เพราะทั้งสองคนนี้ก็มีปัญหากับตนเหมือนกัน ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่ได้คิดไปในแง่บวกหลีเอียนเองก็สำรวจมองทั้งสอง แล้วถามว่า “คุณหนูเวินมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”ทุกคนล้วนแต่เป็นคนหยุนเฉิง ถึงแม้หลีเอียนกับเวินเสี่ยวเหมิงจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ก็รู้จักลูกสาวของเวินซื่อจิวเวลรี่กรุ๊ป“พี่หลีคะ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ! แค่…พวกเราอยากเลี้ยงข้าวคุณเย่หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกไหมคะ?”เวินเสี่ยวเหมิงยิ้มแย้มสิ้นเสียง เย่เฟิงทำหน้าแปลกๆ “เลี้ยงข้าวผม?”“ใช่ครับ! คุณเย่ ผมจริงใจนะครับ ไว้หน้าผมสักครั้งนะครับ?”จางเฉิงเฟิงพยักหน้า แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า20 นาทีผ่านไป ณ ร้านอาหารซานตงที่มีเอกลักษณ์แห่งหนึ่งจางเฉิงเฟิงรินเหล้าให้กับเย่เฟิงแก้วหนึ่ง“คุณเย่ครับ เห็นคุณปลอดภัยหายห่วงแบบนี้ ผมดีใจมากจริงๆ ครับ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็ส่งเสียง ‘โอ๋?’ ออกมา “หมายความว่าไงครับ? นี่คือการข่มขู่อ้อมๆ หรือเปล่าครับเนี่ย?”“ไม่ครับๆ! ไม่ใช่! ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”จางเฉิงเฟิงรีบโบกมือปฏิเสธ แล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณเย่ครับ ก่อนหน้านี้คุณถูกเว่ยเหล่าหู่หลอกไปใช่ไหมครับ? แล้วผู้บัญชาการม
ผมดื่มหมดแก้วนะครับ!”พูดจบ จางเฉิงเฟิงก็ชนแก้วกับเย่เฟิงเบาๆ แล้วกัดฟันดื่มลงไปหมดแก้วหลังจากดื่มหมด หน้าของเขาก็แดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นสีหน้าเจ็บปวดเขารู้สึกว่าทางเดินอาหารของตัวเองเหมือนถูกมีดกรีดอย่างไรอย่างนั้นเวินเสี่ยวเหมิงเห็นดังนั้น ก็ร้อนใจจนน้ำตาคลอเบ้าและเลิ่กลั่กไปมา “เฉิงเฟิง คุณเป็นยังไงบ้าง?”เย่เฟิงเองก็ยกแก้วดื่มจนหมด แล้วยื่นมือไปหาจางเฉิงเฟิงจางเฉิงเฟิงสีหน้าไม่ดีจนชักเกร็ง แต่ก็ยังยื่นมือออกไปจับมือเย่เฟิง“คุณชายจาง ต่อไปขอฝากตัวด้วยนะครับ!”เย่เฟิงพูดยิ้มแย้มจางเฉิงเฟิงอยากจะฝืนยิ้ม แต่วินาทีต่อมากลับต้องเบิกตาโตกว้างเขารู้สึกถึงความร้อนที่แพร่เข้ามาในร่างกายจากมือขวาของเขา และกำลังฟื้นฟูบาดแผลของเขาทางเดินอาหารที่รู้สึกร้อนผ่าวแต่เดิม ตอนนี้กลับรู้สึกคันยิบๆ และสบายอย่างบอกไม่ถูก“คุณเย่…ขอบคุณมากครับ+.หนึ่งนาที่ต่อมา จางเฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อยสีหน้าย่ำแย่บนใบหน้าจางหายไปจนหมด เสียงก็ไม่แหบซ่าเหมือนก่อน“หมดแก้ว!”เย่เฟิงรินเหล้าจนเต็มแก้วให้กับตนและจางเฉิงเฟิงอีกครั้ง พร้อมยกแก้วขึ้น“หมดแก้ว!
