“โอเคครับคุณภรรยาให้ผมจัดการเอง พวกคุณออกไปก่อนเถอะ ให้ผู้จัดการหวงคนนั้นเข้ามา”เย่เฟิงดูเอกสารสักพักแล้วก็โบกมือให้หลีเอียนเขาไม่อยากให้หลีเอียนรู้ถึงวิธีการบางอย่างที่เขาจะใช้หลีเอียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาตำหนิ รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นลูกน้องของเขาไปเสียแล้วแต่เธอก็เข้าใจหลักการที่ว่าใช้คนต้องไม่สงสัย ถ้าสงสัยไม่ต้องใช้หลีเอียนส่งสายตาให้เลขาเหลียงแล้วเปิดประตูออกไป พร้อมกับพูดกับหญิงสาววัยกลางคนที่มีเสน่ห์ก่อนหน้านี้ว่า “ผู้จัดการหวง เข้าไปเถอะ”“นี่หมายความว่าอย่างไร”ผู้จัดการหวงแสดงท่าทีสงสัยหลีเอียนออกไปแล้ว เธอจะเข้าไปทำไม?“ไม่ใช่คุณอยากลาออกเหรอ? ข้างในมีคนจะจัดการให้คุณแล้ว!”หลีเอียนพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ในโถงทางเดินเธอแสดงท่าทีราวกับว่าเหมือนไม่สนใจแล้วแม้ว่าเธอจะเชื่อใจในตัวเย่เฟิง แต่ความหวังของเธอก็ยังค่อนข้างน้อยเหมือนกับการพยายามอย่างเต็มที่ถึงแม้ความหวังมันจะเลือนรางก็ตามที“ฉันอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าท่านประธานหลีจะเล่นอะไร”ถึงแม้ผู้จัดการหวงจะสงสัย แต่ก็ยังเปิดประตูเข้าไปในห้องในขณะนั้น เหลียงน่าน่ามานั่งข้างหลีเอียนและ
ในส่วนลึกของดวงตาของผู้จัดการหวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกลัวบางอย่างซ่อนอยู่เมื่อเธอเผชิญกับสายตาของเย่เฟิง รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่ และถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งความรู้สึกนี้เป็นช่างน่ากลัวมาก!“เอ๊ะ ได้เลย! แน่นอนว่าต้องได้! บริษัทจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของพนักงานอย่างแน่นอน!”“ยิ่งไปกว่านั้นคุณอยู่ในบริษัทเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสําหรับตัวคุณเองอย่างแน่นอน!”“ผมรับรองได้ว่าเร็ว ๆ นี้ บริษัทจะได้รับคำสั่งซื้ออย่างน้อยห้าร้อยล้านบาท เมื่อถึงเวลานั้นพวกคุณในฐานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะได้รับเงินปันผลจำนวนมากในอนาคตแน่นอนครับ!”“ดังนั้น อย่าคิดมากเกินไป ทำงานให้ดีเถอะ”เย่เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายเขาเข้าใจดีว่าการให้สิ่งดี ๆ หลังจากที่ทำการข่มขู่เป็นวิธีการที่ดีในการควบคุมคนและการให้ผลประโยชน์จะทำให้ความสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประตูห้องทำงานเปิดออก พร้อมกับผู้จัดการหวงที่เดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียวดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคนที่ระมัดระวังมากขึ้น“หัวหน้าหวัง เข้าไปเถอะ”ผู้จัดการหวงหันไปพูดกับชายคนหนึ่ง“ผู้จัดการหว
