“เราคืนดีกันเถอะนะ ฉันจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณดีๆ แน่นอน! เห็นแก่ลูกสาวเราเถอะนะ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะ?”“ฮือๆๆ…แต่ก่อนไม่ว่าฉันจะทำอะไรผิด คุณก็จะยกโทษให้ฉันเสมอ ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉันอยู่ คุณรักและเอ็นดูฉันที่สุดแล้ว คุณเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุด…คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ จะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”“ไม่ อย่าให้พวกมันจับตัวฉันไป! ฮือๆๆ…”เย่เฟิงสะบัดแขนออก แล้วปัดมือโจวชิ้งออก แววตาฉายแววเย็นชาและเจ็บใจ“อย่าจับตัวเธองั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่เธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดนั่วนั่วล่ะก็ ฉันฆ่าเธอไปตั้งนานแล้ว!”“โจวชิ้ง! แต่ก่อนที่ฉันทำดีกับเธอ เพราะว่าฉันยินยอม ไม่ใช่เพราะฉันควรทำ”“แต่ตอนนี้ ฉันไม่ยอมแล้ว!”สิ้นเสียง โจวชิ้งก็ส่งเสียงร้องไห้อย่างหนักหน่วง สายตาที่มองเย่เฟิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และโกรธเคือง“เย่เฟิง นายใจดำมาก!”“ฉันจะทำให้นายต้องชดใช้ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยไร้ความรู้สึก! ฉันต้องทำให้นายชดใช้ให้ได้…”ท่ามกลางเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและคำด่า โจวชิ้งถูกพาตัวออกไปเธอไม่เข้าใจว่าไอ้คนยาจกที่ไร้หนทางถึงขนาดต้องขายไตเพื่อช่วยลูกสาวคนหนึ่ง ทำไมตอนนี้ถ
เพราะทั้งสองคนนี้ก็มีปัญหากับตนเหมือนกัน ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่ได้คิดไปในแง่บวกหลีเอียนเองก็สำรวจมองทั้งสอง แล้วถามว่า “คุณหนูเวินมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”ทุกคนล้วนแต่เป็นคนหยุนเฉิง ถึงแม้หลีเอียนกับเวินเสี่ยวเหมิงจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ก็รู้จักลูกสาวของเวินซื่อจิวเวลรี่กรุ๊ป“พี่หลีคะ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ! แค่…พวกเราอยากเลี้ยงข้าวคุณเย่หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกไหมคะ?”เวินเสี่ยวเหมิงยิ้มแย้มสิ้นเสียง เย่เฟิงทำหน้าแปลกๆ “เลี้ยงข้าวผม?”“ใช่ครับ! คุณเย่ ผมจริงใจนะครับ ไว้หน้าผมสักครั้งนะครับ?”จางเฉิงเฟิงพยักหน้า แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า20 นาทีผ่านไป ณ ร้านอาหารซานตงที่มีเอกลักษณ์แห่งหนึ่งจางเฉิงเฟิงรินเหล้าให้กับเย่เฟิงแก้วหนึ่ง“คุณเย่ครับ เห็นคุณปลอดภัยหายห่วงแบบนี้ ผมดีใจมากจริงๆ ครับ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็ส่งเสียง ‘โอ๋?’ ออกมา “หมายความว่าไงครับ? นี่คือการข่มขู่อ้อมๆ หรือเปล่าครับเนี่ย?”“ไม่ครับๆ! ไม่ใช่! ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”จางเฉิงเฟิงรีบโบกมือปฏิเสธ แล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณเย่ครับ ก่อนหน้านี้คุณถูกเว่ยเหล่าหู่หลอกไปใช่ไหมครับ? แล้วผู้บัญชาการม
