เมื่อมาถึงห้องบนชั้นสอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่แล้วเห็นมู่ซินเฟยนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอสวยมาก แต่สีหน้าของเธอได้มีเลือดค้าง ซึ่งดูน่ากลัวเล็กน้อยหลับตา ก็เหมือนกับคนที่อยู่ในสภาพพืชบนเตียง แพทย์ในเสื้อคลุมสีน้ําเงินกําลังสังเกตอาการเธออยู่ชายวัยกลางคนอีกคนที่มีท่าทางเคร่งขรึมยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรนั้น ตอนนี้ก็ได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วงชายวัยกลางคนคนนี้เป็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์แห่งหยุนเฉิง มู่จ้าน!นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่งของเตียง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม เต็มไปด้วยความสงสารและความเจ็บปวดใจมองไปที่ลูกสาวของผู้บัญชาการบนเตียงชายหนุ่มชื่อเสิ่นจี่ เขาและมู่ซินเฟยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิทยาลัย และตอนนี้พวกเขายังเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ในสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพในเมืองหยุนเฉิง และทำงานวิจัยเวลาเดียวกัน ก็เป็นคนที่ตามจีบมู่ซินเฟย อีกอย่างตอนนี้พวกเขาก็ไมีสถานะไม่ชัดเจนหลีหย่วนเข้ามา ก็เห็นมู่ซินเฟยบนเตียงก่อน เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ฟื้น ก็ได้มีความรู้สึกร้อนใจและกังวลวินาทีถัดมา เขาก็มองเสิ่นจี่อย่างเย็นชา ก็เหมือนได้มีไฟสงครามเล็กน
หลังซุนกว่างซานตรวจดูแล้ว ก็พุดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจเมื่อเขาพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันดีอกดีใจผู้บังคับบัญชาการมู่นั้นมีสีหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า:“ดี! เยี่ยมเลย!หมอซุนนี่สมคำร่ำลือจริงๆ ลำบากคุณหมอด้วยครับ!”หลีหย่วนเมื่อรู้ว่ามู่ซินเฟยมีทางรักษาแล้ว ก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมาเพียงแต่ว่าเขานั้นมาเย่เฟิงมาโดยเปล่าประโยชน์ส่วนเสิ่นจี่นั่นแสดงออกอย่างปลื้มปิติและตื่นเต้นยิ่งกว่า เขาจับมือมู่ซินเฟยพร้อมร้องไห้อย่างมีความสุข: "เฟยเฟย ดีจังเลย! ในที่สุดเธอก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว!"เย่เฟิงมองไปที่อีกฝ่าย นัยน์ตาลึกนั่นแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างแม้เสิ่นจี่จะแสดงออกราวดีใจมาก แต่เย่เฟิงกลับสังเกตเห็นสีหน้าเยาะเย้ยของเขาอยู่แวบหนึ่งสีหน้าเยาะเย้ยนี่ มุ่งเป้าไปที่ใครกันนะ?ในตอนนั้นก็เห็นหมอซุนหยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อทำความสะอาดแล้วก็จะเริ่มทำการฝังเข็มและในจังหวะนั้นเอง เย่เฟิงกลับก้าวไปข้างหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: "คุณหมอซุน ไม่ได้นะครับ! ถ้าคุณฝังเข็มพวกนี้ลงไป คุณหนูมู่ไม่เพียงแต่จะไม่ฟื้นแล้วยังเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยครับ!"ทันทีที่พูดจบ
