เย่เฟิงพูดแล้วยื่นมือไปทุบๆ บนตัวของเว่ยเหล่าหู่ตามด้วยทุบที่แผ่นอกของเว่ยเสี่ยวตงเบาๆ สองทีการกระทำของเย่เฟิง ทำเว่ยเหล่าหู่ และเว่ยเสี่ยวตงสองพ่อลูกตกใจจนขวัญแทบหลุดออกมากลัวว่าเย่เฟิงจะฆ่าตนด้วยฝ่ามือเดียว!เข้าคุกไป พวกเขายังมีชีวิตรอดได้เป็นปี ไม่แน่อาจจะถูกปล่อยตัวออกมาก็ได้นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์การบริหารจัดการมาหลายปี รวมทั้งอำนาจที่สั่งสมมาหลายปีนี้ เผลอๆ เขาออกมายังสามารถใช้ชีวิตมั่งคั่งได้อีกด้วยแต่ถ้าถูกเย่เฟิงฆ่าตายด้วยฝ่ามือเดียวล่ะก็ จบบริบูรณ์แน่นอน“น้องเย่ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม!”มู่จ้านเบิกตากว้าง แล้วเอ่ยเตือนเสียงขรึม จากนั้นก็โบกมือให้กับทหารใต้บังคับบัญชา “ยังไม่รีบพาคนไปอีก!”การฆ่าฆาตกรเลือดเย็นด้วยฝ่ามือเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก!เพราะการที่ถูกคนโหดร้ายและอันตรายสุดขีดโจมตีแบบนี้ จึงฆ่าอีกฝ่ายทิ้ง ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแต่เว่ยเหล่าหู่ และเว่ยเสี่ยวตงถูกจับตัวไว้แล้ว ถ้าหากเย่เฟิงลงมือต่อพวกเขา จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นเหล่าทหารเปิดทางคุมตัวเว่ยเหล่าหู่สองพ่อลูก และลูกน้องคนอื่นๆ ไป ในตาลึกๆ ของเย่เฟิงก็ฉายแววเย็
“เราคืนดีกันเถอะนะ ฉันจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณดีๆ แน่นอน! เห็นแก่ลูกสาวเราเถอะนะ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะ?”“ฮือๆๆ…แต่ก่อนไม่ว่าฉันจะทำอะไรผิด คุณก็จะยกโทษให้ฉันเสมอ ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉันอยู่ คุณรักและเอ็นดูฉันที่สุดแล้ว คุณเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุด…คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ จะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”“ไม่ อย่าให้พวกมันจับตัวฉันไป! ฮือๆๆ…”เย่เฟิงสะบัดแขนออก แล้วปัดมือโจวชิ้งออก แววตาฉายแววเย็นชาและเจ็บใจ“อย่าจับตัวเธองั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่เธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดนั่วนั่วล่ะก็ ฉันฆ่าเธอไปตั้งนานแล้ว!”“โจวชิ้ง! แต่ก่อนที่ฉันทำดีกับเธอ เพราะว่าฉันยินยอม ไม่ใช่เพราะฉันควรทำ”“แต่ตอนนี้ ฉันไม่ยอมแล้ว!”สิ้นเสียง โจวชิ้งก็ส่งเสียงร้องไห้อย่างหนักหน่วง สายตาที่มองเย่เฟิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และโกรธเคือง“เย่เฟิง นายใจดำมาก!”“ฉันจะทำให้นายต้องชดใช้ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยไร้ความรู้สึก! ฉันต้องทำให้นายชดใช้ให้ได้…”ท่ามกลางเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและคำด่า โจวชิ้งถูกพาตัวออกไปเธอไม่เข้าใจว่าไอ้คนยาจกที่ไร้หนทางถึงขนาดต้องขายไตเพื่อช่วยลูกสาวคนหนึ่ง ทำไมตอนนี้ถ
เพราะทั้งสองคนนี้ก็มีปัญหากับตนเหมือนกัน ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่ได้คิดไปในแง่บวกหลีเอียนเองก็สำรวจมองทั้งสอง แล้วถามว่า “คุณหนูเวินมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”ทุกคนล้วนแต่เป็นคนหยุนเฉิง ถึงแม้หลีเอียนกับเวินเสี่ยวเหมิงจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ก็รู้จักลูกสาวของเวินซื่อจิวเวลรี่กรุ๊ป“พี่หลีคะ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ! แค่…พวกเราอยากเลี้ยงข้าวคุณเย่หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกไหมคะ?”