เดิมทีพวกเขาที่ไม่ได้ใส่ใจและแสดงท่าทีหยิ่งยโส กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นระมัดระวังมากขึ้น ทั้งยังมีท่าทีที่ประหม่าและอ่อนน้อมแถมยังต่างพากันแสดงความภักดีต่อหลีเอียนในที่สุด เมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนสุดท้ายออกจากห้องทำงานและกลับไปทำงานอย่างซื่อสัตย์ ความวุ่นวายนี้ก็จบลงหลีเอียนถอนหายใจยาว ใบหน้าที่งดงามของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้มเบาๆ ที่ดูผ่อนคลายดูเหมือนว่ายังมีสัมผัสของความหวานผสมอยู่ด้วยประธานสาวที่เคยเข้มแข็งและมีอำนาจเด็ดขาด ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเมื่อเจอปัญหาแล้วมีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ... หรือแม้กระทั่งช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ มันช่างดีเหลือเกิน!!!แต่เพียงเสี้ยววินาที สายตาคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเลขาเหลียงที่อยู่ข้างๆ“ท่านประธานหลี ดีจริงๆ! ฉันบอกแล้วว่า คุณเย่ต้องแก้ปัญหาได้แน่นอน”ในฐานะที่เป็นเลขาส่วนตัวของหลีเอียน เหลียงน่าน่าไม่มีปัญหาในเรื่องความซื่อสัตย์ และในขณะนี้ เธอรู้สึกยินดีอย่างจริงใจแทนท่านประธาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น หลีเอียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกในขณะเดียวกันที่วิลล่าส่วนตัวหลังหนึ่งครอบครัวของหลีเทียนกังยังคงรอคอยข
เมื่อหลีเทียนกังวางสายโทรศัพท์สายสุดท้าย ใบหน้าของเขามืดครึ้มจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาเหล่าลูกน้องเก่าของเขา ไม่มีใครเลือกที่จะตามเขาไปเลย พวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะอยู่กับบริษัทยาตระกูลหลี่ต่อไปบางคนถึงขนาดไม่รับสายเขาด้วยซ้ำ“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลี่เยว่ผิงถามด้วยความกังวล“เย่เฟิง! เป็นไอ้เย่เฟิงนั่น! พวกกลับกลอกพวกนี้คุยกับไอ้เย่เฟิงคนเดียวแล้วพวกมันก็เปลี่ยนใจทันที!!”หลีเทียนกังพูดด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำ“อะไรนะ? ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่อยู่ข้างๆ หลีเอียนคนนั้นน่ะเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แค่หนุ่มหน้าหล่อคนหนึ่ง จะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง?"”หลีถิงเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ“ใครจะไปรู้ว่าเขาใช้วิธีสกปรกอะไร! ที่น่าขำที่สุดคือ เขายังอวดอ้างว่าจะมีการสั่งซื้อมูลค่าอย่างน้อยเป็นห้าร้อยล้านในเร็วๆ นี้! ให้ตายเถอะ หรือเป็นเพราะเรื่องนี้? พวกกลับกลอกพวกนั้นเชื่อจริงๆ งั้นเหรอ?"”หลีเทียนกังมีสีหน้าที่ไม่แน่นอนเหล่าผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น แน่นอนว่าไม่มีทางพูดถึงเรื่องที่พวกเขาทำผิดอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจึงเอาคำสัญญาลมๆ แล้งๆ ที่เย่เฟิงวาดไว้มาใช้แก้ตัว“ฮ่าคำ