ทุกคนในตอนนี้เฝ้าดูอย่างใจจดจ่อ รอซุนกว่างซานช่วยให้คุณหนูมู่ฟื้นเห็นที่สีหน้าที่มั่นใจของหมอซุน ก่อนจะฝังเข็มเงินลงไปหนึ่งเข็มที่ตรงกลางขมับของมู่ซินเฟยจากนั้นก็ตามจุดต่างๆบนใบหน้า เช่น จุดตรงกลางระหว่างคิ้ว เป็นต้น รวมสิบกว่าจุด“พอแล้ว!”หลังทำแบบนี้ผ่านไปครึ่งวัน ซุนกว่างซานก็เช็ดเหงื่อและพูดด้วยท่าทางสงบการรักษาครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามั่นใจมาก!“เอ่อ……เอ่อ……”ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเบาๆ ออกมาเล็กน้อยในลำคอของมู่ซินเฟย“คุณหนูมู่จะฟื้นแล้วครับ!”ซุนกว่างซานพูดอย่างยิ้มๆทุกคนที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น ต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ“ดี! ดีเลย!หมอซุนนี่อาจารย์หมอสมชื่อจริงๆ ผมจะตอบ……”มู่จ้านพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งพร้อมสีหน้าปลื้มปิติยินดีทว่าเขาพูดได้แค่ครึ่งประโยค ก็ต้องหยุดลงเสียก่อนเพราะฉากต่อไปนั้นทำให้ใต้เท้าผู้บังคับบัญชาต้องหน้าถอดสี ตกใจจนเกินจะบรรยาย!“เอ่อ! เอ่อ!……”ในลำคอของคุณหนูมู่ยังคงส่งเสียงออกมาไม่หยุด ทว่าเสียงนั้นยิ่งฟังก็ยิ่งแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆราวกับมีความเจ็บปวดทรมานและการดิ้นรนแฝงอยู่ในนั้น เหมือนสียงกรีดร้องจุกอยู่ในลำคอ ไม่สามารถร้องออก
คุณเลือกที่จะเชื่อผมหรือคุณจะถ่วงเวลาช่วยชีวิตเธอเพื่อพาเธอไปโรงพยาบาลกันล่ะ? ”“โอเค ให้คุณรักษา! ถ้าคุณช่วยลูกสาวผมได้จริงๆผมจะรับผิดก้มหัวขอโทษคุณด้วยตัวเองเลย แต่ถ้ารักษาไม่ได้ผมจะฆ่าคุณและหมอกากๆนี่ไปพร้อมกันเลย!"”มู่จ้านจ้องมองเย่เฟิงครู่หนึ่ง จนท้ายที่สุดก็กัดฟันพูดออกมาร่างกายเขาเปล่งออร่าแห่งความโหดเหี้ยมและดุร้าย เป็นลักษณะของผู้นำทหารที่ผ่านสนามรบและการฆ่าศัตรูมาแล้ว ไม่มีสงสัยว่าคำพูดนั้นของเขาจริงหรือไม่เย่เฟิงหัวเราะเบา ๆ และแสดงออกอย่างใจเย็นสงบ: "จริง ๆ แล้วหมอซุนคนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นหมอที่ไร้ความสามารถ! วิธีการรักษาของเขาถือว่าถูกต้อง ถ้าไม่ใช่เพราะในร่างกายของลูกสาวคุณถูกคนอื่นเล่นตุกติกมาก่อนอะนะ!"“คุณหมายความว่าไง ”มู่จ้านถามขึ้นด้วยสีหน้าขรึม“นั่นคงต้องถามเขาแล้วล่ะ!”เย่เฟิงชี้ไปที่เสิ่นจี่เมื่อพูดจบ มู่จ้านก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่เสิ่นจี่ด้วยความสงสัยและตั้งคำถามเมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาพูดด้วยสีหน้าหม่น:“ไอ้หนุ่ม นี่หมายถึงอะไรกัน?คิดว่าตัวเองรักษาเฟยเฟยไม่ได้เลยหาแพะรับบาปงั้นสิ? ต่ำทรามนักนะ!”“ใครบอกว่า
