เดิมทีพวกเขาที่ไม่ได้ใส่ใจและแสดงท่าทีหยิ่งยโส กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นระมัดระวังมากขึ้น ทั้งยังมีท่าทีที่ประหม่าและอ่อนน้อมแถมยังต่างพากันแสดงความภักดีต่อหลีเอียนในที่สุด เมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนสุดท้ายออกจากห้องทำงานและกลับไปทำงานอย่างซื่อสัตย์ ความวุ่นวายนี้ก็จบลงหลีเอียนถอนหายใจยาว ใบหน้าที่งดงามของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้มเบาๆ ที่ดูผ่อนคลายดูเหมือนว่ายังมีสัมผัสของความหวานผสมอยู่ด้วยประธานสาวที่เคยเข้มแข็งและมีอำนาจเด็ดขาด ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเมื่อเจอปัญหาแล้วมีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ... หรือแม้กระทั่งช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ มันช่างดีเหลือเกิน!!!แต่เพียงเสี้ยววินาที สายตาคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเลขาเหลียงที่อยู่ข้างๆ“ท่านประธานหลี ดีจริงๆ! ฉันบอกแล้วว่า คุณเย่ต้องแก้ปัญหาได้แน่นอน”ในฐานะที่เป็นเลขาส่วนตัวของหลีเอียน เหลียงน่าน่าไม่มีปัญหาในเรื่องความซื่อสัตย์ และในขณะนี้ เธอรู้สึกยินดีอย่างจริงใจแทนท่านประธาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น หลีเอียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกในขณะเดียวกันที่วิลล่าส่วนตัวหลังหนึ่งครอบครัวของหลีเทียนกังยังคงรอคอยข
เมื่อหลีเทียนกังวางสายโทรศัพท์สายสุดท้าย ใบหน้าของเขามืดครึ้มจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาเหล่าลูกน้องเก่าของเขา ไม่มีใครเลือกที่จะตามเขาไปเลย พวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะอยู่กับบริษัทยาตระกูลหลี่ต่อไปบางคนถึงขนาดไม่รับสายเขาด้วยซ้ำ“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลี่เยว่ผิงถามด้วยความกังวล“เย่เฟิง! เป็นไอ้เย่เฟิงนั่น! พวกกลับกลอกพวกนี้คุยกับไอ้เย่เฟิงคนเดียวแล้วพวกมันก็เปลี่ยนใจทันที!!”หลีเทียนกังพูดด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำ“อะไรนะ? ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่อยู่ข้างๆ หลีเอียนคนนั้นน่ะเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แค่หนุ่มหน้าหล่อคนหนึ่ง จะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง?"”หลีถิงเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ“ใครจะไปรู้ว่าเขาใช้วิธีสกปรกอะไร! ที่น่าขำที่สุดคือ เขายังอวดอ้างว่าจะมีการสั่งซื้อมูลค่าอย่างน้อยเป็นห้าร้อยล้านในเร็วๆ นี้! ให้ตายเถอะ หรือเป็นเพราะเรื่องนี้? พวกกลับกลอกพวกนั้นเชื่อจริงๆ งั้นเหรอ?"”หลีเทียนกังมีสีหน้าที่ไม่แน่นอนเหล่าผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น แน่นอนว่าไม่มีทางพูดถึงเรื่องที่พวกเขาทำผิดอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจึงเอาคำสัญญาลมๆ แล้งๆ ที่เย่เฟิงวาดไว้มาใช้แก้ตัว“ฮ่าคำ
“เอ่อ ผมลืมว่าที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น”!”เย่เฟิงจับจมูกและพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “งั้นคุณหนูหลี ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ?”ทันทีที่เขาพูดจบ สาวสวยผู้ที่เพิ่งจะดูอารมณ์ดีอยู่เมื่อไม่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า ก็มีสีหน้าเย็นชาลงทันทีหลีเอียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาดุๆแล้วพูดว่า “ไปเถอะ! เห็นหน้าคุณแล้วฉันหงุดหงิด!”เย่เฟิงเหงื่อแตกพลั่กในใจ คิดว่าผู้หญิงคนนี้... ทำไมอารมณ์ถึงได้แปรปรวนขนาดนี้?จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!หลังจากออกจากบริษัทเย่เฟิงก็แวะไปที่ร้านขายยาหลายแห่ง และซื้อยาจำนวนมากในเมื่อเขาตัดสินใจจะช่วยหลีเอียนแล้ว ก็ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เขาเลือกยาสี่ชนิดเพื่อเตรียม "ปรับแต่ง"ประกอบด้วยยารักษารอยแผลเป็นและเพื่อความงาม ยาปลูกผมและย้อมผม ยาห้ามเลือดอย่างรวดเร็ว และยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า "ปรับแต่ง" ไม่ใช่ "ปรับปรุง" เพราะเย่เฟิงมีแผนที่จะลดประสิทธิภาพของสองตำรับยาชนิดแรกลงเล็กน้อยสำหรับสมุนไพรบางชนิดที่มีราคาแพง เย่เฟิงจะใช้สมุนไพรที่ราคาถูกกว่ามาทดแทนเพื่อลดต้นทุน ทำให้เหมาะสมกับการผลิตในปริมาณมากแน่นอนว่า ถึงแม้จะลดประสิทธิภาพ
