หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เย่เฟิงก็ขับรถไปส่งหลีเอียนกลับไปที่ชุมชนคฤหาสน์หยู่กวงตี่ที่อาศัยอยู่ จากนั้นสองพ่อลูกก็กลับไปที่บ้านเช่าเย่เฟิงคำนวณในใจว่า อีกไม่กี่วันควรซือบ้าน แล้วมีบ้านเป็นของตัวเองได้แล้วเช่าบ้านอยู่ไปตลอดแบบนี้ ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี!สิ่งสําคัญที่สุดคือ เย่เฟิงต้องมีเงินอยู่ในมือวันนั้นที่ตระกูลซ่ง แม้ว่าเย่เฟิงหลบปกฏิเสธยังไง ซ่งเหล่าเย๋ก็ยังเอาบัตรสองใบให้เขานั่นก็คือ บัญชีของเย่เฟิงได้มีเงินมากกว่ายี่สิบล้าน ซื้อบ้านได้สบายเมื่อพวกเขาสองพ่อลูกกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้วทันทีที่ลงจากรถ ก็เห็นร่างหนึ่งอยู่ที่ประตูเมื่อเห็นคนนี้ เย่เฟิงก็ขมวดคิ้วและแอบพูดในใจว่าว่าเธอทําอะไรที่นี่?นั่วนั่วกระพริบตาโต ประหลาดใจก่อน แล้วก็ได้ดีใจ“คุณแม่! คุณแม่มาแล้ว!”“พ่อค่ะดูสิ คือคุณแม่!”เย่เฟิงเห็นว่าลูกสาวของเขามีความสุขเช่นนี้ เขาจึงได้แต่ฝืนยิ้มและพยักหน้าวินาทีต่อมา นั่วนั่วก็ปลดเข็มขัดนิรภัยด้วยตัวเอง เปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไป!“คุณแม่!”ร่างเล็ก ๆ วิ่งตรงไปที่คนข้างหน้า อีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโจวชิ้ง ?เด็กยังไงก็เป็นเด็ก ไม่ว่าโจวชิ้งจะใจร้า
“เชอะ ยังซ่อนอยู่อีก?”โจวชิ้งพูด แล้วก็เดินเข้าไปหาเย่เฟิงเย่เฟิงผลักเธอออกไปและพูดอย่างเย็นชา:“เธอมีเรื่องอะไรกันแน่? ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไสหัวไป !”เมื่อได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาโจวชิ้งก็ได้มีความหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า:“ที่รัก ที่คุณทำอะไรอ่ะ?”“เธอเรียกฉันว่าอะไร? เราหย่ากันแล้ว และสามีของเธอตอนนี้คือหลิวหาว! อย่าเรียกคนอื่นไปมั่วๆ !”เย่เฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็น“ที่รัก คุณคงไม่ได้คิดว่า ฉันจะชอบคนอื่นจริงๆใช่ไหม ? ที่จริงฉันนั้นรักคุณมาตลอด ที่ฉันหย่ากับคุณ ก็เพื่อที่จะไปเอาเงินของหลิวหาว มารักษานั่วนั่วคุณรู้ถึงความพยายามของฉันไหม?ในตอนแรก คุณถูกกดดันจนขายโรงงาน เราล้มละลาย คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกสงสารคุณมากแค่ไหน?ดังนั้นฉันจึงทำใจหย่ากับคุณอยู่กับหลิวหาว! คุณรู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหน ที่ฉันต้องพยายามฝืนยิ้มต่อหน้าหลิวหาว ?”โจวชิ้งน้ําตาคลอ คว้าแขนของเย่เฟิง พูดออกไปอย่างน่าสงสารเย่เฟิงเห็นเธอแบบนี้ ก็ได้หวั่นไหวเล้กน้อยแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าโจวชิ้งน่าจะแสดงละครอยู่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีเล็กน้อยโจวชิ้งหย่ากับตน เพื่อที่จะได้เงินสําหรับการรักษาน
