พอดีเลยเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าจะซื้อบ้านพอดี......ตอนนี้ดูท่าไม่ต้องแล้ว“เออใช่ น้องชาย คุณชื่ออะไร บัตรประชาชนเอามาไหม? ผมจะให้คนไปดำเนินเรื่องให้”มู่จ้านถามย้ำ“เย่เฟิง”เย่เฟิงแนะนําตัวเองด้วยรอยยิ้มเมื่อพูดจบ ซุนกว่างซานที่อยู่ข้างๆ มีท่าทางตกใจเล็กน้อย และด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ถามว่า: “คุณคือเย่เฟิงเหรอ? คนที่ช่วยชีวิตซ่งเหล่าเย๋ที่ตลาดวันนั้นก็คือคุณ หมอเทวดาใช่ไหม?”เย่เฟิงพยักหน้า:“ผมเอง ทำไมเหรอครับ?”ซุนกว่างซานยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัวไปมาอย่างละอายใจพูดว่า: “มิน่าล่ะ! มิน่า …… ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคือคุณหมอเทวดา วันนี้ผมคงไม่ทำน่าเกลียดออกมาเช่นนี้แล้ว!”เมื่อคิดถึงตอนที่เย่เฟิงเตือนตัวเองก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเขาพูดสั่งสอนด้วยคำพูดคำจาเสียดสีไป ซุนกว่างซานรู้สึกละอายใจในใจในขณะนี้ หลีหย่วนมองไปที่ซุนกว่างซานแล้วก็มองไปที่เย่เฟิง ความเคลือบแคลงสุดท้ายในใจที่เขามีต่อเย่เฟิงก็ได้หมดไปในที่สุดดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มนี่จะช่วยซ่งเหล่าเย๋จริงๆ!จากนนั้นผู้บังคับบัญชาการมู่ก็ได้เชิญเย่เฟิงลงมานั่งที่ห้องรับแขกข้างล่างอย่างอบอุ่น“เฟยเอ๋อร์ ยังไม่มาขอบคุณผู้มี
มู่จ้านไม่ปกปิดความชื่นชมที่มีต่อเย่เฟิงเลย ตั้งแต่เรียกเขาดุจพี่น้องไปจนถึงจะให้แต่งงานกับลูกสาวเขาคำพูดเขาฟังดูกะทันหัน แต่จริงๆ แล้วคิดมาอย่างดีทักษะแพทย์สูงจนซุนกว่างซานยังต้องอาย หมอเทวดาระดับนี้ถ้าได้คบค้าสมาคม ย่อมมีผลดีเกินจินตนาการได้แถมหลังหยั่งเชิงดูครั้งแรกแล้ว เรื่องความแข็งแกร่งก็โดดเด่น!ยังไม่นับข้อดีอื่นๆ ที่จะได้จากการคบค้าสมาคมกับเย่เฟิงอีกนะ คนแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถพัฒนากองทัพได้ อนาคตอาจจะไร้ขีดจำกัดได้มู่จ้านนั้นชื่นชมคนมีพรสวรรค์ทั้งใจจริงๆแต่ว่าหลีหย่วนที่อยู่ข้างๆนั้นยิ่งวิตกกังวลตานี่ ยิ่งพูดยิ่งไปไกลเรื่อย!มู่ซินเฟยนี่เป็นนางในฝันเขาเลยนะ ตอนนี้มู่จ้านกลับจะแนะนํานางในฝันเขาให้พี่เขยกระจอกๆคนนี้เหรอ?“ลุงมู่ เขาเป็นพี่เขยผมครับ!”หลีหย่วนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ แต่เขากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อพูดจบ ผู้บัญชาการมู่ก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง:“พี่เขยคุณ? พี่เขยของพี่สาวคนไหนล่ะ?”“พี่สาวแท้ๆผม หลีเอียน”หลีหย่วนยิ้มอย่างฝืนๆเมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้บัญชาการมู่ก็ส่งเสียง“เชอะ”:“นั่นเป็นปลอมๆนี่!”ชัดเจนว่าผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์เมื
