดู" โม่จุนก็ตัดสินใจในทันทีวิธีการเอาศพไปแขวนโดยปกติจะทำตอนศึกสงคราม มักจะเกิดขึ้นมาสองแคว้นต้องมาเผชิญหน้ากัน"ข้าจะให้คนเอากลับไปแขวน ส่วนบาดแผลเจ้าพรุ่งนี้คงจะขยับได้แล้ว เดี๋ยวเรานั่งรถม้าค่อยๆ กลับพระนคร" มู่จิ่วซีกล่าว "อ้อ ก่อนหน้านี้ข้าได้บังคับถามชายชุดดำคนนั้น มันบอกว่าพวกมันมีรายชื่อสังหาร""รายชื่อสังหาร?" โม่จุนตกใจ"ใช่ แต่ว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้อยู่ในรายชื่อ คาดว่าหลังจากครั้งนี้ไปข้าคงถูกเพิ่มชื่อลงไป" มู่จิ่วซีหัวเราะยิ้มแห้งๆ "ก่อนหน้านี้ที่ใต้เท้ากู้ถูกลอบสังหาร คาดว่าเขาคงอยู่ในรายชื่อ"มู่จิ่วซีลุกขึ้นมาเดิน : "โม่จุน เจ้าต้องแบ่งเอาทหารมังกรดำของเจ้าไปแอบคุ้มกันองคมนตรีสำคัญสิ""ปกติข้างกายองคมนตรีจะมีองครักษ์ฝีมือดีอยู่แล้ว ใ