“เชอะ ยังซ่อนอยู่อีก?”โจวชิ้งพูด แล้วก็เดินเข้าไปหาเย่เฟิงเย่เฟิงผลักเธอออกไปและพูดอย่างเย็นชา:“เธอมีเรื่องอะไรกันแน่? ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไสหัวไป !”เมื่อได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาโจวชิ้งก็ได้มีความหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า:“ที่รัก ที่คุณทำอะไรอ่ะ?”“เธอเรียกฉันว่าอะไร? เราหย่ากันแล้ว และสามีของเธอตอนนี้คือหลิวหาว! อย่าเรียกคนอื่นไปมั่วๆ !”เย่เฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็น“ที่รัก คุณคงไม่ได้คิดว่า ฉันจะชอบคนอื่นจริงๆใช่ไหม ? ที่จริงฉันนั้นรักคุณมาตลอด ที่ฉันหย่ากับคุณ ก็เพื่อที่จะไปเอาเงินของหลิวหาว มารักษานั่วนั่วคุณรู้ถึงความพยายามของฉันไหม?ในตอนแรก คุณถูกกดดันจนขายโรงงาน เราล้มละลาย คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกสงสารคุณมากแค่ไหน?ดังนั้นฉันจึงทำใจหย่ากับคุณอยู่กับหลิวหาว! คุณรู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหน ที่ฉันต้องพยายามฝืนยิ้มต่อหน้าหลิวหาว ?”โจวชิ้งน้ําตาคลอ คว้าแขนของเย่เฟิง พูดออกไปอย่างน่าสงสารเย่เฟิงเห็นเธอแบบนี้ ก็ได้หวั่นไหวเล้กน้อยแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าโจวชิ้งน่าจะแสดงละครอยู่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีเล็กน้อยโจวชิ้งหย่ากับตน เพื่อที่จะได้เงินสําหรับการรักษาน
เย่เฟิงที่ได้เจอความเย็นชาและความสิ้นหวังของสังคม ก็ทำให้เขานั้นได้มีเหตุผลมากเขานึกถึง ตอนที่โจวชิ้งเจอนั่วนั่วเมื่อกี้ยัยหนูน้อยได้กางแขนและวิ่งเข้าหาแม่ของเธออย่างมีความสุข แต่โจวชิ้งแค่ลูบหัวของนั่วนั่วอย่างไม่แยแสแต่กลับจ้องมองรถเบนท์ลีย์ มุลซานของหลีเอียน!นี่คือปฏิกิริยาของแม่ที่ทนความอัปยศอดสูเพื่อรักษาอาการป่วยของลูกสาวเหรอ?ณ ตอนนั้น สายตาที่หวั่นไหวของเย่เฟิง ก็สงบลงอีกครั้งก็ได้มองโจวชิ้งแสดงอย่างเย็นชา“ชิ้งชิ้ง เธอได้เงินจากหลิวหาวมาเท่าไหร่? รีบเอามาให้ฉัน!”เย่เฟิงผลักโจวชิ้งออก คว้าไหล่ของอีกฝ่ายและพูดอย่างกังวลด้วยสีหน้าคาดหวังเทื่อพูดจบ โจวชิ้งก็ได้“อา?”อย่างงงๆ สีหน้ามองเย่เฟิงอย่างแปลกประหลาด!เธอเห็นเย่เฟิงขับรถเบนท์ลีย์ เห็นตอนที่เขานั้นได้อยู่กับเฮียป้าวอย่างโดดเด่น ก็คิดว่าเย่เฟิงไม่ได้ขาดแคลนเงินไม่รู้ว่าเย่เฟิงไปเจอโอกาสอะไร ก็ได้กลายเป็นคนที่มีหน้ามีตาแล้ว !ดังนั้นเธอถึงได้คิด ที่จะกลับมาคืนดีกับเย่เฟิงแน่นอน ทางหลิวหาวเธอก็ยังไม่ตัดขาด รอตอนที่เธออยู่กับเย่เฟิงจริงๆแล้ว ค่อยเขี่ยหลิวหาวออกไปแต่เธอก็คิดไม่ถึงว่า เย่เฟิงจะเปิดปากขอเงิ