มู่จ้านไม่สามารถทำอะไรได้อื่น จึงได้แต่พูดให้เย่เฟิงมาที่นี่บ่อยๆ และยังให้บัตรผ่านเข้า-ออกพิเศษของเขตทหารให้เย่เฟิงอีกด้วย ออกมาจากเขตทหาร“พวกแกสองคนไปนั่งคันอื่น ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่เขยเป็นการส่วนตัว”หลีหย่นสั่งลูกสองสองคนที่อยู่บนรถ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับด้วยตัวเขาเอง“อะไร? อยากคุยเรื่องอะไรอีก? วันนี้ที่ผมตีสนิทผู้บัญชาการมู่ได้ ก่อนหน้านี้กับตระกูลซ่งก็เหมือนกัน”เย่เฟิงที่นั่งฝั่งข้างคนขับเลิกคิ้วแล้วถามหลีหย่วนยิ้มแหะๆ:“ไม่ใช่ ไม่ใช่เร่องนี้! พี่เขย ผมเชื่อใจพี่แล้วตอนนี้……”เขาพูดไปกะแอ่มไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย: "ผมกำลังจีบเฟยเฟยอยู่ พี่ก็น่าจะเห็นแล้วเพราะงั้นเรื่องในอดีตที่พี่รู้ พี่เขยพี่ต้องปิดปากเงียบกริบ ห้ามบอกผู้บัญชาการมู่กับเฟยเฟยเด็ดขาด!”มู่จ้านนั้นชื่นชมเย่เฟิงมาก แถมยังให้มู่ซินเฟยเรียกเขาว่าพี่ชายอีก ช่อทางการติดต่อเขาก็ขอไว้หมดแล้ว อนาคตคงได้ติดต่อพูดคุยกันมากขึ้นถ้าเกิดว่าเย่เฟิงหลุดปากพูดอะไรไปล่ะก็หลีหย่วนรู้สึกได้ว่าเขาหมดหวังแน่เมื่อพูดจบ เย่เฟิงก็ส่งเสียง“หืม” ก่อนจะตอบสนองด้วยรอยยิ้มครุ่นคิดบนใบหน้า“ที่พูดนี่ใช่วันที่คุ
ประตูห้องนั่งเล่นถูกผลักออก เย่เฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องนั่งเล่นนี่นอกจากจะมีหลีเอียนและแม่บ้านที่เธอจ้างมาอยู่ที่นี่ ยังมีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนหนึ่งคู่และหญิงสาวอีกหนึ่งคนทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าเรียบหรู บนร่างกายมีกลิ่นอายของความหรูหราและมีท่าทีที่โอ้อวดเห็นแวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคนติดนิสัยใช้ชีวิตสะดวกสบายคู่สามีภรรยาวัยกลางคนคือหลีเทียนกัง ลุงรองของหลีเอียนและป้ารอง หลี่เยว่ผิง ส่วนหญิงสาวก็คือหลีถิง ลูกลุงรอง ลูกพี่ลูกน้องของหลีเอียนเมื่อเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา ครอบครัวขอหลีเทียนกังทั้งสามคนก็ชะงักไปชั่วขณะจากนั้น พวกเขามองเย่เฟิงด้วยท่าทีที่มองอย่างตรวจสอบตั้งแต่หัวจรดเท้า“แกก็คือหนุ่มหน้าละอ่อนที่ลูกพี่ลูกน้องฉันหามางั้นเหรอ?”หลีถิงยกคิ้วขึ้นและถาม สายตาที่มองเย่เฟิงนั่นราวกับมองสัตว์ที่ซื้อกลับมาจากตลาดถึงแม้ตระกูลหลีจะเคยได้ยินมาบ้างเรื่องคู่หมั้นที่หลีเอียนหามาครั้งนี้ เหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้างกำจัดชิวอี้แล้วก็ฆ่ามือสังหารไปเจ็ดคนหรืออะไรพวกนั้นแต่ความสามารถนี้ ในสายตาของพวกเขาแล้วก็ไม่เท่าไหร่นี่ต่อสู้เก่ง ไม่ได้ช่วยแสดงสถานะทางสังคมอะไรน
