“ฝ่าบาท ฝ่าบาท พ่ะย่ะค่ะข้าน้อยสองคนอยากให้ฝ่าบาททรงตัดสินเรื่องความขัดแย้งของเราทั้งสอง”ขุนนางวันกลางคนเกือบชราเดินเข้ามาประสานมือตรงหน้า
“มีเรื่องเร่งด่วนใดกันฝ่าบาททรงกำลังดื่มชายามบ่าย” ขันทีข้างกายส่งเสียงปรามขุนนางทั้งสอง
“ใต้เท้าเหวินผู้ดูแลกรมคลังสองสามวันมานี้อคติกับข้าไม่ยอมเพิ่มเบี้ยหวัดและเงินตามที่ข้าขอสำหรับเหล่านางในห้องเครื่องที่ทำงานเหนื่อยหนัก”
“อคติ มีอะไรให้ต้องอคติข้าเห็นว่านางในห้องเครื่อง กินอิ่มกว่าใครไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้ออาหารเพิ่มได้น้อยกว่า นางในที่ทำนห้าที่อื่นเพียงน้อยนิดเท่านั้นจะเพิ่มไปเพื่ออะไรกัน”
“ท่านอย่างไรก็ไร้เหตุผลเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับเรื่องงาน”ใต้เท้าเหวินยิ้มหยันลอยหน้าลอยตา
“ท่านทั้งสองบาดหมางกันเรื่องอะไร”หลี่หลงเซียวถามขึ้นดังๆ
ไข้าน้อยมิได้บาดหมางพ่ะย่ะค่ะ มีแต่ใตเท้ากู้ที่เลอะเลือนคิดว่าข้าน้อยคิดเล็กคิดน้อยเพียงนั้น”
“พูดมาอย่าอ้อมค้อม กู้เฉวียนพูดมาเดี๋ยวนี้”
“ เอ่อ เอ่อข้าน้อยกับใต้เท้าเหวิน เราแข่งขันกันเพื่อที่จะชนะใจเฒ่าแก่เนี๊ยของหอโคมแดงสุริยันจันทรา”
“ไร้สาระสิ้นดี แค่เพียงหญิงงามทำให้พวกท่านบาดหมางถึงกับต้องให้ข้าตัดสิน งานในราชสำนักต้องอาศัยความสามัคคี เหตุใดจึงทำตัวราวกับนักรบพเนจรใส่ใจแต่เรื่องรักใคร่”
หลี่หลงเซียวตวาดดังลั่น
“ฝ่าบาทข้าน้อยไม่เคยบาดหมางกับกู้เฉวียนเป็นเขาที่คิดไปเองลำพัง”ออกตัวไปก่อนเพราะหลี่หลงเซียวกำลังโมโห จะบอกอย่างไรว่าขุนนางน้อยใหญ่ใครบ้างไม่รู้จักหอสุริยันจันทราที่กำลังเป็นที่พูดถึงมาไม่ต่ำสองเดือนที่ผ่านมา
“ท่านเหวินก่อนหน้านั้นเราสองคนรักใคร่ร่วมกินดื่มแต่พอข้า เป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่ท่านแม่ของหอสุริยันจันทราอยากจะเจอหน้าท่านก็หาเรื่องข้ามาตลอด”
“นี่พวกท่านเลอะเลือนชั่วขณะหรือไรลงทุนแย่งชิงนางโลมเช่นนั้นหรือ ท่านทั้งสองมีฮูหยินที่งดงามและยังมาจากตระกูลสูงส่งเหตุใดจึงเลอะเลือนเช่นนี้ หญิงคณิกาตำชั้นควรค่าให้แย่งชิงหรือไร”
ทั้งสองคนก้มหน้าสำนึกผิด
“ท่านแม่หอสุริยันจันทรา ผู้นั้นมิแก่หงำเหงือก มีอะไรให้พวกท่านแย่งชิง”ไคเฉิงเอ่ยปากยิ้มๆ