เย่เฟิงที่ได้เจอความเย็นชาและความสิ้นหวังของสังคม ก็ทำให้เขานั้นได้มีเหตุผลมากเขานึกถึง ตอนที่โจวชิ้งเจอนั่วนั่วเมื่อกี้ยัยหนูน้อยได้กางแขนและวิ่งเข้าหาแม่ของเธออย่างมีความสุข แต่โจวชิ้งแค่ลูบหัวของนั่วนั่วอย่างไม่แยแสแต่กลับจ้องมองรถเบนท์ลีย์ มุลซานของหลีเอียน!นี่คือปฏิกิริยาของแม่ที่ทนความอัปยศอดสูเพื่อรักษาอาการป่วยของลูกสาวเหรอ?ณ ตอนนั้น สายตาที่หวั่นไหวของเย่เฟิง ก็สงบลงอีกครั้งก็ได้มองโจวชิ้งแสดงอย่างเย็นชา“ชิ้งชิ้ง เธอได้เงินจากหลิวหาวมาเท่าไหร่? รีบเอามาให้ฉัน!”เย่เฟิงผลักโจวชิ้งออก คว้าไหล่ของอีกฝ่ายและพูดอย่างกังวลด้วยสีหน้าคาดหวังเทื่อพูดจบ โจวชิ้งก็ได้“อา?”อย่างงงๆ สีหน้ามองเย่เฟิงอย่างแปลกประหลาด!เธอเห็นเย่เฟิงขับรถเบนท์ลีย์ เห็นตอนที่เขานั้นได้อยู่กับเฮียป้าวอย่างโดดเด่น ก็คิดว่าเย่เฟิงไม่ได้ขาดแคลนเงินไม่รู้ว่าเย่เฟิงไปเจอโอกาสอะไร ก็ได้กลายเป็นคนที่มีหน้ามีตาแล้ว !ดังนั้นเธอถึงได้คิด ที่จะกลับมาคืนดีกับเย่เฟิงแน่นอน ทางหลิวหาวเธอก็ยังไม่ตัดขาด รอตอนที่เธออยู่กับเย่เฟิงจริงๆแล้ว ค่อยเขี่ยหลิวหาวออกไปแต่เธอก็คิดไม่ถึงว่า เย่เฟิงจะเปิดปากขอเงิ
หลีเอียนเป็นพี่สาวที่รักที่สุดของเขา และเขาซึ่งเป็นคุณชายหลีต้องเชื่อฟังและปกป้องเธอในตอนที่ตระกูลหลีสนับสนุนให้หลีเอียนแต่งเข้าตระกูลฉู่ หลีหย่วนคงยืนข้างพี่สาวของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลีเอียนลึกซึ้งเพียงใดดังนั้น เมื่อเขาพบว่ามีคนมีเจตนาไม่ดี เข้าหาพี่สาวของเขาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง หลีหย่วนก็โกรธมาก!ก็ได้รีบพาคนมาหาเย่เฟิงด้วยตัวเอง!“หุ่นเชิด หุ่นเชิดอะไร?”โจวชิ้งได้ยินคําพูดของหลีหย่วน ก็ได้ถามเย่เฟิงด้วยความสงสัยเย่เฟิงยักไหล่และพูดว่า:“ก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันขายตัวเองให้กับคนอื่น อีกฝ่ายเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหลี และฉันแสร้งเป็นคู่หมั้นของเธอ อ้อ แบบแต่งเข้าบ้านหญิงเบนท์ลีย์คันนี้เป็นของคนเขา และฉันก็เป็นแค่คนขับรถ”เมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องอธิบายเลยว่า ใบหน้าของโจวชิ้งน่าเกลียดขนาดไหน ก็ได้มองเย่เฟิงอย่างตกใจ:“แล้วกับเฮียป้าวตอนนั้น……”“ก็คงเห็นแก่หน้าของตระกูลหลี ไม่ว่ายังไงตระกูลหลีก็เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหยุนเฉิง!”เย่เฟิงพูด คว้าไหล่ของโจวชิ้งแล้วพูดว่า:“ชิ้งชิ้ง อย่าถามมาก! เงินแปดแสนที่ฉันได้รับจากการขายรตัวได้เกือบจะหมดไปแล้ว การรัก