ผมดื่มหมดแก้วนะครับ!”พูดจบ จางเฉิงเฟิงก็ชนแก้วกับเย่เฟิงเบาๆ แล้วกัดฟันดื่มลงไปหมดแก้วหลังจากดื่มหมด หน้าของเขาก็แดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นสีหน้าเจ็บปวดเขารู้สึกว่าทางเดินอาหารของตัวเองเหมือนถูกมีดกรีดอย่างไรอย่างนั้นเวินเสี่ยวเหมิงเห็นดังนั้น ก็ร้อนใจจนน้ำตาคลอเบ้าและเลิ่กลั่กไปมา “เฉิงเฟิง คุณเป็นยังไงบ้าง?”เย่เฟิงเองก็ยกแก้วดื่มจนหมด แล้วยื่นมือไปหาจางเฉิงเฟิงจางเฉิงเฟิงสีหน้าไม่ดีจนชักเกร็ง แต่ก็ยังยื่นมือออกไปจับมือเย่เฟิง“คุณชายจาง ต่อไปขอฝากตัวด้วยนะครับ!”เย่เฟิงพูดยิ้มแย้มจางเฉิงเฟิงอยากจะฝืนยิ้ม แต่วินาทีต่อมากลับต้องเบิกตาโตกว้างเขารู้สึกถึงความร้อนที่แพร่เข้ามาในร่างกายจากมือขวาของเขา และกำลังฟื้นฟูบาดแผลของเขาทางเดินอาหารที่รู้สึกร้อนผ่าวแต่เดิม ตอนนี้กลับรู้สึกคันยิบๆ และสบายอย่างบอกไม่ถูก“คุณเย่…ขอบคุณมากครับ+.หนึ่งนาที่ต่อมา จางเฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อยสีหน้าย่ำแย่บนใบหน้าจางหายไปจนหมด เสียงก็ไม่แหบซ่าเหมือนก่อน“หมดแก้ว!”เย่เฟิงรินเหล้าจนเต็มแก้วให้กับตนและจางเฉิงเฟิงอีกครั้ง พร้อมยกแก้วขึ้น“หมดแก้ว!
เมื่อเห็นหน้าหลีถิง หลีเอียนก็ปั้นหน้าขรึม แล้วหันไปไม่สนใจอีกฝ่ายทันทีสายตาของเย่เฟิงเองก็มองไปที่หินหยกพวกนั้น ขี้เกียจสู้ฝีปากกับผู้หญิงคนหนึ่งเวินเสี่ยวเหมิงและจางเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว จางเฉิงเฟิงถามเย่เฟิงว่า “พี่เย่ ใครเหรอครับ?”“น้องเมียน่ะ ไม่ต้องสนใจ”เย่เฟิงโบกมือ“แหวะ! ใครเป็นน้องเมียแกไม่ทราบ หน้าด้าน! คิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยตระกูลหลีจริงๆ หรือไง?”หลีถิงถ่มน้ำลายอย่างไม่พอใจทันใดนั้น วัยรุ่นที่เวินต้าควงดูแลอยู่คนนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเขามองหลีเอียนด้วยสายตาตกตะลึงก่อน แล้วค่อยๆ หันไปมองเย่เฟิงพลางพูดกับหลีถิงว่า “คนนี้คือลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีของพวกคุณน่ะเหรอ?”“นี่ พวกแกพูดจาระวังหน่อย! ห้ามพูดแบบนี้กับคุณเย่นะ!”เวินเสี่ยวเหมิงตักเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พ่อคะ คุณลุง คุณน้าสองคนนี้นิสัยไม่ดีเลย!”นั่วนั่วเบะปาก สะกิดมือเย่เฟิง แล้วพูดขึ้นเบาๆ“ไม่เป็นไร เราไม่ต้องสนใจพวกเขา ถือซะว่าหมาเห่าแล้วกันเนอะ”เย่เฟิงยิ้มแย้ม แล้วอุ้มนั่วนั่วขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของวัยรุ่นคนนั้นดูไม่ดีในทันใด เขาชี้ด่าเย่เฟิงว่า “ไอ้หน้าขาว แกว่าใครเป็นหมา? ไอ้คนไร้ประโย
