เย่เฟิงพูดแล้วยื่นมือไปทุบๆ บนตัวของเว่ยเหล่าหู่ตามด้วยทุบที่แผ่นอกของเว่ยเสี่ยวตงเบาๆ สองทีการกระทำของเย่เฟิง ทำเว่ยเหล่าหู่ และเว่ยเสี่ยวตงสองพ่อลูกตกใจจนขวัญแทบหลุดออกมากลัวว่าเย่เฟิงจะฆ่าตนด้วยฝ่ามือเดียว!เข้าคุกไป พวกเขายังมีชีวิตรอดได้เป็นปี ไม่แน่อาจจะถูกปล่อยตัวออกมาก็ได้นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์การบริหารจัดการมาหลายปี รวมทั้งอำนาจที่สั่งสมมาหลายปีนี้ เผลอๆ เขาออกมายังสามารถใช้ชีวิตมั่งคั่งได้อีกด้วยแต่ถ้าถูกเย่เฟิงฆ่าตายด้วยฝ่ามือเดียวล่ะก็ จบบริบูรณ์แน่นอน“น้องเย่ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม!”มู่จ้านเบิกตากว้าง แล้วเอ่ยเตือนเสียงขรึม จากนั้นก็โบกมือให้กับทหารใต้บังคับบัญชา “ยังไม่รีบพาคนไปอีก!”การฆ่าฆาตกรเลือดเย็นด้วยฝ่ามือเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก!เพราะการที่ถูกคนโหดร้ายและอันตรายสุดขีดโจมตีแบบนี้ จึงฆ่าอีกฝ่ายทิ้ง ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแต่เว่ยเหล่าหู่ และเว่ยเสี่ยวตงถูกจับตัวไว้แล้ว ถ้าหากเย่เฟิงลงมือต่อพวกเขา จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นเหล่าทหารเปิดทางคุมตัวเว่ยเหล่าหู่สองพ่อลูก และลูกน้องคนอื่นๆ ไป ในตาลึกๆ ของเย่เฟิงก็ฉายแววเย็
“เราคืนดีกันเถอะนะ ฉันจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณดีๆ แน่นอน! เห็นแก่ลูกสาวเราเถอะนะ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะ?”“ฮือๆๆ…แต่ก่อนไม่ว่าฉันจะทำอะไรผิด คุณก็จะยกโทษให้ฉันเสมอ ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉันอยู่ คุณรักและเอ็นดูฉันที่สุดแล้ว คุณเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุด…คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ จะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”“ไม่ อย่าให้พวกมันจับตัวฉันไป! ฮือๆๆ…”เย่เฟิงสะบัดแขนออก แล้วปัดมือโจวชิ้งออก แววตาฉายแววเย็นชาและเจ็บใจ“อย่าจับตัวเธองั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่เธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดนั่วนั่วล่ะก็ ฉันฆ่าเธอไปตั้งนานแล้ว!”“โจวชิ้ง! แต่ก่อนที่ฉันทำดีกับเธอ เพราะว่าฉันยินยอม ไม่ใช่เพราะฉันควรทำ”“แต่ตอนนี้ ฉันไม่ยอมแล้ว!”สิ้นเสียง โจวชิ้งก็ส่งเสียงร้องไห้อย่างหนักหน่วง สายตาที่มองเย่เฟิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และโกรธเคือง“เย่เฟิง นายใจดำมาก!”“ฉันจะทำให้นายต้องชดใช้ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยไร้ความรู้สึก! ฉันต้องทำให้นายชดใช้ให้ได้…”ท่ามกลางเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและคำด่า โจวชิ้งถูกพาตัวออกไปเธอไม่เข้าใจว่าไอ้คนยาจกที่ไร้หนทางถึงขนาดต้องขายไตเพื่อช่วยลูกสาวคนหนึ่ง ทำไมตอนนี้ถ