“นางงดงามยิ่งกว่านางคณิกาอันดับหนึ่ง และนางยังถูกขนานนามว่ารู้ใจบุรุษยิ่งกว่าใครนางจึงสอนสั่งหญิงงามในหอสุริยันจันทราของนางให้รู้จักเอาใจเหล่าบุรุษที่แวะเวียนที่นั่นให้สำราญในทุกค่ำคืน หอสุริยันจึงเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งในตอนนี้ที่มีคำหล่าวว่าแม้แต่เทพยามทุกข์ตรมหรืออยากผ่อนคลายก็ต้องแวะไปที่หอสุริยันจันทรา แล้วยังมีคนพูดกันว่านางเองไม่ยินยอมร่วมแท่นนอนกับใครไม่ว่าจะมีคนเสนอเงินกี่มากน้อยก็ไม่เคยมีใครได้พบหน้านาง จึงมีคนต้องการที่จะพบนางสักครั้งนานๆ เข้าจึงกลายเป็นการแย่งชิง ได้พบได้พูดคุยไม่กี่คำจะมีสักกี่คนได้ร่วมดื่มสุรากับท่านแม่ท่านนี้”
หลี่หลงเซียวถอนหายใจ
“ข้าที่ไม่เข้าใจพวกท่านว่านางมีดีตรงไหนแค่เพียงเฒ่าแก่เนี๊ยหอนางโลมคนหนึ่งเท่านั้น”
ขุนนางทั้งสองต่างโล่งใจที่ฮ่องเต้หนุ่มไม่เข้าใจ หากมีวันไหนที่หลี่หลงเซียวมาเป็นคู่แข่งลงสนามแย่งชิงพวกเขาคงพ่ายแพ้ยับเยิน ก็ทั้งรูปงามทั้งทรัพย์หนาใครจะกล้าไปต่อกร ดีแค่ไหนแล้วที่ฝ่าบาทไม่เข้าคลุกวงในด้วย
“ข้าขอให้ยุติเรื่องบาดหมางเสียตั้งแต่วันนี้ แม้ว่าตอนนี้แคว้นเป่ยเหลียงของเราจะสงบร่มเย็นไร้การศึกสงคราม ชาวบ้านล้วนซื้อง่ายขายคล่อง แต่พวกท่านที่รับใช้ราชสำนักก็ไม่ควรเอาเวลาที่จะต้องดูแลทุกข์สุขรับใช้ชาวบ้านไปทำเรื่องเช่นนี้”
สองขุนนางก้มหน้าสำนึกผิด
“น้อมบัญชาฝ่าบาทต่อไปข้าน้อยทั้งสองจะเลิกทะเลาะเบาะแว้งกันเอาเวลาที่บาดหมางไปหาทางทำให้นางหันมองจะดีกว่า”ใต้เท้าเหวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น กู้เฉวียนเองก็พยักหน้าขึ้นลงเห็นด้วยกับคำพูดของใต้เท้าเหวิน
หลี่หลงเซียวถอนหายใจยาว เตือนแล้วเหมือนจะเชื่อฟังแต่สุดท้ายก้วกไปที่การชนะใจหญิงเช่นเคย
สองขุนนางกลับไปแล้ว เพียงไม่กี่อึดใจ
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา”ขุนนางวัยหนุ่มสองคนเข้ามาประสานมือตรงหน้าพร้อมกัน
“มีเรื่องใดเร่งด่วนกันฝ่าบาทกำลังจิบชายามบ่าย”ไคเฉิงเอ่ยขึ้นดังดัง
“เรื่อง…เรื่อง…”องครักษ์ตู้ก้มหน้าพูดเบาๆ แทบจะกลายเป็นกระซิบ
“รีบพูดมา”หลี่หลงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เจ้าโง่ จ้านฟงบังอาจปรามาสข้าน้อยว่าไร้น้ำยา นั้นยังไม่น่าโมโหเท่ากับบอกว่าไร้น้ำยาจนแม่นางจูเฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราไม่ชายตาแล”