“เอ่อ ผมลืมว่าที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น”!”เย่เฟิงจับจมูกและพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “งั้นคุณหนูหลี ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ?”ทันทีที่เขาพูดจบ สาวสวยผู้ที่เพิ่งจะดูอารมณ์ดีอยู่เมื่อไม่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า ก็มีสีหน้าเย็นชาลงทันทีหลีเอียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาดุๆแล้วพูดว่า “ไปเถอะ! เห็นหน้าคุณแล้วฉันหงุดหงิด!”เย่เฟิงเหงื่อแตกพลั่กในใจ คิดว่าผู้หญิงคนนี้... ทำไมอารมณ์ถึงได้แปรปรวนขนาดนี้?จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!หลังจากออกจากบริษัทเย่เฟิงก็แวะไปที่ร้านขายยาหลายแห่ง และซื้อยาจำนวนมากในเมื่อเขาตัดสินใจจะช่วยหลีเอียนแล้ว ก็ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เขาเลือกยาสี่ชนิดเพื่อเตรียม "ปรับแต่ง"ประกอบด้วยยารักษารอยแผลเป็นและเพื่อความงาม ยาปลูกผมและย้อมผม ยาห้ามเลือดอย่างรวดเร็ว และยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า "ปรับแต่ง" ไม่ใช่ "ปรับปรุง" เพราะเย่เฟิงมีแผนที่จะลดประสิทธิภาพของสองตำรับยาชนิดแรกลงเล็กน้อยสำหรับสมุนไพรบางชนิดที่มีราคาแพง เย่เฟิงจะใช้สมุนไพรที่ราคาถูกกว่ามาทดแทนเพื่อลดต้นทุน ทำให้เหมาะสมกับการผลิตในปริมาณมากแน่นอนว่า ถึงแม้จะลดประสิทธิภาพ
หลังจากวางสาย คิ้วของมู่จ้านก็ขมวดแน่น สีหน้าไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้มู่ซินเฟยที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจพร้อมพูดว่า "นึกว่าเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง ที่ไหนได้ เขาก็แค่คนที่หวังผลประโยชน์ พึ่งพาความสัมพันธ์กับพ่อเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ช่างน่าผิดหวังจริงๆ!”บุตรสาวของท่านผู้บัญชาการส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเย่เฟิง “เฮ้อ พ่อเองก็ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะกระหายผลประโยชน์ถึงขนาดนี้ พยายามจะใช้ความสัมพันธ์ของพ่อเพื่อโปรโมตยาห้ามเลือดของเขาในกองทัพ?”มู่จ้านส่ายหัว ความประทับใจที่มีต่อเย่เฟิงลดลงอย่างมาก“พ่ออย่าช่วยเขานะ! ฮึ่ม!” มู่ซินเฟยพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย“ไว้ว่ากันเขาบอกว่าจะทำตัวอย่างยาให้พ่อลองใช่ไหม? ถ้าผลลัพธ์ธรรมดา พ่อจะปฏิเสธเขา แต่ถ้าผลลัพธ์ดีจริงๆ พ่อก็อาจจะช่วยเขาได้บ้าง แต่ก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น!”ผู้บังคับบัญชามู่พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น“อืม รอดูตอนที่เขานำตัวอย่างมาแล้วกัน! หนูไม่เชื่อหรอกว่ายาของเขาจะดีกว่ายาห้ามเลือดของทหารที่เราใช้ในปัจจุบัน”มู่ซินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจทางด้านเย่เฟิง เมื่อวางสาย เขาก็รู้สึกถึงกา
ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์หรือการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ล้วนต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะประสบความสำเร็จ เย่เฟิงยังอายุน้อยแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ยอดเยี่ยมแล้วแน่นอนว่าเขาคงมุ่งมั่นศึกษาเรื่องการแพทย์อย่างเต็มที่ ไม่อาจมีเวลาไปเรียนรู้สิ่งอื่นเย่เฟิงเห็นสีหน้าไม่สนใจของหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ใบหน้าที่สวยงามของเธอเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ หลิงเอ๋อร์ก็ลองถามอย่างระมัดระวัง "จริงสิ เย่เฟิง คุณมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าสามารถรักษา... เรื่องทางนั้นได้หรือเปล่า?"“ทางไหน ?”เย่เฟิงแปลกใจและขมวดคิ้ว“ก็……เรื่องนั้นไง โอ๊ยนี่……”หลิงเอ๋อร์กระทืบเท้าด้วยความเขินอายเย่เฟิงมองหลิงเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วตอบพร้อมมีเหงื่อออก "คุณออกจะร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยอะไรนะ"“ไม่ใช่ฉัน! และมันก็ไม่ใช่โรคภัย คือมัน... มันใช้การไม่ค่อยได้! เป็นลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นผู้ชาย เคยได้รับบาดเจ็บตรงนั้นตอนเด็กๆ คุณ... สามารถรักษาได้ไหม?"หลิงเอ๋อร์ขบกัดริมฝีปากและหน้าแดงจัด“แบบนี้นี่เอง……น่าจะได้ไม่มีปัญหา!”เ
เว่ยเสี่ยวตงปิดหน้าตัวเองแล้วลุกขึ้น ร่างกายเข้าเซเล็กน้อย ฝ่ามือเย่เฟิงนั้นทำเอาเขาเห็นดาวเลยทีเดียว ใบหน้าซีกหนึ่งก็บวมขึ้นมาความเคียดแค้นและความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นของเขาเหล่าลูกน้องและบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขามองด้วยความตกใจในหมู่บ้านฮั่วหูนี้และในเมืองหยุนเฉิง ไม่คิดว่าจะมีใครขัดใจตบคุณชายปลิวได้?“เอาให้มันหมดสภาพ โยนแม่งออกไป!”เว่ยเสี่ยวตงพูดเน้นย้ำทีละคํา"ครับ!"พวกสุนัขรับใช้ตอบอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วล้อมรอบเย่เฟิ่งแล้วจู่โจมโดยไม่พูดอะไรแต่ละคนดูมีออร่าชั่วร้ายและน่ากลัว“พวกแกคิดจะทําอะไร?”หลิงเอ๋อร์รีบเข้ามาขว้างด้านหน้าเย่เฟิงแล้วออกโรงสกัดกั้น!เธอเป็นคนเรียกเย่เฟิงมา แล้วก็เป็นคนก่อเรื่องนี้ หลิงเอ๋อร์เธอไม่อาจยืนดูเฉยๆได้หลังจากนั้น สาวสวยที่ดูอ่อนหวานคนหนึ่งก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มชายกำยำ“ลุย!ลุยไปพร้อมกันเลย!”เมื่อเห็นว่าหลิงเอ๋อร์ปกป้องเย่เฟิง เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องต้องมีเมตตาของสตรีด้วยสิ เขาตะโกนใส่ลูกน้องผู้หญิงสําหรับเขาแล้วก็แค่เอาไว้เล่นสนุกแค่นั้นอย่างไรก็ตาม หลิงเอ๋อร์หญิงสาวคนนี้พละกำลังไม่เลวเลย ถึงโดนรุมสิบคนก็ยัง