ที่ต้องบอกพวกฉันก็บอกไปหมดแล้ว จะทำอะไรก็คิดเองแล้วกันฮึ!ที่คุณชายฉู่ยังจีบแกแบบดีๆ ไม่ใช่เพราะแกเป็นคนของตระกูลหลีเหรอถ้าแกถูกไล่ออกจากตระกูลหลี แกยังจะเหลืออะไร? ตระกูลหลีไม่สนใจแกแล้ว คุณชายฉู่ก็มีวิธีเป็นร้อยเพื่อให้ได้แก ถึงตอนนั้นก็เป็นแค่ของเล่นไม่ใช่เหรอ?ทำมาเป็นสูงส่ง! เชอะ!”หลี่เยว่ผิง ป้ารองที่เห็นลูกสาวตัวเองเสียใจนั้นก็พูดกัดเหน็บออกมาทันทียังคิดแสดงท่าทีราวกับยืนบนศีลธรรมสูงส่งแล้วทำสีหน้าว่าหลีเอียนเห็นแก่ตัวพูดแบบนี้จริงๆแล้วก็น่าเกลียดไปหน่อยหลีเอียนหน้าแดงก่ำ ดวงตาสวยฉายแววความโกรธแค้นอย่างไม่ตั้งใจแต่เธอไม่เก่งเรื่องทะเลาะกับคนอื่น ตัวเธอสั่นไหวเล็กน้อยจากความโกรธ“คนที่เป็นผู้ใหญ่ แต่กลับทำตัวเหมือนมนุษย์ป้าด่าเด็ก ดูแล้วชีวิตนี่คงอยู่ไม่ทันแก่ล่ะมั้ง”เย่เฟิงที่อยู่ด้านข้างทนฟังไม่ไหวแล้วเมื่อเห็นหลีเอียนต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวสามหน่อนี่ท่าทางที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและโกรธของเธอ ทำให้เขารู้สึกสงสารในใจยังไงเธอก็เป็นภรรยาเขาตามกฎหมายสามีอย่างเขา จะทนยืนดูอยู่ข้างๆได้เหรอ?เมื่อพูดจบ หลี่เยว่ผิงก็ทำสีหน้าดุ ก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิง: "ที่นี่แกมี
สีหน้าหลีเทียนกังเปลี่ยนเอาแน่เอานอนไม่ได้ เขาส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะวางมือลงเขารู้ว่าเขาสู้เย่เฟิงไม่ได้แน่ ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาต้องแย่แน่“หลีเอียน สิ่งที่ย่าแกฝากมาพวกฉันบอกแกไปแล้วนะ!แกมีแค่สองทางเลือกถ้าไม่ทิ้งไอ้หน้าละอ่อนนี่ก็รอโดนไล่ออกจากตระกูลหลีได้เลย!”หลีเทียนกังเหลือบมองเย่เฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดกับหลีเอียนเขามองแล้วว่าหลีเอียนจะทำกำไรสิบเท่าให้บริษัทยาตระกูลหลี่ได้ยังไงภายในเวลาสั้นๆแค่สองเดือน?เพราะฉะนั้นหลีเอียนจึงมีแค่สองทางให้เลือกเท่านั้นในดวงตาสวยของหลีเอียนฉายแววสิ้นหวังและสับสนภายนอกเธออาจดูเข้มแข็ง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเธอในตอนนี้ ภายในใจนั้นรู้สึกไร้กำลังคนในตระกูลหลีต่างก็เคารพผู้อาวุโสหลี แม้แต่ย่าเธอยังยื่นคำขาดกับเธอเลยงั้นเหรอ?จะทำยังไงดี? ยังมีใครที่เธอจะพึ่งได้บ้าง?พ่อแม่เธอเหรอ?การที่พวกเขาไม่มาพูดมาบอกด้วยตัวเอง ไม่มาบังคับเธอ ก็นับว่าให้ความกรุณาที่สุดแล้วล่ะพึ่งอาหย่วนเหรอ ถึงแม้อาหย่วนจะมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย แต่ในเรื่องธุรกิจเขาคงช่วยอะไรมากไม่ได้ และเจตนารมณ์ของคุณย่า เขาเองก็คงไม่กล้าฝืน
หลีเทียนกังเค้นเสียงเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ภายในสองเดือนคิดว่าจะทำให้ผลกำไรของบริษัทยาตระกูลหลี่เพิ่มขึ้นสิบเท่าอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”“หลีเอียนฉันไม่เพียงแต่จะทำให้มันไม่เพิ่มขึ้นนะ แต่บริษัทยังจะขาดทุนถึงขั้นล่มสลายอีกด้วย!”