เวินต้าควงไม่สนใจปัญหาของคนอื่นๆ สนใจแค่คุณภาพของสินค้าล็อตนี้เท่านั้น“ไม่มีปัญหาครับ! หินหยกพวกนี้เป็นหยกชั้นดีทั้งนั้น มีโอกาสผ่าเจอหยกเขียวสูงมาก ประธานเวินวางใจซื้อได้เลยครับ”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พยักหน้า แล้วพูดอย่างมั่นใจเมื่อได้ยินดังนั้น เวินต้าควงก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าจากนั้นทันใดนั้นเอง เย่เฟิงกลับพูดแทรกขึ้น แล้วพูดคำพูดที่ทำผู้อื่นตกใจว่า“ผมว่าประธานเวินไม่ต้องซื้อของล็อตนี้หรอกครับ! หินพวกนี้เป็นแค่ขยะทั้งนั้น!”สิ้นเสียง ทุกคนพลันตกตะลึง แล้วมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าตกใจ“พูดเหี้*อะไร!”จากนั้น กัวอี้หมิงก็สบถคำด่าออกมา“เย่เฟิง นายอิจฉาอี้หมิงที่เขาเก่งกว่านาย ก็เลยใช้วิธีนี้ทำลายเขาใช่ไหม? ตาสุนัขของนายนั่นจะแยกหินชั้นดีกับหินชั้นต่ำออกเหรอ?”หลีถิงด่าด้วยวาจาเยาะเย้ยส่วนท่านเซี่ยตาสวรรค์แค่นเสียงเย็นชาออกมา แต่แฝงด้วยน้ำโกรธ “นี่ ไอ้หนุ่ม ข้าวน่ะกินมั่วซั่วได้ แต่คำพูดน่ะห้ามมั่วซั่วเด็ดขาด! นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าฉันหลอกประธานเวินงั้นเหรอ?”เวินต้าควงพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ไอ้หนุ่ม นายมาก่อเรื่องงั้นเหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็หัน
เมื่อได้ยินเย่เฟิงตอบตกลงทันที ท่านเซี่ยตาสวรรค์ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะ "ไอ้หนุ่ม ดูเหมือนว่านายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นะ! หยุดดื้นรั้นได้แล้ว ถ้านายสำนึกผิดกับฉันตอนนี้ และยอมรับว่านายพูดจาไร้สาระ ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย!”“ไอ้โง่ หินชิ้นนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นสีเขียว! คนไร้ประโยชน์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยยังกล้าสู้กับอาจารย์เซี่ยอีก!”หลี่ถิงหัวเราะและเย้ยหยัน“ฉายาตาสวรรค์ของอาจารย์เซี่ย นายคิดว่าเขาได้มาฟรีๆ หรือไง? อย่าว่าแต่อาจารย์เซี่ยเลย คนที่มีความรู้หน่อย ก็มองออกว่าหินชิ้นนี้มีแต่ได้ ไม่ขาดทุนคนไม่มีการศึกษานี่มันน่ากลัวจริงๆ ฮ่าๆ..."กัวอี้หมิงยิ้มและส่ายหัวเช่นกัน“ความรู้ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก! ไม่ใช่แค่หินก้อนนี้เท่านั้นนะ แต่หินหยกก้อนอื่นๆ ในล็อตนี้ทุกก้อน ฉันก็กล้าพนันให้เขาหมดตัว!”เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหลีเอียนเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาคู่งามในความเห็นของเธอ หินหยกก้อนนี้ต้องเป็นสีเขียวแน่นอน แต่ในเมื่อเย่เฟิงมั่นใจขนาดนี้ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรใดๆเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลีเอียนได้เห็นความอัศจรรย์จากตัวผู้