เย่เฟิงหันไปมองเจี่ยอี้ด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกทั้งหมดที่เคยคิดว่าเขาเป็น "พี่น้อง" ถูกลบล้างจนหมดสิ้นเสียงหัวเราะเยาะที่ดังรอบตัวไม่ได้กระทบจิตใจเขาแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ตรงนั้นนิ่งเฉย ราวกับทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา"พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง? เอาความเจ็บปวดของคนอื่นมาล้อเลียน?"มีเพียงเจียงหว่านเท่านั้นที่ยืนขึ้นปกป้องเย่เฟิงเย่เฟิงดึงแขนเธอเบาๆ พร้อมส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรให้มากความสำหรับเขาในตอนนี้ สายตาและมุมมองต่อโลกของเขาต่างจากคนเหล่านี้ไปไกลแล้วมังกรที่บินอยู่บนฟ้าย่อมไม่สนใจคำดูถูกจากมดปลวกบนดิน"หัวเราะพอแล้วใช่ไหม? ถ้าพอแล้ว ก็เชิญไสหัวไปได้เลย!"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนในห้องได้ยินชัดเจนคำพูดนี้ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง"ไสหัวไป? ฉันได้ยินถูกไหม ไอ้คนว่างงานมาบอกให้พวกเราหัวไป?"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนกระซิบอะไรบางอย่างกับหวงเจี้ยน"อาหารมื้อนี้คุณชายหวงเลี้ยง นายเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้คนอื่นออกไป?"เหอปิง ครูประจำชั้นเก่าเอ่ยขึ้นด้วยความดูถูกหวงเจี้ยนที่ได้ยินหลี่เวยกระซิบแล้วหันไปมอ
หลังจากเดินเข้ามาเห็นภาพนั้น เจียงหว่านก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เธอรู้สึกว่างานเลี้ยงรุ่นนี้กลายเป็นการอวดรวย แข่งขันกัน และสร้างเครือข่ายไปเสียแล้ว"โอ้ ดาวโรงเรียนของพวกเรามาแล้วเหรอ?"ทันใดนั้น มีคนสังเกตเห็นเจียงหว่านและตะโกนขึ้นหวงเจี้ยนที่กำลังถูกล้อมรอบดั่งดวงดาวกลางวงก็รีบหันมาทางเธอ ดวงตาเป็นประกาย เขาย้ายมือที่วางอยู่บนตัวเหอปิงออก แล้วเดินตรงเข้ามา "เสี่ยวหว่าน เธอมาเสียที! ฉันคิดถึงเธอแทบแย่"เจียงหว่านยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบสนองอะไรในขณะนั้นเอง มีคนสังเกตเห็นเย่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงหว่าน"เอ๊ะ? นั่นเย่เฟิงไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำอะไรอยู่ล่ะ?"เมื่อได้ยิน ทุกคนก็หันมามองเย่เฟิงด้วยสายตาหลากหลายในสมัยเรียน เย่เฟิงมีชื่อเสียงในฐานะคนจน ทำให้ทุกคนยังจดจำเขาได้"ไม่ได้ทำอะไร"เย่เฟิงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"ไม่ได้ทำอะไร? หมายความว่าตอนนี้ว่างงานสินะ?""ฉันมีถุงเท้าคู่หนึ่ง นายช่วยซักให้หน่อยสิ ฉันให้ห้าร้อย เป็นไง?"ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังลั่นห้องแม้กระทั่งเหอปิง อดีตครูประจำชั้นของเขา ก็เบะปากพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม "เย่เฟิง ฉันไม่คิดเลยว่านายจะยังไร้ประโยช
"ไม่เป็นไร! งานเลี้ยงรุ่นที่คุณชายหวงเป็นคนจัด ฉันจะไม่ไปได้ยังไง!"เย่เฟิงส่ายหัว พร้อมยิ้มบางๆเมื่อได้ยิน หลี่เวยหัวเราะเสียงดัง "ทำไมล่ะ เย่เฟิง? นายก็รู้ว่าคุณชายหวงตอนนี้ไปได้สวยเลยอยากจะเอาใจเขาใช่ไหม? นายก็ถือว่ารู้จักประจบคนเป็นนะเนี่ย ถ้าทำให้คุณชายหวงพอใจ บางทีเขาอาจให้ไปทำงานเป็นพ่อบ้านที่บริษัทเขาก็ได้ยังไงตอนเรียน นายก็ซักเสื้อผ้าให้คนอื่นจนชินมือแล้วนี่ ฮ่าๆๆ!"