“เฒ่าแก่เนี๊ยสุริยันจันทรา… อีกแล้วหรือ”ไคเฉิงส่ายหน้าไปมา
“พวกเจ้านำพาแต่เรื่องเหลวไหลมากวนพระทัยฝ่าบาท”
“ความจริงเรื่องเหล่านี้ข้าไม่ควรต้องมาตัดสิน ข้ามีเพียงหนทางเดียวที่ยุติเรื่องนี้เลย ข้าจะบัญชาให้จับตัวเฒ่าแก่เนี๊ยคนนี้มาประหารเสียจะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาเหล่านี้ตามอีก”
“ฝ่าบาทโปรดไต่ตรองแม่นางจูไม่ได้ผิดอะไร”ทั้งจ้านฟงและตู้เล่ย รีบคุกเข่าตรงหน้าทัดทานพร้อมกัน
“เช่นนั้นเรื่องราวน่าปวดหัวเหล่านี้อย่าให้ข้าได้ยินอีก”
“ฝ่าบาทถึงจะพูดว่าไม่อยากได้ยิน แต่ตอนนี้ในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างมีเรื่องของแม่นางจูให้บาดหมางกันรายวัน….มิใช่แค่เพียงเราสองคน”ก้มหน้าพูดอ้อมแอ้ม
“ดีมาก หากต่อไปข้าได้ยินใครพูดถึงเฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราอีกข้าจะ ข้าจะ….”
“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง ข้าน้อยผิดไปแล้วทำให้แม่นางจูต้องเดือดร้อนฝ่าบาทโปรดลงทัณฑ์ข้าน้อยสองคนที่นำเรื่องเหลวไหลมากวนใจแต่ได้โปรดอย่าลงทัณฑ์แม่นางจู”“พอแล้ว ไม่ต้องแล้ว แค่ยุติเรื่องราวที่ข้าไม่สู้ชอบใจเหล่านี้เสียแล้วตั้งหน้าตั้งตาช่วยเหลืองานราชสำนัก ต่อไปเอาล่ะข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นหากข้าได้ยินว่า มีใครบาดหมางกันเพราะ…เฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราอีกละก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนหัวของนางตอนนี้ฟาดอยู่บนแท่นประหารแล้วรอแค่เพรชฆาตลงดาบก็เท่านั้น”“ไปได้แล้ว”ไคเฉิงส่งเสียงเตือนขุนนางทั้งสอง หนักใจแทนหลี่หลงเซียวไม่น้อยหอสุริยันจันทรา“ท่านแม่ขา คืนนี้ข้าจะได้นั่งบัลลังก์หญิงงามอันดับหนึ่งถูกต้องไหมเจ้าค่ะ”จงอันเล่อที่งดงามราวกับดอกไม้ในเหมันตฤดูที่หาดอกไม้งามได้ยากยิ่งนั่งไขว่ห้าง ร่างอรชร เพราะเคยต้องมือชายมาแล้วจึงยิ่งอวบอิ่มเข้ารูปเข้ารอย เนินถันที่ดันอาภรณ์บางเบาแม้แต่หญิงงามในหอคณิกายังอดชื่นชมไม่ได้ อกอวบปากอิ่มผ่านมือชายก็ยิ่งอวบยิ่งอิ่มท้าทายทุกสายตาหลอกล่อให้บุรุษน้อยใหญ่มาหลงใหลได้ไม่ยากหญิงในหอคณิกาสองคนบีบนวดอีกคนก็พัดให้อย่างเอาใจเงยหน้ามอง ชิงหรูพร้อมกับหยิบองุ่
