ทันทีที่พูดออกมา สีหน้าของเสิ่นจี่ก็ถอดสีโดยสิ้นเชิง!ความหวาดกลัวและความเกลียดชังอย่างซึมลึกผ่านดวงตาเขาอยู่ชั่วครู่!ฟิ้ว!วินาทีถัดมา เสิ่นจี่ที่เพิ่งโวยวายเศร้าโศกนั้น ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาและพุ่งไปที่หน้าต่างชั้นสองทันทีกลายเป็นว่า เขาตั้งใจจะกระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อหลบหนี!ผู้บังคับบัญชาที่เห็นแบบนี้ก็สบถออกมาด้วยเสียงต่ำแล้วไล่ตามไปอย่างเร็วราวกับสายฟ้าถึงแม้ว่าเสิ่นจี่จะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารนำทหารอย่างผู้บังคับบัญชามู่ทั้งสองคนประมือกันได้ไม่กี่กระบวนท่า เสิ่นจี่ก็ถูกผู้บังคับบัญชามู่ฟาดเข้าที่ท้ายทอยจนหมดสติไม่รู้สึกตัวเมื่อถอดกางเกงชั้นนอกของเสิ่นจี่ออก ก็ได้เห็นผ้าที่พันรอบๆไว้คล้ายกับกางเกงในที่เหมือนผ้าอ้อมเป็นแบบที่นักซูโม่จากประเทศนั้นสวมใส่กัน“ฮึ!คนของประเทศซากุระ?”มู่จ้านส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและหนักแน่น ดวงตาคู่นั้นฉายแววเย็นชาและโกรธแค้น“ผมก็ว่าแล้ว ไอ้หมานี่ไม่ใช่คนดี!”เมื่อได้เห็นฉากนี้ หลีหย่วนก็กัดฟันแล้วด่าด้วยความโกรธ สีหน้าเขาแฝงความพึงพอใจอยู่เล็กๆ"อืม......"ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเบาๆ ดังขึ้นมา มู่ซินเฟยที
พอดีเลยเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าจะซื้อบ้านพอดี......ตอนนี้ดูท่าไม่ต้องแล้ว“เออใช่ น้องชาย คุณชื่ออะไร บัตรประชาชนเอามาไหม? ผมจะให้คนไปดำเนินเรื่องให้”มู่จ้านถามย้ำ“เย่เฟิง”เย่เฟิงแนะนําตัวเองด้วยรอยยิ้มเมื่อพูดจบ ซุนกว่างซานที่อยู่ข้างๆ มีท่าทางตกใจเล็กน้อย และด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ถามว่า: “คุณคือเย่เฟิงเหรอ? คนที่ช่วยชีวิตซ่งเหล่าเย๋ที่ตลาดวันนั้นก็คือคุณ หมอเทวดาใช่ไหม?”เย่เฟิงพยักหน้า:“ผมเอง ทำไมเหรอครับ?”ซุนกว่างซานยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัวไปมาอย่างละอายใจพูดว่า: “มิน่าล่ะ! มิน่า …… ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคือคุณหมอเทวดา วันนี้ผมคงไม่ทำน่าเกลียดออกมาเช่นนี้แล้ว!”เมื่อคิดถึงตอนที่เย่เฟิงเตือนตัวเองก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเขาพูดสั่งสอนด้วยคำพูดคำจาเสียดสีไป ซุนกว่างซานรู้สึกละอายใจในใจในขณะนี้ หลีหย่วนมองไปที่ซุนกว่างซานแล้วก็มองไปที่เย่เฟิง ความเคลือบแคลงสุดท้ายในใจที่เขามีต่อเย่เฟิงก็ได้หมดไปในที่สุดดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มนี่จะช่วยซ่งเหล่าเย๋จริงๆ!จากนนั้นผู้บังคับบัญชาการมู่ก็ได้เชิญเย่เฟิงลงมานั่งที่ห้องรับแขกข้างล่างอย่างอบอุ่น“เฟยเอ๋อร์ ยังไม่มาขอบคุณผู้มี