เพราะทั้งสองคนนี้ก็มีปัญหากับตนเหมือนกัน ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่ได้คิดไปในแง่บวกหลีเอียนเองก็สำรวจมองทั้งสอง แล้วถามว่า “คุณหนูเวินมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”ทุกคนล้วนแต่เป็นคนหยุนเฉิง ถึงแม้หลีเอียนกับเวินเสี่ยวเหมิงจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ก็รู้จักลูกสาวของเวินซื่อจิวเวลรี่กรุ๊ป“พี่หลีคะ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ! แค่…พวกเราอยากเลี้ยงข้าวคุณเย่หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกไหมคะ?”เวินเสี่ยวเหมิงยิ้มแย้มสิ้นเสียง เย่เฟิงทำหน้าแปลกๆ “เลี้ยงข้าวผม?”“ใช่ครับ! คุณเย่ ผมจริงใจนะครับ ไว้หน้าผมสักครั้งนะครับ?”จางเฉิงเฟิงพยักหน้า แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า20 นาทีผ่านไป ณ ร้านอาหารซานตงที่มีเอกลักษณ์แห่งหนึ่งจางเฉิงเฟิงรินเหล้าให้กับเย่เฟิงแก้วหนึ่ง“คุณเย่ครับ เห็นคุณปลอดภัยหายห่วงแบบนี้ ผมดีใจมากจริงๆ ครับ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็ส่งเสียง ‘โอ๋?’ ออกมา “หมายความว่าไงครับ? นี่คือการข่มขู่อ้อมๆ หรือเปล่าครับเนี่ย?”“ไม่ครับๆ! ไม่ใช่! ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”จางเฉิงเฟิงรีบโบกมือปฏิเสธ แล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณเย่ครับ ก่อนหน้านี้คุณถูกเว่ยเหล่าหู่หลอกไปใช่ไหมครับ? แล้วผู้บัญชาการม
ผมดื่มหมดแก้วนะครับ!”พูดจบ จางเฉิงเฟิงก็ชนแก้วกับเย่เฟิงเบาๆ แล้วกัดฟันดื่มลงไปหมดแก้วหลังจากดื่มหมด หน้าของเขาก็แดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นสีหน้าเจ็บปวดเขารู้สึกว่าทางเดินอาหารของตัวเองเหมือนถูกมีดกรีดอย่างไรอย่างนั้นเวินเสี่ยวเหมิงเห็นดังนั้น ก็ร้อนใจจนน้ำตาคลอเบ้าและเลิ่กลั่กไปมา “เฉิงเฟิง คุณเป็นยังไงบ้าง?”เย่เฟิงเองก็ยกแก้วดื่มจนหมด แล้วยื่นมือไปหาจางเฉิงเฟิงจางเฉิงเฟิงสีหน้าไม่ดีจนชักเกร็ง แต่ก็ยังยื่นมือออกไปจับมือเย่เฟิง“คุณชายจาง ต่อไปขอฝากตัวด้วยนะครับ!”เย่เฟิงพูดยิ้มแย้มจางเฉิงเฟิงอยากจะฝืนยิ้ม แต่วินาทีต่อมากลับต้องเบิกตาโตกว้างเขารู้สึกถึงความร้อนที่แพร่เข้ามาในร่างกายจากมือขวาของเขา และกำลังฟื้นฟูบาดแผลของเขาทางเดินอาหารที่รู้สึกร้อนผ่าวแต่เดิม ตอนนี้กลับรู้สึกคันยิบๆ และสบายอย่างบอกไม่ถูก“คุณเย่…ขอบคุณมากครับ+.หนึ่งนาที่ต่อมา จางเฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อยสีหน้าย่ำแย่บนใบหน้าจางหายไปจนหมด เสียงก็ไม่แหบซ่าเหมือนก่อน“หมดแก้ว!”เย่เฟิงรินเหล้าจนเต็มแก้วให้กับตนและจางเฉิงเฟิงอีกครั้ง พร้อมยกแก้วขึ้น“หมดแก้ว!