ในคืนซอกซ้ำหรือหวานฉ่ำยังแยกแยะไม่ได้ อันเล่อกลับไปที่ตระกูลแต่กลับเหมือนกับไปเพื่อให้บิดา ไล่ออกจากตระกูลต่อหน้าคนรักเก่าแม่ทัพชงหยวนอวี ไม่ได้เสียใจหรือเจ็บปวดอะไรตอนนั้นแค่รู้สึกว่า ทำไมต้องซวยแล้วซวยอีกก็แค่โซซัดโซเซไป ขออาศัยในหอนางโลมที่มีชื่อว่านางครวญก็เท่านั้น ทำงานทุกอย่างแลกเงินท่านแม่หอนางครวญที่รักและเมตตาอันเล่อกลัวใคร จนในที่สุดท่านแม่หอนางครวญก็จากไปทิ้งหอคณิกาที่ทรุดโทรมขาดรายได้ ให้อันเล่อดูแลจึงพลิกฟื้นและเปลี่ยนชื่อหอคณิกาเสียใหม่เป็นหอ สุริยันจันทรา“ท่านแม่เจ้าขา นายหญิงบ้านอวีขอพบท่านแม่”คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน อวีซีหยินมาทำไมร่างอ้อนแอ้นอรชรที่เคยเห็นก่อนนั้น ยืนหันหลังให้ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ หันหน้ามาช้าๆ“มีอะไร เจ้าอยากพบข้ามีอะไรให้ รับใช้ ฮูหยินแม่ทัพชงหยวนอวี”อวีซีหยินทรุดกายลงกับพื้นสีหน้าเศร้าสร้อย“อันเล่อ แม่นางอันเล่อได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย เจ้าโกรธข้าใช่ไหมจึงทำเช่นนี้ ท่านพ่อบิดาข้าวันๆ เอาแต่พร่ำเพ้อถึงเจ้า แล้วยังทำร้ายท่านแม่ข้าเพราะไม่ให้มาพบเจ้าที่หอสุริยันจันทรา หากเจ้าไม่พอใจอะไรข้าก็ ก็…มาลงทีข้าอย่าทำแบบนี้ตอนนี้ข้าอายเขาเหลือเกินชา
“ฮือๆๆๆๆๆๆ ฝ่าบาท พี่ใหญ่ท่านต้องช่วยข้า”องค์หญิงผิงเผยร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าวิ่งมากอดแขนหลี่หลงเซียวที่กำลังอ่านฎีกาอย่างตั้งอกตั้งใจ“อิงเผย หยุดร้องแล้วพูดมา”“อึกกๆๆ ฮึกๆๆๆๆๆๆๆ อึกๆๆๆๆๆๆ”ยิ่งสะอื้นหนักกว่าเดิม“พูดมา หากยังร้องแบบนี้ก็จะช้าไปอีก สิ่งที่จะให้ช่วยก็ไม่ได้ช่วยให้สำเร็จเสียที”ปลอบเบาๆ“ต้าเถียน น้องเขยของฝ่าบาทหลายวันมานี้แวะเวียนแต่หอคณิกาแต่งกันมาแค่เพียงหนึ่งปีเขาเปลี่ยนไปเพียงนี้”“เป็นเรื่องธรรมดาของบุรุษก็ต้องมีเรื่องแบบนี้บ้าง”“ตะตะแต่ต้าเถียนคนใจร้ายนั่นจะต้องแวะไปที่หอสุริยันจันทรา ในทุกค่ำคืนนี่ก็สามคืนผ่านไปแล้วพี่ใหญ่ท่านคิดว่าปกติหรือ”“หอสุริยันจันทราอีกแล้วหรือ หอแห่งนี้คือสิ่งที่บั่นทอนราชสำนัก