ในส่วนลึกของดวงตาของผู้จัดการหวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกลัวบางอย่างซ่อนอยู่เมื่อเธอเผชิญกับสายตาของเย่เฟิง รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่ และถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งความรู้สึกนี้เป็นช่างน่ากลัวมาก!“เอ๊ะ ได้เลย! แน่นอนว่าต้องได้! บริษัทจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของพนักงานอย่างแน่นอน!”“ยิ่งไปกว่านั้นคุณอยู่ในบริษัทเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสําหรับตัวคุณเองอย่างแน่นอน!”“ผมรับรองได้ว่าเร็ว ๆ นี้ บริษัทจะได้รับคำสั่งซื้ออย่างน้อยห้าร้อยล้านบาท เมื่อถึงเวลานั้นพวกคุณในฐานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะได้รับเงินปันผลจำนวนมากในอนาคตแน่นอนครับ!”“ดังนั้น อย่าคิดมากเกินไป ทำงานให้ดีเถอะ”เย่เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายเขาเข้าใจดีว่าการให้สิ่งดี ๆ หลังจากที่ทำการข่มขู่เป็นวิธีการที่ดีในการควบคุมคนและการให้ผลประโยชน์จะทำให้ความสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประตูห้องทำงานเปิดออก พร้อมกับผู้จัดการหวงที่เดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียวดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคนที่ระมัดระวังมากขึ้น“หัวหน้าหวัง เข้าไปเถอะ”ผู้จัดการหวงหันไปพูดกับชายคนหนึ่ง“ผู้จัดการหว
เดิมทีพวกเขาที่ไม่ได้ใส่ใจและแสดงท่าทีหยิ่งยโส กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นระมัดระวังมากขึ้น ทั้งยังมีท่าทีที่ประหม่าและอ่อนน้อมแถมยังต่างพากันแสดงความภักดีต่อหลีเอียนในที่สุด เมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนสุดท้ายออกจากห้องทำงานและกลับไปทำงานอย่างซื่อสัตย์ ความวุ่นวายนี้ก็จบลงหลีเอียนถอนหายใจยาว ใบหน้าที่งดงามของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้มเบาๆ ที่ดูผ่อนคลายดูเหมือนว่ายังมีสัมผัสของความหวานผสมอยู่ด้วยประธานสาวที่เคยเข้มแข็งและมีอำนาจเด็ดขาด ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเมื่อเจอปัญหาแล้วมีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ... หรือแม้กระทั่งช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ มันช่างดีเหลือเกิน!!!แต่เพียงเสี้ยววินาที สายตาคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเลขาเหลียงที่อยู่ข้างๆ“ท่านประธานหลี ดีจริงๆ! ฉันบอกแล้วว่า คุณเย่ต้องแก้ปัญหาได้แน่นอน”ในฐานะที่เป็นเลขาส่วนตัวของหลีเอียน เหลียงน่าน่าไม่มีปัญหาในเรื่องความซื่อสัตย์ และในขณะนี้ เธอรู้สึกยินดีอย่างจริงใจแทนท่านประธาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น หลีเอียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกในขณะเดียวกันที่วิลล่าส่วนตัวหลังหนึ่งครอบครัวของหลีเทียนกังยังคงรอคอยข