เมื่อเห็นหน้าหลีถิง หลีเอียนก็ปั้นหน้าขรึม แล้วหันไปไม่สนใจอีกฝ่ายทันทีสายตาของเย่เฟิงเองก็มองไปที่หินหยกพวกนั้น ขี้เกียจสู้ฝีปากกับผู้หญิงคนหนึ่งเวินเสี่ยวเหมิงและจางเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว จางเฉิงเฟิงถามเย่เฟิงว่า “พี่เย่ ใครเหรอครับ?”“น้องเมียน่ะ ไม่ต้องสนใจ”เย่เฟิงโบกมือ“แหวะ! ใครเป็นน้องเมียแกไม่ทราบ หน้าด้าน! คิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยตระกูลหลีจริงๆ หรือไง?”หลีถิงถ่มน้ำลายอย่างไม่พอใจทันใดนั้น วัยรุ่นที่เวินต้าควงดูแลอยู่คนนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเขามองหลีเอียนด้วยสายตาตกตะลึงก่อน แล้วค่อยๆ หันไปมองเย่เฟิงพลางพูดกับหลีถิงว่า “คนนี้คือลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีของพวกคุณน่ะเหรอ?”“นี่ พวกแกพูดจาระวังหน่อย! ห้ามพูดแบบนี้กับคุณเย่นะ!”เวินเสี่ยวเหมิงตักเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พ่อคะ คุณลุง คุณน้าสองคนนี้นิสัยไม่ดีเลย!”นั่วนั่วเบะปาก สะกิดมือเย่เฟิง แล้วพูดขึ้นเบาๆ“ไม่เป็นไร เราไม่ต้องสนใจพวกเขา ถือซะว่าหมาเห่าแล้วกันเนอะ”เย่เฟิงยิ้มแย้ม แล้วอุ้มนั่วนั่วขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของวัยรุ่นคนนั้นดูไม่ดีในทันใด เขาชี้ด่าเย่เฟิงว่า “ไอ้หน้าขาว แกว่าใครเป็นหมา? ไอ้คนไร้ประโย
เวินต้าควงไม่สนใจปัญหาของคนอื่นๆ สนใจแค่คุณภาพของสินค้าล็อตนี้เท่านั้น“ไม่มีปัญหาครับ! หินหยกพวกนี้เป็นหยกชั้นดีทั้งนั้น มีโอกาสผ่าเจอหยกเขียวสูงมาก ประธานเวินวางใจซื้อได้เลยครับ”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พยักหน้า แล้วพูดอย่างมั่นใจเมื่อได้ยินดังนั้น เวินต้าควงก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าจากนั้นทันใดนั้นเอง เย่เฟิงกลับพูดแทรกขึ้น แล้วพูดคำพูดที่ทำผู้อื่นตกใจว่า“ผมว่าประธานเวินไม่ต้องซื้อของล็อตนี้หรอกครับ! หินพวกนี้เป็นแค่ขยะทั้งนั้น!”สิ้นเสียง ทุกคนพลันตกตะลึง แล้วมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าตกใจ“พูดเหี้*อะไร!”จากนั้น กัวอี้หมิงก็สบถคำด่าออกมา“เย่เฟิง นายอิจฉาอี้หมิงที่เขาเก่งกว่านาย ก็เลยใช้วิธีนี้ทำลายเขาใช่ไหม? ตาสุนัขของนายนั่นจะแยกหินชั้นดีกับหินชั้นต่ำออกเหรอ?”หลีถิงด่าด้วยวาจาเยาะเย้ยส่วนท่านเซี่ยตาสวรรค์แค่นเสียงเย็นชาออกมา แต่แฝงด้วยน้ำโกรธ “นี่ ไอ้หนุ่ม ข้าวน่ะกินมั่วซั่วได้ แต่คำพูดน่ะห้ามมั่วซั่วเด็ดขาด! นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าฉันหลอกประธานเวินงั้นเหรอ?”เวินต้าควงพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ไอ้หนุ่ม นายมาก่อเรื่องงั้นเหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็หัน