พูดจบ หลีเทียนกังก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่น่าพูดถึงมากที่สุดก็คือ บริษัทยาตระกูลหลี่เดิมทีนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของหลีเทียนกังทายาทของตระกูลหลีผู้นี้ได้บริหารบริษัทมาหลายปี แน่นอนว่าพนักงานระดับสูงหลายคนในบริษัทต่างก็เชื่อฟังเขายิ่งไปกว่านั้น หลีเทียนกังยังอ้างชื่อผู้อาวุโสหลีมาเป็นข้ออ้างอีกด้วยเพื่อที่จะจัดการกับหลีเอียนและระบายความโกรธในวันนี้ หลีเทียนกังถึงกับยอมสละผลประโยชน์ของบริษัทยาตระกูลหลี่ขณะเดียวกันอีกด้านเย่เฟิงกำลังขับรถพาหลีเอียนไปที่บริษัท ระหว่างทางหลีเอียนก็ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเธอ เหลียงน่าน่าหลังจากวางสายโทรศัพท์ สีหน้าของหลีเอียนก็เปลี่ยนไปดูไม่สู้ดีเช้าตรู่วันนี้ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนในบริษัทจู่ ๆ ก็พากันลาออกหรือขอลาหยุดด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาเธอรู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือลุงรองเ
หลีเอียนลืมตาขึ้น พลางเผยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเย้ยหยันบนใบหน้าที่งดงามของเธอในใจเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวายและไม่สบายใจ!“คุณจะไปคุยกับพวกเขา? พวกเขาเป็นลูกน้องเก่าของลุงรองทั้งหมด เขาไม่ฟังฉันด้วยซ้ำ คุณคิดว่าพวกเขาจะฟังคุณงั้นเหรอ?”คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?“เย่เฟิงคุณช่วยหยุดทำให้ฉันลำบากใจได้ไหม?”หลีเอียนที่ทั้งอ่อนล้าและโกรธจัด ตะโกนถามเย่เฟิงเสียงดังด้วยใจที่ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกด้านลบ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะระบายความอัดอั้นออกมาใส่เขา พูดไปพูดมา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลออกมาอีกครั้งเย่เฟิงยิ้มเล็กน้อย พลางจับมือเล็ก ๆ ของหลีเอียนและพูดว่า:“เชื่อใจผมได้ไหม?”เย่เฟิงเข้าใจถึงอารมณ์ของหลีเอียนในตอนนี้ จึงไม่ถือสาหาความเมื่อมองไปที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา หลีเอียนก็ไม่รู้ว่าทำไม อารมณ์ของเธอถึงได้สงบลงฉันอารมณ์เสียใส่เขาเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะเธอดูถูกเย่เฟิงจริง ๆ แต่เพียงเพราะเธอต้องการที่ระบายความรู้สึกเท่านั้นหลังจากที่ปรับอารมณ์ของตัวเองลงแล้ว หลีเอียนก็ตกใจเล็กน้อยกับพฤติกรรมของตัวเองเมื่อครู่ปกติแล้วเธอเป็นคนที่เยือกเย็นและสุขุมมาตลอด แม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้เป่ยเหล่าเคยบอกกับฉู่เทียนหลงว่า หมอเทวดาที่จะมารักษาเขานั้นไม่เพียงแค่เก่งเรื่องการแพทย์ แต่ยังมีฝีมือในวิชาต่อสู้ที่น่าทึ่งในสายโทรศัพท์เมื่อครู่ เป่ยเหล่าก็พูดถึงเรื่องนี้กับฉู่เทียนหลงอีกครั้งอย่าง “มีนัย”ทันใดนั้น ฉู่เทียนหลงก็รู้สึกถึงความหวังที่จะกำจัดเย่เฟิงอีกครั้ง!หมอเทวดาที่สามารถต่อกรกับมหาปรมาจารย์ทั้งสี่?คนระดับนี้ การฆ่าเย่เฟิงคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรดังนั้นตอนนี้ ฉู่เทียนหลงจึงกลับมามีท่าทีไร้ยางอายอีกครั้ง!เขาถึงขั้นวางแผนว่าหลังจากคุณปู่พาหมอเทวดามาแล้ว จะโทรเรียกเย่เฟิงมาเพื่อจัดการเขาให้ตายตรงนี้ท่าทีบ้าคลั่งและมั่นใจเกินเหตุของฉู่เทียนหลง ทำให้หลีเอียนมองเขาด้วยความไม่แน่ใจและตกใจอะไรนะ?