เมื่อหลีเทียนกังวางสายโทรศัพท์สายสุดท้าย ใบหน้าของเขามืดครึ้มจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาเหล่าลูกน้องเก่าของเขา ไม่มีใครเลือกที่จะตามเขาไปเลย พวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะอยู่กับบริษัทยาตระกูลหลี่ต่อไปบางคนถึงขนาดไม่รับสายเขาด้วยซ้ำ“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลี่เยว่ผิงถามด้วยความกังวล“เย่เฟิง! เป็นไอ้เย่เฟิงนั่น! พวกกลับกลอกพวกนี้คุยกับไอ้เย่เฟิงคนเดียวแล้วพวกมันก็เปลี่ยนใจทันที!!”หลีเทียนกังพูดด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำ“อะไรนะ? ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่อยู่ข้างๆ หลีเอียนคนนั้นน่ะเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แค่หนุ่มหน้าหล่อคนหนึ่ง จะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง?"”หลีถิงเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ“ใครจะไปรู้ว่าเขาใช้วิธีสกปรกอะไร! ที่น่าขำที่สุดคือ เขายังอวดอ้างว่าจะมีการสั่งซื้อมูลค่าอย่างน้อยเป็นห้าร้อยล้านในเร็วๆ นี้! ให้ตายเถอะ หรือเป็นเพราะเรื่องนี้? พวกกลับกลอกพวกนั้นเชื่อจริงๆ งั้นเหรอ?"”หลีเทียนกังมีสีหน้าที่ไม่แน่นอนเหล่าผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น แน่นอนว่าไม่มีทางพูดถึงเรื่องที่พวกเขาทำผิดอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจึงเอาคำสัญญาลมๆ แล้งๆ ที่เย่เฟิงวาดไว้มาใช้แก้ตัว“ฮ่าคำ
“เอ่อ ผมลืมว่าที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น”!”เย่เฟิงจับจมูกและพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “งั้นคุณหนูหลี ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ?”ทันทีที่เขาพูดจบ สาวสวยผู้ที่เพิ่งจะดูอารมณ์ดีอยู่เมื่อไม่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า ก็มีสีหน้าเย็นชาลงทันทีหลีเอียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาดุๆแล้วพูดว่า “ไปเถอะ! เห็นหน้าคุณแล้วฉันหงุดหงิด!”เย่เฟิงเหงื่อแตกพลั่กในใจ คิดว่าผู้หญิงคนนี้... ทำไมอารมณ์ถึงได้แปรปรวนขนาดนี้?จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!หลังจากออกจากบริษัทเย่เฟิงก็แวะไปที่ร้านขายยาหลายแห่ง และซื้อยาจำนวนมากในเมื่อเขาตัดสินใจจะช่วยหลีเอียนแล้ว ก็ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เขาเลือกยาสี่ชนิดเพื่อเตรียม "ปรับแต่ง"ประกอบด้วยยารักษารอยแผลเป็นและเพื่อความงาม ยาปลูกผมและย้อมผม ยาห้ามเลือดอย่างรวดเร็ว และยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า "ปรับแต่ง" ไม่ใช่ "ปรับปรุง" เพราะเย่เฟิงมีแผนที่จะลดประสิทธิภาพของสองตำรับยาชนิดแรกลงเล็กน้อยสำหรับสมุนไพรบางชนิดที่มีราคาแพง เย่เฟิงจะใช้สมุนไพรที่ราคาถูกกว่ามาทดแทนเพื่อลดต้นทุน ทำให้เหมาะสมกับการผลิตในปริมาณมากแน่นอนว่า ถึงแม้จะลดประสิทธิภาพ
หลังจากวางสาย คิ้วของมู่จ้านก็ขมวดแน่น สีหน้าไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้มู่ซินเฟยที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจพร้อมพูดว่า "นึกว่าเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง ที่ไหนได้ เขาก็แค่คนที่หวังผลประโยชน์ พึ่งพาความสัมพันธ์กับพ่อเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ช่างน่าผิดหวังจริงๆ!”บุตรสาวของท่านผู้บัญชาการส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเย่เฟิง “เฮ้อ พ่อเองก็ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะกระหายผลประโยชน์ถึงขนาดนี้ พยายามจะใช้ความสัมพันธ์ของพ่อเพื่อโปรโมตยาห้ามเลือดของเขาในกองทัพ?”มู่จ้านส่ายหัว ความประทับใจที่มีต่อเย่เฟิงลดลงอย่างมาก“พ่ออย่าช่วยเขานะ! ฮึ่ม!” มู่ซินเฟยพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย“ไว้ว่ากันเขาบอกว่าจะทำตัวอย่างยาให้พ่อลองใช่ไหม? ถ้าผลลัพธ์ธรรมดา พ่อจะปฏิเสธเขา แต่ถ้าผลลัพธ์ดีจริงๆ พ่อก็อาจจะช่วยเขาได้บ้าง แต่ก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น!”ผู้บังคับบัญชามู่พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น“อืม รอดูตอนที่เขานำตัวอย่างมาแล้วกัน! หนูไม่เชื่อหรอกว่ายาของเขาจะดีกว่ายาห้ามเลือดของทหารที่เราใช้ในปัจจุบัน”มู่ซินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจทางด้านเย่เฟิง เมื่อวางสาย เขาก็รู้สึกถึงกา
ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์หรือการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ล้วนต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะประสบความสำเร็จ เย่เฟิงยังอายุน้อยแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ยอดเยี่ยมแล้วแน่นอนว่าเขาคงมุ่งมั่นศึกษาเรื่องการแพทย์อย่างเต็มที่ ไม่อาจมีเวลาไปเรียนรู้สิ่งอื่นเย่เฟิงเห็นสีหน้าไม่สนใจของหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ใบหน้าที่สวยงามของเธอเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ หลิงเอ๋อร์ก็ลองถามอย่างระมัดระวัง "จริงสิ เย่เฟิง คุณมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าสามารถรักษา... เรื่องทางนั้นได้หรือเปล่า?"“ทางไหน ?”เย่เฟิงแปลกใจและขมวดคิ้ว“ก็……เรื่องนั้นไง โอ๊ยนี่……”หลิงเอ๋อร์กระทืบเท้าด้วยความเขินอายเย่เฟิงมองหลิงเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วตอบพร้อมมีเหงื่อออก "คุณออกจะร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยอะไรนะ"“ไม่ใช่ฉัน! และมันก็ไม่ใช่โรคภัย คือมัน... มันใช้การไม่ค่อยได้! เป็นลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นผู้ชาย เคยได้รับบาดเจ็บตรงนั้นตอนเด็กๆ คุณ... สามารถรักษาได้ไหม?"หลิงเอ๋อร์ขบกัดริมฝีปากและหน้าแดงจัด“แบบนี้นี่เอง……น่าจะได้ไม่มีปัญหา!”เ
เว่ยเสี่ยวตงปิดหน้าตัวเองแล้วลุกขึ้น ร่างกายเข้าเซเล็กน้อย ฝ่ามือเย่เฟิงนั้นทำเอาเขาเห็นดาวเลยทีเดียว ใบหน้าซีกหนึ่งก็บวมขึ้นมาความเคียดแค้นและความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นของเขาเหล่าลูกน้องและบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขามองด้วยความตกใจในหมู่บ้านฮั่วหูนี้และในเมืองหยุนเฉิง ไม่คิดว่าจะมีใครขัดใจตบคุณชายปลิวได้?“เอาให้มันหมดสภาพ โยนแม่งออกไป!”เว่ยเสี่ยวตงพูดเน้นย้ำทีละคํา"ครับ!"พวกสุนัขรับใช้ตอบอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วล้อมรอบเย่เฟิ่งแล้วจู่โจมโดยไม่พูดอะไรแต่ละคนดูมีออร่าชั่วร้ายและน่ากลัว“พวกแกคิดจะทําอะไร?”หลิงเอ๋อร์รีบเข้ามาขว้างด้านหน้าเย่เฟิงแล้วออกโรงสกัดกั้น!เธอเป็นคนเรียกเย่เฟิงมา แล้วก็เป็นคนก่อเรื่องนี้ หลิงเอ๋อร์เธอไม่อาจยืนดูเฉยๆได้หลังจากนั้น สาวสวยที่ดูอ่อนหวานคนหนึ่งก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มชายกำยำ“ลุย!ลุยไปพร้อมกันเลย!”เมื่อเห็นว่าหลิงเอ๋อร์ปกป้องเย่เฟิง เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องต้องมีเมตตาของสตรีด้วยสิ เขาตะโกนใส่ลูกน้องผู้หญิงสําหรับเขาแล้วก็แค่เอาไว้เล่นสนุกแค่นั้นอย่างไรก็ตาม หลิงเอ๋อร์หญิงสาวคนนี้พละกำลังไม่เลวเลย ถึงโดนรุมสิบคนก็ยัง