หลีเอียนเป็นพี่สาวที่รักที่สุดของเขา และเขาซึ่งเป็นคุณชายหลีต้องเชื่อฟังและปกป้องเธอในตอนที่ตระกูลหลีสนับสนุนให้หลีเอียนแต่งเข้าตระกูลฉู่ หลีหย่วนคงยืนข้างพี่สาวของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลีเอียนลึกซึ้งเพียงใดดังนั้น เมื่อเขาพบว่ามีคนมีเจตนาไม่ดี เข้าหาพี่สาวของเขาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง หลีหย่วนก็โกรธมาก!ก็ได้รีบพาคนมาหาเย่เฟิงด้วยตัวเอง!“หุ่นเชิด หุ่นเชิดอะไร?”โจวชิ้งได้ยินคําพูดของหลีหย่วน ก็ได้ถามเย่เฟิงด้วยความสงสัยเย่เฟิงยักไหล่และพูดว่า:“ก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันขายตัวเองให้กับคนอื่น อีกฝ่ายเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหลี และฉันแสร้งเป็นคู่หมั้นของเธอ อ้อ แบบแต่งเข้าบ้านหญิงเบนท์ลีย์คันนี้เป็นของคนเขา และฉันก็เป็นแค่คนขับรถ”เมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องอธิบายเลยว่า ใบหน้าของโจวชิ้งน่าเกลียดขนาดไหน ก็ได้มองเย่เฟิงอย่างตกใจ:“แล้วกับเฮียป้าวตอนนั้น……”“ก็คงเห็นแก่หน้าของตระกูลหลี ไม่ว่ายังไงตระกูลหลีก็เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหยุนเฉิง!”เย่เฟิงพูด คว้าไหล่ของโจวชิ้งแล้วพูดว่า:“ชิ้งชิ้ง อย่าถามมาก! เงินแปดแสนที่ฉันได้รับจากการขายรตัวได้เกือบจะหมดไปแล้ว การรัก
หลีหย่วนทิ้งคนสนิทไว้ที่นี่เพื่อปกป้องนั่วนั่วเย่เฟิงก็ให้ความร่วมมือ ปล่อยให้อีกฝ่ายใส่กุญแจมือไว้ด้านหลัง จากนั้นก็ถูกพาขึ้นรถไม่ใช่ว่าเขากลัวหลีหย่วนกับปืนเหล่านี้ แต่เย่เฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเห็นแก่อีกฝ่ายเป็นน้องชายของหลีเอียน เย่เฟิงก็ไม่อยากลงไม้ลงมือกับพวกเขา ก็อยากรู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากัน“อาหย่วน คุณหมายความว่าไง ? ฉันเป็นพี่เขยของคุณนะ”เย่เฟิงนั่งที่เบาะหลังโดยใส่กุญแจมือหลีหย่วนก็นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาที่เหมือนมีดจ้องมองเย่เฟิงอย่างดุเดือด“อาหย่วนก็เป็นชื่อที่แกเรียกได้?”หลีหย่วนพูดแล้วหยิบปืนออกมาจอตรงที่หัวของเย่เฟิง :“พูด! นายเป็นใครกันแน่? เข้าใกล้พี่สาวฉันมีเป้าหมายอะไร?”“คุณสามารถหาที่เช่าของผมได้ คุณคงสืบเรื่องผมมาแล้วใช่ไหม ? ผมเป็นใคร คุณไม่รู้?”เย่เฟิงถามอย่างใจเย็น“ฉันได้ตรวจสอบแกมาอยู่แล้ว! แกแม่งเป็นคนของซ่งหย่งไท่ มันส่งแกให้มาเข้าใกล้พี่สาวฉันใช่ไหม?”หลีหย่วนถามอย่างดุร้ายเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เฟิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดไม่ออก“คุณน้องเมีย คุณดูพวกหนังสือวางแผนเยอะไปแล้วหรือเปล่า?”“ยังไม่ยอมรับ? ฉันไปสืบเจอว่าแกไปไหน