ฉู่เทียนหลงยังมีทางหายอดฝีมือแบบนี้ได้อีกเหรอ?“ฉู่เทียนหลง ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ถ้าแกกล้าทำร้ายเย่เฟิง ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่ ถึงจะเป็นผีก็ไม่เว้น!”หลีเอียนกัดฟันด่าออกมา“ฮ่าๆๆ รอให้ไอ้หน้าขาวตาย แล้วเธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน เธอจะเปลี่ยนใจเอง”ฉู่เทียนหลงยิ้มกว้างด้วยความลำพองใจทันใดนั้น เขากลืนน้ำลายอีกครั้ง มองหลีเอียนด้วยแววตาเร่าร้อนและกระหายคุณชาย
เขาเพิ่งให้คนพาหลีเอียนไปที่ห้องนอน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเป่ยเหล่า“คุณปู่ โทรมาหาผมเวลานี้มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เทียนหลงปรับลมหายใจแล้วรับสาย ถามด้วยความแปลกใจ“แกอยู่ไหน? ถึงหยุนเฉิงแล้วใช่ไหม? ฉันจะพาหมอเทวดาไปหาเดี๋ยวนี้เลย!”เป่ยเหล่าพูดเสียงต่ำ พยายามคุมโทนเสียงให้นิ่งที่สุด“ห๊ะ? นี่มันจะตีสี่แล้วนะครับ คุณปู่จะพาหมอเทวดามาตอนนี้?”ฉู่เทียนหลงชะงักไปครู่หนึ่ง ถามด้วยสีหน้าสงสัย“แกไม่เข้าใจหรอก! หมอเทวดาบอกแล้วว่า ข้อบกพร่องด้านนี้ของแก จำเป็นต้องอาศัยการปรับสมดุลหยินหยาง! ดังนั้นจึงต้องรักษาตอนพระอาทิตย์ขึ้น ช่วงเวลาที่กลางวันกับกลางคืนสลับกัน!ถ้าไม่มาช่วงนี้ แล้วจะมาช่วงไหน?แกอยู่หยุนเฉิงหรือยัง? ถ้ายัง ก็รีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย เผื่อจะทันเวลา!ไม่งั้นก็ต้องเลื่อนไปอีกวัน!”เป่ยเหล่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดต้องยอมรับว่าเป่ยเหล่าหาเหตุผลมาได้แนบเนียนจนฟังดูน่าเชื่อถือเมื่อฉู่เทียนหลงได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่คิดจะสงสัยอะไร นอกจากรู้สึกคาดหวังและตื่นเต้น“ถึงแล้วครับ ถึงแล้ว!”“งั้นปู่รีบพาหมอเทวดามาเลยนะครับ ผมอยู่ที่…”เขารีบให้ที่อยู่กับคุณปู่ของเขาจากนั้นสอง
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เทียนหลง สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันทีหลีเอียน!เธอถูกจับตัวไปโดยฉู่เทียนหลงด้วยอย่างนั้นเหรอ?“ไอ้สารเลว! นายจะทำอะไรหลีเอียน?”“ฉันบอกไว้เลย ถ้านายแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว ฉันจะทำให้นายไม่มีที่ฝังศพแน่!”ฉู่เทียนหลงหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง ความบิดเบี้ยวในจิตใจที่เกิดจากปมด้อยในวัยเด็กทำให้เขามีความต้องการแก้แค้นที่รุนแรงขึ้นแม้จะได้เห็นถึงพลังอันน่าสะพรึงของเย่เฟิงแล้ว แต่แทนที่ฉู่เทียนหลงจะหวาดกลัว เขากลับยิ่งมีความต้องการแก้แค้นที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม“ฮ่าๆๆ...งั้นเหรอ? มาสิ! มาฆ่าฉันเลย!”“นายอยู่ที่ไหน? บอกมา!”เย่เฟิงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน“นายคิดว่าฉันจะบอกเหรอ? ลองหาเอาเองละกัน!