เรื่องทั้งหมดนี้ผิดปกติไปหมดทันใดนั้นเฟนด์ก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับธีโอว่า "คุณบอกว่าศิษย์พี่เฮลธ์เห็นเรื่องทุกอย่างกับตาตัวเองเลยใช่ไหม? เขาไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้บอกทุกอย่างกับคุณแล้ว ผมพูดถูกหรือเปล่า?"ธีโอจ้องมองไปรอบ ๆ แต่ในไม่ช้าเขาก็สงบลงและพยักหน้า “ก็จริงน่ะสิ ศิษย์น้องเฮลธ์รู้สึกว่านายทำเกินไป ไม่มีใครยอมรับการกระทำที่น่ารังเกียจแบบนั้นได้ เขาถึงได้บอกทุกอย่างกับฉันอย่างหมดเปลือก! อย่ามาอ้างเลยว่าศิษย์น้องเฮลธ์ไม่เห็นอะไร ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะถูกทำร้ายอย่างหนัก แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรขนาดนั้น คนอื่น ๆ ต่างจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ของตัวเอง แต่เขามีเวลาสังเกตทุกคนในตอนนั้น เขาถึงได้เห็นว่านายน่ารังเกียจขนาดไหน!"ธีโอเชิดหน้าและยืดอกขึ้นในขณะที่เขาพูดอย่างชอบธรรม ราวกับว่าเขาเป็นผู้ส่งสารแห่งความยุติธรรมที่กำลังตำหนิคนร้ายกาจอย่างน่ารังเกียจไร้ยางอายอย่างเฟนด์เฟนด์กลั้วหัวเราะ ก่อนจะเริ่มหัวเราะเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ธีโอพูด การกลั้นหัวเราะของเฟนด์ดูไม่ต่างจากเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นเขามองไปยังจุดที่ศิษย์ของสำนักสหัสบรรณรวมตัวกันอยู่เ
เฮลธ์ไม่มีทางลุกขึ้นมาทวงความชอบทำให้กับแฟรงก์ได้เหมือนกับที่ธีโอพูด เนื่องจากเฮลธ์เองก็เกลียดชังแฟรงก์ไม่ต่างกัน ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้เฟนด์นึกขำไปยิ่งกว่าเดิม เขาจำได้ว่าเฮลธ์ได้รับบาดเจ็บจากชายสวมหน้ากากจนลุกไม่ไหว แล้วในตอนนั้นเขาจะยังมีอารมณ์สนใจสถานการณ์ของคนอื่นอีกหรือ?แม้ว่าเฟนด์จะง่วนอยู่กับการต่อสู้ในเวลานั้น แต่เขาก็ยังให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงรอบตัว การที่เฮลธ์เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นดูคล้ายจะเป็นเรื่องโกหก! จริงอยู่ที่คนอื่น ๆ ต่างก็หมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้ของตัวเอง แต่ธีโอสามารถอธิบายการต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง หมายความว่ามีคนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับธีโอ แต่คน ๆ นั้นไม่ใช่ทั้งเฮลธ์และเอดริก!จู่ ๆ เฟนด์ก็เงยหน้าขึ้นมองธีโอแล้วยิ้มอย่างเย็นชา เขาเอ่ยปากพูดว่า "ผมประทับใจนะ! คุณทำแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อแฟรงก์เป็นศิษย์น้องที่มาจากสำนักเดียวกันกับคุณ?... "ธีโอตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และผู้คนรอบข้างก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดจ้องมองที่เฟนด์ด้วยความไม่เชื่อกริฟฟินพูดด้วยใบหน้านิ่ว “นี่นายกลัวจนเสียสติไปแล้วหรือไง?”จู่ๆ เฟนด์ก็หันกลับไปมองที่กริฟฟิน “ถ้าเรื่องนี้เ