เมื่อเห็นหน้าหลีถิง หลีเอียนก็ปั้นหน้าขรึม แล้วหันไปไม่สนใจอีกฝ่ายทันทีสายตาของเย่เฟิงเองก็มองไปที่หินหยกพวกนั้น ขี้เกียจสู้ฝีปากกับผู้หญิงคนหนึ่งเวินเสี่ยวเหมิงและจางเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว จางเฉิงเฟิงถามเย่เฟิงว่า “พี่เย่ ใครเหรอครับ?”“น้องเมียน่ะ ไม่ต้องสนใจ”เย่เฟิงโบกมือ“แหวะ! ใครเป็นน้องเมียแกไม่ทราบ หน้าด้าน! คิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยตระกูลหลีจริงๆ หรือไง?”หลีถิงถ่มน้ำลายอย่างไม่พอใจทันใดนั้น วัยรุ่นที่เวินต้าควงดูแลอยู่คนนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเขามองหลีเอียนด้วยสายตาตกตะลึงก่อน แล้วค่อยๆ หันไปมองเย่เฟิงพลางพูดกับหลีถิงว่า “คนนี้คือลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีของพวกคุณน่ะเหรอ?”“นี่ พวกแกพูดจาระวังหน่อย! ห้ามพูดแบบนี้กับคุณเย่นะ!”เวินเสี่ยวเหมิงตักเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พ่อคะ คุณลุง คุณน้าสองคนนี้นิสัยไม่ดีเลย!”นั่วนั่วเบะปาก สะกิดมือเย่เฟิง แล้วพูดขึ้นเบาๆ“ไม่เป็นไร เราไม่ต้องสนใจพวกเขา ถือซะว่าหมาเห่าแล้วกันเนอะ”เย่เฟิงยิ้มแย้ม แล้วอุ้มนั่วนั่วขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของวัยรุ่นคนนั้นดูไม่ดีในทันใด เขาชี้ด่าเย่เฟิงว่า “ไอ้หน้าขาว แกว่าใครเป็นหมา? ไอ้คนไร้ประโย
เวินต้าควงไม่สนใจปัญหาของคนอื่นๆ สนใจแค่คุณภาพของสินค้าล็อตนี้เท่านั้น“ไม่มีปัญหาครับ! หินหยกพวกนี้เป็นหยกชั้นดีทั้งนั้น มีโอกาสผ่าเจอหยกเขียวสูงมาก ประธานเวินวางใจซื้อได้เลยครับ”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พยักหน้า แล้วพูดอย่างมั่นใจเมื่อได้ยินดังนั้น เวินต้าควงก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าจากนั้นทันใดนั้นเอง เย่เฟิงกลับพูดแทรกขึ้น แล้วพูดคำพูดที่ทำผู้อื่นตกใจว่า“ผมว่าประธานเวินไม่ต้องซื้อของล็อตนี้หรอกครับ! หินพวกนี้เป็นแค่ขยะทั้งนั้น!”สิ้นเสียง ทุกคนพลันตกตะลึง แล้วมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าตกใจ“พูดเหี้*อะไร!”จากนั้น กัวอี้หมิงก็สบถคำด่าออกมา“เย่เฟิง นายอิจฉาอี้หมิงที่เขาเก่งกว่านาย ก็เลยใช้วิธีนี้ทำลายเขาใช่ไหม? ตาสุนัขของนายนั่นจะแยกหินชั้นดีกับหินชั้นต่ำออกเหรอ?”หลีถิงด่าด้วยวาจาเยาะเย้ยส่วนท่านเซี่ยตาสวรรค์แค่นเสียงเย็นชาออกมา แต่แฝงด้วยน้ำโกรธ “นี่ ไอ้หนุ่ม ข้าวน่ะกินมั่วซั่วได้ แต่คำพูดน่ะห้ามมั่วซั่วเด็ดขาด! นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าฉันหลอกประธานเวินงั้นเหรอ?”เวินต้าควงพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ไอ้หนุ่ม นายมาก่อเรื่องงั้นเหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็หัน