มู่จ้านไม่ปกปิดความชื่นชมที่มีต่อเย่เฟิงเลย ตั้งแต่เรียกเขาดุจพี่น้องไปจนถึงจะให้แต่งงานกับลูกสาวเขาคำพูดเขาฟังดูกะทันหัน แต่จริงๆ แล้วคิดมาอย่างดีทักษะแพทย์สูงจนซุนกว่างซานยังต้องอาย หมอเทวดาระดับนี้ถ้าได้คบค้าสมาคม ย่อมมีผลดีเกินจินตนาการได้แถมหลังหยั่งเชิงดูครั้งแรกแล้ว เรื่องความแข็งแกร่งก็โดดเด่น!ยังไม่นับข้อดีอื่นๆ ที่จะได้จากการคบค้าสมาคมกับเย่เฟิงอีกนะ คนแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถพัฒนากองทัพได้ อนาคตอาจจะไร้ขีดจำกัดได้มู่จ้านนั้นชื่นชมคนมีพรสวรรค์ทั้งใจจริงๆแต่ว่าหลีหย่วนที่อยู่ข้างๆนั้นยิ่งวิตกกังวลตานี่ ยิ่งพูดยิ่งไปไกลเรื่อย!มู่ซินเฟยนี่เป็นนางในฝันเขาเลยนะ ตอนนี้มู่จ้านกลับจะแนะนํานางในฝันเขาให้พี่เขยกระจอกๆคนนี้เหรอ?“ลุงมู่ เขาเป็นพี่เขยผมครับ!”หลีหย่วนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ แต่เขากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อพูดจบ ผู้บัญชาการมู่ก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง:“พี่เขยคุณ? พี่เขยของพี่สาวคนไหนล่ะ?”“พี่สาวแท้ๆผม หลีเอียน”หลีหย่วนยิ้มอย่างฝืนๆเมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้บัญชาการมู่ก็ส่งเสียง“เชอะ”:“นั่นเป็นปลอมๆนี่!”ชัดเจนว่าผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์เมื
มู่จ้านไม่สามารถทำอะไรได้อื่น จึงได้แต่พูดให้เย่เฟิงมาที่นี่บ่อยๆ และยังให้บัตรผ่านเข้า-ออกพิเศษของเขตทหารให้เย่เฟิงอีกด้วย ออกมาจากเขตทหาร“พวกแกสองคนไปนั่งคันอื่น ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่เขยเป็นการส่วนตัว”หลีหย่นสั่งลูกสองสองคนที่อยู่บนรถ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับด้วยตัวเขาเอง“อะไร? อยากคุยเรื่องอะไรอีก? วันนี้ที่ผมตีสนิทผู้บัญชาการมู่ได้ ก่อนหน้านี้กับตระกูลซ่งก็เหมือนกัน”เย่เฟิงที่นั่งฝั่งข้างคนขับเลิกคิ้วแล้วถามหลีหย่วนยิ้มแหะๆ:“ไม่ใช่ ไม่ใช่เร่องนี้! พี่เขย ผมเชื่อใจพี่แล้วตอนนี้……”เขาพูดไปกะแอ่มไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย: "ผมกำลังจีบเฟยเฟยอยู่ พี่ก็น่าจะเห็นแล้วเพราะงั้นเรื่องในอดีตที่พี่รู้ พี่เขยพี่ต้องปิดปากเงียบกริบ ห้ามบอกผู้บัญชาการมู่กับเฟยเฟยเด็ดขาด!”มู่จ้านนั้นชื่นชมเย่เฟิงมาก แถมยังให้มู่ซินเฟยเรียกเขาว่าพี่ชายอีก ช่อทางการติดต่อเขาก็ขอไว้หมดแล้ว อนาคตคงได้ติดต่อพูดคุยกันมากขึ้นถ้าเกิดว่าเย่เฟิงหลุดปากพูดอะไรไปล่ะก็หลีหย่วนรู้สึกได้ว่าเขาหมดหวังแน่เมื่อพูดจบ เย่เฟิงก็ส่งเสียง“หืม” ก่อนจะตอบสนองด้วยรอยยิ้มครุ่นคิดบนใบหน้า“ที่พูดนี่ใช่วันที่คุ
