"จริงสิ พระพันปีหลวงได้พระราชทานให้เจ้าได้เป็รคุณหญิงตราตั้งระดับหนึ่งแล้ว" มู่เทียนซิงเองก็ตื่นเต้นมาก แม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพใหญ่มู่ แต่เขาก็มีระดับข้าราชการแค่ระดับสองเท่านั้น ดังนั้นคุณหญิงมู่จึงเป็นคุณหญิงตราตั้งระดับสองคุณหญิงมู่ตื่นเต้นจนรีบกล่าวขอบพระทัย ทุกคนต่างก็ทยอยแสดงความยินดีขณะนั้นมู่จิ่วซีก็เห็นโม่จุนเดินเข้ามาหา ทั้งสองสี่ดวงตาก็มองประสานกันมู่จิ่วซีก็ถลึงตาจ้องมองเขาอย่างดุเดือด ส่วนโม่จุนก็สีหน้าไร้อารมณ์ ทำท่าราวกับว่าตัวเองใส่ซื่อบริสุทธิ์อย่างมาก"ไอผู้ชายชาติหมา!" ในใจของมู่จิ่วซีก็กัดฟันด่าเขาออกมาการแข่งขันครั้งนี้ในที่สุดก็สิ้นสุดลง ข่าวที่ว่าคุณหนูใหญ่มู่ชนะการแจ่งจันก็ได้เล็ดลอดพูดกันออกไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อคนตระกูลฉีกลับออกมาจากวัง พวกเขาก็ถูกพวกนักพนันรุมด่าอย่างไม่หยุดหย่อน และก็มีบางคนทีขว้างปาสิ่งของรถม้าของจวนฉีก็สกปรกเละเทะไปหมด คนตระกูลฉีทั้งสามคนก็มีสำหน้าดำมืดจนไม่อาจจะดำได้กว่านี้อีกแล้ว"นึกไม่ถึงว่าคุณหนูสามของตระกูลฉีจะแพ้ให้กับมู่จิ่วซี นี่นางจงใจแพ้ชัดๆ เพื่อชนะเอาเงินพนันเดิมพันของผู้คนไม่ใช่หรือไง?""กุลสตรีหมายเลขหนึ่งอะไร
มู่จิ่วซีก็หัวเราะออกมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็กล่าวออกมา : "มีเรื่องอื่นอีกไหม?"เย่อู่เหิงก็รู้ละอายขึ้นมานิดหน่อย เขารีบเปลี่ยนสีหน้าให้จริงจังพร้อมกับเอ่ยกล่าว : "เกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนูใหญ่ไป๋ชิงแล้วขอรับ แล้วน้องหญิงรองของท่านด้วย คุณหนูไป๋เฟิ่งหว่านตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่ขอรับ"มู่จิ่วซีก็มีแววตาเปลี่ยนไปทันที : "มีใครตายงั้นเหรอ?""ยังไม่มีใครตายขอรับ แต่ว่าคุณชายสามไป๋ฉี่เฟิงถูกไป๋ชิงใช้มีดแทงเข้าที่เอวขอรับ บาดแผลสาหัสมาก" เย่อู่เหิงขณะพูด มู่เทียนซิงและคุณหญิงมู่ก็ได้เดินลงมา"งั้นเจินจูล่ะ? เจินจูไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย?" มู่เทียนซิงก็ถามเย่อู่เหิงในทันที"คุณหนูเจินจูได้ไปที่จวนอัครมหาเสนาบดีเพื่อหาไป๋ชิง แต่ไม่ว่าเพราะเกิดอะไรขึ้น นางก็ได้ทะเลาะกับไป๋ชิง ทั้งสองคนล้วนบาดเจ็บ คุณหนูเจินจูหัวแตกด้วย แต่ว่าบาดแผลไม่ได้รุนแรง""อะไรนะ? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" มู่เทียนซิงร้อนลนอย่างมาก"ท่านพ่อ ท่านไปส่งท่านแม่กลับจวนก่อน ข้าจะไปดูน้องหญิงรอง" มู่จิ่วซีพอเห็นสีหน้าของท่านแม่ของนางซีดขาว นางก็รีบพูดขึ้นมาถึงแม้มู่เทียนซิงจะร้อนใจ แต่พอเขาเห็นสภาพของภรรยาของเ