เมื่อได้ยินเย่เฟิงตอบตกลงทันที ท่านเซี่ยตาสวรรค์ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะ "ไอ้หนุ่ม ดูเหมือนว่านายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นะ! หยุดดื้นรั้นได้แล้ว ถ้านายสำนึกผิดกับฉันตอนนี้ และยอมรับว่านายพูดจาไร้สาระ ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย!”“ไอ้โง่ หินชิ้นนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นสีเขียว! คนไร้ประโยชน์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยยังกล้าสู้กับอาจารย์เซี่ยอีก!”หลี่ถิงหัวเราะและเย้ยหยัน“ฉายาตาสวรรค์ของอาจารย์เซี่ย นายคิดว่าเขาได้มาฟรีๆ หรือไง? อย่าว่าแต่อาจารย์เซี่ยเลย คนที่มีความรู้หน่อย ก็มองออกว่าหินชิ้นนี้มีแต่ได้ ไม่ขาดทุนคนไม่มีการศึกษานี่มันน่ากลัวจริงๆ ฮ่าๆ..."กัวอี้หมิงยิ้มและส่ายหัวเช่นกัน“ความรู้ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก! ไม่ใช่แค่หินก้อนนี้เท่านั้นนะ แต่หินหยกก้อนอื่นๆ ในล็อตนี้ทุกก้อน ฉันก็กล้าพนันให้เขาหมดตัว!”เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหลีเอียนเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาคู่งามในความเห็นของเธอ หินหยกก้อนนี้ต้องเป็นสีเขียวแน่นอน แต่ในเมื่อเย่เฟิงมั่นใจขนาดนี้ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรใดๆเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลีเอียนได้เห็นความอัศจรรย์จากตัวผู้
เวลานี้ เวินต้าควงสั่งให้คนนำหินยกไปวางบนเครื่องผ่าหิน กำลังเตรียมจะผ่าหินเย่เฟิงพูดอย่างมั่นใจว่าของล็อตนี้เป็นขยะ เวินต้าควงเองก็อยากรู้สั่งสอนวัยรุ่นคนนี้เหมือนกันเพราะยังไงหินก้อนนี้ เขาไม่ต้องเสียเงินจ่ายเองอยู่แล้ว เพียงแค่ออกแรงคนและอุปกรณ์เท่านั้น“ทั้งสองคน อยากผ่ายังไงดีครับ?”คนผ่าหินเอ่ยถาม“ผ่าจากเส้นนี้ แล้วก็ค่อยๆ ถู!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์ใช้ช็อกวาดแล้วกล่าว“ผมว่า ผ่าตรงกลางโต้งๆ ไปเลยดีกว่า เสียเวลา!”เย่เฟิงเบะปาก แล้วกล่าวอย่างหมดความอดทนเมื่อได้ยินแบบนั้น หลีถิงก็ถ่มน้ำลายใส่ พูดว่า “นี่คนแซ่เย่ นายรู้ไหมว่าตัวเองต้องแพ้แน่ๆ ไม่ยอมทำแทนอาจารย์เซี่ย ก็เลยคิดจะทำลายหินก้อนนี้ใช่ไหม?”“นี่วัยรุ่น อย่าคิดอะไรไม่ดีสิ!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์พูดด้วยเสียงเย็นชาแต่เวินต้าควงกลับขมวดคิ้ว สายตาที่มองเย่เฟิงยิ่งดูไม่พอใจรู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้ไม่เพียงแต่ชอบทำเรื่องใหญ่โต พูดจาโอ้อวด แต่ยังมีความคิดไม่ดีอีกด้วย“อย่าไปฟังเขา อาจารย์เซี่ยว่ายังไงก็อย่างนั้น!”กัวอี้หมิงหัวเราะแห้ง แล้วพูดกับคนผ่าหินคนผ่าหินทั้งสองคนพยักหน้า แล้วเริ่มผ่าหินตามรอยเส้นนั้นโดยไม่สนใจเย่เ