เย่เฟิงหรี่ตาลง รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าเขาวินาทีถัดมา เขาดึงตัวหลิงเอ๋อร์ที่กำลังต่อสู้อยู่:“ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ คุณไปพักสักพักไป!”“ทำอะไรน่ะ อย่าเกะกะ! รีบวิ่งดิ!”หลิงเอ๋อร์ที่กำลังลงมือกับใครบางคนอยู่นั้น มาถูกเย่เฟิงดึงไว้แบบนี้จนแทบเสียการทรงตัว เธอตวาดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีฟังเสียงพูดคุยของคนรอบๆเธอ ในใจของหลิงเอ๋อร์ก็เริ่มมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่บ้างถ้าไม่ใช่เย่เฟิงรักษาใบหน้าที่เสียโฉมของปู่เธอล่ะก็หลิงเอ๋อร์แทบไม่อยากจะสนใจเขาด้วยซ้ำชายผู้หนึ่งใช้โอกาสจู่โจมตอนหลิงเอ๋อร์หยุดชะงัก เขายกหมัดเข้าใส่สายตาเธอเห็นหมัดที่กำลังจะปะทะเข้าร่างเธอเพี๊ยะ!ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีเงาปรากฏขึ้น จู่ๆร่างของชายผู้นั้นก็ลอยกระเด็นออกไปทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากที่ทำให้หลิงเอ๋อร์และทุกคนต้องพากันตะลึงตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ……เย่เฟิงดึงหลิงเอ๋อร์ไปไว้ด้านหลังเขา ก่อนที่เขาจะออกโรงต่างจากการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เผชิญหน้ากับกลุ่มชายร่างใหญ่นี้ เย่เฟิงแค่ซัดพวกเขากระเด็นไปทีละคนลงมือครั้งเดียวอย่างเรียบง่ายแต่กลับรุนแรงขั้นสุดทุก
คำตอบของผู้อาวุโสหลี ทำให้เย่เฟิงและครอบครัวของหลีเอียนชะงักไป“แม่ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้? อยู่ ๆ ทำไมถึงกลับคำพูด?”“เอาชีวิตแม่อะไรกัน พวกเราแค่อยากกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล และขอสิทธิ์ที่เป็นของเราคืนเท่านั้นเอง”“ถ้าไม่ใช่เสี่ยวเย่ ท่านคงถูกครอบครัวเจ้ารองวางแผนฆ่าไปแล้ว! ตอนนี้พวกเรามีข้อเรียกร้องเล็กน้อย แต่ท่านกลับปฏิเสธพวกเรา?”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลเนื่องจากพวกเธอถูกขับออกจากตระกูลหลี หลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ย จึงถูกถอดจากตำแหน่งในบริษัทตระกูลหลี และต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านโดยไม่มีอะไรทำสำหรับพวกเขา การเรียกหุ้นคืนและกลับไปทำงานในบริษัทไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังเป็นเรื่องของการมีสิ่งให้ทำในชีวิตด้วยทั้งสองไม่ขาดแคลนเงิน แต่อายุพวกเขาเยอะแล้ว ว่างอยู่อย่างนี้จะเป็นบ้าเอาได้“หึ! สิทธิ์ของพวกเธอ? อะไรคือสิทธิ์ของพวกเธอ?”“ออกไป! พวกเธอไม่ใช่คนของตระกูลหลีอีกต่อไปแล้ว สักบาทของตระกูลหลีก็ไม่มีสิทธิ์เป็นของพวกเธอ!”“พวกเธอมีบริษัทยาของตัวเองไม่ใช่เหรอ? ฮึ!”ผู้อาวุโสหลีพูดด้วยเสียงเย็นชาและหัวเราะเยาะคำพูดนี้ทำให้หลีเอียนและครอบครัวรู้สึกโมโหอย่างมาก“คุ
“ท่านผู้บัญชาการเหอ ขอบคุณครับ!”เย่เฟิงกล่าวพร้อมยื่นมือไปจับมือกับท่านผู้บัญชาการเหอท่านผู้บัญชาการเหอ จับมือกับเขา ก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิงและพูดว่า “นายเองก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่! ฮึ!”ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้ดีว่า จู้ชิวหนานและศิษย์ ต้องถูกเย่เฟิงเล่นงานบางอย่างแน่นอนการที่เย่เฟิงกล้าทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าท่านผู้บัญชาการเหอ ถือว่าน่าทึ่งและไม่เกรงกลัวใครเลย“ผมติดหนี้บุญคุณท่าน ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือจากผมในอนาคต บอกมาได้เลยครับ”เย่เฟิงยิ้มเจื่อนเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ท่านผู้บัญชาการเหอ ก็หัวเราะออกมา “นี่นายพูดเองนะ!”