สีหน้าหลีเทียนกังเปลี่ยนเอาแน่เอานอนไม่ได้ เขาส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะวางมือลงเขารู้ว่าเขาสู้เย่เฟิงไม่ได้แน่ ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาต้องแย่แน่“หลีเอียน สิ่งที่ย่าแกฝากมาพวกฉันบอกแกไปแล้วนะ!แกมีแค่สองทางเลือกถ้าไม่ทิ้งไอ้หน้าละอ่อนนี่ก็รอโดนไล่ออกจากตระกูลหลีได้เลย!”หลีเทียนกังเหลือบมองเย่เฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดกับหลีเอียนเขามองแล้วว่าหลีเอียนจะทำกำไรสิบเท่าให้บริษัทยาตระกูลหลี่ได้ยังไงภายในเวลาสั้นๆแค่สองเดือน?เพราะฉะนั้นหลีเอียนจึงมีแค่สองทางให้เลือกเท่านั้นในดวงตาสวยของหลีเอียนฉายแววสิ้นหวังและสับสนภายนอกเธออาจดูเข้มแข็ง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเธอในตอนนี้ ภายในใจนั้นรู้สึกไร้กำลังคนในตระกูลหลีต่างก็เคารพผู้อาวุโสหลี แม้แต่ย่าเธอยังยื่นคำขาดกับเธอเลยงั้นเหรอ?จะทำยังไงดี? ยังมีใครที่เธอจะพึ่งได้บ้าง?พ่อแม่เธอเหรอ?การที่พวกเขาไม่มาพูดมาบอกด้วยตัวเอง ไม่มาบังคับเธอ ก็นับว่าให้ความกรุณาที่สุดแล้วล่ะพึ่งอาหย่วนเหรอ ถึงแม้อาหย่วนจะมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย แต่ในเรื่องธุรกิจเขาคงช่วยอะไรมากไม่ได้ และเจตนารมณ์ของคุณย่า เขาเองก็คงไม่กล้าฝืน
หลีเทียนกังเค้นเสียงเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ภายในสองเดือนคิดว่าจะทำให้ผลกำไรของบริษัทยาตระกูลหลี่เพิ่มขึ้นสิบเท่าอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”“หลีเอียนฉันไม่เพียงแต่จะทำให้มันไม่เพิ่มขึ้นนะ แต่บริษัทยังจะขาดทุนถึงขั้นล่มสลายอีกด้วย!”พูดจบ หลีเทียนกังก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่น่าพูดถึงมากที่สุดก็คือ บริษัทยาตระกูลหลี่เดิมทีนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของหลีเทียนกังทายาทของตระกูลหลีผู้นี้ได้บริหารบริษัทมาหลายปี แน่นอนว่าพนักงานระดับสูงหลายคนในบริษัทต่างก็เชื่อฟังเขายิ่งไปกว่านั้น หลีเทียนกังยังอ้างชื่อผู้อาวุโสหลีมาเป็นข้ออ้างอีกด้วยเพื่อที่จะจัดการกับหลีเอียนและระบายความโกรธในวันนี้ หลีเทียนกังถึงกับยอมสละผลประโยชน์ของบริษัทยาตระกูลหลี่ขณะเดียวกันอีกด้านเย่เฟิงกำลังขับรถพาหลีเอียนไปที่บริษัท ระหว่างทางหลีเอียนก็ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเธอ เหลียงน่าน่าหลังจากวางสายโทรศัพท์ สีหน้าของหลีเอียนก็เปลี่ยนไปดูไม่สู้ดีเช้าตรู่วันนี้ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนในบริษัทจู่ ๆ ก็พากันลาออกหรือขอลาหยุดด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาเธอรู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือลุงรองเ
หลีเอียนลืมตาขึ้น พลางเผยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเย้ยหยันบนใบหน้าที่งดงามของเธอในใจเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวายและไม่สบายใจ!“คุณจะไปคุยกับพวกเขา? พวกเขาเป็นลูกน้องเก่าของลุงรองทั้งหมด เขาไม่ฟังฉันด้วยซ้ำ คุณคิดว่าพวกเขาจะฟังคุณงั้นเหรอ?”คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?“เย่เฟิงคุณช่วยหยุดทำให้ฉันลำบากใจได้ไหม?”หลีเอียนที่ทั้งอ่อนล้าและโกรธจัด ตะโกนถามเย่เฟิงเสียงดังด้วยใจที่ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกด้านลบ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะระบายความอัดอั้นออกมาใส่เขา พูดไปพูดมา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลออกมาอีกครั้งเย่เฟิงยิ้มเล็กน้อย พลางจับมือเล็ก ๆ ของหลีเอียนและพูดว่า:“เชื่อใจผมได้ไหม?”เย่เฟิงเข้าใจถึงอารมณ์ของหลีเอียนในตอนนี้ จึงไม่ถือสาหาความเมื่อมองไปที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา หลีเอียนก็ไม่รู้ว่าทำไม อารมณ์ของเธอถึงได้สงบลงฉันอารมณ์เสียใส่เขาเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะเธอดูถูกเย่เฟิงจริง ๆ แต่เพียงเพราะเธอต้องการที่ระบายความรู้สึกเท่านั้นหลังจากที่ปรับอารมณ์ของตัวเองลงแล้ว หลีเอียนก็ตกใจเล็กน้อยกับพฤติกรรมของตัวเองเมื่อครู่ปกติแล้วเธอเป็นคนที่เยือกเย็นและสุขุมมาตลอด แม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ
“โอเคครับคุณภรรยาให้ผมจัดการเอง พวกคุณออกไปก่อนเถอะ ให้ผู้จัดการหวงคนนั้นเข้ามา”เย่เฟิงดูเอกสารสักพักแล้วก็โบกมือให้หลีเอียนเขาไม่อยากให้หลีเอียนรู้ถึงวิธีการบางอย่างที่เขาจะใช้หลีเอียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาตำหนิ รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นลูกน้องของเขาไปเสียแล้วแต่เธอก็เข้าใจหลักการที่ว่าใช้คนต้องไม่สงสัย ถ้าสงสัยไม่ต้องใช้หลีเอียนส่งสายตาให้เลขาเหลียงแล้วเปิดประตูออกไป พร้อมกับพูดกับหญิงสาววัยกลางคนที่มีเสน่ห์ก่อนหน้านี้ว่า “ผู้จัดการหวง เข้าไปเถอะ”“นี่หมายความว่าอย่างไร”ผู้จัดการหวงแสดงท่าทีสงสัยหลีเอียนออกไปแล้ว เธอจะเข้าไปทำไม?“ไม่ใช่คุณอยากลาออกเหรอ? ข้างในมีคนจะจัดการให้คุณแล้ว!”หลีเอียนพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ในโถงทางเดินเธอแสดงท่าทีราวกับว่าเหมือนไม่สนใจแล้วแม้ว่าเธอจะเชื่อใจในตัวเย่เฟิง แต่ความหวังของเธอก็ยังค่อนข้างน้อยเหมือนกับการพยายามอย่างเต็มที่ถึงแม้ความหวังมันจะเลือนรางก็ตามที“ฉันอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าท่านประธานหลีจะเล่นอะไร”ถึงแม้ผู้จัดการหวงจะสงสัย แต่ก็ยังเปิดประตูเข้าไปในห้องในขณะนั้น เหลียงน่าน่ามานั่งข้างหลีเอียนและ
ในส่วนลึกของดวงตาของผู้จัดการหวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกลัวบางอย่างซ่อนอยู่เมื่อเธอเผชิญกับสายตาของเย่เฟิง รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่ และถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งความรู้สึกนี้เป็นช่างน่ากลัวมาก!“เอ๊ะ ได้เลย! แน่นอนว่าต้องได้! บริษัทจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของพนักงานอย่างแน่นอน!”“ยิ่งไปกว่านั้นคุณอยู่ในบริษัทเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสําหรับตัวคุณเองอย่างแน่นอน!”“ผมรับรองได้ว่าเร็ว ๆ นี้ บริษัทจะได้รับคำสั่งซื้ออย่างน้อยห้าร้อยล้านบาท เมื่อถึงเวลานั้นพวกคุณในฐานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะได้รับเงินปันผลจำนวนมากในอนาคตแน่นอนครับ!”“ดังนั้น อย่าคิดมากเกินไป ทำงานให้ดีเถอะ”เย่เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายเขาเข้าใจดีว่าการให้สิ่งดี ๆ หลังจากที่ทำการข่มขู่เป็นวิธีการที่ดีในการควบคุมคนและการให้ผลประโยชน์จะทำให้ความสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประตูห้องทำงานเปิดออก พร้อมกับผู้จัดการหวงที่เดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียวดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคนที่ระมัดระวังมากขึ้น“หัวหน้าหวัง เข้าไปเถอะ”ผู้จัดการหวงหันไปพูดกับชายคนหนึ่ง“ผู้จัดการหว
เดิมทีพวกเขาที่ไม่ได้ใส่ใจและแสดงท่าทีหยิ่งยโส กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นระมัดระวังมากขึ้น ทั้งยังมีท่าทีที่ประหม่าและอ่อนน้อมแถมยังต่างพากันแสดงความภักดีต่อหลีเอียนในที่สุด เมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนสุดท้ายออกจากห้องทำงานและกลับไปทำงานอย่างซื่อสัตย์ ความวุ่นวายนี้ก็จบลงหลีเอียนถอนหายใจยาว ใบหน้าที่งดงามของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้มเบาๆ ที่ดูผ่อนคลายดูเหมือนว่ายังมีสัมผัสของความหวานผสมอยู่ด้วยประธานสาวที่เคยเข้มแข็งและมีอำนาจเด็ดขาด ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเมื่อเจอปัญหาแล้วมีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ... หรือแม้กระทั่งช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ มันช่างดีเหลือเกิน!!!