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ"เหอะๆ ใช่สิ! ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คุณชายหวงจะเจ๋งแค่ไหน! แต่ดูจากสภาพเธอตอนนี้ ท่าทางจะประจบเขาไม่น้อยเลยสินะ? ถึงขั้นขึ้นเตียงด้วยหรือเปล่า?"เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคำพูดนี้ทำให้หลี่เวยโกรธจนหน้าแดง "ไปให้พ้นเลย เย่เฟิง! ไม่เจอกันหลายปี นายกลายเป็นคนต่ำช้าขนาดนี้เลยเหรอ?"ในใจเธอแอบคิดอย่างเกรี้ยวกราด (นายมันก็แค่ขยะ ยังกล้าคิดจะไปประจบคุณชายหวง หวังจะเกาะเขาด้วย?ได้ รอให้ฉันไปปั่นหัวคุณชายหวงสักหน่อย นายเจอดีแน่!)ในขณะเดียวกัน เจียงหว่านที่ได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าหวงเจี้ยนประสบความสำเร็จ เย
หญิงสาวคนนี้เห็นเย่เฟิงก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง พอจำได้ก็เบะปากแล้วพูดขึ้นเธอชื่อหลี่เวย เป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเย่เฟิงเช่นเดียวกันแต่ตั้งแต่สมัยเรียน หลี่เวยก็ไม่ค่อยชอบเย่เฟิงอยู่แล้วหรือจะพูดให้ถูกก็คือ เพื่อนส่วนใหญ่ในตอนนั้น ต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกตอนอายุ 18 ปี พ่อแม่ของเย่เฟิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่ทิเบต ทำให้เขาขาดแคลนทั้งเงินและค่าใช้จ่ายเพื่อหาเงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย เย่เฟิงต้องทำงานพิเศษในโรงเรียน เช่น ซักผ้า ทำความสะอาด และวิ่งซื้อของให้เพื่อนแม้กระทั่งกางเกงใน รองเท้าเหม็นๆ และถุงเท้าสกปรกของเพื่อนผู้ชายบางคน เย่เฟิงก็เป็นคนซักเรื่องนี้ทำให้เพื่อนหลายคนมองเย่เฟิงด้วยความดูถูกแต่ก็มีเพื่อนบางคนที่แตกต่างออกไป ซึ่งเจียงหว่านเป็นหนึ่งในนั้น สมัยนั้น เธอไม่เพียงไม่ดูถูกเย่เฟิง แต่ยังมักจะซื้อข้าวให้เย่เฟิงอยู่บ่อยๆจนมีข่าวลือในโรงเรียนว่า เจียงหว่านชอบเย่เฟิงเพียงแต่ ตอนนั้นเย่เฟิงมีความรู้สึกด้อยค่า แม้ว่าเขาจะแอบชอบเจียงหว่านเช่นกัน แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะแสดงออก"หวงเจี้ยนอาจลืมเชิญนายล่ะมั้ง! เย่เฟิง ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มาด้วยกันสิน
เวลา 3 ทุ่ม เย่เฟิงมาถึงโรงแรมโกลด์เดนรอยัลโรงแรมแห่งนี้เป็นของหลีหย่วนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลีหลีหย่วนพาอาเจียงและเหล่าหยู ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทมายืนรออยู่หน้าประตูตั้งแต่เนิ่นๆ"พี่เขย!""คุณเย่!"เมื่อเห็นเย่เฟิง พวกเขาตะโกนพร้อมกัน"พี่ พี่คิดว่าโรงแรมนี้เป็นยังไง? ชอบไหมครับ?"หลีหย่วนเดินมาโอบไหล่เย่เฟิงแล้วถามด้วยรอยยิ้ม"ดีนะ ดูดีเลย"เย่เฟิงพยักหน้า"ถ้าชอบ งั้นโรงแรมนี้ผมยกให้พี่เลย! จากนี้ไป พี่คือเจ้าของที่นี่!"หลีหย่วนหัวเราะเสียงดัง พร้อมผายมือเย่เฟิงได้ยินก็ทำหน้าอึ้ง "ยกให้ฉัน? ฉันไม่เอาหรอก! ฉันไม่มีเวลามาบริหารจัดการ แล้วฉันก็ไม่เก่งเรื่องนี้ด้วย""โธ่ พี่ จะลงมือเองทำไมล่ะ? ก็มีผู้จัดการโรงแรมอยู่แล้วนี่ พี่แค่รอรับเงินก็พอ!""