…คืนนั้น เวลาเกือบสี่ทุ่มในห้องของผู้อาวุโสหลี มีทั้งหลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ย เย่เฟิง หลีเอียน และหลีหย่วน รวมตัวกันอยู่ผู้อาวุโสหลีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เธอยกถ้วยชาขึ้นมาเพื่อดื่มแต่เย่เฟิงรีบยื่นมือไปหยุด “ผู้อาวุโส อย่าใช้ถ้วยนี้อีกเลยครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจความหมายเพล้ง!เธอโยนถ้วยชาลงพื้นด้วยความโกรธและแค่นเสียงเย็นชาเย่เฟิงยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ตอนนี้ความจริงปรากฏแล้ว ถ้าท่านไม่อยากตา
"ฮ่า ๆ ตอนนี้ทุกคนได้ยินความจริงแล้วใช่ไหม?"เย่เฟิงหัวเราะเยาะ พลางมองไปรอบ ๆ ห้องทุกคนในห้องมองเย่เฟิงด้วยความหวาดหวั่น พร้อมกับแอบมองไปที่จู้ชิวหนานและศิษย์ของเขา ซึ่งนอนบิดตัวอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดนี่ถือว่าเป็นการซักถามโดยการทรมานต่อหน้าท่านผู้บัญชาการเหอหรือเปล่า?บางคนแอบคิดว่าเย่เฟิงช่างกล้าหาญเกินไปหลีเทียนกังตัวสั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เย่เฟิงและตะโกน "ท่านผู้บัญชาการเหอ คำพูดของจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาเชื่อไม่ได้! นี่มันชัดเจนว่าเย่เฟิงทรมานพวกเขาให้พูด!"ท่านผู้บัญชาการเหอยิ้มเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันไม่เห็นว่าเย่เฟิงจะทำอะไรพวกเขานะ เขาไม่ได้แตะตัวพวกเขาเลยสักนิด!พวกคุณเองก็พูดไว้แล้ว ทุกเรื่องต้องมีหลักฐานใช่ไหม?"“แก…ฉัน…”คำตอบนี้ทำให้หลีเทียนกังพูดไม่ออกหลี่เยว่ผิงและหลีถิงต่างก็ดูโกรธแค้น แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้ใช่แล้ว ไม่มีใครเห็นเย่เฟิงแตะต้องจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาเลยแม้จะชัดเจน แต่กลับไม่มีหลักฐานวิธีการของเย่เฟิงมันเหนือธรรมชาติเกินไป!เย่เฟิงยิ้มเยาะ ก่อนจะหันมาทางหลีเทียนกังและครอบครัว "พวกคุณไม่มีอะไรจะพูดอีกเหรอ? ฉันไม่
เย่เฟิงเดินเข้าไปตบไหล่ครอบครัวหลีเทียนกัง แล้วพูดจาแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง“นาย... นายทำอะไร? อย่ามาแตะตัวฉันนะ!”หลีถิงตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นรอยยิ้มของเย่เฟิงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวและตะโกนเสียงแหลมเย่เฟิงแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปมองจู้ชิวหนานและศิษย์หนุ่ม“พูดมา!”เย่เฟิงพูดเพียงสองคำสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและกดดัน“อ๊ากก! ฉันพูด... ฉันจะพูด!”“ฉันพูดทุกอย่าง! หลีเทียนกังมาหาฉัน และบอกให้ฉันช่วยทำลายชีวิตของผู้อาวุโสหลี โดยที่ไม่มีใครรู้...”“พวกเขาจ่ายเงินฉันมาพันล้าน และเพราะฉันเคยโกรธแค้นคุณเย่มาก่อน ฉันเลยตกลง!”“คุณเย่... โปรดไว้ชีวิตฉัน... ขอร้องล่ะ!”จู้ชิวหนานพูดด้วยใบหน้าเหยเกพลางกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดศิษย์หนุ่มของเขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ใช่... ใช่! ในสูตรยาที่อาจารย์ฉันเตรียมให้ มีเนื้อห่านแห้ง! การผสมเนื้อห่านกับไข่ไก่ จะทำให้พลังชีวิตของคนลดลงอย่างรุนแรง...หลี่เยว่ผิงเป็นคนเตรียมซุปไข่ให้ผู้อาวุโสหลีในช่วงนั้น...นั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้พลังชีวิตของเธอถูกทำลายจนร่างกายล้มเหลว!”“คุณเย่...