“บังเอิญ เป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ! หินล็อตนี้เป็นหินชั้นดีทั้งนั้นนี่!”ท่านเซี่ยตาสวรรค์ปาดเหงื่อ ต่อหน้าน้ำเสียงไม่เชื่อใจของเวินต้าควง ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่ดี“ใช่ แค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ มีแค่ก้อนนี้ที่เป็นแบบนี้เท่านั้นแหละ หินหยกเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้อยู่แล้ว! ลุงเวิน หินล็อตนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน!”กัวอี้หมิงแก้ต่างอย่างร้อนรนเมื่อครู่นี้เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อใจได้จากสายตาของเวินต้าควงที่มองมาที่ตนแล้ว“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว อาจารย์เซี่ยจ่ายเงินก่อนแล้วกัน เงินสิบล้านซื้อหินแย่ๆ หนึ่งก้อน อาจารย์เซี่ยนี่ใจป้ำจริงๆ”ทันใดนั้น จางเฉิงเฟิงพูดเย้ยหยันขึ้นตอนนี้เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเย่เฟิงแล้ว คนพวกนี้รวมหัวกันกลั่นแกล้งพี่เย่แบบนี้ เขาอดทนมาตั้งนานแล้ว“นั่นน่ะสิ จ่ายเงินมาเลย! ทั้งอาจารย์ ทั้งหินแย่ๆ อะไรนั่นคืออะไรกัน? กัวอี้หมิง นายตั้งใจจะมาหลอกพ่อฉันใช่ไหม?”เวินเสี่ยวเหมิงเบะปากถาม“มั่ว! นี่มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น! อีกอย่าง เงินนี้ยังไงก็ต้องจ่ายให้ฉันอยู่แล้ว พวกเธอจะร้อนใจทำไม?”กัวอี้หมิงหน้าแดงก่ำ แล้วหันไปพูดกับท่านเซี่ยตาสวรรค์ “อาจารย์เซี่ย ผมไม่
พูดจบ เขาก็มองไปที่เย่เฟิง “พนันต่อ! ฉันจะพนันกับนายเอง ตาละสิบล้าน! ผ่าก้อนนี้แหละ ฉันไม่เชื่อหรอก!”กัวอี้หมิงเลือกหินขนาดเท่าหัวมนุษย์มาก้อนหนึ่ง ดูจากภายนอกแล้วมีสีเขียวมรกตแฝงอยู่เหมือนกัน“โอเค! ต่อ”เย่เฟิงรับเงินจากท่านเซี่ยตาสวรรค์มา แล้วพยักหน้ายิ้มๆเงินที่ได้มาฟรีๆ จะไม่รับไว้ได้ยังไง?ไม่กี่นาทีผ่านไป…ทุกคนมองไปที่หินหยกที่ถูกผ่าเป็นชิ้นๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ!กัวอี้หมิงหน้าถอดสี ท่านเซี่ยตาสวรรค์สงสัยในชีวิต หลีถิงเองก็สีหน้าดูไม่ได้เช่นกันเวินเสี่ยวเหมิงและจางเฉิงเฟิงสบตากัน แต่ก็สามารถมองเห็นความสะท้านได้จากสายตานั้นพี่เย่พูดถูกจริงๆ ด้วย หินพวกนี้เป็นหินแย่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้นเหรอเนี่ย?“พ่อคะ ที่แท้พ่อไม่ใช่จูปาเจี้ย แต่เป็นซุนหงอคงต่างหาก! แบร่ๆๆ…”เสี่ยวนั่วนั่วส่งเสียงหัวเราะเหมือนเสียงกระดิ่งเงินออกมา แล้วปรบมือพูดเย่เฟิงหมดคำจะพูด แล้วลูบจมูกของลูกสาวอย่างเอ็นดู “พ่อไม่ใช่จูปาเจี้ยอยู่แล้ว”“เหล่าหลี่ รบกวนพวกนายหน่อย ช่วยผ่าหินพวกนี้ให้หมดซะ ผ่าจากตรงกลางเลย!”ทันใดนั้น เวินต้าควงก็กวาดมองไปที่กัวอี้หมิง แล้วสั่งการคนผ่าหินความจริงตามหลักแล้ว ถ