ส่งคนสืบสวนหาความจริงจับคนทำผิดมาลงโทษ”“ฝ่าบาทหอคณิกาบุรุษล้วนผ่านเข้าออกจะมีคนผิดเรื่องใดกัน”ไคเฉิงออกความเห็น“เช่นนั้นก็จับเฒ่าแก่เนี๊ยหอคณิกาสุริยันจันทรามาสำเร็จโทษ”“ดี พี่ใหญ่จัดการให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นก็สั่งปิดหอนางโลมแห่งนั้นเสียอึกๆๆๆๆ”องค์หญิงอิงเผยพูดขึ้นทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น“ข้อหาอะไรพ่ะย่ะค่ะ”ไคเฉิงที่จู่ๆ ก็อยากจะเป็นกลาง“ ยังจะถามให้มากคว
“แล้วข้าต้องทำเช่นไร”“รอยามห้ายท่านค่อยมาวางเงินใหม่คืนนี้ท่านแม่รับแขกเพียงสามคนท่านรีบมาเพราะใต้เท้ากวงก็หนึ่งแล้ว แต่ไม่รับรองว่าจะได้พบท่านแม่ มีหลายคนที่มีเงินวางมากมาย เพราะต้องการช่วงชิงการเป็นสามคนในทุกค่ำคืน”ไคเฉิงถอนหายใจวังหลวง“ไปเจรจาเช่นนั้นหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ”ไคเฉิงก้มหน้าประสานมือ“ข้าไม่ได้ให้ไปเจรจา ข้าให้ไปจัดการกับนางไม่ได้ให้ไปเจรจา”“ฝ่าบาทจิตใจไร้คุณธรรม ….เช่นนั้นเชียวหรือนางแค่ทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง แต่เพราะพวกบุรุษพวกนี้ … ล้วนไม่รู้จักอิ่มเต็มยอมมอบเงินให้นาง จะให้นางไม่รับก็ไม่ได้ ฝ่าบาทเราทำแบบนี้เท่ากับรังแกคนอ่อนแอหรือ”หลี่หลงเชียวหันมามองสบตาไคเฉิงที่รีบหลบตาก็ที่พูดมาเท่ากับตำหนิฮ่องเต้“ดี พูดได้ดี นอกจากจัดการกับนางเจ้ายังทำไม่ได้แล้วยังต้องยอมลงให้กับกฎเกณฑ์ของนางวางเงินให้นางได้หาเลี้ยงตัวเองหากเจ้าขนเงินไปให้นางมากกว่านั้นเจ้ายังคิดว่าจะได้พบนางไหม”“ได้พ่ะย่ะค่ะหากใครที่มีเงินมากพอย่อมพบนางได้อย่างเช่น สวามีขององค์หญิงอิงเผย ต้านเถียนผู้นั้นเพียงแค่อยากเห็นใบหน้าของนางเพียงอึดใจเขาถึงกับยอมจ่ายเป็นทองถึง5000ชั่งเลยทีเดียว”“ข้าจะไปพบนาง ด้วยตัวเอ
“นางมาถึงหรือยัง แล้วพวกเขารู้ได้อย่างไร”ขันทีก้มหน้าจะไม่รู้ได้อย่างไรก็ทหารของวังหลวงต่างจัดทัพราวกับจะไปรบเพื่อคุมตัวท่านแม่คณิกา เพียงคนเดียวนั่นเพราะคำสั่งที่แข็งขันของไคเฉิงแล้วยังเรื่องเล่าที่ไคเฉิงเสียทีให้กับท่านแม่หอคณิกาสุริยันจันทราคนนั้นจนต้องจ่ายตั้งไปตั้งมากมายแต่เรื่องที่ไปทำไม่ลุล่วง พวกเขาจึงต้องนำกำลังไปมากหน่อยกันความผิดพลาด“มาถึงแล้ว แต่เข้ามาข้างในไม่ได้เพราะ เพราะเหล่าขุนนางที่เคยชื่นชอบท่านแม่หอคณิกาคนนั้นต่างไปยืนดักรอไม่ให้นางเข้ามาพบฝ่าบาทขุนนางเหล่านั้นยังฝากข้าน้อยมาถามว่าฝ่าบาทได้รับฎีกาที่ถวายไปหรือยัง”“บังอาจ ส่งองครักษ์ไปคุมตัวขุนนางพวกนั้นไว้ ตามองค์หญิงอิงเผยให้มาจัดการกับ ต้านเถียนขายหน้าสิ้นดี แล้วลากตัวนางเข้ามาใครกล้าออกหน้าปกป้องนางอีกข้าจะถอดถอนตำแหน่งขุนนางเสีย”ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ไคเฉิงรีบขยับไปยืนข้างๆ อยากจะออกความเห็นแต่ไม่กล้า“แม่นางจูอันเล่อท่านแม่หอคณิกาสุริยันจันทรามาถึงแล้วววววว”เพียงอึดใจเดียวอันเล่อก็ก้าวเท้าเข้ามาในท้องพระโรงท่าทีเยื้องย่างราวกับนางหงส์ใบหน้าเชิดสูงไม่เชิดหยิ่งขัดตา ผ้าแพรสีชมพูบางเบาปิดบังใบหน้า งดงามมีเพีย
“พี่ใหญ่หากยุ่งยากนักก็ประหารนางเสีย ในเมื่อจะขังก็ไม่ให้ขังแต่หากปล่อยนางไปก็จะเป็นเช่นเดิมมิสู้ประหารนางเสีย แคว้นเป่ยเหลียงหลายมีมานี้สงบร่มเย็น ไร้ศึกสงครามพวกท่านขุนนางจึงอยู่สบาย ข้าในฐานะองค์หญิง เรื่องนี้หากฝ่าบาทไม่อาจตัดสินใจเพราะเกรงใจพวกท่านแต่ข้าไม่เกรงใจ นำนางไปประหารเสีย” อันเล่อก้มหน้าซ่อนยิ้มเสียหลี่หลงเชียวถอนหายใจ“มีใครจะคัดค้านบัญชาขององค์หญิงหรือไม่”หลี่หลงเชียวพูดขึ้นดังๆ“เช่นนั้นก็กักบริเวณนางก็ได้”เสียงขุนนางคนหนึงเอ่ยขึ้นอ้อมแอ้ม"นางเป็นบ่อนทำลายราชสำนัก ข้าออกกฎอีกข้อห้ามผู้ใดย่างกรายเข้าใกล้บริเวณ ตำหนักฟ้าสางเช่นนั้นจะถือว่าขัดบัญชามีการลงทัณฑ์สถานหนัก”ไคเฉิงอมยิ้มในพระทัยของฝ่าบาทใครอาจหยั่งรู้ได้ในเมื่อสายตาที่ไคเฉิงเห็นยามที่มองอันเล่อนั้นช่างไม่ธรรมดา หากไม่ติดที่แม่นางนิรนามคนนั้นฝ่าบาทคงรับอันเล่อเป็นสนมไปแล้ว“เจ้าว่าอย่างไรท่านแม่หอคณิกาคนงาม”อิงเผยหันไปถามอันเล่อที่ก้มหน้านิ่ง“ข้าไร้หนทางอยู่ที่นี่ไม่อาจทำการค้าได้อีกต่อไป แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่ากอบโกยไม่น้อยเช่นนั้นจึงควรสมนาคุณให้กับเหล่าลูกค้าของข้า”หันหลังให้หลี่หลงเชียวหันหน้าให้กับเหล่าขุ