เมื่อได้ยินเย่เฟิงตอบตกลงทันที ท่านเซี่ยตาสวรรค์ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะ "ไอ้หนุ่ม ดูเหมือนว่านายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นะ! หยุดดื้นรั้นได้แล้ว ถ้านายสำนึกผิดกับฉันตอนนี้ และยอมรับว่านายพูดจาไร้สาระ ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย!”“ไอ้โง่ หินชิ้นนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นสีเขียว! คนไร้ประโยชน์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยยังกล้าสู้กับอาจารย์เซี่ยอีก!”หลี่ถิงหัวเราะและเย้ยหยัน“ฉายาตาสวรรค์ของอาจารย์เซี่ย นายคิดว่าเขาได้มาฟรีๆ หรือไง? อย่าว่าแต่อาจารย์เซี่ยเลย คนที่มีความรู้หน่อย ก็มองออกว่าหินชิ้นนี้มีแต่ได้ ไม่ขาดทุนคนไม่มีการศึกษานี่มันน่ากลัวจริงๆ ฮ่าๆ..."กัวอี้หมิงยิ้มและส่ายหัวเช่นกัน“ความรู้ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก! ไม่ใช่แค่หินก้อนนี้เท่านั้นนะ แต่หินหยกก้อนอื่นๆ ในล็อตนี้ทุกก้อน ฉันก็กล้าพนันให้เขาหมดตัว!”เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหลีเอียนเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาคู่งามในความเห็นของเธอ หินหยกก้อนนี้ต้องเป็นสีเขียวแน่นอน แต่ในเมื่อเย่เฟิงมั่นใจขนาดนี้ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรใดๆเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลีเอียนได้เห็นความอัศจรรย์จากตัวผู้
เวลานี้ เวินต้าควงสั่งให้คนนำหินยกไปวางบนเครื่องผ่าหิน กำลังเตรียมจะผ่าหินเย่เฟิงพูดอย่างมั่นใจว่าของล็อตนี้เป็นขยะ เวินต้าควงเองก็อยากรู้สั่งสอนวัยรุ่นคนนี้เหมือนกันเพราะยังไงหินก้อนนี้ เขาไม่ต้องเสียเงินจ่ายเองอยู่แล้ว เพียงแค่ออกแรงคนและอุปกรณ์เท่านั้น“ทั้งสองคน อยากผ่ายังไงดีครับ?”คนผ่าหินเอ่ยถาม“ผ่าจากเส้นนี้ แล้วก็ค่อยๆ ถู!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์ใช้ช็อกวาดแล้วกล่าว“ผมว่า ผ่าตรงกลางโต้งๆ ไปเลยดีกว่า เสียเวลา!”เย่เฟิงเบะปาก แล้วกล่าวอย่างหมดความอดทนเมื่อได้ยินแบบนั้น หลีถิงก็ถ่มน้ำลายใส่ พูดว่า “นี่คนแซ่เย่ นายรู้ไหมว่าตัวเองต้องแพ้แน่ๆ ไม่ยอมทำแทนอาจารย์เซี่ย ก็เลยคิดจะทำลายหินก้อนนี้ใช่ไหม?”“นี่วัยรุ่น อย่าคิดอะไรไม่ดีสิ!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พูดด้วยเสียงเย็นชาแต่เวินต้าควงกลับขมวดคิ้ว สายตาที่มองเย่เฟิงยิ่งดูไม่พอใจรู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้ไม่เพียงแต่ชอบทำเรื่องใหญ่โต พูดจาโอ้อวด แต่ยังมีความคิดไม่ดีอีกด้วย“อย่าไปฟังเขา อาจารย์เซี่ยว่ายังไงก็อย่างนั้น!”กัวอี้หมิงหัวเราะแห้ง แล้วพูดกับคนผ่าหินคนผ่าหินทั้งสองคนพยักหน้า แล้วเริ่มผ่าหินตามรอยเส้นนั้นโดยไม่สนใจเย่เ