เมื่อเห็นจู้ชิวหนานและศิษย์ปรากฏตัว เย่เฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย“หมอเทวดาจู้ อธิบายสิว่าพวกเขาจ่ายเงินจ้างคุณยังไงในการวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสหลี”เย่เฟิงพูดพลางชี้ไปที่ครอบครัวหลีเทียนกังด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งสีหน้าของหลีเทียนกังและครอบครัวเปลี่ยนไปทันทีหัวใจเหมือนตกลงสู่หุบเหวหมอเทวดาจู้ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ!พวกเขาไม่รอดแน่!แต่แล้ว…“อะไรนะ? จ้างฉันวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสหลีเหรอ? คุณเย่ คุณพูดอะไรออกมาน่ะ?”“ใช่แล้ว หลังจากวันนั้นที่ฉันออกไป ฉันก็ยกผู้อาวุโสหลีให้คุณดูแลแทน ทำไมตอนนี้เธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”จู้ชิวหนานถามอย่างสงสัยคำพูดของจู้ชิวหนานทำให้สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปในพริบตาเขาไม่คิดเลยว่าจู้ชิวหนานจะเปลี่ยนคำพูดยิ่งกว่านั้นยังทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้นดวงตาของเย่เฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่หลีเทียนกังและครอบครัวเริ่มยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“หมอเทวดาจู้ คุณไม่รู้หรือว่า หลังจากคุณออกไป เย่เฟิงก็ทิ้งผู้อาวุโสหลีไว้โดยไม่สนใจอะไรเลย?”“ตอนนี้เขายังกล้าบอกว่าพวกเราจ้างคุณมาวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสอีก!”หลีเทียนกังพ
สีหน้าของหลีเทียนกังและครอบครัวเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทั้งตกใจและโกรธแค้นส่วนสาวใช้ก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ภายใต้สายตาเย็นเยียบของ ท่านผู้บัญชาการเหอ จิตใจของเธอพังทลายลงทันที“ฉัน... ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นค่ะ! คุณผู้ชายรองให้ยาพวกนี้กับฉัน แล้วบอกให้ฉันพูดแบบนั้น!”“ฉัน... ฉันแค่ทำตามคำสั่ง ฉันบริสุทธิ์นะคะ!”คำพูดนี้ทำให้การที่หลีเทียนกังและครอบครัวพยายามใส่ร้ายเย่เฟิง กลายเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าชัดเจนหลีเทียนกัง หลี่เยว่ผิง และหลีถิง ต่างมองสาวใช้ด้วยสายตาแค้นเคืองจนเหมือนจะฆ่าเธอได้“พี่รอง ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จะใช้พวกเรามาเป็นเครื่องมือแบบนี้!”“พี่รองกับพี่สะใภ้รอง พวกคุณทำเกินไปแล้ว!”“ฉันยังไปช่วยพวกคุณใส่ร้ายเย่เฟิงเมื่อครู่ พวกคุณจะฆ่าฉันหรือไง?”ในตอนนี้ ลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็ก ของหลีเอียน ต่างแสดงสีหน้าโกรธแค้นพวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกครอบครัวของหลีเทียนกังหลอกใช้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกจัดฉากโดยครอบครัวนี้!“ท่านผู้บัญชาการเหอ พวกเขาใส่ร้ายลูกเขยของฉัน ตอนนี้มีหลักฐานชัดเจนแล้ว สามารถจับกุมได้เลยใช่ไหมคะ?”สวีเพ่ยเพ่ย พูดพร้อมมองหลีเทียนกังด้วยสายตาเกลียดชัง