มือทั้งสองข้างยังคงมีเลือดที่แห้งกรังเปื้อนอยู่ ที่ชุดกระโปรงก็มีรอบเลือดอยู่เล็กน้อยเช่นกัน"ไป๋ชิง" มู่จิ่วซีเป็นห่วงนาง มู่จิ่วซีนั่งลงข้างๆ นางอีกฝั่งหนึ่งและเขย่าไหล่นางเบาๆไป๋ชิงก็ถึงจะได้สติกลับมา พอนางเห็นมู่จิ่วซี จู่ๆ ภายในดวงตาของนางก็มีน้ำตาเอ่อล้น จากนั้นก็ปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังออกมามู่จิ่วซีขมวดคิ้วและรีบกอดนางให้นางได้ร้องไห้ระบาย"ยังจะมีหน้ามาร้องไห้อีก เจ้าฆ่าน้องชายของข้า เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!" ไป๋เฟิ่งหว่านพอเห็นมู่จิ่วซีมาถึง นางที่อยากจะพูดมาโดยตลอด แต่ก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้"น้องชายเจ้าตายแล้วเหรอ? ถ้าเขายังไม่ตาย งั้นนี่เจ้าก็กะสาปแช่งเขาก่อนเลย?" มู่จิ่วซีมองขวางออกไปด้วยแววตาที่เย็นชาทั้งสองข้าง"เจ้า! มู่จิ่วซี คราวนี้เจ้าช่วยนางไม่ได้หรอก มีสายตานับไม่ถ้วยที่เห็นเหตุการณ์!" ไป๋เฟิ่งหว่านหันไปมองไป๋ชิงพร้อมกับแววตาของการดูถูกและเหยียดหยาม"เรื่องยังไม่ได้ตัดสิน เจ้าเองไม่ใช่เป็นคนกำหนด แต่ว่าการที่เจ้าทำร้ายน้องรองของข้าจนนางหัวแตก เจ้าเองก็คงยากที่จะหลบเลี่ยงความผิด" มู่จิ่วซีกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจไป๋เฟิ่งหว่านถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและพูดขึ้
มู่จิ่วซีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาอันเย็นชาส่วนในใจก็แอบด่าทอ : "ไอผู้ชายชาติหมาคนนี้ยังจะกล้ามาอีก?"พอโม่จุนมาถึง ทุกคนก็ลุกขึ้นถวายความเคารพ จากนั้นโม่จุนก็นั่งลงที่บัลลังก์ศาล ดวงตาสีดำทมิฬก็ได้กวาดมองออกไปรอบหนึ่งด้วยแววตาอันคมกริบ เขาเหลือบมองเห็นแววตาที่ไฟลุกโชนทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาออกไป"ไป๋ฉี่เฟิงอยู่ในอันตรายระหว่างเป็นตาย เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมาก คุณหนูไป๋ชิงเจ้าคงจำเป็นต้องกล่าวให้กระจ่างขัดเจนแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีใครช่วยเจ้าได้" เสียงอันเย็นชาของโม่จุนทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่นโดยเฉพาะไป๋ชิงที่สั่นไปทั้งตัว มือที่นางกุมมือของมู่จิ่วซีเอาไว้ก็ยิ่งแน่นมากขึ้น"ไป๋ชิง เจ้าไม่ต้องกลัว พูดไปตามความจริง ข้าเชื่อใจว่าเจ้าไม่มีทางไปแทงไป๋ฉี่เฟิงด้วยตัวของเจ้าเอง เจ้าคงจะป้องกันตัวเองใช่ไหม?" มู่จิ่วซีรีบถามออกไป"คุณหนูใหญ่มู่ ขอให้เจ้าอย่าทำการชี้นำพยาน ให้นางพูดเอง" โม่จุนกล่าวออกมาเย็นเยือกราวกับน้ำแข็งมู่จิ่วซีก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโกรธ แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาด่าไอผู้ชายชาติหมาคนนี้ นางจึงได้แต่ต้องอดทนไป๋เฟิ่งหว่านก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาท
ไป๋ชิงมีสีหน้าทั้งกังวลและสะพรึงกลัว นางลงไปคุกเข่าและร้องไห้ขึ้นมา"ไป๋ชิง เจ้าไม่ต้องกังวล พระเจ้านั้นมีตา ขอเพียงเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคน เรื่องนี้ความจริงจะต้องปรากฎไม่ช้าก็เร็ว" มู่จิ่วซีรีบปลอบโยนนาง"คุณหนูรองไป๋ งั้นเจ้าไปอยู่ที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าเห็นเหตุการณ์ชัดเจนอย่างงั้นเหรอ?" เย่อู่เหิงถามไป๋เฟิ่งหว่านไป๋เฟิ่งหว่านกตอบพร้อมกับดวงตาที่ทอเป็นประกาย : "ตอนที่ข้าได้ยินเสียงกรีดร้อง น้องชายสามของข้าก็ล้มไปนอนบนพื้นแล้ว ส่วนไป๋ชิงก็คุกเข่าอยู่ข้างๆ เขา ในมือนางถือกริชไว้ด้วยพร้อมกับเลือดที่เต็มมือ"เย่อู่เหิงหันไปมองมู่เจินจูและถามขึ้นมา : "คุณหนูรองมู่ แล้วเจ้าไปปรากฎตัวที่จวนไป๋ตั้งแต่เมื่อไหร่?"มู่เจินจูตกใจจนสะดุ้งแลหันไปมองมู่จิ่วซีครู่หนึ่ง"ข้า ข้าตอนที่ไปถึง ก็ได้เห็นไป๋เฟิ่งหว่านกำลังกระชากผมของไป๋ชิง ส่วนไป๋ฉี่เฟิงนอนแน่นิ่งไม่ขยับแล้ว ข้าตะโกนบอกให้ไป๋เฟิ่งหว่านหยุดมือ นางก็บอกว่าไป๋ชิงฆ่าไป๋ฉี่เฟิง ดังนั้นนางเลยต้องการให้ไป๋ชิงชดใช้ด้วยชีวิต ข้ากลัวว่านางจะตบตีไป๋ชิงจนบาดเจ็บ ดังนั้นข้าก็เลยทะเลาะลงมือกับนาง..."มู่เจินจูพอยิ่งพูดไปเรื่อยก็ยิ่งเสีย
โม่จุนก็รีบลุกขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับเดินออกไปข้างนอก ก่อนไปเขาได้ทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค : "ก่อนที่เรื่องจะตรวจสอบอย่างกระจ่าง ห้ามใครลงประชาทัณฑ์โดยเด็ดขาด"เย่อู่เหิงก็กล่าวรับคำ จากนั้นก็หันไปมองคนทั้งสองจากออกไปอย่างรวดเร็ว"ใต้เท้าเย่ ข้าไปได้แล้วหรือยัง?" ไป๋เฟิ่งหว่านก็กล่าวออกมาในทันใดถึงอย่างไรไป๋ฉี่เฟิงก็อยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดี ท่านผู้สำเร็จราชการแทนและมู่จิ่วซีก็คงไปที่จวนอัครมหาเสนาบดี ดังนั้นนางก็คงอยากจะกลับไปดูอาการน้องสาม"คุณหนูรองไป๋ เจ้าได้ทำร้ายคุณหนูรองมู่จนบาดเจ็บ เรื่องนี้จำเป็นต้องได้ข้อสรุป เจ้ายังไม่อาจกลับไปได้ในตอนนี้" เย่อู่เหิงกล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชา"ใต้เท้าเย่ นี่เจ้าไม่ได้ยินงั้นเหรอ? มู่เจินจูได้เข้ามาผลักข้า ข้าถึงได้ทะเลาะลงมือกับนาง ทั้งหมดเป็นเพราะนางลงมือกับข้าก่อน""ข้าก็แค่ผลักเจ้าออกไปเพื่อไม่ให้เจ้าทำร้ายไป๋ชิง ข้าไม่ได้ทำร้ายเจ้า" มู่เจินจูก็รีบกล่าวขึ้นมา "แล้วทีเจ้าหยิกข้าไม่พูดบ้างล่ะ อีกทั้งยังใช้พู่หยกมาทุบหัวข้าด้วย อย่างเจ้าควรเรียกว่าป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ เจ้าเองก็ควรต้องได้รับโทษ"มู่เจินจูก็ฉลาดรีบหาข้ออ้างขึ้นมาใช้สวีหยา