ก่อนหน้านี้เป่ยเหล่าเคยบอกกับฉู่เทียนหลงว่า หมอเทวดาที่จะมารักษาเขานั้นไม่เพียงแค่เก่งเรื่องการแพทย์ แต่ยังมีฝีมือในวิชาต่อสู้ที่น่าทึ่งในสายโทรศัพท์เมื่อครู่ เป่ยเหล่าก็พูดถึงเรื่องนี้กับฉู่เทียนหลงอีกครั้งอย่าง “มีนัย”ทันใดนั้น ฉู่เทียนหลงก็รู้สึกถึงความหวังที่จะกำจัดเย่เฟิงอีกครั้ง!หมอเทวดาที่สามารถต่อกรกับมหาปรมาจารย์ทั้งสี่?คนระดับนี้ การฆ่าเย่เฟิงคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรดังนั้นตอนนี้ ฉู่เทียนหลงจึงกลับมามีท่าทีไร้ยางอายอีกครั้ง!เขาถึงขั้นวางแผนว่าหลังจากคุณปู่พาหมอเทวดามาแล้ว จะโทรเรียกเย่เฟิงมาเพื่อจัดการเขาให้ตายตรงนี้ท่าทีบ้าคลั่งและมั่นใจเกินเหตุของฉู่เทียนหลง ทำให้หลีเอียนมองเขาด้วยความไม่แน่ใจและตกใจอะไรนะ?ฉู่เทียนหลงยังมีทางหายอดฝีมือแบบนี้ได้อีกเหรอ?“ฉู่เทียนหลง ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ถ้าแกกล้าทำร้ายเย่เฟิง ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่ ถึงจะเป็นผีก็ไม่เว้น!”หลีเอียนกัดฟันด่าออกมา“ฮ่าๆๆ รอให้ไอ้หน้าขาวตาย แล้วเธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน เธอจะเปลี่ยนใจเอง”ฉู่เทียนหลงยิ้มกว้างด้วยความลำพองใจทันใดนั้น เขากลืนน้ำลายอีกครั้ง มองหลีเอียนด้วยแววตาเร่าร้อนและกระหายคุณชาย
เขาเพิ่งให้คนพาหลีเอียนไปที่ห้องนอน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเป่ยเหล่า“คุณปู่ โทรมาหาผมเวลานี้มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เทียนหลงปรับลมหายใจแล้วรับสาย ถามด้วยความแปลกใจ“แกอยู่ไหน? ถึงหยุนเฉิงแล้วใช่ไหม? ฉันจะพาหมอเทวดาไปหาเดี๋ยวนี้เลย!”เป่ยเหล่าพูดเสียงต่ำ พยายามคุมโทนเสียงให้นิ่งที่สุด“ห๊ะ? นี่มันจะตีสี่แล้วนะครับ คุณปู่จะพาหมอเทวดามาตอนนี้?”ฉู่เทียนหลงชะงักไปครู่หนึ่ง ถามด้วยสีหน้าสงสัย“แกไม่เข้าใจหรอก! หมอเทวดาบอกแล้วว่า ข้อบกพร่องด้านนี้ของแก จำเป็นต้องอาศัยการปรับสมดุลหยินหยาง! ดังนั้นจึงต้องรักษาตอนพระอาทิตย์ขึ้น ช่วงเวลาที่กลางวันกับกลางคืนสลับกัน!ถ้าไม่มาช่วงนี้ แล้วจะมาช่วงไหน?แกอยู่หยุนเฉิงหรือยัง? ถ้ายัง ก็รีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย เผื่อจะทันเวลา!ไม่งั้นก็ต้องเลื่อนไปอีกวัน!”เป่ยเหล่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดต้องยอมรับว่าเป่ยเหล่าหาเหตุผลมาได้แนบเนียนจนฟังดูน่าเชื่อถือเมื่อฉู่เทียนหลงได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่คิดจะสงสัยอะไร นอกจากรู้สึกคาดหวังและตื่นเต้น“ถึงแล้วครับ ถึงแล้ว!”“งั้นปู่รีบพาหมอเทวดามาเลยนะครับ ผมอยู่ที่…”เขารีบให้ที่อยู่กับคุณปู่ของเขาจากนั้นสอง
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เทียนหลง สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันทีหลีเอียน!เธอถูกจับตัวไปโดยฉู่เทียนหลงด้วยอย่างนั้นเหรอ?“ไอ้สารเลว! นายจะทำอะไรหลีเอียน?”“ฉันบอกไว้เลย ถ้านายแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว ฉันจะทำให้นายไม่มีที่ฝังศพแน่!”ฉู่เทียนหลงหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง ความบิดเบี้ยวในจิตใจที่เกิดจากปมด้อยในวัยเด็กทำให้เขามีความต้องการแก้แค้นที่รุนแรงขึ้นแม้จะได้เห็นถึงพลังอันน่าสะพรึงของเย่เฟิงแล้ว แต่แทนที่ฉู่เทียนหลงจะหวาดกลัว เขากลับยิ่งมีความต้องการแก้แค้นที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม“ฮ่าๆๆ...