เวินเสี่ยวเหมิงยิ้มแย้มสิ้นเสียง เย่เฟิงทำหน้าแปลกๆ “เลี้ยงข้าวผม?”“ใช่ครับ! คุณเย่ ผมจริงใจนะครับ ไว้หน้าผมสักครั้งนะครับ?”จางเฉิงเฟิงพยักหน้า แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า20 นาทีผ่านไป ณ ร้านอาหารซานตงที่มีเอกลักษณ์แห่งหนึ่งจางเฉิงเฟิงรินเหล้าให้กับเย่เฟิงแก้วหนึ่ง“คุณเย่ครับ เห็นคุณปลอดภัยหายห่วงแบบนี้ ผมดีใจมากจริงๆ ครับ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็ส่งเสียง ‘โอ๋?’ ออกมา “หมายความว่าไงครับ? นี่คือการข่มขู่อ้อมๆ หรือเปล่าครับเนี่ย?”“ไม่ครับๆ! ไม่ใช่! ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”จางเฉิงเฟิงรีบโบกมือปฏิเสธ แล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณเย่ครับ ก่อนหน้านี้คุณถูกเว่ยเหล่าหู่หลอกไปใช่ไหมครับ? แล้วผู้บัญชาการม
ผมดื่มหมดแก้วนะครับ!”พูดจบ จางเฉิงเฟิงก็ชนแก้วกับเย่เฟิงเบาๆ แล้วกัดฟันดื่มลงไปหมดแก้วหลังจากดื่มหมด หน้าของเขาก็แดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นสีหน้าเจ็บปวดเขารู้สึกว่าทางเดินอาหารของตัวเองเหมือนถูกมีดกรีดอย่างไรอย่างนั้นเวินเสี่ยวเหมิงเห็นดังนั้น ก็ร้อนใจจนน้ำตาคลอเบ้าและเลิ่กลั่กไปมา “เฉิงเฟิง คุณเป็นยังไงบ้าง?”เย่เฟิงเองก็ยกแก้วดื่มจนหมด แล้วยื่นมือไปหาจางเฉิงเฟิงจางเฉิงเฟิงสีหน้าไม่ดีจนชักเกร็ง แต่ก็ยังยื่นมือออกไปจับมือเย่เฟิง“คุณชายจาง ต่อไปขอฝากตัวด้วยนะครับ!”เย่เฟิงพูดยิ้มแย้มจางเฉิงเฟิงอยากจะฝืนยิ้ม แต่วินาทีต่อมากลับต้องเบิกตาโตกว้างเขารู้สึกถึงความร้อนที่แพร่เข้ามาในร่างกายจากมือขวาของเขา และกำลังฟื้นฟูบาดแผลของเขาทางเดินอาหารที่รู้สึกร้อนผ่าวแต่เดิม ตอนนี้กลับรู้สึกคันยิบๆ และสบายอย่างบอกไม่ถูก“คุณเย่…ขอบคุณมากครับ+.หนึ่งนาที่ต่อมา จางเฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อยสีหน้าย่ำแย่บนใบหน้าจางหายไปจนหมด เสียงก็ไม่แหบซ่าเหมือนก่อน“หมดแก้ว!”เย่เฟิงรินเหล้าจนเต็มแก้วให้กับตนและจางเฉิงเฟิงอีกครั้ง พร้อมยกแก้วขึ้น“หมดแก้ว!
เมื่อเห็นหน้าหลีถิง หลีเอียนก็ปั้นหน้าขรึม แล้วหันไปไม่สนใจอีกฝ่ายทันทีสายตาของเย่เฟิงเองก็มองไปที่หินหยกพวกนั้น ขี้เกียจสู้ฝีปากกับผู้หญิงคนหนึ่งเวินเสี่ยวเหมิงและจางเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว จางเฉิงเฟิงถามเย่เฟิงว่า “พี่เย่ ใครเหรอครับ?”“น้องเมียน่ะ ไม่ต้องสนใจ”เย่เฟิงโบกมือ“แหวะ! ใครเป็นน้องเมียแกไม่ทราบ หน้าด้าน! คิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยตระกูลหลีจริงๆ หรือไง?”หลีถิงถ่มน้ำลายอย่างไม่พอใจทันใดนั้น วัยรุ่นที่เวินต้าควงดูแลอยู่คนนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเขามองหลีเอียนด้วยสายตาตกตะลึงก่อน แล้วค่อยๆ หันไปมองเย่เฟิงพลางพูดกับหลีถิงว่า “คนนี้คือลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีของพวกคุณน่ะเหรอ?”“นี่ พวกแกพูดจาระวังหน่อย! ห้ามพูดแบบนี้กับคุณเย่นะ!”เวินเสี่ยวเหมิงตักเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พ่อคะ คุณลุง คุณน้าสองคนนี้นิสัยไม่ดีเลย!”นั่วนั่วเบะปาก สะกิดมือเย่เฟิง แล้วพูดขึ้นเบาๆ“ไม่เป็นไร เราไม่ต้องสนใจพวกเขา ถือซะว่าหมาเห่าแล้วกันเนอะ”เย่เฟิงยิ้มแย้ม แล้วอุ้มนั่วนั่วขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของวัยรุ่นคนนั้นดูไม่ดีในทันใด เขาชี้ด่าเย่เฟิงว่า “ไอ้หน้าขาว แกว่าใครเป็นหมา? ไอ้คนไร้ประโย