ถ้าหาฉันไม่เจอก่อนที่ฉันจะเล่นสนุกกับหลีเอียน...ก็เสียใจด้วยนะ ฮ่าๆๆ!”ฉู่เทียนหลงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งพูดจบก็วางสายทันทีเย่เฟิงยืนนิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก่อนจะหันไปจ้องลูกน้องของฉู่เซียวคนหนึ่งที่กำลังร้องโอดครวญเพราะขาหักขาของชายคนนั้นถูกทำลายจนใช้การไม่ได้ เขากำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ทันทีที่สายตาเย็นยะเยือกของเย่เฟิงจ้องมาที
ยันต์สังหารผืนนั้น นายเป็นคนโง่ที่ขายออกไปเอง!นายคงคิดไม่ถึงใช่ไหม มันสามารถปลดปล่อยพลังระดับจอมยุทธ์ได้!นายจะต้องตายในมือของสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น! นายจะต้องตายอย่างน่าสมเพช!”ฉู่เซียวพูดด้วยความมั่นใจ แต่เย่เฟิงแค่นเสียงเยาะ พร้อมกับส่ายหัว “ไอ้โง่! ในสายตานาย จอมยุทธ์คงเป็นที่สุดของพลังแล้วใช่ไหม?”ฉู่เซียวตะโกนลั่น “ตายซะ!”เขาฉีกยันต์ในมือออกทันทีตัวอักษร ‘ปราบ’ บนยันต์เรืองแสงขึ้นทันที พลังอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมา ตัวอักษรนั้นก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างชัดเจน ก่อนพุ่งเข้าใส่เย่เฟิง“ตายซะ!”ฉู่เทียนหลงที่ดูผ่านหน้าจอคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้นทนายลวีมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมและคาดหวัง “ตายซะ เย่เฟิง!”แต่ในชั่วพริบตาถัดมา รอยยิ้มของพวกเขาก็แข็งค้างปัง!เย่เฟิงยื่นหมัดออกไปต้านรับตัวอักษร "ปราบ" ที่พุ่งเข้าใส่พลังที่สะสมไว้แปรเปลี่ยนเป็นละอองพลังงานและสลายหายไปในอากาศถูกเย่เฟิงจัดการในหมัดเดียว!ฉู่เซียวตาค้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่เชื่อ ก่อนความตื่นตระหนกจะครอบงำจิตใจ“นาย…นายทำได้ยังไง…”เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะ พร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“นายรู้
โครม! โครม! โครม…ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงเย่เฟิงใช้มือข้างหนึ่งอุ้มนั่วนั่วไว้อย่างมั่นคง ส่วนอีกมือหนึ่งจับแขนของฉู่สยง ก่อนจะเหวี่ยงร่างของเขาลงกับพื้นอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับกำลังเหวี่ยงถุงผ้าที่ไร้ค่าฉู่เซียวและลูกน้องที่ยืนมองอยู่ถึงกับอึ้งค้าง เช่นเดียวกับฉู่เทียนหลงและทนายลวีที่เฝ้าดูจากหน้าจอหลีเอียนซึ่งก่อนหน้านี้ยังมองหน้าจอด้วยความกังวล ตอนนี้ถอนหายใจโล่งอก และหันไปมองฉู่เทียนหลงด้วยสายตาเย้ยหยัน“นายให้ฉันดูอะไรล่ะ? วิธีที่คนของนายตายอย่างน่าสมเพชงั้นเหรอ?”“ฮึ! ตายได้อนาถจริงๆ!”หลีเอียนกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันฉู่เทียนหลงหันมาจ้องหลีเอียนด้วยดวงตาแดงก่ำ พร้อมคำรามเสียงดัง “มันเป็นไปได้ยังไง! ทำไมถึงเป็นแบบนี้! ทำไม!”ทนายลวีที่เช็ดเหงื่อพลางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณชายอย่ากังวลไป! แม้ฉู่สยงจะแพ้ แต่เรายังมี ยันต์สังหาร ที่อยู่ในมือฉู่เซียว! ยันต์นี้สามารถปลดปล่อยพลังระดับจอมยุทธ์ได้ ต้องฆ่าเย่เฟิงได้แน่!”เมื่อได้ยิน ฉู่เทียนหลงตั้งสติและพยักหน้าอย่างดุดัน “ใช่! ยันต์สังหารจะจัดการไอ้เวรเย่เฟิงได้!”“หลีเอียน ดูไว้ให้ด
เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เย่เฟิงตระหนักว่า เขาไม่ควรปกป้องนั่วนั่วจากความโหดร้ายของโลกจนเกินไป ไม่ควรทำให้เธอใช้ชีวิตใน "ภาพลวงตา" ของสังคมที่งดงามลูกสาวของเขา อาจเกิดมาเพื่อเผชิญกับความยากลำบากมากมายคำสาปที่อยู่ในตัวเธอ อาจกลับมาสร้างปัญหาได้ในอนาคตในฐานะพ่อ เขาจะต้องต่อสู้เพื่อคลายคำสาปนั้นให้เธอ และเพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ของตัวเอง ไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเย่โบราณที่ยิ่งใหญ่แม้เย่เฟิงจะมุ่งมั่น แต่เขาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจุดจบของตัวเองจะเป็นอย่างไรในท้ายที่สุด นั่วนั่วต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง บางทีอาจถึงขั้นต้องเผชิญกับความตายอีกครั้งดังนั้น แม้เขาจะรักและสงสารเธอมากแค่ไหน แต่เย่เฟิงก็ตัดสินใจว่า จากนี้ไป เขาต้องสอนให้ลูกสาวเข้าใจถึงความโหดร้ายของโลก และเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งขึ้น!นั่วนั่วปาดน้ำตาออกจากแก้ม และพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น “ค่ะ นั่วนั่วไม่กลัว! พ่อจ๋าสู้ๆ จัดการพวกคนเลวให้หมดเลย!”“โอเค! แต่ลูกต้องปิดตาไว้ก่อน โอเคไหม?”เย่เฟิงพูดพร้อมยิ้ม“ค่ะ!”นั่วนั่วตอบรับด้วยเสียงใส แล้วซบหน้าลงบนไหล่ของเย่เฟิงและปิดตาลง“โถๆ ช่างเป็นภาพที่อบอุ่
หลังได้รับคำสั่งจากฉู่เทียนหลง ฉู่เซียวพูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่เฟิง อย่าเอาครอบครัวมาเกี่ยว! เราจะปล่อยลูกสาวของนาย แล้วนายก็ปล่อยตัวเซียงเซียงกลับมา ตกลงไหม?”เย่เฟิงยิ้มเยาะ “นายก็รู้นี่ว่าครอบครัวไม่ควรมาเกี่ยวข้อง! ดี งั้นก็แลกตัวประกันกัน พวกนายปล่อยลูกสาวของฉันก่อน!”“นายปล่อยคุณชายเซียงก่อน!”ฉู่เซียวขมวดคิ้วพูด“ฉันบอกแล้ว ปล่อยลูกสาวของฉันก่อน!”เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขณะที่การสนทนาเต็มไปด้วยความตึงเครียด เด็กชายเซียงเซียงที่อยู่ในมือของเย่เฟิงเริ่มร้องไห้โวยวายด้วยความกลัวในขณะที่นั่วนั่วกลับเงียบสนิท ไม่พูดอะไรแต่ในแววตาของนั่วนั่วที่มองพ่อ มีประกายแห่งความหวังปรากฏขึ้นในความหวาดกลัวแม้นั่วนั่วจะอายุเพียงห้าขวบ แต่ด้วยประสบการณ์จากความเจ็บป่วยและการแยกทางของพ่อแม่ เธอเรียนรู้ที่จะเข้าใจโลกมากกว่าเด็กทั่วไปเธอรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งในเวลานี้“ปล่อยเด็กคนนั้นซะ!”ฉู่เทียนหลงกัดฟันพูดผ่านโทรศัพท์ด้วยความไม่พอใจ“แต่ถ้าปล่อยลูกสาวเขาก่อน แล้วเย่เฟิงยังจับเซียงเซียงเป็นตัวประกัน เราจะไม่สามารถแตะต้องเขาได้”ฉู่เซียวลังเล“ฉันบอกให้ปล่อย ก็ปล่อย