เย่เฟิงพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น มุมปากของหลีหย่วนก็ได้กระตุกแม้งเอ่ย! จากน้องชายเป็นไปน้องชายแล้ว?แต่ว่า เย่เฟิงพูดแบบนั้นออกมา เวลาสถานที่ฟังแล้วก็มีความน่าเชื่อถืออย่างมากคุณชายหลีคนนี้ ก็สงสัยเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง“นายเคยช่วยซ่งเหล่าเย๋? แกรู้วิธีรักษาเหรอ?เล่นพนันเป็น กังฟูก็เป็น และทักษะทางการแพทย์ แกเป็นเทพเหรอ?”หลีหย่วนถามอย่างหยอกล้อ“ขอบคุณ! ไม่งั้นพี่สาวนายจะชอบเหรอ?”เย่เฟิงยิ้มแบบไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย“เหี้ย!”หลีหย่วนรู้สึกว่า หมอนี่มันคุณไม่รู้เรื่องวินาทีถัดมา เขาก็จ้องมองเย่เฟิง:“ฉันก็ยังไม่เชื่อ! เว้นแต่แกจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าแกรู้วิธีรักษาจริง มิฉะนั้น ฉันจะทําทุกอย่างที่ทําได้ เพื่อไล่แกไปจากพี่สาวของฉัน!”เย่เฟิงเบะปาก :“พิสูจน์ยังไง? ช่วยคุณรักษาอาการนอนไม่หลับ ?นี่มันไม่ยากอะไร!”มองจากสีหน้าของอีกฝ่าย เย่เฟิงก็มองออกว่า ช่วงนี้หลีหย่วนนอนไม่ค่อยหลับหลีหย่วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดทีละคํา:“นายต้องการความยาก? ดี! ฉันพาแกไม่เจอคนคนหนึ่ง ถ้าแกสามารถรักษาเธอได้ ฉันก็เชื่อแก!”“ไม่เพียงแต่เชื่อแก นับจากนี้ไปแกก็เป็นพี่เขยของฉัน ฉันเป็นน้องชายขอ
เมื่อมาถึงห้องบนชั้นสอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่แล้วเห็นมู่ซินเฟยนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอสวยมาก แต่สีหน้าของเธอได้มีเลือดค้าง ซึ่งดูน่ากลัวเล็กน้อยหลับตา ก็เหมือนกับคนที่อยู่ในสภาพพืชบนเตียง แพทย์ในเสื้อคลุมสีน้ําเงินกําลังสังเกตอาการเธออยู่ชายวัยกลางคนอีกคนที่มีท่าทางเคร่งขรึมยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรนั้น ตอนนี้ก็ได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วงชายวัยกลางคนคนนี้เป็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์แห่งหยุนเฉิง มู่จ้าน!นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่งของเตียง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม เต็มไปด้วยความสงสารและความเจ็บปวดใจมองไปที่ลูกสาวของผู้บัญชาการบนเตียงชายหนุ่มชื่อเสิ่นจี่ เขาและมู่ซินเฟยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิทยาลัย และตอนนี้พวกเขายังเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ในสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพในเมืองหยุนเฉิง และทำงานวิจัยเวลาเดียวกัน ก็เป็นคนที่ตามจีบมู่ซินเฟย อีกอย่างตอนนี้พวกเขาก็ไมีสถานะไม่ชัดเจนหลีหย่วนเข้ามา ก็เห็นมู่ซินเฟยบนเตียงก่อน เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ฟื้น ก็ได้มีความรู้สึกร้อนใจและกังวลวินาทีถัดมา เขาก็มองเสิ่นจี่อย่างเย็นชา ก็เหมือนได้มีไฟสงครามเล็กน