ประตูห้องนั่งเล่นถูกผลักออก เย่เฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องนั่งเล่นนี่นอกจากจะมีหลีเอียนและแม่บ้านที่เธอจ้างมาอยู่ที่นี่ ยังมีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนหนึ่งคู่และหญิงสาวอีกหนึ่งคนทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าเรียบหรู บนร่างกายมีกลิ่นอายของความหรูหราและมีท่าทีที่โอ้อวดเห็นแวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคนติดนิสัยใช้ชีวิตสะดวกสบายคู่สามีภรรยาวัยกลางคนคือหลีเทียนกัง ลุงรองของหลีเอียนและป้ารอง หลี่เยว่ผิง ส่วนหญิงสาวก็คือหลีถิง ลูกลุงรอง ลูกพี่ลูกน้องของหลีเอียนเมื่อเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา ครอบครัวขอหลีเทียนกังทั้งสามคนก็ชะงักไปชั่วขณะจากนั้น พวกเขามองเย่เฟิงด้วยท่าทีที่มองอย่างตรวจสอบตั้งแต่หัวจรดเท้า“แกก็คือหนุ่มหน้าละอ่อนที่ลูกพี่ลูกน้องฉันหามางั้นเหรอ?”หลีถิงยกคิ้วขึ้นและถาม สายตาที่มองเย่เฟิงนั่นราวกับมองสัตว์ที่ซื้อกลับมาจากตลาดถึงแม้ตระกูลหลีจะเคยได้ยินมาบ้างเรื่องคู่หมั้นที่หลีเอียนหามาครั้งนี้ เหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้างกำจัดชิวอี้แล้วก็ฆ่ามือสังหารไปเจ็ดคนหรืออะไรพวกนั้นแต่ความสามารถนี้ ในสายตาของพวกเขาแล้วก็ไม่เท่าไหร่นี่ต่อสู้เก่ง ไม่ได้ช่วยแสดงสถานะทางสังคมอะไรน
ที่ต้องบอกพวกฉันก็บอกไปหมดแล้ว จะทำอะไรก็คิดเองแล้วกันฮึ!ที่คุณชายฉู่ยังจีบแกแบบดีๆ ไม่ใช่เพราะแกเป็นคนของตระกูลหลีเหรอถ้าแกถูกไล่ออกจากตระกูลหลี แกยังจะเหลืออะไร? ตระกูลหลีไม่สนใจแกแล้ว คุณชายฉู่ก็มีวิธีเป็นร้อยเพื่อให้ได้แก ถึงตอนนั้นก็เป็นแค่ของเล่นไม่ใช่เหรอ?ทำมาเป็นสูงส่ง! เชอะ!”หลี่เยว่ผิง ป้ารองที่เห็นลูกสาวตัวเองเสียใจนั้นก็พูดกัดเหน็บออกมาทันทียังคิดแสดงท่าทีราวกับยืนบนศีลธรรมสูงส่งแล้วทำสีหน้าว่าหลีเอียนเห็นแก่ตัวพูดแบบนี้จริงๆแล้วก็น่าเกลียดไปหน่อยหลีเอียนหน้าแดงก่ำ ดวงตาสวยฉายแววความโกรธแค้นอย่างไม่ตั้งใจแต่เธอไม่เก่งเรื่องทะเลาะกับคนอื่น ตัวเธอสั่นไหวเล็กน้อยจากความโกรธ“คนที่เป็นผู้ใหญ่ แต่กลับทำตัวเหมือนมนุษย์ป้าด่าเด็ก ดูแล้วชีวิตนี่คงอยู่ไม่ทันแก่ล่ะมั้ง”เย่เฟิงที่อยู่ด้านข้างทนฟังไม่ไหวแล้วเมื่อเห็นหลีเอียนต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวสามหน่อนี่ท่าทางที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและโกรธของเธอ ทำให้เขารู้สึกสงสารในใจยังไงเธอก็เป็นภรรยาเขาตามกฎหมายสามีอย่างเขา จะทนยืนดูอยู่ข้างๆได้เหรอ?เมื่อพูดจบ หลี่เยว่ผิงก็ทำสีหน้าดุ ก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิง: "ที่นี่แกมี
สีหน้าหลีเทียนกังเปลี่ยนเอาแน่เอานอนไม่ได้ เขาส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะวางมือลงเขารู้ว่าเขาสู้เย่เฟิงไม่ได้แน่ ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาต้องแย่แน่“หลีเอียน สิ่งที่ย่าแกฝากมาพวกฉันบอกแกไปแล้วนะ!แกมีแค่สองทางเลือกถ้าไม่ทิ้งไอ้หน้าละอ่อนนี่ก็รอโดนไล่ออกจากตระกูลหลีได้เลย!”หลีเทียนกังเหลือบมองเย่เฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดกับหลีเอียนเขามองแล้วว่าหลีเอียนจะทำกำไรสิบเท่าให้บริษัทยาตระกูลหลี่ได้ยังไงภายในเวลาสั้นๆแค่สองเดือน?