“หืม? ฉันบอกให้แกตัดเอ็นขาตัวเองก่อน แกได้ยินไหม?”“หรือว่าแกอยากให้ลูกสาวแกตาย?”ฉู่เซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเย่เฟิงแค่นเสียง ก่อนจะยกเด็กชายที่เขาถืออยู่ขึ้นมา และเผยให้ทุกคนเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นทันใดนั้น รอยยิ้มเย้ยหยันของฉู่เซียวก็แข็งค้างไป ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความตกใจและความสงสัย“นี่มัน…นี่มัน…”เขาจ้องเด็กชายคนนั้นด้วยสายตาไม่แน่ใจ“ไม่รู้จักเหรอ?”เย่เฟิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะยกเด็กชายขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับหันไปทางกล้องวงจรปิด “นายไม่รู้จัก คุณชายของนายที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่รู้จักเหรอ? ฮึ?”จากคำว่า “คุณชาย” ที่ฉู่เซียวพูดก่อนหน้านี้ ทำให้เย่เฟิงมั่นใจว่าเขาคาดเดาไม่ผิด แม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อฉู่เทียนหลงออกมาตรงๆในอีกด้านหนึ่ง ฉู่เทียนหลงที่กำลังจ้องหน้าจออยู่ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กชายคนนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีซีดทันที“เซียงเซียง!”“เย่เฟิง! ไอ้เวรเอ๊ย!”“แกกล้าจับตัวเซียงเซียงเหรอ!”ฉู่เทียนหลงตะโกนด่าด้วยความโกรธจัด และเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเย่เฟิงจ้องมองกล้องด้วยสายตาเยือกเย็น “ฉู่เทียนหลง ฉันรู้อยู่แ
ในขณะเดียวกัน ฉู่เทียนหลงและทนายลวีกำลังนั่งอยู่ในบ้านพัก มองภาพในหน้าจอโน้ตบุ๊กด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมในภาพ หลีเอียนถูกมัดติดกับเตียงจนแทบขยับตัวไม่ได้ใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง“ฉู่เทียนหลง ไอ้สารเลว! นายต้องการอะไร? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”“ฉันรับรองว่าถ้านายกล้าแตะต้องฉันแค่ปลายเส้นผม เย่เฟิงจะกลับมาฆ่านายแน่!”หลีเอียนตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อได้ยิน ฉู่เทียนหลงหัวเราะในลำคอ ส่วนทนายลวีก็ยิ้มเยาะจากนั้น ฉู่เทียนหลงก็เดินถือโน้ตบุ๊กมาวางไว้ข้างหัวของหลีเอียน“ยังคิดหวังพึ่งไอ้หน้าขาวนั่นอีกเหรอ? มาสิ ดูให้เต็มตา ฮ่าๆๆ…”“ดูมันสิ ไอ้หน้าขาวนั่นหมดทางสู้ขนาดไหน!”พูดจบ เขากระชากผมหลีเอียนอย่างแรง พร้อมกับแค่นเสียง “นังแพศยา ไอ้หน้าขาวนั่นจบเห่แล้ว! ลูกสาวของมันอยู่ในมือฉัน ฉันอยากให้มันตายยังไง มันก็ต้องตายแบบนั้น!”เมื่อหลีเอียนเห็นภาพในหน้าจอ เธอถึงกับตัวสั่นและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพื่อสนองความบ้าคลั่งของฉู่เทียนหลง โรงงานเคมีร้างนั้นติดตั้งกล้องความละเอียดสูงพร้อมระบบส่งเสียง ทำให้หลีเอียนเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเธอเห็นนั่วนั่วถูกฉู่เซียวจับตัว