หลังจากวางสาย คิ้วของมู่จ้านก็ขมวดแน่น สีหน้าไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้มู่ซินเฟยที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจพร้อมพูดว่า "นึกว่าเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง ที่ไหนได้ เขาก็แค่คนที่หวังผลประโยชน์ พึ่งพาความสัมพันธ์กับพ่อเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ช่างน่าผิดหวังจริงๆ!”บุตรสาวของท่านผู้บัญชาการส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเย่เฟิง “เฮ้อ พ่อเองก็ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะกระหายผลประโยชน์ถึงขนาดนี้ พยายามจะใช้ความสัมพันธ์ของพ่อเพื่อโปรโมตยาห้ามเลือดของเขาในกองทัพ?”มู่จ้านส่ายหัว ความประทับใจที่มีต่อเย่เฟิงลดลงอย่างมาก“พ่ออย่าช่วยเขานะ! ฮึ่ม!” มู่ซินเฟยพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย“ไว้ว่ากันเขาบอกว่าจะทำตัวอย่างยาให้พ่อลองใช่ไหม? ถ้าผลลัพธ์ธรรมดา พ่อจะปฏิเสธเขา แต่ถ้าผลลัพธ์ดีจริงๆ พ่อก็อาจจะช่วยเขาได้บ้าง แต่ก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น!”ผู้บังคับบัญชามู่พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น“อืม รอดูตอนที่เขานำตัวอย่างมาแล้วกัน! หนูไม่เชื่อหรอกว่ายาของเขาจะดีกว่ายาห้ามเลือดของทหารที่เราใช้ในปัจจุบัน”มู่ซินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจทางด้านเย่เฟิง เมื่อวางสาย เขาก็รู้สึกถึงกา
ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์หรือการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ล้วนต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะประสบความสำเร็จ เย่เฟิงยังอายุน้อยแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ยอดเยี่ยมแล้วแน่นอนว่าเขาคงมุ่งมั่นศึกษาเรื่องการแพทย์อย่างเต็มที่ ไม่อาจมีเวลาไปเรียนรู้สิ่งอื่นเย่เฟิงเห็นสีหน้าไม่สนใจของหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ใบหน้าที่สวยงามของเธอเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ หลิงเอ๋อร์ก็ลองถามอย่างระมัดระวัง "จริงสิ เย่เฟิง คุณมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าสามารถรักษา... เรื่องทางนั้นได้หรือเปล่า?"“ทางไหน ?”เย่เฟิงแปลกใจและขมวดคิ้ว“ก็……เรื่องนั้นไง โอ๊ยนี่……”หลิงเอ๋อร์กระทืบเท้าด้วยความเขินอายเย่เฟิงมองหลิงเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วตอบพร้อมมีเหงื่อออก "คุณออกจะร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยอะไรนะ"“ไม่ใช่ฉัน! และมันก็ไม่ใช่โรคภัย คือมัน... มันใช้การไม่ค่อยได้! เป็นลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นผู้ชาย เคยได้รับบาดเจ็บตรงนั้นตอนเด็กๆ คุณ... สามารถรักษาได้ไหม?"หลิงเอ๋อร์ขบกัดริมฝีปากและหน้าแดงจัด“แบบนี้นี่เอง……น่าจะได้ไม่มีปัญหา!”เ