เมื่อเย่เฟิงชี้ไปที่ผู้อาวุโสหลีและบอกว่าเธอเป็นพยานของเขา ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งอึ้ง“อะไรนะ? ผู้อาวุโสหลีเป็นพยานให้เย่เฟิง?”“เย่เฟิงบ้าหรือเปล่า?”“ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสเกลียดไอ้หน้าขาวนี่เข้าไส้ จะมาเป็นพยานให้เขาได้ยังไง?”หลีเทียนกังที่ตกใจในตอนแรก ถึงกับหัวเราะออกมา “นายจะให้แม่ฉันเป็นพยานให้นาย? ฮ่า ๆ ๆ…”“ไอ้หน้าขาว นายช่างกล้าคิดนะ?”หลีถิงเองก็หัวเราะเยาะหลี่เยว่ผิงยิ้มเย้ยอย่างกับฟังเรื่องขำขันสมาชิกตระกูลหลีทุกคนคิดว่าเย่เฟิงกำลังเพ้อฝันไปเองแต่เย่เฟิงยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมและมั่นใจ เขาหันไปหาผู้อาวุโสหลีและพูดว่า “ถึงเวลาที่คุณควรพูดอะไรบ้างแล้วครับ”ในสายตาเย้ยหยันและไม่เชื่อถือของทุกคน ผู้อาวุโสหลีกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนมองเธอด้วยสายตาตกตะลึงผู้อาวุโสหลียอมทำตามเย่เฟิงอย่างนั้นเหรอ?เธอไม่ควรจะสนใจเย่เฟิงเลยด้วยซ้ำ!เมื่อเห็นเธอลุกขึ้นยืน บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไปทันที ทุกสายตามุ่งตรงไปยังเธอ“เย่เฟิงไม่เคยรักษาฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมทั้งมองครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาเย็นชาคำ
พวกเขาทั้งครอบครัวคิดในใจ ถึงแม้ว่าเย่เฟิงจะมีฝีมือสูงส่งเพียงใดก็ไม่เชื่อว่า เขาจะกล้าต่อต้านหน่วยงานของรัฐ!ถ้าเขากล้าต่อต้าน ถึงเวลานั้น……ฮ่าๆ โทษหนักขึ้นอีกเท่าตัว!!“ใครกล้าจับตัวเขาไป?”ในขณะนั้น เสียงอันดังก้องกังวานก็ดังขึ้นมาเมื่อมองตามเสียงไป ก็พบชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึม พร้อมด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาชุดลำลองหลายคน กำลังก้าวเข้ามาในบ้านเก่าตระกูลหลีอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นบุคคลผู้นี้ หลายคนที่รู้จักเขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึง“ท่านผู้บัญชาการเหอ? ทำไมท่านถึงมา?”“นี่คือท่านผู้บัญชาการใหญ่ของหน่วยปราบปรามหยุนเฉิง วันนี้มาด้วยตนเอง!”“ท่านมาเพื่อ……”ในขณะนั้น หลีถิงจ้องมองท่านผู้บัญชาการเหอ แล้วตะโกนด้วยความไม่พอใจ: “คิดว่าตัวเองเป็นใคร? จะมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยปราบปราม? หรือว่าอยากตาย?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลีเทียนกังก็ตกใจ แล้วจ้องมองลูกสาวอย่างรุนแรง“หุบปาก!”หลีถิงไม่รู้จักท่านผู้บัญชาการเหอ แต่เขารู้จัก!และสารวัตรหลิวก็ตัวแข็ง รีบเดินเข้าไปหา“ท่านผู้บัญชาการ ท่าน…ทำไมท่านถึงมาครับ?”ท่านผู้บัญชาการเหอถามสารวัตรหลิวอย่างรุนแรง “ใครให้สิทธิ์คุณ
“ผมคือหลิวฉาง หัวหน้าสถานีตำรวจประจำเขตเป่ยเจีย หยุนเฉิง! คุณทำอะไรลงไป ผมว่าคุณควรสารภาพเดี๋ยวนี้ดีกว่า!”สารวัตรหลิวกล่าวด้วยเสียงเรียบเย็น สีหน้าดูเคร่งขรึม เย็นชา และแฝงไปด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเย่เฟิงส่ายหน้า: “ฉันไม่ได้ทำอะไร จะสารภาพอะไรล่ะ?”หลีเทียนกังฮึดฮัด ยก“หลักฐาน”ขึ้นมา แล้วชี้ไปที่แม่บ้าน “เย่เฟิง วันนี้มีทั้งพยานและหลักฐาน แม้ว่าแกจะแก้ตัวก็ไร้ประโยชน์! ฉันบอกแกนะ แกหนีความผิดไม่พ้นแกรักษาแม่ฉันเพียงไม่กี่วัน แม่ฉันก็กลายเป็นแบบนี้ เหมือนตายทั้งเป็น!ตอนนี้พาแม่ฉันไปตรวจ ก็จะพบสารอาเซนิกเกินค่ามาตรฐานอย่างแน่นอน นี่เป็นฝีมือแก!”หลีถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง: “เย่เฟิง ตอนนี้เรามีทั้งพยานและหลักฐาน แกหนีไม่รอดหรอก! หรือว่าจะไม่พาไปตรวจร่างกายให้ย่าฉันดู ว่าตรงกับหลักฐานหรือไม่?”“น้องชายสาม น้องชายพี่ และน้องสาว พวกคุณทุกคนเห็นในวันนั้น เย่เฟิงเป็นคนรับรักษาคุณย่า! ตอนนี้คุณย่าเป็นแบบนี้ เขาควรจะรับผิดชอบใช่หรือไม่?” หลีเยว่ผิงตะโกนอย่างเสียงดังลุงสาม ลุงสี่ และน้าของหลีเอียนพยักหน้าเบาๆ มองเย่เฟิงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรตอนนี้มีพยาน และนำเศษยาออกมาด้