งั้นเหรอ? มาสิ! มาฆ่าฉันเลย!”“นายอยู่ที่ไหน? บอกมา!”เย่เฟิงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน“นายคิดว่าฉันจะบอกเหรอ? ลองหาเอาเองละกัน!ถ้าหาฉันไม่เจอก่อนที่ฉันจะเล่นสนุกกับหลีเอียน...ก็เสียใจด้วยนะ ฮ่าๆๆ!”ฉู่เทียนหลงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งพูดจบก็วางสายทันทีเย่เฟิงยืนนิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก่อนจะหันไปจ้องลูกน้องของฉู่เซียวคนหนึ่งที่กำลังร้องโอดครวญเพราะขาหักขาของชายคนนั้นถูกทำลายจนใช้การไม่ได้ เขากำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ทันทีที่สายตาเย็นยะเยือกของเย่เฟิงจ้องมาที
ยันต์สังหารผืนนั้น นายเป็นคนโง่ที่ขายออกไปเอง!นายคงคิดไม่ถึงใช่ไหม มันสามารถปลดปล่อยพลังระดับจอมยุทธ์ได้!นายจะต้องตายในมือของสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น! นายจะต้องตายอย่างน่าสมเพช!”ฉู่เซียวพูดด้วยความมั่นใจ แต่เย่เฟิงแค่นเสียงเยาะ พร้อมกับส่ายหัว “ไอ้โง่! ในสายตานาย จอมยุทธ์คงเป็นที่สุดของพลังแล้วใช่ไหม?”ฉู่เซียวตะโกนลั่น “ตายซะ!”เขาฉีกยันต์ในมือออกทันทีตัวอักษร ‘ปราบ’ บนยันต์เรืองแสงขึ้นทันที พลังอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมา ตัวอักษรนั้นก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างชัดเจน ก่อนพุ่งเข้าใส่เย่เฟิง“ตายซะ!”ฉู่เทียนหลงที่ดูผ่านหน้าจอคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้นทนายลวีมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมและคาดหวัง “ตายซะ เย่เฟิง!”แต่ในชั่วพริบตาถัดมา รอยยิ้มของพวกเขาก็แข็งค้างปัง!เย่เฟิงยื่นหมัดออกไปต้านรับตัวอักษร "ปราบ" ที่พุ่งเข้าใส่พลังที่สะสมไว้แปรเปลี่ยนเป็นละอองพลังงานและสลายหายไปในอากาศถูกเย่เฟิงจัดการในหมัดเดียว!ฉู่เซียวตาค้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่เชื่อ ก่อนความตื่นตระหนกจะครอบงำจิตใจ“นาย…นายทำได้ยังไง…”เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะ พร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“นายรู้
โครม! โครม! โครม…ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงเย่เฟิงใช้มือข้างหนึ่งอุ้มนั่วนั่วไว้อย่างมั่นคง ส่วนอีกมือหนึ่งจับแขนของฉู่สยง ก่อนจะเหวี่ยงร่างของเขาลงกับพื้นอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับกำลังเหวี่ยงถุงผ้าที่ไร้ค่าฉู่เซียวและลูกน้องที่ยืนมองอยู่ถึงกับอึ้งค้าง เช่นเดียวกับฉู่เทียนหลงและทนายลวีที่เฝ้าดูจากหน้าจอหลีเอียนซึ่งก่อนหน้านี้ยังมองหน้าจอด้วยความกังวล ตอนนี้ถอนหายใจโล่งอก และหันไปมองฉู่เทียนหลงด้วยสายตาเย้ยหยัน“นายให้ฉันดูอะไรล่ะ? วิธีที่คนของนายตายอย่างน่าสมเพชงั้นเหรอ?”“ฮึ! ตายได้อนาถจริงๆ!”หลีเอียนกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันฉู่เทียนหลงหันมาจ้องหลีเอียนด้วยดวงตาแดงก่ำ พร้อมคำรามเสียงดัง “มันเป็นไปได้ยังไง! ทำไมถึงเป็นแบบนี้! ทำไม!”