“พี่ใหญ่หากยุ่งยากนักก็ประหารนางเสีย ในเมื่อจะขังก็ไม่ให้ขังแต่หากปล่อยนางไปก็จะเป็นเช่นเดิมมิสู้ประหารนางเสีย แคว้นเป่ยเหลียงหลายมีมานี้สงบร่มเย็น ไร้ศึกสงครามพวกท่านขุนนางจึงอยู่สบาย ข้าในฐานะองค์หญิง เรื่องนี้หากฝ่าบาทไม่อาจตัดสินใจเพราะเกรงใจพวกท่านแต่ข้าไม่เกรงใจ นำนางไปประหารเสีย” อันเล่อก้มหน้าซ่อนยิ้มเสียหลี่หลงเชียวถอนหายใจ“มีใครจะคัดค้านบัญชาขององค์หญิงหรือไม่”หลี่หลงเชียวพูดขึ้นดังๆ“เช่นนั้นก็กักบริเวณนางก็ได้”เสียงขุนนางคนหนึงเอ่ยขึ้นอ้อมแอ้ม"นางเป็นบ่อนทำลายราชสำนัก ข้าออกกฎอีกข้อห้ามผู้ใดย่างกรายเข้าใกล้บริเวณ ตำหนักฟ้าสางเช่นนั้นจะถือว่าขัดบัญชามีการลงทัณฑ์สถานหนัก”ไคเฉิงอมยิ้มในพระทัยของฝ่าบาทใครอาจหยั่งรู้ได้ในเมื่อสายตาที่ไคเฉิงเห็นยามที่มองอันเล่อนั้นช่างไม่ธรรมดา หากไม่ติดที่แม่นางนิรนามคนนั้นฝ่าบาทคงรับอันเล่อเป็นสนมไปแล้ว“เจ้าว่าอย่างไรท่านแม่หอคณิกาคนงาม”อิงเผยหันไปถามอันเล่อที่ก้มหน้านิ่ง“ข้าไร้หนทางอยู่ที่นี่ไม่อาจทำการค้าได้อีกต่อไป แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่ากอบโกยไม่น้อยเช่นนั้นจึงควรสมนาคุณให้กับเหล่าลูกค้าของข้า”หันหลังให้หลี่หลงเชียวหันหน้าให้กับเหล่าขุ
“นางโง่ เจ้าคิดว่าข้อหา ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก กับข้อหาบ่อนทำลายราชสำนักเจ้าคิดว่าควรๆ ได้กลับออกมาอีกหรือ หอคณิกาแห่งนี้มีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงและท่านแม่พวกเจ้าไม่อยู่ก็ต้องซบเซา ข้าขายของนอกกายของอันเล่อไปไม่กี่ชิ้นพวกนำมาปรับปรุงหอสุริยันจันทราและแบ่งให้พวกเจ้าใช้ใครยังกล้าขัดอีก”“แต่”เจียวเจียวยังไม่เลิกรา“หอสุริยันจันทราจะต้องงดงามกว่านี้ดูดีกว่านี้และข้าจะเปิดให้มีบ่อนการพนันขึ้นมาอีกอย่างนอกจากให้ความสำราญแค่เพียงบุรุษจะต้องให้ความสำราญคนที่อยากจะเสี่ยงด้วย อ่อลืมไปจะต้องมีการขายฝิ่นเพื่อให้ผู้คนที่หลงใหลในกลิ่นหอมหวานของมันได้มีที่ซื้อขายง่ายดาย”“ท่านแม่ไม่ชอบการพนัน และยาเสพติดเพราะการพนันจะทำให้คนยิ่งงมงายไม่ทำงานและยังทำลายครอบครัว ทำลายคนดีดี”“เชอะทำลายครอบครัว สิ่งที่ท่านแม่เจ้าทำนี่ไม่ทำลายหรือไรหลอกสามีเขาเพื่อเอาเงินลูกเมียเขาลำบากกันไปหมดคิดว่าทำดีแล้วหรือ”“ท่านแม่แค่จะช่วยพวกนางต่างหากให้เห็นข้อเท็จจริงเรื่องบุรุษที่มักมากไม่รู้จักพอไม่ควรค่าแก่การเป็นสามี”“ท่านแม่เจ้าคิดว่านางเป็นใคร บุรุษใดบ้างจะมีรักเดียวชั่วชีวันฮ่าาาาน่าขันสิ้นดี”วังหลวง“แม่นาง