ผมไม่สนล่ะ ยังไงพี่ก็ต้องรับไว้ ถ้าไม่รับ…ถ้าไม่รับ ผมจะฟ้องพี่สาวผมว่าพี่แอบไปนวดร้านแบบนั้นมา!"หลีหย่วนพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์"ไปให้พ้นเลย! ไอ้เด็กนี่ แกนี่มันแสบจริงๆ!"เย่เฟิงยิ้มขำ พร้อมด่าแบบไม่จริงจังนัก"ฮ่าๆๆ…"หลีหย่วนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพาเย่เฟิงเดินเข้าไปในโรงแรมเมื่อขึ้นไปถึงห้องส่วนตัวขนาดใหญ่บนชั
หลี่ชื่อสะบัดแขนของตัวเองดู พบว่าไม่เพียงแค่หายดี แต่ยังดูแข็งแรงและทรงพลังขึ้นอีกด้วย!ยิ่งไปกว่านั้น…"นี่มัน…""ฉันทะลุถึงระดับพลังแปรสภาพแล้วเหรอ? ฉันไม่เพียงแค่หายดี แต่ยังทะลุขีดจำกัดได้อีก?"หลี่ชื่อเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!วินาทีถัดมา เขาดีใจจนตาแดง น้ำตาไหลพรั่งพรูอีกครั้งน้ำตาแห่งความปิติ!"ขอบคุณท่านมาก! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านคือผู้มีพระคุณที่สร้างชีวิตใหม่ให้กับผม! ผมหลี่ชื่อจะขอรับใช้ท่านเย่ตลอดไป!"หลี่ชื่อคุกเข่าลงกับพื้น เสียงสั่นเครือพลางเอ่ยขอบคุณเย่เฟิงมุมปากกระตุก ในใจคิดว่าหมอนี่บ่อน้ำตาตื้นเกินไปไหม นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้ซะละ?"ไม่ต้องถึงขั้นเรียกฉันว่าอาจารย์หรอก แค่ตั้งใจทำงานให้ฉันก็พอ!""แต่จำไว้ ฉันสามารถเพิ่มพลังให้นายได้ ฉันก็สามารถทำลายมันได้เหมือนกัน ถ้าวันไหนที่ฉันรู้ว่านายทรยศฉัน นายคิดเองแล้วกันว่าผลจะเป็นยังไง!"เย่เฟิงโบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกฝ่ายที่อายุมากกว่าเย่เฟิงสองสามปี ย่อมไม่เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของเขา ดังนั้นเรื่องรับเป็นศิษย์ก็ช่างมันเถอะ…อย่างไรก็ตาม หลี่ชื่อจะเป็นกำลังสำคัญให้เย่เฟิงได้ เพราะมีบ
หลังจากออกมาจากวิลล่าตระกูลเฉา เย่เฟิงเห็นเพียงเงาร่างที่ดูสิ้นหวังเดินอยู่ข้างหน้า แขนขวาของเขาปล่อยห้อยไร้เรี่ยวแรงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง หลี่ชื่อหันกลับไปมอง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที"นายมาเพื่อฆ่าฉันใช่ไหม?"หลี่ชื่อบังคับตัวเองให้ฮึดสู้ พลางจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาเคร่งเครียดและถามด้วยความโกรธ"เปล่า!"เย่เฟิงส่ายหัว"เหอะๆ ไม่ใช่เหรอ? นายโหดเหี้ยมขนาดนี้ ถึงกับทำลายฉันจนหมดสภาพ ฉันนึกว่านายตามมาเพื่อเอาชีวิตฉันเสียอีก"วินาทีต่อมา เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อคิดถึงแขนขวาที่ถูกทำลาย หลี่ชื่อก็รู้สึกเจ็บปวดและโกรธเคืองในใจ!เย่เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย เขาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า "นายมีแผนอะไรหรือเปล่า? ยังคิดจะทำร้ายครอบครัวเขาอีกหรือเปล่า?"ระหว่างพูด เขาพลางชี้ไปยังวิลล่าของตระกูลเฉาหลี่ชื่อส่ายหัว "ไม่มีแผนอะไรหรอก ฉันกลับไปที่สำนักไม่ได้แล้ว! อาจารย์บอกว่าฉันไร้พรสวรรค์เกินไป เลยไล่ฉันลงจากเขา! ส่วนจะไปทำร้ายเขาอีกไหมนั้น? เหอะๆ...มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว…"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฟิงอุทานเบาๆ ใ
เฉาเหนียนไม่สนใจใดๆ วิ่งเข้าไปตรงหน้าหลี่ชื่อ “แกจะบอกว่า ตอนที่ชุ่ยเจี๋ยเลิกกับฉัน เธอกำลังตั้งท้องงั้นเหรอ? แก…แกเป็นลูกชายฉันงั้นเหรอ?แกเป็นลูกชายฉันงั้นเหรอ?หลี่ชื่อเห็นเฉาเหนียนวิ่งเข้า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเดือดดาลทันที เขาบีบคออีกฝ่ายโดยตรง“ไอ้คนหัวโบราณเห็นแก่ตัว! ฉันจะฆ่าแกซะ!”หลี่ชื่อตาแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธ อยากจะบีบคอเฉาเหนียนให้ตายคามือแต่แล้วก็ตัดใจลงมือทำไม่ได้…ตุบ!หลังจากที่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปหลายหน หลี่ชื่อก็เตะเฉาเหนียนจนกระเด็นออกไป “ไปซะ! ฉันไม่ใช่ลูกชายอะไรของแกหรอก แกไม่คู่ควร!”เฉาเหนียนลุกขึ้นจากพื้น แล้วหันไปมองลู่ไฉ่หยุนด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดขีด“ฉันไม่ได้ส่งคนไปฆ่าชุ่ยเจี๋ย! ฉันไม่ได้ทำ!”“ใครเป็นคนทำ? ไฉ่หยุน บอกฉันมา ใครเป็นคนทำ?”“แกใช่ไหม? แกใช่ไหม?”เขาหันไปตะคอกใส่คุณผู้หญิงเฉาพร้อมกับสีหน้าโกรธจัดลู่ไฉ่หยุนมองเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว เธอถูกเฉาเหนียนทำตกใจจนสะดุ้งโหยง ก่อนที่ความอับอายจะเปลี่ยนเป็นโกรธแทน“ใช่! ฉันทำเอง แล้วยังไง? ใครสั่งให้นังแพศยานั่นตั้งท้องลูกของคุณล่ะ!”“ถ้าวันนั้นคุณรู้ว่ามีลูกชายอยู่ข้างนอก แล้วกลับไปหานังแพศยาน
เมื่อเผชิญกับเสียงโวยวายของ คุณผู้หญิงเฉา ลู่ไฉ่หยุน เย่เฟิงขมวดคิ้วก่อนตวาดออกมา“หุบปาก! เรื่องที่ผมจะฆ่าหรือไม่ฆ่า ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาสั่ง!”คำพูดนี้ทำให้คุณผู้หญิงเฉาแสดงสีหน้าโกรธจัด“ถ้าคุณไม่ฆ่าเขา เราก็จะไม่จ่ายเงินให้คุณ!”เฉาเริ่นเสริมด้วยน้ำเสียงแค้น“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่า รับเงินคนแล้วต้องช่วยจัดการปัญหา! ถ้าคุณไม่ฆ่าเขา เขาก็จะกลับมาฆ่าครอบครัวเรา!”เย่เฟิงหรี่ตาลง ปล่อยแววตาเย็นชาอันตราย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ถ้าคุณไม่อยากจ่ายเงิน งั้นลองฆ่าเขาเองสิ!”คำพูดนี้ทำให้คุณผู้หญิงเฉาและเฉาเริ่นสะดุ้งสุดตัว พวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวใครจะกล้าล่ะ?ถ้าเย่เฟิงไม่จัดการ หลี่ชื่อถึงแม้จะแขนหัก แต่ก็ยังสามารถฆ่าพวกเขาได้ทั้งครอบครัว!“อย่า... อย่าโกรธเลย!”เฉาเริ่นรีบยกมือขึ้นห้ามในขณะนั้นเอง เฉาเหนียนไม่ได้สนใจคำพูดของภรรยาและลูกชาย เขามองหลี่ชื่อด้วยสายตาสงสัย“แม่ของคุณ... ชื่ออะไร?”หลี่ชื่อพูดซ้ำหลายครั้งว่าเขามาเพื่อแก้แค้นให้แม่ นั่นทำให้เฉาเหนียนรู้สึกสงสัยในใจเมื่อเขามองหน้าหลี่ชื่ออย่างละเอียด ก็พบว่ารูปลักษณ์บางส่วนของหลี่ชื่อ มีความ