เพราะฉะนั้นหลีเอียนจึงมีแค่สองทางให้เลือกเท่านั้นในดวงตาสวยของหลีเอียนฉายแววสิ้นหวังและสับสนภายนอกเธออาจดูเข้มแข็ง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเธอในตอนนี้ ภายในใจนั้นรู้สึกไร้กำลังคนในตระกูลหลีต่างก็เคารพผู้อาวุโสหลี แม้แต่ย่าเธอยังยื่นคำขาดกับเธอเลยงั้นเหรอ?จะทำยังไงดี? ยังมีใครที่เธอจะพึ่งได้บ้าง?พ่อแม่เธอเหรอ?การที่พวกเขาไม่มาพูดมาบอกด้วยตัวเอง ไม่มาบังคับเธอ ก็นับว่าให้ความกรุณาที่สุดแล้วล่ะพึ่งอาหย่วนเหรอ ถึงแม้อาหย่วนจะมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย แต่ในเรื่องธุรกิจเขาคงช่วยอะไรมากไม่ได้ และเจตนารมณ์ของคุณย่า เขาเองก็คงไม่กล้าฝืน
หลีเทียนกังเค้นเสียงเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ภายในสองเดือนคิดว่าจะทำให้ผลกำไรของบริษัทยาตระกูลหลี่เพิ่มขึ้นสิบเท่าอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”“หลีเอียนฉันไม่เพียงแต่จะทำให้มันไม่เพิ่มขึ้นนะ แต่บริษัทยังจะขาดทุนถึงขั้นล่มสลายอีกด้วย!”พูดจบ หลีเทียนกังก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่น่าพูดถึงมากที่สุดก็คือ บริษัทยาตระกูลหลี่เดิมทีนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของหลีเทียนกังทายาทของตระกูลหลีผู้นี้ได้บริหารบริษัทมาหลายปี แน่นอนว่าพนักงานระดับสูงหลายคนในบริษัทต่างก็เชื่อฟังเขายิ่งไปกว่านั้น หลีเทียนกังยังอ้างชื่อผู้อาวุโสหลีมาเป็นข้ออ้างอีกด้วยเพื่อที่จะจัดการกับหลีเอียนและระบายความโกรธในวันนี้ หลีเทียนกังถึงกับยอมสละผลประโยชน์ของบริษัทยาตระกูลหลี่ขณะเดียวกันอีกด้านเย่เฟิงกำลังขับรถพาหลีเอียนไปที่บริษัท ระหว่างทางหลีเอียนก็ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเธอ เหลียงน่าน่าหลังจากวางสายโทรศัพท์ สีหน้าของหลีเอียนก็เปลี่ยนไปดูไม่สู้ดีเช้าตรู่วันนี้ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนในบริษัทจู่ ๆ ก็พากันลาออกหรือขอลาหยุดด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาเธอรู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือลุงรองเ
เย่เฟิงหันไปมองเจี่ยอี้ด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกทั้งหมดที่เคยคิดว่าเขาเป็น "พี่น้อง" ถูกลบล้างจนหมดสิ้นเสียงหัวเราะเยาะที่ดังรอบตัวไม่ได้กระทบจิตใจเขาแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ตรงนั้นนิ่งเฉย ราวกับทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา"พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง? เอาความเจ็บปวดของคนอื่นมาล้อเลียน?"มีเพียงเจียงหว่านเท่านั้นที่ยืนขึ้นปกป้องเย่เฟิงเย่เฟิงดึงแขนเธอเบาๆ พร้อมส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรให้มากความสำหรับเขาในตอนนี้ สายตาและมุมมองต่อโลกของเขาต่างจากคนเหล่านี้ไปไกลแล้วมังกรที่บินอยู่บนฟ้าย่อมไม่สนใจคำดูถูกจากมดปลวกบนดิน"หัวเราะพอแล้วใช่ไหม? ถ้าพอแล้ว ก็เชิญไสหัวไปได้เลย!"