หลังซุนกว่างซานตรวจดูแล้ว ก็พุดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจเมื่อเขาพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันดีอกดีใจผู้บังคับบัญชาการมู่นั้นมีสีหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า:“ดี! เยี่ยมเลย!หมอซุนนี่สมคำร่ำลือจริงๆ ลำบากคุณหมอด้วยครับ!”หลีหย่วนเมื่อรู้ว่ามู่ซินเฟยมีทางรักษาแล้ว ก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมาเพียงแต่ว่าเขานั้นมาเย่เฟิงมาโดยเปล่าประโยชน์ส่วนเสิ่นจี่นั่นแสดงออกอย่างปลื้มปิติและตื่นเต้นยิ่งกว่า เขาจับมือมู่ซินเฟยพร้อมร้องไห้อย่างมีความสุข: "เฟยเฟย ดีจังเลย! ในที่สุดเธอก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว!"เย่เฟิงมองไปที่อีกฝ่าย นัยน์ตาลึกนั่นแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างแม้เสิ่นจี่จะแสดงออกราวดีใจมาก แต่เย่เฟิงกลับสังเกตเห็นสีหน้าเยาะเย้ยของเขาอยู่แวบหนึ่งสีหน้าเยาะเย้ยนี่ มุ่งเป้าไปที่ใครกันนะ?ในตอนนั้นก็เห็นหมอซุนหยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อทำความสะอาดแล้วก็จะเริ่มทำการฝังเข็มและในจังหวะนั้นเอง เย่เฟิงกลับก้าวไปข้างหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: "คุณหมอซุน ไม่ได้นะครับ! ถ้าคุณฝังเข็มพวกนี้ลงไป คุณหนูมู่ไม่เพียงแต่จะไม่ฟื้นแล้วยังเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยครับ!"ทันทีที่พูดจบ
ทุกคนในตอนนี้เฝ้าดูอย่างใจจดจ่อ รอซุนกว่างซานช่วยให้คุณหนูมู่ฟื้นเห็นที่สีหน้าที่มั่นใจของหมอซุน ก่อนจะฝังเข็มเงินลงไปหนึ่งเข็มที่ตรงกลางขมับของมู่ซินเฟยจากนั้นก็ตามจุดต่างๆบนใบหน้า เช่น จุดตรงกลางระหว่างคิ้ว เป็นต้น รวมสิบกว่าจุด“พอแล้ว!”หลังทำแบบนี้ผ่านไปครึ่งวัน ซุนกว่างซานก็เช็ดเหงื่อและพูดด้วยท่าทางสงบการรักษาครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามั่นใจมาก!“เอ่อ……เอ่อ……”ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเบาๆ ออกมาเล็กน้อยในลำคอของมู่ซินเฟย“คุณหนูมู่จะฟื้นแล้วครับ!”ซุนกว่างซานพูดอย่างยิ้มๆทุกคนที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น ต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ“ดี! ดีเลย!หมอซุนนี่อาจารย์หมอสมชื่อจริงๆ ผมจะตอบ……”มู่จ้านพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งพร้อมสีหน้าปลื้มปิติยินดีทว่าเขาพูดได้แค่ครึ่งประโยค ก็ต้องหยุดลงเสียก่อนเพราะฉากต่อไปนั้นทำให้ใต้เท้าผู้บังคับบัญชาต้องหน้าถอดสี ตกใจจนเกินจะบรรยาย!“เอ่อ! เอ่อ!……”ในลำคอของคุณหนูมู่ยังคงส่งเสียงออกมาไม่หยุด ทว่าเสียงนั้นยิ่งฟังก็ยิ่งแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆราวกับมีความเจ็บปวดทรมานและการดิ้นรนแฝงอยู่ในนั้น เหมือนสียงกรีดร้องจุกอยู่ในลำคอ ไม่สามารถร้องออก
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้