บอดี้การ์ดของเจียงรุ่ยฉี แต่ละคนแสดงสีหน้าดุดัน ขยับเข้าล้อมเย่เฟิงหลี่เฉิงหนาน ดาราหนุ่มบู๊ กลับมาตั้งสติได้ จากนั้นจ้องเย่เฟิงด้วยสายตาเยือกเย็นรัศมีความดุดันแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา!แม้ว่าเขาจะพูดว่าตัวเองมีวิชาบู๊จริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่ใช่เรื่องปลอมแต่เขาก็เป็นเพียงนักบู๊สายพลังภายในขั้นปลายเท่านั้นแน่นอน สำหรับฝีมือระดับนี้ การรับมือกับคนธรรมดา หรือแม้กระทั่งทหารพิเศษทั่วไป ก็นับว่าเพียงพอแล้ว!ดังนั้น หลี่เฉิงหนานจึงมีความมั่นใจในตัวเองสูงเสมอ และเชื่อว่าตนเองคือยอดฝีมือที่แท้จริง"พวกนายถอยไป ให้เฉิงหนานช่วยฉันสั่งสอนหมอนี่!"เจียงรุ่ยฉีแสดงแววตาคุณเล่ห์ พลางสั่งบอดี้การ์ดของเธอจากนั้น เธอพูดกับหลี่เฉิงหนานว่า "เฉิงหนาน คุณต้องช่วยจัดงานหมอนั่นให้ฉันนะ!"ต้องยอมรับว่าดาราสาวคนนี้มีชั้นเชิงไม่น้อย!ถ้าให้บอดี้การ์ดของเธอเองลงมือ แล้วทำให้เย่เฟิงเป็นอะไรขึ้นมา ไม่แน่ อาจทำให้เธอเสียชื่อเสียงได้แต่ถ้าให้หลี่เฉิงหนานเป็นคนลงมือ เรื่องนี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับเธออย่างมาก หากเรื่องราวนี้หลุดออกไป สื่อก็จะเขียนว่า หลี่เฉิงหนานโกรธจัดเพราะเธอ จึงสั่งสอนคนให้!หลี่
"รุ่ยฉีเป็นคนดังคนโปรดของคุณชายถง พวกคุณอย่าหาเรื่องดีกว่า!"หลี่เฉิงหนาน ดาราบู๊หนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันแม้ว่าเขาจะตะลึงในความงามของหลีเอียน แต่เขาก็ยังคงอยู่ข้างเจียงรุ่ยฉีช่วงนี้ เขากำลังตามจีบอีกฝ่ายอยู่ด้วยถ้าเขาสามารถเอาชนะใจเจียงรุ่ยฉีได้ เขาก็จะใช้กระแสของเธอ ทำให้ตัวเองโด่งดังขึ้น"พอเถอะ พื้นเพของคุณเจียงไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณจะไปยุ่งด้วยได้ รีบไปเถอะ อย่าหาเรื่องดีกว่า!"ผู้จัดการจุดชมวิวกล่าวด้วยท่าทีเบื่อหน่าย พลางโบกมือไล่"คุณเย่ คุณหลี หรือว่า...เราจะยอมถอยไปก่อนดีไหมครับ?"ผู้จัดการร้านชุดแต่งงานพูดเกลี้ยกล่อม"ฮึ รู้ตัวหน่อยก็ไสหัวออกไปซะ! อย่าคิดว่าตัวเองมีหน้าตาแล้วใครๆ จะต้องตามใจ!"เจียงรุ่ยฉีเชิดคางขึ้น กล่าวอย่างหยิ่งผยอง พร้อมจ้องหลีเอียนด้วยสายตาเย้ยหยันความอิจฉาริษยาของผู้หญิง ทำให้เธอเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูต่อหลีเอียนเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลีเอียนก็โกรธจนตัวสั่นเล็กน้อยทั้งที่อีกฝ่ายเป็นฝ่ายมาบุกรุกแท้ๆ แต่ในปากของดาราสาวคนนี้ กลับกลายเป็นว่าตนเป็นฝ่ายมาสร้างปัญหาเสียเองเย่เฟิงจับมือหลีเอียน ดึงเธอมาไว้ข้างหลังเขา ใบหน้าของเขาเย็นชาราวน้
พวกเขาพูดว่าเวลาตัวเองมีค่านักมีค่าหนา แต่สุดท้ายก็แค่จะไปงานเลี้ยงตอนเที่ยง?ภรรยาของตัวเองวุ่นจนหัวหมุนเพราะเรื่องบริษัท กว่าจะหาเวลามาถ่ายรูปแต่งงานได้ทำไมต้องยอมหลีกทางให้พวกเขาด้วย?เวลาของใครไม่สำคัญบ้าง?สิ้นเสียง ทุกคนก็หันมามองเย่เฟิงคนของร้านชุดแต่งงานดูมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัดส่วนทีมงานถ่ายละครและผู้จัดการฉางต่างมีสายตาไม่เป็นมิตร“คุณผู้ชายคนนี้ คุณไม่รู้จักคุณเจียงรุ่ยฉีเหรอ? คุณเจียงน่ะเป็นดาราดังระดับแถวหน้าของประเทศนะ เธอไม่มีเวลามารอหรอก ขอให้พวกคุณช่วยให้ความร่วมมือด้วย!”ผู้จัดการจุดชมวิวขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเจียงรุ่ยฉี ดาราสาวที่ดังเปรี้ยงปร้างในช่วงไม่กี่ปีมานี้!เพราะใบหน้าของเธอมีความงดงามแบบคลาสสิก พอแต่งหน้าและแต่งตัวแบบโบราณแล้ว ยิ่งดูมีออร่าดั่งเซียนน้อยเธอเล่นละครแนวพีเรียดเซียนจอมยุทธ์มาหลายเรื่อง และทุกเรื่องก็ดังเป็นพลุแตก!ส่วนชายหนุ่มหล่อที่มีท่าทีหยิ่งผยองคนนั้นคือหลี่เฉิงหนาน ดาราหน้าใหม่สายบู๊ที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงนี้ตั้งแต่เดบิวต์มา เขาก็ใช้ภาพลักษณ์ว่าเล่นบู๊จริงมาเป็นจุดขายในตอนนี้ ใบหน้าคมสวยของหลีเอียนก
เมื่อทั้งสองมาถึง ทีมงานจากร้านชุดแต่งงาน “จับมือวิวาห์” ก็มาถึงพอดีหลังจากพูดคุยกับทีมงานจุดชมวิวและชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณริมทะเลสาบภายในจุดชมวิว เพื่อเตรียมถ่ายภาพทีมงานร้านชุดแต่งงานได้ใช่ผ้าเพื่อสร้างเต็นท์ชั่วคราว ใช้สำหรับให้เย่เฟิงและหลีเอียนเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าไม่นาน หลีเอียนก็เปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานสีขาวเปิดหลังเดินออกมาจากเต็นท์ชุดแต่งงานที่แนบไปกับรูปร่างของเธอ เผยให้เห็นสัดส่วนที่งดงามและเซ็กซี่เอวบางร่างน้อย สะโพกโค้งได้รูป และเรียวขาที่ยาวสวย...หลีเอียนที่ปกติแต่งหน้าแบบบางเบาหรือแทบไม่แต่งเลย เพียงแค่ทาครีมกันแดดและบำรุงผิว น้อยครั้งที่จะแต่งหน้าแต่เธอที่แต่งหน้าแบบจัดเต็มในตอนนี้ ยิ่งสวยจนสะกดทุกสายตา สวยแบบทำเอาคนรอบข้างแทบลืมหายใจเย่เฟิงมองบอสสาวสวยด้วยสายตาเลื่อนลอย ชั่วขณะนั้นเขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ช่างภาพและทีมงานคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงกับความงดงามของหลีเอียน ไม่สามารถละสายตาได้ในใจอดอิจฉาเย่เฟิงไม่ได้!"ที่รัก คุณสวยมาก!"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมหลีเอียนมองบนใส่เขา ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขิน
ตอนที่เย่เฟิงทั้งสามคนเดินออกมาจากบ้านเก่าตระกูลหลี พวกเขาเห็นหลี่เยว่ผิง น้าสะใภ้รองกำลังต้อนรับลุงสาม ลุงสี่ และน้าสาวคนเล็กของหลีเอียนที่เพิ่งมาถึงบ้าน!"พี่ใหญ่ เอียนเอียน? มาได้ไงเนี่ย?"น้าสาวคนเล็กของหลีเอียนถามขึ้นเมื่อเห็นพวกเขาหลีเทียนหยางและหลีเอียนยังไม่ทันได้พูดอะไร หลี่เยว่ผิงก็แค่นเสียงก่อนพูดขึ้น "พวกเธอไม่รู้ซะแล้ว พวกเขาน่ะ พาเย่เฟิงไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่มารักษาแม่ของเราล่ะพวกเธอว่าแบบนี้มันดูมีเจตนาดีไหมล่ะ?ฉันกับพี่รองของพวกเธออุตส่าห์เชิญหมอเทวดาจู้มา แต่กลับกลายเป็นว่า เย่เฟิงบอกว่าเขารักษาได้ เลยทำให้หมอเทวดาจู้โกรธจนเดินออกไป แล้วปล่อยให้ไอ้หนุ่มนี่รักษาแทน!ทุกคนในวันนี้เห็นกับตา ถ้าผู้อาวุโสเป็นอะไรไป มันก็เพราะไอ้หน้าขาวแซ่เย่ทั้งนั้น! ฮึ!"ได้ยินเช่นนี้ ลุงสาม ลุงสี่ และน้าสาวคนเล็กต่างขมวดคิ้วทันที"หมอเทวดาจู้? จู้ชิวหนานที่ว่ากันว่าเป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนคนนั้นใช่ไหม?""เย่เฟิงจะเก่งกว่าหมอเทวดาจู้ได้ยังไง?""พี่ใหญ่ พวกพี่กำลังทำอะไรกันแน่? หรืออยากทำให้แม่ตายถึงจะพอใจ?"ลุงสามและคนอื่นๆ กล่าวตำหนิทีละคำแม้พวกเขาจะไม่ได้มีปัญหาลึกซึ้งกับครอบ