เว่ยเสี่ยวตงปิดหน้าตัวเองแล้วลุกขึ้น ร่างกายเข้าเซเล็กน้อย ฝ่ามือเย่เฟิงนั้นทำเอาเขาเห็นดาวเลยทีเดียว ใบหน้าซีกหนึ่งก็บวมขึ้นมาความเคียดแค้นและความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นของเขาเหล่าลูกน้องและบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขามองด้วยความตกใจในหมู่บ้านฮั่วหูนี้และในเมืองหยุนเฉิง ไม่คิดว่าจะมีใครขัดใจตบคุณชายปลิวได้?“เอาให้มันหมดสภาพ โยนแม่งออกไป!”เว่ยเสี่ยวตงพูดเน้นย้ำทีละคํา"ครับ!"พวกสุนัขรับใช้ตอบอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วล้อมรอบเย่เฟิ่งแล้วจู่โจมโดยไม่พูดอะไรแต่ละคนดูมีออร่าชั่วร้ายและน่ากลัว“พวกแกคิดจะทําอะไร?”หลิงเอ๋อร์รีบเข้ามาขว้างด้านหน้าเย่เฟิงแล้วออกโรงสกัดกั้น!เธอเป็นคนเรียกเย่เฟิงมา แล้วก็เป็นคนก่อเรื่องนี้ หลิงเอ๋อร์เธอไม่อาจยืนดูเฉยๆได้หลังจากนั้น สาวสวยที่ดูอ่อนหวานคนหนึ่งก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มชายกำยำ“ลุย!ลุยไปพร้อมกันเลย!”เมื่อเห็นว่าหลิงเอ๋อร์ปกป้องเย่เฟิง เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องต้องมีเมตตาของสตรีด้วยสิ เขาตะโกนใส่ลูกน้องผู้หญิงสําหรับเขาแล้วก็แค่เอาไว้เล่นสนุกแค่นั้นอย่างไรก็ตาม หลิงเอ๋อร์หญิงสาวคนนี้พละกำลังไม่เลวเลย ถึงโดนรุมสิบคนก็ยัง
เย่เฟิงหรี่ตาลง รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าเขาวินาทีถัดมา เขาดึงตัวหลิงเอ๋อร์ที่กำลังต่อสู้อยู่:“ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ คุณไปพักสักพักไป!”“ทำอะไรน่ะ อย่าเกะกะ! รีบวิ่งดิ!”หลิงเอ๋อร์ที่กำลังลงมือกับใครบางคนอยู่นั้น มาถูกเย่เฟิงดึงไว้แบบนี้จนแทบเสียการทรงตัว เธอตวาดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีฟังเสียงพูดคุยของคนรอบๆเธอ ในใจของหลิงเอ๋อร์ก็เริ่มมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่บ้างถ้าไม่ใช่เย่เฟิงรักษาใบหน้าที่เสียโฉมของปู่เธอล่ะก็หลิงเอ๋อร์แทบไม่อยากจะสนใจเขาด้วยซ้ำชายผู้หนึ่งใช้โอกาสจู่โจมตอนหลิงเอ๋อร์หยุดชะงัก เขายกหมัดเข้าใส่สายตาเธอเห็นหมัดที่กำลังจะปะทะเข้าร่างเธอเพี๊ยะ!ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีเงาปรากฏขึ้น จู่ๆร่างของชายผู้นั้นก็ลอยกระเด็นออกไปทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากที่ทำให้หลิงเอ๋อร์และทุกคนต้องพากันตะลึงตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ……เย่เฟิงดึงหลิงเอ๋อร์ไปไว้ด้านหลังเขา ก่อนที่เขาจะออกโรงต่างจากการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เผชิญหน้ากับกลุ่มชายร่างใหญ่นี้ เย่เฟิงแค่ซัดพวกเขากระเด็นไปทีละคนลงมือครั้งเดียวอย่างเรียบง่ายแต่กลับรุนแรงขั้นสุดทุก
หลังจากจัดการลูกสมุนของเว่ยเสี่ยวตง และซัดคึนไปทีหนึ่ง เย่เฟิงก็พาหลิงเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านฮั่วหู“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเก่งกังฟูขนาดนี้!อาจารย์คุณคือใครล่ะ?”หลิงเอ๋อร์ถามพร้อมดวงตาสวยที่เปล่งประกาย“ผมไม่มีอาจารย์หรอก เรียนด้วยตนเองน่ะ!”เย่เฟิงยิ้มได้ยินแบบนี้ หลิงเอ๋อร์ก็กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้: “เจ๋งนี่!”เดิมทีเธอก็มีหน้าตาที่งดงามและน่ารักอยู่แล้ว ขนาดกลอกตามองบนยังสวยมีเสน่ห์หาที่เปรียบ เย่เฟิงที่เห็นนั้นก็แอบใจสั่น หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เปลี่ยนร้านอาหารเพื่อกินข้าว หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นเรื่องของปู่เธอ ครั้งก่อนเย่เฟิงเคยพูดว่า “เป่ยเหล่า เดือนหน้ายังต้องรักษาอีกครั้งถึงจะหายดี” ครั้งนี้เธอนัดหมายเวลาที่แน่นอนสำหรับคุณปู่ไว้แล้วขณะรับประทานอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่ เย่เฟิงก็ได้รับโทรศัพท์“คุณเย่หรือเปล่าครับ ผมเป็นคนของใต้เท้ามู่ เรื่องวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โฉลดกับกุญแจอีกสักครู่ผมจะส่งไปให้นะครับ ไม่ทราบว่าช่วงบ่ายสะดวกมาเจอกันไหมครับ?”อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างสุภาพแม้ว่าท่าทีของมู่จ้านที่มีต่อเย่เฟิงจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่สัญญาไว้ไม