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนในห้องได้ยินชัดเจนคำพูดนี้ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง"ไสหัวไป? ฉันได้ยินถูกไหม ไอ้คนว่างงานมาบอกให้พวกเราหัวไป?"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนกระซิบอะไรบางอย่างกับหวงเจี้ยน"อาหารมื้อนี้คุณชายหวงเลี้ยง นายเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้คนอื่นออกไป?"เหอปิง ครูประจำชั้นเก่าเอ่ยขึ้นด้วยความดูถูกหวงเจี้ยนที่ได้ยินหลี่เวยกระซิบแล้วหันไปมอ
หลังจากเดินเข้ามาเห็นภาพนั้น เจียงหว่านก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เธอรู้สึกว่างานเลี้ยงรุ่นนี้กลายเป็นการอวดรวย แข่งขันกัน และสร้างเครือข่ายไปเสียแล้ว"โอ้ ดาวโรงเรียนของพวกเรามาแล้วเหรอ?"ทันใดนั้น มีคนสังเกตเห็นเจียงหว่านและตะโกนขึ้นหวงเจี้ยนที่กำลังถูกล้อมรอบดั่งดวงดาวกลางวงก็รีบหันมาทางเธอ ดวงตาเป็นประกาย เขาย้ายมือที่วางอยู่บนตัวเหอปิงออก แล้วเดินตรงเข้ามา "เสี่ยวหว่าน เธอมาเสียที! ฉันคิดถึงเธอแทบแย่"เจียงหว่านยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบสนองอะไรในขณะนั้นเอง มีคนสังเกตเห็นเย่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงหว่าน"เอ๊ะ? นั่นเย่เฟิงไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำอะไรอยู่ล่ะ?"เมื่อได้ยิน ทุกคนก็หันมามองเย่เฟิงด้วยสายตาหลากหลายในสมัยเรียน เย่เฟิงมีชื่อเสียงในฐานะคนจน ทำให้ทุกคนยังจดจำเขาได้"ไม่ได้ทำอะไร"เย่เฟิงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"ไม่ได้ทำอะไร? หมายความว่าตอนนี้ว่างงานสินะ?""ฉันมีถุงเท้าคู่หนึ่ง นายช่วยซักให้หน่อยสิ ฉันให้ห้าร้อย เป็นไง?"ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังลั่นห้องแม้กระทั่งเหอปิง อดีตครูประจำชั้นของเขา ก็เบะปากพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม "เย่เฟิง ฉันไม่คิดเลยว่านายจะยังไร้ประโยช
"ไม่เป็นไร! งานเลี้ยงรุ่นที่คุณชายหวงเป็นคนจัด ฉันจะไม่ไปได้ยังไง!"เย่เฟิงส่ายหัว พร้อมยิ้มบางๆเมื่อได้ยิน หลี่เวยหัวเราะเสียงดัง "ทำไมล่ะ เย่เฟิง? นายก็รู้ว่าคุณชายหวงตอนนี้ไปได้สวยเลยอยากจะเอาใจเขาใช่ไหม? นายก็ถือว่ารู้จักประจบคนเป็นนะเนี่ย ถ้าทำให้คุณชายหวงพอใจ บางทีเขาอาจให้ไปทำงานเป็นพ่อบ้านที่บริษัทเขาก็ได้ยังไงตอนเรียน นายก็ซักเสื้อผ้าให้คนอื่นจนชินมือแล้วนี่ ฮ่าๆๆ!"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ"เหอะๆ ใช่สิ! ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คุณชายหวงจะเจ๋งแค่ไหน! แต่ดูจากสภาพเธอตอนนี้ ท่าทางจะประจบเขาไม่น้อยเลยสินะ? ถึงขั้นขึ้นเตียงด้วยหรือเปล่า?"เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคำพูดนี้ทำให้หลี่เวยโกรธจนหน้าแดง "ไปให้พ้นเลย เย่เฟิง! ไม่เจอกันหลายปี นายกลายเป็นคนต่ำช้าขนาดนี้เลยเหรอ?"ในใจเธอแอบคิดอย่างเกรี้ยวกราด (นายมันก็แค่ขยะ ยังกล้าคิดจะไปประจบคุณชายหวง หวังจะเกาะเขาด้วย?ได้ รอให้ฉันไปปั่นหัวคุณชายหวงสักหน่อย นายเจอดีแน่!)ในขณะเดียวกัน เจียงหว่านที่ได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าหวงเจี้ยนประสบความสำเร็จ เย
หญิงสาวคนนี้เห็นเย่เฟิงก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง พอจำได้ก็เบะปากแล้วพูดขึ้นเธอชื่อหลี่เวย เป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเย่เฟิงเช่นเดียวกันแต่ตั้งแต่สมัยเรียน หลี่เวยก็ไม่ค่อยชอบเย่เฟิงอยู่แล้วหรือจะพูดให้ถูกก็คือ เพื่อนส่วนใหญ่ในตอนนั้น ต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกตอนอายุ 18 ปี พ่อแม่ของเย่เฟิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่ทิเบต ทำให้เขาขาดแคลนทั้งเงินและค่าใช้จ่ายเพื่อหาเงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย เย่เฟิงต้องทำงานพิเศษในโรงเรียน เช่น ซักผ้า ทำความสะอาด และวิ่งซื้อของให้เพื่อนแม้กระทั่งกางเกงใน รองเท้าเหม็นๆ และถุงเท้าสกปรกของเพื่อนผู้ชายบางคน เย่เฟิงก็เป็นคนซักเรื่องนี้ทำให้เพื่อนหลายคนมองเย่เฟิงด้วยความดูถูกแต่ก็มีเพื่อนบางคนที่แตกต่างออกไป ซึ่งเจียงหว่านเป็นหนึ่งในนั้น สมัยนั้น เธอไม่เพียงไม่ดูถูกเย่เฟิง แต่ยังมักจะซื้อข้าวให้เย่เฟิงอยู่บ่อยๆจนมีข่าวลือในโรงเรียนว่า เจียงหว่านชอบเย่เฟิงเพียงแต่ ตอนนั้นเย่เฟิงมีความรู้สึกด้อยค่า แม้ว่าเขาจะแอบชอบเจียงหว่านเช่นกัน แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะแสดงออก"หวงเจี้ยนอาจลืมเชิญนายล่ะมั้ง! เย่เฟิง ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มาด้วยกันสิน
เวลา 3 ทุ่ม เย่เฟิงมาถึงโรงแรมโกลด์เดนรอยัลโรงแรมแห่งนี้เป็นของหลีหย่วนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลีหลีหย่วนพาอาเจียงและเหล่าหยู ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทมายืนรออยู่หน้าประตูตั้งแต่เนิ่นๆ"พี่เขย!""คุณเย่!"เมื่อเห็นเย่เฟิง พวกเขาตะโกนพร้อมกัน"พี่ พี่คิดว่าโรงแรมนี้เป็นยังไง? ชอบไหมครับ?"หลีหย่วนเดินมาโอบไหล่เย่เฟิงแล้วถามด้วยรอยยิ้ม"ดีนะ ดูดีเลย"เย่เฟิงพยักหน้า"ถ้าชอบ งั้นโรงแรมนี้ผมยกให้พี่เลย! จากนี้ไป พี่คือเจ้าของที่นี่!"หลีหย่วนหัวเราะเสียงดัง พร้อมผายมือเย่เฟิงได้ยินก็ทำหน้าอึ้ง "ยกให้ฉัน? ฉันไม่เอาหรอก! ฉันไม่มีเวลามาบริหารจัดการ แล้วฉันก็ไม่เก่งเรื่องนี้ด้วย""โธ่ พี่ จะลงมือเองทำไมล่ะ? ก็มีผู้จัดการโรงแรมอยู่แล้วนี่ พี่แค่รอรับเงินก็พอ!""ผมไม่สนล่ะ ยังไงพี่ก็ต้องรับไว้ ถ้าไม่รับ…ถ้าไม่รับ ผมจะฟ้องพี่สาวผมว่าพี่แอบไปนวดร้านแบบนั้นมา!"หลีหย่วนพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์"ไปให้พ้นเลย! ไอ้เด็กนี่ แกนี่มันแสบจริงๆ!"เย่เฟิงยิ้มขำ พร้อมด่าแบบไม่จริงจังนัก"ฮ่าๆๆ…"หลีหย่วนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพาเย่เฟิงเดินเข้าไปในโรงแรมเมื่อขึ้นไปถึงห้องส่วนตัวขนาดใหญ่บนชั