เวินต้าควงไม่สนใจปัญหาของคนอื่นๆ สนใจแค่คุณภาพของสินค้าล็อตนี้เท่านั้น“ไม่มีปัญหาครับ! หินหยกพวกนี้เป็นหยกชั้นดีทั้งนั้น มีโอกาสผ่าเจอหยกเขียวสูงมาก ประธานเวินวางใจซื้อได้เลยครับ”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พยักหน้า แล้วพูดอย่างมั่นใจเมื่อได้ยินดังนั้น เวินต้าควงก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าจากนั้นทันใดนั้นเอง เย่เฟิงกลับพูดแทรกขึ้น แล้วพูดคำพูดที่ทำผู้อื่นตกใจว่า“ผมว่าประธานเวินไม่ต้องซื้อของล็อตนี้หรอกครับ! หินพวกนี้เป็นแค่ขยะทั้งนั้น!”สิ้นเสียง ทุกคนพลันตกตะลึง แล้วมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าตกใจ“พูดเหี้*อะไร!”จากนั้น กัวอี้หมิงก็สบถคำด่าออกมา“เย่เฟิง นายอิจฉาอี้หมิงที่เขาเก่งกว่านาย ก็เลยใช้วิธีนี้ทำลายเขาใช่ไหม? ตาสุนัขของนายนั่นจะแยกหินชั้นดีกับหินชั้นต่ำออกเหรอ?”หลีถิงด่าด้วยวาจาเยาะเย้ยส่วนท่านเซี่ยตาสวรรค์แค่นเสียงเย็นชาออกมา แต่แฝงด้วยน้ำโกรธ “นี่ ไอ้หนุ่ม ข้าวน่ะกินมั่วซั่วได้ แต่คำพูดน่ะห้ามมั่วซั่วเด็ดขาด! นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าฉันหลอกประธานเวินงั้นเหรอ?”เวินต้าควงพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ไอ้หนุ่ม นายมาก่อเรื่องงั้นเหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็หัน
เมื่อได้ยินเย่เฟิงตอบตกลงทันที ท่านเซี่ยตาสวรรค์ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะ "ไอ้หนุ่ม ดูเหมือนว่านายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นะ! หยุดดื้นรั้นได้แล้ว ถ้านายสำนึกผิดกับฉันตอนนี้ และยอมรับว่านายพูดจาไร้สาระ ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย!”“ไอ้โง่ หินชิ้นนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นสีเขียว! คนไร้ประโยชน์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยยังกล้าสู้กับอาจารย์เซี่ยอีก!”หลี่ถิงหัวเราะและเย้ยหยัน“ฉายาตาสวรรค์ของอาจารย์เซี่ย นายคิดว่าเขาได้มาฟรีๆ หรือไง? อย่าว่าแต่อาจารย์เซี่ยเลย คนที่มีความรู้หน่อย ก็มองออกว่าหินชิ้นนี้มีแต่ได้ ไม่ขาดทุนคนไม่มีการศึกษานี่มันน่ากลัวจริงๆ ฮ่าๆ..."กัวอี้หมิงยิ้มและส่ายหัวเช่นกัน“ความรู้ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก! ไม่ใช่แค่หินก้อนนี้เท่านั้นนะ แต่หินหยกก้อนอื่นๆ ในล็อตนี้ทุกก้อน ฉันก็กล้าพนันให้เขาหมดตัว!”เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหลีเอียนเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาคู่งามในความเห็นของเธอ หินหยกก้อนนี้ต้องเป็นสีเขียวแน่นอน แต่ในเมื่อเย่เฟิงมั่นใจขนาดนี้ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรใดๆเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลีเอียนได้เห็นความอัศจรรย์จากตัวผู้
เวลานี้ เวินต้าควงสั่งให้คนนำหินยกไปวางบนเครื่องผ่าหิน กำลังเตรียมจะผ่าหินเย่เฟิงพูดอย่างมั่นใจว่าของล็อตนี้เป็นขยะ เวินต้าควงเองก็อยากรู้สั่งสอนวัยรุ่นคนนี้เหมือนกันเพราะยังไงหินก้อนนี้ เขาไม่ต้องเสียเงินจ่ายเองอยู่แล้ว เพียงแค่ออกแรงคนและอุปกรณ์เท่านั้น“ทั้งสองคน อยากผ่ายังไงดีครับ?”คนผ่าหินเอ่ยถาม“ผ่าจากเส้นนี้ แล้วก็ค่อยๆ ถู!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์ใช้ช็อกวาดแล้วกล่าว“ผมว่า ผ่าตรงกลางโต้งๆ ไปเลยดีกว่า เสียเวลา!”