หลีหย่วนทิ้งคนสนิทไว้ที่นี่เพื่อปกป้องนั่วนั่วเย่เฟิงก็ให้ความร่วมมือ ปล่อยให้อีกฝ่ายใส่กุญแจมือไว้ด้านหลัง จากนั้นก็ถูกพาขึ้นรถไม่ใช่ว่าเขากลัวหลีหย่วนกับปืนเหล่านี้ แต่เย่เฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเห็นแก่อีกฝ่ายเป็นน้องชายของหลีเอียน เย่เฟิงก็ไม่อยากลงไม้ลงมือกับพวกเขา ก็อยากรู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากัน“อาหย่วน คุณหมายความว่าไง ? ฉันเป็นพี่เขยของคุณนะ”เย่เฟิงนั่งที่เบาะหลังโดยใส่กุญแจมือหลีหย่วนก็นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาที่เหมือนมีดจ้องมองเย่เฟิงอย่างดุเดือด“อาหย่วนก็เป็นชื่อที่แกเรียกได้?”หลีหย่วนพูดแล้วหยิบปืนออกมาจอตรงที่หัวของเย่เฟิง :“พูด! นายเป็นใครกันแน่? เข้าใกล้พี่สาวฉันมีเป้าหมายอะไร?”“คุณสามารถหาที่เช่าของผมได้ คุณคงสืบเรื่องผมมาแล้วใช่ไหม ? ผมเป็นใคร คุณไม่รู้?”เย่เฟิงถามอย่างใจเย็น“ฉันได้ตรวจสอบแกมาอยู่แล้ว! แกแม่งเป็นคนของซ่งหย่งไท่ มันส่งแกให้มาเข้าใกล้พี่สาวฉันใช่ไหม?”หลีหย่วนถามอย่างดุร้ายเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เฟิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดไม่ออก“คุณน้องเมีย คุณดูพวกหนังสือวางแผนเยอะไปแล้วหรือเปล่า?”“ยังไม่ยอมรับ? ฉันไปสืบเจอว่าแกไปไหน
เย่เฟิงพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น มุมปากของหลีหย่วนก็ได้กระตุกแม้งเอ่ย! จากน้องชายเป็นไปน้องชายแล้ว?แต่ว่า เย่เฟิงพูดแบบนั้นออกมา เวลาสถานที่ฟังแล้วก็มีความน่าเชื่อถืออย่างมากคุณชายหลีคนนี้ ก็สงสัยเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง“นายเคยช่วยซ่งเหล่าเย๋? แกรู้วิธีรักษาเหรอ?เล่นพนันเป็น กังฟูก็เป็น และทักษะทางการแพทย์ แกเป็นเทพเหรอ?”หลีหย่วนถามอย่างหยอกล้อ“ขอบคุณ! ไม่งั้นพี่สาวนายจะชอบเหรอ?”เย่เฟิงยิ้มแบบไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย“เหี้ย!”หลีหย่วนรู้สึกว่า หมอนี่มันคุณไม่รู้เรื่องวินาทีถัดมา เขาก็จ้องมองเย่เฟิง:“ฉันก็ยังไม่เชื่อ! เว้นแต่แกจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าแกรู้วิธีรักษาจริง มิฉะนั้น ฉันจะทําทุกอย่างที่ทําได้ เพื่อไล่แกไปจากพี่สาวของฉัน!”เย่เฟิงเบะปาก :“พิสูจน์ยังไง? ช่วยคุณรักษาอาการนอนไม่หลับ ?นี่มันไม่ยากอะไร!”มองจากสีหน้าของอีกฝ่าย เย่เฟิงก็มองออกว่า ช่วงนี้หลีหย่วนนอนไม่ค่อยหลับหลีหย่วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดทีละคํา:“นายต้องการความยาก? ดี! ฉันพาแกไม่เจอคนคนหนึ่ง ถ้าแกสามารถรักษาเธอได้ ฉันก็เชื่อแก!”“ไม่เพียงแต่เชื่อแก นับจากนี้ไปแกก็เป็นพี่เขยของฉัน ฉันเป็นน้องชายขอ