เวลานี้ เวินต้าควงสั่งให้คนนำหินยกไปวางบนเครื่องผ่าหิน กำลังเตรียมจะผ่าหินเย่เฟิงพูดอย่างมั่นใจว่าของล็อตนี้เป็นขยะ เวินต้าควงเองก็อยากรู้สั่งสอนวัยรุ่นคนนี้เหมือนกันเพราะยังไงหินก้อนนี้ เขาไม่ต้องเสียเงินจ่ายเองอยู่แล้ว เพียงแค่ออกแรงคนและอุปกรณ์เท่านั้น“ทั้งสองคน อยากผ่ายังไงดีครับ?”คนผ่าหินเอ่ยถาม“ผ่าจากเส้นนี้ แล้วก็ค่อยๆ ถู!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์ใช้ช็อกวาดแล้วกล่าว“ผมว่า ผ่าตรงกลางโต้งๆ ไปเลยดีกว่า เสียเวลา!”เย่เฟิงเบะปาก แล้วกล่าวอย่างหมดความอดทนเมื่อได้ยินแบบนั้น หลีถิงก็ถ่มน้ำลายใส่ พูดว่า “นี่คนแซ่เย่ นายรู้ไหมว่าตัวเองต้องแพ้แน่ๆ ไม่ยอมทำแทนอาจารย์เซี่ย ก็เลยคิดจะทำลายหินก้อนนี้ใช่ไหม?”“นี่วัยรุ่น อย่าคิดอะไรไม่ดีสิ!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พูดด้วยเสียงเย็นชาแต่เวินต้าควงกลับขมวดคิ้ว สายตาที่มองเย่เฟิงยิ่งดูไม่พอใจรู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้ไม่เพียงแต่ชอบทำเรื่องใหญ่โต พูดจาโอ้อวด แต่ยังมีความคิดไม่ดีอีกด้วย“อย่าไปฟังเขา อาจารย์เซี่ยว่ายังไงก็อย่างนั้น!”กัวอี้หมิงหัวเราะแห้ง แล้วพูดกับคนผ่าหินคนผ่าหินทั้งสองคนพยักหน้า แล้วเริ่มผ่าหินตามรอยเส้นนั้นโดยไม่สนใจเย่เ
“บังเอิญ เป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ! หินล็อตนี้เป็นหินชั้นดีทั้งนั้นนี่!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์ปาดเหงื่อ ต่อหน้าน้ำเสียงไม่เชื่อใจของเวินต้าควง ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่ดี“ใช่ แค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ มีแค่ก้อนนี้ที่เป็นแบบนี้เท่านั้นแหละ หินหยกเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้อยู่แล้ว! ลุงเวิน หินล็อตนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน!”กัวอี้หมิงแก้ต่างอย่างร้อนรนเมื่อครู่นี้เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อใจได้จากสายตาของเวินต้าควงที่มองมาที่ตนแล้ว“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว อาจารย์เซี่ยจ่ายเงินก่อนแล้วกัน เงินสิบล้านซื้อหินแย่ๆ หนึ่งก้อน อาจารย์เซี่ยนี่ใจป้ำจริงๆ”ทันใดนั้น จางเฉิงเฟิงพูดเย้ยหยันขึ้นตอนนี้เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเย่เฟิงแล้ว คนพวกนี้รวมหัวกันกลั่นแกล้งพี่เย่แบบนี้ เขาอดทนมาตั้งนานแล้ว“นั่นน่ะสิ จ่ายเงินมาเลย! ทั้งอาจารย์ ทั้งหินแย่ๆ อะไรนั่นคืออะไรกัน? กัวอี้หมิง นายตั้งใจจะมาหลอกพ่อฉันใช่ไหม?”เวินเสี่ยวเหมิงเบะปากถาม“มั่ว! นี่มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น! อีกอย่าง เงินนี้ยังไงก็ต้องจ่ายให้ฉันอยู่แล้ว พวกเธอจะร้อนใจทำไม?”กัวอี้หมิงหน้าแดงก่ำ แล้วหันไปพูดกับท่านเซี่ยตาสวรรค์ “อาจารย์เซี่ย ผมไม่