เย่เฟิงเบะปาก แล้วกล่าวอย่างหมดความอดทนเมื่อได้ยินแบบนั้น หลีถิงก็ถ่มน้ำลายใส่ พูดว่า “นี่คนแซ่เย่ นายรู้ไหมว่าตัวเองต้องแพ้แน่ๆ ไม่ยอมทำแทนอาจารย์เซี่ย ก็เลยคิดจะทำลายหินก้อนนี้ใช่ไหม?”“นี่วัยรุ่น อย่าคิดอะไรไม่ดีสิ!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พูดด้วยเสียงเย็นชาแต่เวินต้าควงกลับขมวดคิ้ว สายตาที่มองเย่เฟิงยิ่งดูไม่พอใจรู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้ไม่เพียงแต่ชอบทำเรื่องใหญ่โต พูดจาโอ้อวด แต่ยังมีความคิดไม่ดีอีกด้วย“อย่าไปฟังเขา อาจารย์เซี่ยว่ายังไงก็อย่างนั้น!”กัวอี้หมิงหัวเราะแห้ง แล้วพูดกับคนผ่าหินคนผ่าหินทั้งสองคนพยักหน้า แล้วเริ่มผ่าหินตามรอยเส้นนั้นโดยไม่สนใจเย่เ
กลางดึกคืนนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นในคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฉา “ฮือ...ฮือๆ...”ในคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฉา เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้ ฟังดูน่าขนลุกเฉาเริ่นและเฉาเหนียนผู้เป็นพ่อยืนอยู่ในห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย เบื้องหน้าของทั้งสองคือคุณนายเฉา ที่นั่งอยู่บนพื้นห้องในสภาพเสียสติ ร้องไห้ไม่หยุด แถมยังใช้กรรไกรตัดผ้าปูที่นอนจนขาดเป็นเส้นๆ “นี่มันอะไรกัน? ที่รัก คุณเป็นอะไรไป?”เฉาเหนียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สะท้านไปด้วยความหวาดกลัว การที่คนข้างกายลุกขึ้นมากลางดึกและเริ่มแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดเช่นนี้ ย่อมทำให้ใครก็ต้องขนลุก ส่วนคุณนายเฉาไม่เพียงแต่แค่ร้องไห้เท่านั้น แต่ยังดูเสียสติด้วยเธอร้องไห้ไปด้วยถือกรรไกรไปด้วย พร้อมกับตัดผ้าปูเป็นเส้นๆแต่ไม่ว่าจะเรียกหรือถามอย่างไร คุณนายเฉาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบ ไม่ว่าเฉาเหนียนและลูกชายเฉาเริ่นจะเรียกเธอยังไง เธอก็ไม่ตอบสนองคล้ายเป็นคนเสียสติ“พ่อ...หรือว่าแม่จะโดนของ?”เฉาเริ่นถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความสับสน “เร็วเข้า! เรียกอาจารย์คงมาดูหน่อย!”เฉาเหนียนรีบร้อนสั่งลูกชาย
ถงซวี่เย่ยิ้มพลางถาม เฉาเริ่นหน้าตึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก “ขอบใจ!” เย่เฟิงได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย พลางถามกลับ “ขอบคุณยังไงล่ะ?” เขาไม่ได้ติดเรื่องช่วยคนอื่น แต่ติดเรื่องช่วยเหลือคนอื่นแล้ว อีกฝ่ายยังแสดงท่าทีไม่รู้บุญคุณอีกดังนั้น เขาเองก็ไม่ไว้หน้าเฉาเริ่นเช่นกัน!เมื่อได้ยินดังนั้น เฉาเริ่นถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วถามกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แล้วนายอยากให้ขอบคุณยังไง? จะเอาเงินรึไง?” ในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด!แต่เย่เฟิงกลับพยักหน้าตอบหน้าตาย “เอาสิ! ขอสัก 90 ล้านแล้วกัน”ได้ยินดังนั้น เฉาเริ่นเบิกตากว้าง มองเย่เฟิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจัด ถงซวี่เย่เองก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะพูดเอาเงินตรงๆ แบบนี้ “นายนี่กล้าดีจริงๆ นะ ยังจะ 90 ล้านอีก? นี่นายจนจนคลั่งไปแล้วใช่ไหม? หรือว่าคุณหนูใหญ่หลีไม่ให้เงินใช้?” เฉาเริ่นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ถ้าเกิดอุบัติเหตุในไซต์งานนี้ นายต้องจ่ายค่าชดเชยไปเท่าไหร่? ไหนจะค่าเสียหายจากการหยุดงาน และผลกระทบในแง่ลบต่อชื่อเสียงบริษัทอีก? บร
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!