ทันทีที่พูดออกมา สีหน้าของเสิ่นจี่ก็ถอดสีโดยสิ้นเชิง!ความหวาดกลัวและความเกลียดชังอย่างซึมลึกผ่านดวงตาเขาอยู่ชั่วครู่!ฟิ้ว!วินาทีถัดมา เสิ่นจี่ที่เพิ่งโวยวายเศร้าโศกนั้น ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาและพุ่งไปที่หน้าต่างชั้นสองทันทีกลายเป็นว่า เขาตั้งใจจะกระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อหลบหนี!ผู้บังคับบัญชาที่เห็นแบบนี้ก็สบถออกมาด้วยเสียงต่ำแล้วไล่ตามไปอย่างเร็วราวกับสายฟ้าถึงแม้ว่าเสิ่นจี่จะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารนำทหารอย่างผู้บังคับบัญชามู่ทั้งสองคนประมือกันได้ไม่กี่กระบวนท่า เสิ่นจี่ก็ถูกผู้บังคับบัญชามู่ฟาดเข้าที่ท้ายทอยจนหมดสติไม่รู้สึกตัวเมื่อถอดกางเกงชั้นนอกของเสิ่นจี่ออก ก็ได้เห็นผ้าที่พันรอบๆไว้คล้ายกับกางเกงในที่เหมือนผ้าอ้อมเป็นแบบที่นักซูโม่จากประเทศนั้นสวมใส่กัน“ฮึ!คนของประเทศซากุระ?”มู่จ้านส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและหนักแน่น ดวงตาคู่นั้นฉายแววเย็นชาและโกรธแค้น“ผมก็ว่าแล้ว ไอ้หมานี่ไม่ใช่คนดี!”เมื่อได้เห็นฉากนี้ หลีหย่วนก็กัดฟันแล้วด่าด้วยความโกรธ สีหน้าเขาแฝงความพึงพอใจอยู่เล็กๆ"อืม......"ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเบาๆ ดังขึ้นมา มู่ซินเฟยที
พอดีเลยเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าจะซื้อบ้านพอดี......ตอนนี้ดูท่าไม่ต้องแล้ว“เออใช่ น้องชาย คุณชื่ออะไร บัตรประชาชนเอามาไหม? ผมจะให้คนไปดำเนินเรื่องให้”มู่จ้านถามย้ำ“เย่เฟิง”เย่เฟิงแนะนําตัวเองด้วยรอยยิ้มเมื่อพูดจบ ซุนกว่างซานที่อยู่ข้างๆ มีท่าทางตกใจเล็กน้อย และด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ถามว่า: “คุณคือเย่เฟิงเหรอ? คนที่ช่วยชีวิตซ่งเหล่าเย๋ที่ตลาดวันนั้นก็คือคุณ หมอเทวดาใช่ไหม?”เย่เฟิงพยักหน้า:“ผมเอง ทำไมเหรอครับ?”ซุนกว่างซานยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัวไปมาอย่างละอายใจพูดว่า: “มิน่าล่ะ! มิน่า …… ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคือคุณหมอเทวดา วันนี้ผมคงไม่ทำน่าเกลียดออกมาเช่นนี้แล้ว!”เมื่อคิดถึงตอนที่เย่เฟิงเตือนตัวเองก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเขาพูดสั่งสอนด้วยคำพูดคำจาเสียดสีไป ซุนกว่างซานรู้สึกละอายใจในใจในขณะนี้ หลีหย่วนมองไปที่ซุนกว่างซานแล้วก็มองไปที่เย่เฟิง ความเคลือบแคลงสุดท้ายในใจที่เขามีต่อเย่เฟิงก็ได้หมดไปในที่สุดดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มนี่จะช่วยซ่งเหล่าเย๋จริงๆ!จากนนั้นผู้บังคับบัญชาการมู่ก็ได้เชิญเย่เฟิงลงมานั่งที่ห้องรับแขกข้างล่างอย่างอบอุ่น“เฟยเอ๋อร์ ยังไม่มาขอบคุณผู้มี