เมื่อมาถึงห้องบนชั้นสอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่แล้วเห็นมู่ซินเฟยนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอสวยมาก แต่สีหน้าของเธอได้มีเลือดค้าง ซึ่งดูน่ากลัวเล็กน้อยหลับตา ก็เหมือนกับคนที่อยู่ในสภาพพืชบนเตียง แพทย์ในเสื้อคลุมสีน้ําเงินกําลังสังเกตอาการเธออยู่ชายวัยกลางคนอีกคนที่มีท่าทางเคร่งขรึมยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรนั้น ตอนนี้ก็ได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วงชายวัยกลางคนคนนี้เป็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์แห่งหยุนเฉิง มู่จ้าน!นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่งของเตียง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม เต็มไปด้วยความสงสารและความเจ็บปวดใจมองไปที่ลูกสาวของผู้บัญชาการบนเตียงชายหนุ่มชื่อเสิ่นจี่ เขาและมู่ซินเฟยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิทยาลัย และตอนนี้พวกเขายังเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ในสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพในเมืองหยุนเฉิง และทำงานวิจัยเวลาเดียวกัน ก็เป็นคนที่ตามจีบมู่ซินเฟย อีกอย่างตอนนี้พวกเขาก็ไมีสถานะไม่ชัดเจนหลีหย่วนเข้ามา ก็เห็นมู่ซินเฟยบนเตียงก่อน เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ฟื้น ก็ได้มีความรู้สึกร้อนใจและกังวลวินาทีถัดมา เขาก็มองเสิ่นจี่อย่างเย็นชา ก็เหมือนได้มีไฟสงครามเล็กน
หลังซุนกว่างซานตรวจดูแล้ว ก็พุดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจเมื่อเขาพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันดีอกดีใจผู้บังคับบัญชาการมู่นั้นมีสีหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า:“ดี! เยี่ยมเลย!หมอซุนนี่สมคำร่ำลือจริงๆ ลำบากคุณหมอด้วยครับ!”หลีหย่วนเมื่อรู้ว่ามู่ซินเฟยมีทางรักษาแล้ว ก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมาเพียงแต่ว่าเขานั้นมาเย่เฟิงมาโดยเปล่าประโยชน์ส่วนเสิ่นจี่นั่นแสดงออกอย่างปลื้มปิติและตื่นเต้นยิ่งกว่า เขาจับมือมู่ซินเฟยพร้อมร้องไห้อย่างมีความสุข: "เฟยเฟย ดีจังเลย! ในที่สุดเธอก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว!"เย่เฟิงมองไปที่อีกฝ่าย นัยน์ตาลึกนั่นแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างแม้เสิ่นจี่จะแสดงออกราวดีใจมาก แต่เย่เฟิงกลับสังเกตเห็นสีหน้าเยาะเย้ยของเขาอยู่แวบหนึ่งสีหน้าเยาะเย้ยนี่ มุ่งเป้าไปที่ใครกันนะ?ในตอนนั้นก็เห็นหมอซุนหยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อทำความสะอาดแล้วก็จะเริ่มทำการฝังเข็มและในจังหวะนั้นเอง เย่เฟิงกลับก้าวไปข้างหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: "คุณหมอซุน ไม่ได้นะครับ! ถ้าคุณฝังเข็มพวกนี้ลงไป คุณหนูมู่ไม่เพียงแต่จะไม่ฟื้นแล้วยังเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยครับ!"ทันทีที่พูดจบ