ทนายลวีที่เช็ดเหงื่อพลางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณชายอย่ากังวลไป! แม้ฉู่สยงจะแพ้ แต่เรายังมี ยันต์สังหาร ที่อยู่ในมือฉู่เซียว! ยันต์นี้สามารถปลดปล่อยพลังระดับจอมยุทธ์ได้ ต้องฆ่าเย่เฟิงได้แน่!”เมื่อได้ยิน ฉู่เทียนหลงตั้งสติและพยักหน้าอย่างดุดัน “ใช่! ยันต์สังหารจะจัดการไอ้เวรเย่เฟิงได้!”“หลีเอียน ดูไว้ให้ด
เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เย่เฟิงตระหนักว่า เขาไม่ควรปกป้องนั่วนั่วจากความโหดร้ายของโลกจนเกินไป ไม่ควรทำให้เธอใช้ชีวิตใน "ภาพลวงตา" ของสังคมที่งดงามลูกสาวของเขา อาจเกิดมาเพื่อเผชิญกับความยากลำบากมากมายคำสาปที่อยู่ในตัวเธอ อาจกลับมาสร้างปัญหาได้ในอนาคตในฐานะพ่อ เขาจะต้องต่อสู้เพื่อคลายคำสาปนั้นให้เธอ และเพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ของตัวเอง ไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเย่โบราณที่ยิ่งใหญ่แม้เย่เฟิงจะมุ่งมั่น แต่เขาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจุดจบของตัวเองจะเป็นอย่างไรในท้ายที่สุด นั่วนั่วต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง บางทีอาจถึงขั้นต้องเผชิญกับความตายอีกครั้งดังนั้น แม้เขาจะรักและสงสารเธอมากแค่ไหน แต่เย่เฟิงก็ตัดสินใจว่า จากนี้ไป เขาต้องสอนให้ลูกสาวเข้าใจถึงความโหดร้ายของโลก และเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งขึ้น!นั่วนั่วปาดน้ำตาออกจากแก้ม และพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น “ค่ะ นั่วนั่วไม่กลัว! พ่อจ๋าสู้ๆ จัดการพวกคนเลวให้หมดเลย!”“โอเค! แต่ลูกต้องปิดตาไว้ก่อน โอเคไหม?”เย่เฟิงพูดพร้อมยิ้ม“ค่ะ!”นั่วนั่วตอบรับด้วยเสียงใส แล้วซบหน้าลงบนไหล่ของเย่เฟิงและปิดตาลง“โถๆ ช่างเป็นภาพที่อบอุ่
หลังได้รับคำสั่งจากฉู่เทียนหลง ฉู่เซียวพูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่เฟิง อย่าเอาครอบครัวมาเกี่ยว! เราจะปล่อยลูกสาวของนาย แล้วนายก็ปล่อยตัวเซียงเซียงกลับมา ตกลงไหม?”เย่เฟิงยิ้มเยาะ “นายก็รู้นี่ว่าครอบครัวไม่ควรมาเกี่ยวข้อง! ดี งั้นก็แลกตัวประกันกัน พวกนายปล่อยลูกสาวของฉันก่อน!”“นายปล่อยคุณชายเซียงก่อน!”ฉู่เซียวขมวดคิ้วพูด“ฉันบอกแล้ว ปล่อยลูกสาวของฉันก่อน!”เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขณะที่การสนทนาเต็มไปด้วยความตึงเครียด เด็กชายเซียงเซียงที่อยู่ในมือของเย่เฟิงเริ่มร้องไห้โวยวายด้วยความกลัวในขณะที่นั่วนั่วกลับเงียบสนิท ไม่พูดอะไรแต่ในแววตาของนั่วนั่วที่มองพ่อ มีประกายแห่งความหวังปรากฏขึ้นในความหวาดกลัวแม้นั่วนั่วจะอายุเพียงห้าขวบ แต่ด้วยประสบการณ์จากความเจ็บป่วยและการแยกทางของพ่อแม่ เธอเรียนรู้ที่จะเข้าใจโลกมากกว่าเด็กทั่วไปเธอรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งในเวลานี้“ปล่อยเด็กคนนั้นซะ!”ฉู่เทียนหลงกัดฟันพูดผ่านโทรศัพท์ด้วยความไม่พอใจ“แต่ถ้าปล่อยลูกสาวเขาก่อน แล้วเย่เฟิงยังจับเซียงเซียงเป็นตัวประกัน เราจะไม่สามารถแตะต้องเขาได้”ฉู่เซียวลังเล“ฉันบอกให้ปล่อย ก็ปล่อย