แต่เพียงเสี้ยววินาที สายตาคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเลขาเหลียงที่อยู่ข้างๆ“ท่านประธานหลี ดีจริงๆ! ฉันบอกแล้วว่า คุณเย่ต้องแก้ปัญหาได้แน่นอน”ในฐานะที่เป็นเลขาส่วนตัวของหลีเอียน เหลียงน่าน่าไม่มีปัญหาในเรื่องความซื่อสัตย์ และในขณะนี้ เธอรู้สึกยินดีอย่างจริงใจแทนท่านประธาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น หลีเอียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกในขณะเดียวกันที่วิลล่าส่วนตัวหลังหนึ่งครอบครัวของหลีเทียนกังยังคงรอคอยข
เมื่อหลีเทียนกังวางสายโทรศัพท์สายสุดท้าย ใบหน้าของเขามืดครึ้มจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาเหล่าลูกน้องเก่าของเขา ไม่มีใครเลือกที่จะตามเขาไปเลย พวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะอยู่กับบริษัทยาตระกูลหลี่ต่อไปบางคนถึงขนาดไม่รับสายเขาด้วยซ้ำ“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลี่เยว่ผิงถามด้วยความกังวล“เย่เฟิง! เป็นไอ้เย่เฟิงนั่น! พวกกลับกลอกพวกนี้คุยกับไอ้เย่เฟิงคนเดียวแล้วพวกมันก็เปลี่ยนใจทันที!!”หลีเทียนกังพูดด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำ“อะไรนะ? ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่อยู่ข้างๆ หลีเอียนคนนั้นน่ะเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แค่หนุ่มหน้าหล่อคนหนึ่ง จะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง?"”หลีถิงเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ“ใครจะไปรู้ว่าเขาใช้วิธีสกปรกอะไร! ที่น่าขำที่สุดคือ เขายังอวดอ้างว่าจะมีการสั่งซื้อมูลค่าอย่างน้อยเป็นห้าร้อยล้านในเร็วๆ นี้! ให้ตายเถอะ หรือเป็นเพราะเรื่องนี้? พวกกลับกลอกพวกนั้นเชื่อจริงๆ งั้นเหรอ?"”หลีเทียนกังมีสีหน้าที่ไม่แน่นอนเหล่าผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น แน่นอนว่าไม่มีทางพูดถึงเรื่องที่พวกเขาทำผิดอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจึงเอาคำสัญญาลมๆ แล้งๆ ที่เย่เฟิงวาดไว้มาใช้แก้ตัว“ฮ่าคำ
“เอ่อ ผมลืมว่าที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น”!”เย่เฟิงจับจมูกและพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “งั้นคุณหนูหลี ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ?”ทันทีที่เขาพูดจบ สาวสวยผู้ที่เพิ่งจะดูอารมณ์ดีอยู่เมื่อไม่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า ก็มีสีหน้าเย็นชาลงทันทีหลีเอียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาดุๆแล้วพูดว่า “ไปเถอะ! เห็นหน้าคุณแล้วฉันหงุดหงิด!”เย่เฟิงเหงื่อแตกพลั่กในใจ คิดว่าผู้หญิงคนนี้... ทำไมอารมณ์ถึงได้แปรปรวนขนาดนี้?จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!หลังจากออกจากบริษัทเย่เฟิงก็แวะไปที่ร้านขายยาหลายแห่ง และซื้อยาจำนวนมากในเมื่อเขาตัดสินใจจะช่วยหลีเอียนแล้ว ก็ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เขาเลือกยาสี่ชนิดเพื่อเตรียม "ปรับแต่ง"ประกอบด้วยยารักษารอยแผลเป็นและเพื่อความงาม ยาปลูกผมและย้อมผม ยาห้ามเลือดอย่างรวดเร็ว และยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า "ปรับแต่ง" ไม่ใช่ "ปรับปรุง" เพราะเย่เฟิงมีแผนที่จะลดประสิทธิภาพของสองตำรับยาชนิดแรกลงเล็กน้อยสำหรับสมุนไพรบางชนิดที่มีราคาแพง เย่เฟิงจะใช้สมุนไพรที่ราคาถูกกว่ามาทดแทนเพื่อลดต้นทุน ทำให้เหมาะสมกับการผลิตในปริมาณมากแน่นอนว่า ถึงแม้จะลดประสิทธิภาพ
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้