ฮึๆๆ…ตราบใดที่เย่เฟิงเริ่มรักษา ผู้อาวุโสหลีก็จะยิ่งเสียชีวิตเร็วขึ้น ภายในเจ็ดวัน ผู้อาวุโสต้องตายแน่!ถึงตอนนั้น ก็จะไม่ใช่ว่าเย่เฟิงกับหลีเอียนทำให้ผู้อาวุโสโกรธจนเสียชีวิตอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น เย่เฟิงรักษาจนผู้อาวุโสตายแทน!พวกคุณวางแผนดีๆ อาจจะทำให้ไอ้หนุ่มนี่ติดคุกได้เลย! ฮ่าๆๆ…"ตอนแรกจู้ชิวหนานไม่อยากรับงานนี้ แต่เมื่อรู้ว่าครอบครัวหลีเทียนกังตั้งใจจะใส่ร้ายเย่เฟิงและหลีเอียน เขาจึงตอบตกลงครั้งก่อนที่บ้านตระกูลเซียว เขาไม่สามารถรักษาอาการประหลาดของเซียวคุนได้ แถมยังต้องก้มกราบเย่เฟิงเพื่อขอความช่วยเหลืออีกเรื่องนั้นเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา และเขาสาบานว่าจะแก้แค้นให้ได้!หลี่เยว่ผิงได้ยินดังนั้น เธอที่เมื่อครู่นี้ยังกังวลและโกรธเคืองอยู่ก็สงบลง ใบหน้าเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและเหี้ยมโหด"แบบนี้นี่เอง! หมอเทวดาจู้ยอดเยี่ยมจริงๆ!""ถึงเวลานั้น ต้องทำให้ไอ้หนุ่มนี่หมดหนทางให้ได้! แล้วก็หลีเอียนนังตัวดีนั่นกับครอบครัวพี่ใหญ่ อย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบเลย!"พูดจบ หลี่เยว่ผิงก็หรี่ตา คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน...ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง!เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินเ
ปฏิกิริยาของหมอเทวดาจู้หลังจากเห็นเย่เฟิง ทำให้ทุกคนประหลาดใจ!จากนั้น เขาก็ให้หลีถิงพาผู้อาวุโสกลับเข้าไปในห้อง ราวกับว่ามีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจะพูดต่อหน้าผู้อาวุโสหลีผู้อาวุโสหลีทำหน้าขรึมและสงสัยในใจ แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมเข้าไปในห้อง"หมอเทวดาจู้ คุณพูดอะไรกัน?""หรือว่าไอ้หน้าขาวนี่จะเก่งกว่าคุณ?"เมื่อผู้อาวุโสเข้าไปแล้ว หลี่เยว่ผิงถามขึ้นจู้ชิวหนานหลบสายตาไปมา ก่อนจะหัวเราะออกมา "วิชาแพทย์ของหมอเทวดาเย่อาจสู้ผมไม่ได้ แต่ในกรณีที่เป็นโรคยากๆ เขาอาจจะมีวิธีรักษาก็ได้!"จากนั้น เขาหันไปยิ้มให้เย่เฟิง "หมอเทวดาเย่ ผู้อาวุโสหลีสุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน ผมเองก็ไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผลแน่ชัด ไหนๆ คุณก็มาที่นี่แล้ว งั้นก็ฝากคุณจัดการต่อด้วยนะครับ"ได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงตกใจทันที!อะไรนะ?หมอเทวดาจู้ไม่รักษาต่อ แต่จะให้เย่เฟิงเป็นคนดูแลแทนแบบนี้ไม่ได้! หมอเทวดาจู้สัญญากับพวกเขาไว้ว่าจะรักษาผู้อาวุโสจนตายโดยไม่มีใครรู้หลี่เยว่ผิงร้อนใจ ส่งสายตาให้หมอเทวดาจู้หลายครั้ง แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นเย่เฟิงเลิกคิ้ว "โอ้? ฝากให้ผม?""ใช่! แต่วันนี้ขอให้ผมทำการฝังเข็มครั้งสุดท