หลี่ชื่อสะบัดแขนของตัวเองดู พบว่าไม่เพียงแค่หายดี แต่ยังดูแข็งแรงและทรงพลังขึ้นอีกด้วย!ยิ่งไปกว่านั้น…"นี่มัน…""ฉันทะลุถึงระดับพลังแปรสภาพแล้วเหรอ? ฉันไม่เพียงแค่หายดี แต่ยังทะลุขีดจำกัดได้อีก?"หลี่ชื่อเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!วินาทีถัดมา เขาดีใจจนตาแดง น้ำตาไหลพรั่งพรูอีกครั้งน้ำตาแห่งความปิติ!"ขอบคุณท่านมาก! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านคือผู้มีพระคุณที่สร้างชีวิตใหม่ให้กับผม! ผมหลี่ชื่อจะขอรับใช้ท่านเย่ตลอดไป!"หลี่ชื่อคุกเข่าลงกับพื้น เสียงสั่นเครือพลางเอ่ยขอบคุณเย่เฟิงมุมปากกระตุก ในใจคิดว่าหมอนี่บ่อน้ำตาตื้นเกินไปไหม นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้ซะละ?"ไม่ต้องถึงขั้นเรียกฉันว่าอาจารย์หรอก แค่ตั้งใจทำงานให้ฉันก็พอ!""แต่จำไว้ ฉันสามารถเพิ่มพลังให้นายได้ ฉันก็สามารถทำลายมันได้เหมือนกัน ถ้าวันไหนที่ฉันรู้ว่านายทรยศฉัน นายคิดเองแล้วกันว่าผลจะเป็นยังไง!"เย่เฟิงโบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกฝ่ายที่อายุมากกว่าเย่เฟิงสองสามปี ย่อมไม่เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของเขา ดังนั้นเรื่องรับเป็นศิษย์ก็ช่างมันเถอะ…อย่างไรก็ตาม หลี่ชื่อจะเป็นกำลังสำคัญให้เย่เฟิงได้ เพราะมีบ
หลังจากออกมาจากวิลล่าตระกูลเฉา เย่เฟิงเห็นเพียงเงาร่างที่ดูสิ้นหวังเดินอยู่ข้างหน้า แขนขวาของเขาปล่อยห้อยไร้เรี่ยวแรงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง หลี่ชื่อหันกลับไปมอง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที"นายมาเพื่อฆ่าฉันใช่ไหม?"หลี่ชื่อบังคับตัวเองให้ฮึดสู้ พลางจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาเคร่งเครียดและถามด้วยความโกรธ"เปล่า!"เย่เฟิงส่ายหัว"เหอะๆ ไม่ใช่เหรอ? นายโหดเหี้ยมขนาดนี้ ถึงกับทำลายฉันจนหมดสภาพ ฉันนึกว่านายตามมาเพื่อเอาชีวิตฉันเสียอีก"วินาทีต่อมา เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อคิดถึงแขนขวาที่ถูกทำลาย หลี่ชื่อก็รู้สึกเจ็บปวดและโกรธเคืองในใจ!เย่เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย เขาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า "นายมีแผนอะไรหรือเปล่า? ยังคิดจะทำร้ายครอบครัวเขาอีกหรือเปล่า?"ระหว่างพูด เขาพลางชี้ไปยังวิลล่าของตระกูลเฉาหลี่ชื่อส่ายหัว "ไม่มีแผนอะไรหรอก ฉันกลับไปที่สำนักไม่ได้แล้ว! อาจารย์บอกว่าฉันไร้พรสวรรค์เกินไป เลยไล่ฉันลงจากเขา! ส่วนจะไปทำร้ายเขาอีกไหมนั้น? เหอะๆ...มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว…"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฟิงอุทานเบาๆ ใ
เฉาเหนียนไม่สนใจใดๆ วิ่งเข้าไปตรงหน้าหลี่ชื่อ “แกจะบอกว่า ตอนที่ชุ่ยเจี๋ยเลิกกับฉัน เธอกำลังตั้งท้องงั้นเหรอ? แก…แกเป็นลูกชายฉันงั้นเหรอ?แกเป็นลูกชายฉันงั้นเหรอ?หลี่ชื่อเห็นเฉาเหนียนวิ่งเข้า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเดือดดาลทันที เขาบีบคออีกฝ่ายโดยตรง“ไอ้คนหัวโบราณเห็นแก่ตัว! ฉันจะฆ่าแกซะ!”หลี่ชื่อตาแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธ อยากจะบีบคอเฉาเหนียนให้ตายคามือแต่แล้วก็ตัดใจลงมือทำไม่ได้…ตุบ!หลังจากที่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปหลายหน หลี่ชื่อก็เตะเฉาเหนียนจนกระเด็นออกไป “ไปซะ! ฉันไม่ใช่ลูกชายอะไรของแกหรอก แกไม่คู่ควร!”เฉาเหนียนลุกขึ้นจากพื้น แล้วหันไปมองลู่ไฉ่หยุนด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดขีด“ฉันไม่ได้ส่งคนไปฆ่าชุ่ยเจี๋ย! ฉันไม่ได้ทำ!”“ใครเป็นคนทำ? ไฉ่หยุน บอกฉันมา ใครเป็นคนทำ?”“แกใช่ไหม? แกใช่ไหม?”เขาหันไปตะคอกใส่คุณผู้หญิงเฉาพร้อมกับสีหน้าโกรธจัดลู่ไฉ่หยุนมองเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว เธอถูกเฉาเหนียนทำตกใจจนสะดุ้งโหยง ก่อนที่ความอับอายจะเปลี่ยนเป็นโกรธแทน“ใช่! ฉันทำเอง แล้วยังไง? ใครสั่งให้นังแพศยานั่นตั้งท้องลูกของคุณล่ะ!”“ถ้าวันนั้นคุณรู้ว่ามีลูกชายอยู่ข้างนอก แล้วกลับไปหานังแพศยาน
เมื่อเผชิญกับเสียงโวยวายของ คุณผู้หญิงเฉา ลู่ไฉ่หยุน เย่เฟิงขมวดคิ้วก่อนตวาดออกมา“หุบปาก! เรื่องที่ผมจะฆ่าหรือไม่ฆ่า ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาสั่ง!”คำพูดนี้ทำให้คุณผู้หญิงเฉาแสดงสีหน้าโกรธจัด“ถ้าคุณไม่ฆ่าเขา เราก็จะไม่จ่ายเงินให้คุณ!”เฉาเริ่นเสริมด้วยน้ำเสียงแค้น“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่า รับเงินคนแล้วต้องช่วยจัดการปัญหา! ถ้าคุณไม่ฆ่าเขา เขาก็จะกลับมาฆ่าครอบครัวเรา!”เย่เฟิงหรี่ตาลง ปล่อยแววตาเย็นชาอันตราย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ถ้าคุณไม่อยากจ่ายเงิน งั้นลองฆ่าเขาเองสิ!”คำพูดนี้ทำให้คุณผู้หญิงเฉาและเฉาเริ่นสะดุ้งสุดตัว พวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวใครจะกล้าล่ะ?ถ้าเย่เฟิงไม่จัดการ หลี่ชื่อถึงแม้จะแขนหัก แต่ก็ยังสามารถฆ่าพวกเขาได้ทั้งครอบครัว!“อย่า... อย่าโกรธเลย!”เฉาเริ่นรีบยกมือขึ้นห้ามในขณะนั้นเอง เฉาเหนียนไม่ได้สนใจคำพูดของภรรยาและลูกชาย เขามองหลี่ชื่อด้วยสายตาสงสัย“แม่ของคุณ... ชื่ออะไร?”หลี่ชื่อพูดซ้ำหลายครั้งว่าเขามาเพื่อแก้แค้นให้แม่ นั่นทำให้เฉาเหนียนรู้สึกสงสัยในใจเมื่อเขามองหน้าหลี่ชื่ออย่างละเอียด ก็พบว่ารูปลักษณ์บางส่วนของหลี่ชื่อ มีความ