“หืม? ฉันบอกให้แกตัดเอ็นขาตัวเองก่อน แกได้ยินไหม?”“หรือว่าแกอยากให้ลูกสาวแกตาย?”ฉู่เซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเย่เฟิงแค่นเสียง ก่อนจะยกเด็กชายที่เขาถืออยู่ขึ้นมา และเผยให้ทุกคนเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นทันใดนั้น รอยยิ้มเย้ยหยันของฉู่เซียวก็แข็งค้างไป ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความตกใจและความสงสัย“นี่มัน…นี่มัน…”เขาจ้องเด็กชายคนนั้นด้วยสายตาไม่แน่ใจ“ไม่รู้จักเหรอ?”เย่เฟิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะยกเด็กชายขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับหันไปทางกล้องวงจรปิด “นายไม่รู้จัก คุณชายของนายที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่รู้จักเหรอ? ฮึ?”จากคำว่า “คุณชาย” ที่ฉู่เซียวพูดก่อนหน้านี้ ทำให้เย่เฟิงมั่นใจว่าเขาคาดเดาไม่ผิด แม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อฉู่เทียนหลงออกมาตรงๆในอีกด้านหนึ่ง ฉู่เทียนหลงที่กำลังจ้องหน้าจออยู่ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กชายคนนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีซีดทันที“เซียงเซียง!”“เย่เฟิง! ไอ้เวรเอ๊ย!”“แกกล้าจับตัวเซียงเซียงเหรอ!”ฉู่เทียนหลงตะโกนด่าด้วยความโกรธจัด และเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเย่เฟิงจ้องมองกล้องด้วยสายตาเยือกเย็น “ฉู่เทียนหลง ฉันรู้อยู่แ
ในขณะเดียวกัน ฉู่เทียนหลงและทนายลวีกำลังนั่งอยู่ในบ้านพัก มองภาพในหน้าจอโน้ตบุ๊กด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมในภาพ หลีเอียนถูกมัดติดกับเตียงจนแทบขยับตัวไม่ได้ใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง“ฉู่เทียนหลง ไอ้สารเลว! นายต้องการอะไร? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”“ฉันรับรองว่าถ้านายกล้าแตะต้องฉันแค่ปลายเส้นผม เย่เฟิงจะกลับมาฆ่านายแน่!”หลีเอียนตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อได้ยิน ฉู่เทียนหลงหัวเราะในลำคอ ส่วนทนายลวีก็ยิ้มเยาะจากนั้น ฉู่เทียนหลงก็เดินถือโน้ตบุ๊กมาวางไว้ข้างหัวของหลีเอียน“ยังคิดหวังพึ่งไอ้หน้าขาวนั่นอีกเหรอ? มาสิ ดูให้เต็มตา ฮ่าๆๆ…”“ดูมันสิ ไอ้หน้าขาวนั่นหมดทางสู้ขนาดไหน!”พูดจบ เขากระชากผมหลีเอียนอย่างแรง พร้อมกับแค่นเสียง “นังแพศยา ไอ้หน้าขาวนั่นจบเห่แล้ว! ลูกสาวของมันอยู่ในมือฉัน ฉันอยากให้มันตายยังไง มันก็ต้องตายแบบนั้น!”เมื่อหลีเอียนเห็นภาพในหน้าจอ เธอถึงกับตัวสั่นและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพื่อสนองความบ้าคลั่งของฉู่เทียนหลง โรงงานเคมีร้างนั้นติดตั้งกล้องความละเอียดสูงพร้อมระบบส่งเสียง ทำให้หลีเอียนเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเธอเห็นนั่วนั่วถูกฉู่เซียวจับตัว