ศิลปะหกแขนงของบุรุษ แต่ละอย่างล้วนโดดเด่น? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?แต่ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว ทักษะการขี่ม้าของนางไม่ได้เป็นรองเขาเลย บนถนนมีสิ่งกีดขวางมากมาย แต่นางกลับขี่หลบหลีกอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังบังคับม้าให้ข้ามพ้นรถม้าที่บรรทุกสิ่งของได้อีก ถึงกับทำให้ผู้คนที่เห็นตาทอเป็นประกายจนตาแทบบอดส่วนโม่จุนท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่ตามมาด้านหลัง อีกนิดก็เกือบจะปล่อยไก่ออกมาจนในที่สุดมู่จิ่วซีก็หันกลับมามอง หน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ แววตาสองข้างคมกริบอย่างกับกระบี่พร้อมกับมองไปยังโม่จุนที่ขี่ไล่ตามมาด้วยแววตาอันเย็นเยือกอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้"อย่าวู่วาม วู่วามไปก็มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง" โม่จุนมองไปที่นางด้วยสีหน้าอารมณ์เสีย ส่วนน้ำเสียงกลับผ่อนคลายลงมาหน่อย"ไอผู้ชายชาติหมา เจ้าทรยศข้า!" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและตะคอกด้วยเสียงทุ้มต่ำโม่จุนก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็เข้าใจในทันที"เจ้าคิดว่ามีแค่เจ้าคนเดียวหรือไงที่ถูกยึดเงิน 250,000 ตำลึง? เงินของข้าเองก็ถูกเอาไปจ่ายเป็นเงินเดือนทหารเหมือนกัน!" โม่จุนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ "เจ้าคิดเหรอว่าพระพันปีหลวงไม่รู้ว่ามีการเปิดรับพนันเดิมพันกัน
โม่จุนเดิมทีอยากจะพูดเรื่องของเซียวหลิงเย่ว์ แต่พอได้ยินประโยคนี้ เขาก็ได้แต่พูด : "หรือว่าเจ้ายังสามารถช่วยไป๋ฉี่เฟิงได้งั้นเหรอ? แพทย์หลวงเองก็กำลังรักษากันอย่างสุดความสามารถ""ข้าเคยบอกแล้วว่ามีความสามารถหลายอย่าง เพียงแต่เจ้าไม่รู้เท่านั้น" มู่จิ่วซีกรอกตามองบนใส่เขาและก็เข้าไปในจวนไป๋ทันทีองครักษ์ของจวนไป๋เห็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนและมู่จิ่วซีอยู่ไกลๆ ตั้งนานแล้ว ซึ่งไม่มีใครกล้าไปขวาง พวกเขาได้แต่คุกเข่าถวายคำนับท่านผู้สำเร็จราชการแทนแต่ว่าคนข้างในรู้ตั้งนานแล้วว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนและมู่จิ่วซีอยู่ที่หน้าประตู ดูเหมือนว่าเพราะเรื่องอะไรสักอย่างและกำลังทะเลาะกันอยู่แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของมู่จิ่วซีในตอนแรกเหมือนกับสีหน้าของคนต้องการฆ่าโม่จุนแทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลย"ไป๋ฉี่เฟิงอยู่ที่ไหน?" มู่จิ่วซีบุ่มบ่ามเข้าไปพร้อมกับคว้าข้ารับใช้คนหนึ่งมาถาม"คุณหนูใหญ่มู่ คุณชายสามอยู่ อยู่ที่เรือนหลินฟ้านขอรับ" ข้ารับใช้คนนั้นตกใจกับท่าทีดุร้ายของมู่จิ่วซีโม่จุนก็ได้เดินแซงนางเข้าไปข้างในมู่จิ่วซีก็รีบปล่อยข้ารับใช้คนนั้นและเดินตามเข้าไปพร้อมกับกล่าว : "ชื่อดีๆ ไม่รู้จักตั้ง ตั