มู่จ้านไม่ปกปิดความชื่นชมที่มีต่อเย่เฟิงเลย ตั้งแต่เรียกเขาดุจพี่น้องไปจนถึงจะให้แต่งงานกับลูกสาวเขาคำพูดเขาฟังดูกะทันหัน แต่จริงๆ แล้วคิดมาอย่างดีทักษะแพทย์สูงจนซุนกว่างซานยังต้องอาย หมอเทวดาระดับนี้ถ้าได้คบค้าสมาคม ย่อมมีผลดีเกินจินตนาการได้แถมหลังหยั่งเชิงดูครั้งแรกแล้ว เรื่องความแข็งแกร่งก็โดดเด่น!ยังไม่นับข้อดีอื่นๆ ที่จะได้จากการคบค้าสมาคมกับเย่เฟิงอีกนะ คนแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถพัฒนากองทัพได้ อนาคตอาจจะไร้ขีดจำกัดได้มู่จ้านนั้นชื่นชมคนมีพรสวรรค์ทั้งใจจริงๆแต่ว่าหลีหย่วนที่อยู่ข้างๆนั้นยิ่งวิตกกังวลตานี่ ยิ่งพูดยิ่งไปไกลเรื่อย!มู่ซินเฟยนี่เป็นนางในฝันเขาเลยนะ ตอนนี้มู่จ้านกลับจะแนะนํานางในฝันเขาให้พี่เขยกระจอกๆคนนี้เหรอ?“ลุงมู่ เขาเป็นพี่เขยผมครับ!”หลีหย่วนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ แต่เขากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อพูดจบ ผู้บัญชาการมู่ก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง:“พี่เขยคุณ? พี่เขยของพี่สาวคนไหนล่ะ?”“พี่สาวแท้ๆผม หลีเอียน”หลีหย่วนยิ้มอย่างฝืนๆเมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้บัญชาการมู่ก็ส่งเสียง“เชอะ”:“นั่นเป็นปลอมๆนี่!”ชัดเจนว่าผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์เมื
มู่จ้านไม่สามารถทำอะไรได้อื่น จึงได้แต่พูดให้เย่เฟิงมาที่นี่บ่อยๆ และยังให้บัตรผ่านเข้า-ออกพิเศษของเขตทหารให้เย่เฟิงอีกด้วย ออกมาจากเขตทหาร“พวกแกสองคนไปนั่งคันอื่น ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่เขยเป็นการส่วนตัว”หลีหย่นสั่งลูกสองสองคนที่อยู่บนรถ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับด้วยตัวเขาเอง“อะไร? อยากคุยเรื่องอะไรอีก? วันนี้ที่ผมตีสนิทผู้บัญชาการมู่ได้ ก่อนหน้านี้กับตระกูลซ่งก็เหมือนกัน”เย่เฟิงที่นั่งฝั่งข้างคนขับเลิกคิ้วแล้วถามหลีหย่วนยิ้มแหะๆ:“ไม่ใช่ ไม่ใช่เร่องนี้! พี่เขย ผมเชื่อใจพี่แล้วตอนนี้……”เขาพูดไปกะแอ่มไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย: "ผมกำลังจีบเฟยเฟยอยู่ พี่ก็น่าจะเห็นแล้วเพราะงั้นเรื่องในอดีตที่พี่รู้ พี่เขยพี่ต้องปิดปากเงียบกริบ ห้ามบอกผู้บัญชาการมู่กับเฟยเฟยเด็ดขาด!”มู่จ้านนั้นชื่นชมเย่เฟิงมาก แถมยังให้มู่ซินเฟยเรียกเขาว่าพี่ชายอีก ช่อทางการติดต่อเขาก็ขอไว้หมดแล้ว อนาคตคงได้ติดต่อพูดคุยกันมากขึ้นถ้าเกิดว่าเย่เฟิงหลุดปากพูดอะไรไปล่ะก็หลีหย่วนรู้สึกได้ว่าเขาหมดหวังแน่เมื่อพูดจบ เย่เฟิงก็ส่งเสียง“หืม” ก่อนจะตอบสนองด้วยรอยยิ้มครุ่นคิดบนใบหน้า“ที่พูดนี่ใช่วันที่คุ
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้