"ใช่! พวกเราเชิญหมอเทวดาจู้มาดูแลสุขภาพของผู้อาวุโสแล้ว! ไม่ต้องให้ไอ้หน้าขาวอย่างนายมาทำตัวเป็นคนดีหรอก!อีกอย่าง นายจะมีเจตนาดีอะไร?"หลี่เยว่ผิงได้ยินว่าเย่เฟิงอยากช่วยรักษาอาการให้ผู้อาวุโส ใบหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนสีทันทีจากนั้นหล่อนก็ยืนขวางหน้าผู้อาวุโส พร้อมหัวเราะเยาะเย้ยออกมาหลีถิงก็ถ่มน้ำลายพลางพูดว่า "นายรักษาได้เรอะ? ฉันว่านายคงทำให้คนเดือดร้อนมากกว่าจะช่วยได้!""คุณย่า ให้เย่เฟิงลองดูเถอะค่ะ เขารู้วิชาแพทย์จริงๆ ยาตัวใหม่ของบริษัทหนู ก็เย่เฟิงเป็นคนคิดค้นทั้งหมด อีกทั้งเขายังเคยรักษานายท่านซ่งด้วย!เย่เฟิงไม่มีทางทำร้ายคุณย่าหรอกค่ะ!"หลีเอียนมองดูผู้อาวุโสหลีที่ดูอ่อนแอจนใจหาย หล่อนพยายามพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ"ใช่ครับแม่! สุขภาพสำคัญกว่าอะไร ตอนนี้อย่าเพิ่งดื้อเลยนะครับ!"หลีเทียนหยางตบหลังมือผู้อาวุโสเบาๆ"พี่ใหญ่ พวกพี่ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง? เราเชิญหมอเทวดาจู้มาแล้ว เขาเป็นถึงตำนานของวงการแพทย์แผนจีนแห่งเยียนเซียเชียวนะ!เขาจะช่วยปรับสุขภาพของผู้อาวุโสงั้นเหรอ เย่เฟิงไอ้คนครึ่งๆ กลางๆ นี่ รีบไปให้พ้นจะดีกว่า!ถ้าการรักษาของหมอเทวดาจู้ถูกขัดขวาง
ครั้งนี้ลุงรองหลีเทียนกังไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เพราะเขาไม่สามารถวนเวียนอยู่รอบตัวผู้อาวุโสหลีได้ตลอดเวลาแต่ในช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ เขาต้องคอยจับตาดูสถานการณ์ของผู้อาวุโสหลีตลอดพูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขารอให้ผู้อาวุโสเสียชีวิตนั่นเอง!ดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิง อย่างน้อยก็ต้องมีคนหนึ่งคอยอยู่ข้างกายผู้อาวุโสหลีตลอดเวลาผู้อาวุโสหลีที่กำลังนั่งตากแดดอยู่ เมื่อเห็นเย่เฟิง หลีเทียนหยาง และหลีเอียนเดินเข้ามา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที“พวกเธอมาที่นี่ทำไม?”“ใครอนุญาตให้พวกเธอมา? ออกไป!”เสียงของผู้อาวุโสหลีเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สั่งไล่ลูกชายคนโตและคนอื่นๆ ออกไปอย่างไม่เกรงใจโดยเฉพาะเมื่อสายตาของเธอตกลงที่เย่เฟิง ความโกรธแค้นในแววตาก็ยิ่งชัดเจน!เพราะยอดฝีมือตระกูลหลีถูกเย่เฟิงเล่นงานจนบาดเจ็บหนัก ตระกูลหลีจึงตกอยู่ในสภาพที่บอบช้ำ!แผนการที่จะทำลายหลีหย่วนก็พังทลาย!ตั้งแต่หลีเอียนหลานสาวคนโตพาเย่เฟิงเข้ามาในฐานะลูกเขย ผู้อาวุโสหลีที่เคยใช้อำนาจในตระกูลอย่างเบ็ดเสร็จ ก็เริ่มพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า!ผู้อาวุโสหลีจึงเกลียดเย่เฟิงถึงขั้นฝังลึกในกระดูก!“แค่กๆๆ...แค่กๆ…”ผู