เฟนด์หยุดชั่วคราวหลังจากที่เขาพูดจบ “ยังมีอีกคนที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น!”สีหน้าของธีโอเปลี่ยนไป และเขากำลังจะขัดจังหวะเฟนด์เมื่อเฟนด์หันมาเล่นงานเขา “คน ๆ นั้นก็คือคนที่พยายามจะฆ่าเราในตอนนั้น!” เขาชี้ไปที่ทิศทางของชายสวมหน้ากากทันทีที่เขาพูดจบ "ศิษย์พี่ใหญ่จากสำนักวายชนม์ที่สวมหน้ากากยืนเฝ้าดูการต่อสู้ทั้งหมดอยู่หลังจากที่เขาทำร้ายศิษย์พี่เฮลธ์! เขาคงเป็นคนบอกคุณเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น!"สิ่งที่เฟนด์พูดราวกับปลุกทุกคนที่อยู่ตรงนั้นให้ได้สติ แม้ว่าเฟนด์จะไม่ซื่อสัตย์และไร้ศีลธรรมแต่เขาก็เป็นฝ่ายที่เสียเปรียบกว่า เฟนด์เยาะเย้ยและพูดต่อ "สำนักวายชนม์ต่างหากที่ต้องการฆ่าเรา และแฟรงก์ก็ตายด้วยน้ำมือของศิษย์สำนักวายชนม์ คุณมาหาเรื่องเราแทนที่จะไปต่อว่าสำนักวายชนม์! นี่คือความภักดีและความชอบธรรมที่คุณหมายถึงงั้นหรือ? "ทุกคนในที่นั้นตระหนักได้ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด เฟนด์พูดถูก สำนักวายชนม์เป็นผู้ลงมือฆาตกรรม และแฟรงก์เสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนพวกนั้น แต่ถึงอย่างนั้นธีโอกลับทำราวกับว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วและมาคาดคั้นเอาผิดกับเฟนด์เพียงผู้เดียว เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที
ไบรอนชำเลืองมองธีโออย่างเหยียดหยาม เขาเกลียดคนที่ร่วมมือกับศัตรูเพื่อผลประโยชน์อย่างที่สุด เขายิ้มอย่างเย็นชาและแสดงความคิดเห็นว่า "คนที่หมกมุ่นแต่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับศิษย์น้องของตัวเองกำลังร่วมมือกับฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าศิษย์น้องของตัวเองเนี่ยนะ? นายมันเป็นคนขาดความยุติธรรมและชั่วร้ายจริง ๆ! กล้าดียังไงมาหาว่าฉันเข้าข้างคนอื่น ถามตัวเองดูสิว่ายังรู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่บ้างหรือเปล่า?!"เกือบทุกคนมองธีโอด้วยความขยะแขยงหลังได้ยินคำพูดของไบรอน ด้วยคำให้การของไบรอนและสีหน้าที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนผิดของธีโอ ทำให้ทุกคนรู้ความจริง“ฉันคิดว่าเขาโกรธมากที่ศิษย์น้องของเขาเสียชีวิต แต่กลับกลายเป็นว่าเขามาที่นี่เพื่อใส่ร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเอง!”"ตอนที่เผชิญหน้ากับฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าศิษย์น้องของเขา เขาไม่กล้าโวยวาย แถมยังร่วมมือกับหมอนั่นด้วยซ้ำ! แต่เขากลับกล้ามาที่นี่เพื่อใส่ร้ายเฟนด์ เพราะการจะใส่ร้ายใครสักคนที่อยู่ในขั้นกลางระดับแรกกำเนิดเป็นเรื่องง่าย เขาเป็นคนแบบนี้นี่เอง พวกน่าสมเพชที่ดีแต่ใส่ร้ายคนอื่น!""ตอนแรกฉันเกือบจะตกหลุมพรางในคำพูดของเขา และเข้าใจไป
เฟนด์ขอบคุณไบรอนอย่างเคร่งขรึม แต่ไบรอนโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำไปเพราะทนกับพฤติกรรมของธีโอไม่ได้ก็เท่านั้น”ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนคำพูดไม่กี่คำก่อนที่เฟนด์จะส่งไบรอนกลับไปเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เสียงของชายชราผู้นั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง "หมดเวลาแล้ว! ทุกคนสามารถขึ้นไปบนหุบเหวแห่งสุญญะได้แล้ว! เธอจะต้องต่อสู้กับนักรบแห่งสุญญะเมื่อไปถึงที่ด้านบนของหุบเหวแห่งสุญญะ เกณฑ์ในการตัดสินแพ้ชนะของพวกเธอคือการที่เธอสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อเธอพ่ายแพ้ให้กับนักรบแห่งสุญญะเธอจะไม่สามารถปีนขึ้นไปบนหุบเหวแห่งสุญญะได้อีกต่อไป"เกณฑ์การตัดสินค่อนข้างยุติธรรม เนื่องจากทุกคนสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตัวเองได้ หากพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหากยังฝืนสู้ต่อไป"เอาล่ะ! ผู้ที่ต้องการปีนขึ้นไปยังหุบเหวแห่งสุญญะเริ่มปีนได้ตั้งแต่บัดนี้ ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการทำเช่นนั้นสามารถรออยู่ที่ด้านล่างได้" หลังจากการประกาศจบลง ฝูงชนก็เริ่มกระตือรือร้นขึ้นด้วยความตื่นเต้น นอกเหนือจากผู้ที่บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตไปแล้ว
ชายสวมหน้ากากยืนอยู่ข้างหลังเฟนด์สามเมตรและจ้องมองเขาด้วยสายตาเฉียบคมอย่างไรก็ตาม เฟนด์ตอบอย่างไม่แยแส “มีคนอยากจะฆ่าฉันมากมาย แต่คนพวกนั้นมักจะจบลงด้วยการตายเสียเอง”“ฮึ่ม! เย่อหยิ่งอะไรแบบนี้!” ชายสวมหน้ากากเยาะเย้ย เฟนด์เพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่อยู่ด้านหลัง และก้าวเข้าสู่หุบเหวแห่งสุญญะ ขณะที่ขาทั้งสองของเขาเหยียบพื้น เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นที่กำลังปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากพลังงานดังกล่าวเป็นเหมือนซีเมนต์แข็ง ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและไปปรากฏตัวที่ด้านบนของเหวหลังจากที่ร่างกายของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงพลังสกัดกั้นที่คลุมเครืออยู่รอบตัวเขา แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็อยู่ในพื้นที่ของใครของมัน แน่นอนว่าเฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ตึง ตึงเสียงบางสิ่งถูกทุบดังมาจากที่ไกล ๆ และเฟนด์ก็เห็นสาวกคนหนึ่งจากสำนักวายชนม์ ยกคทาของเขาขึ้นและโบกมันไปยังพื้นที่รอบตัวเขาอย่างต่อเนื่องการปะทะกันของพลังงานที่แท้จริงอันรุนแรงทำให้เกิดคลื่นพลังงานที่แ
คนพวกนั้นตกใจและหยุดเดินไปโดยไม่รู้ตัว แสงสีส้มอมแดงปรากฏขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่มันจะหายไปในวินาทีต่อมา จากนั้นภาพลวงตาโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ภาพลวงตาดังกล่าวมีใบหน้าที่ถมึงทึงและดวงตาที่เต็มไปด้วยพลัง ในมือของเขามีวัตถุที่ดูคล้ายผลึกลูกแก้ว ผลึกลูกแก้วดังกล่าวลอยอยู่กลางอากาศได้เนื่องจากมีพลังงานที่แท้จริงของภาพลวงตานั่น เขายืนตัวตรงราวกับทหารสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที แน่นอนว่าภาพลวงตาโปร่งแสงนี้คือนักรบแห่งสุญญะที่ชายชราพูดถึง หลังจากนักรบแห่งสุญญะปรากฏตัวขึ้น ศิษย์ของสำนักสหัสบรรณก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ทันที เขามีสีหน้าจริงจังในขณะที่เขาจ้องมองไปยังนักรบแห่งสุญญะในขณะที่กำดาบในมือแน่นน่าแปลกที่นักรบแห่งสุญญะไม่ได้เคลื่อนไหวทันทีหลังจากปรากฏตัว และรู้สึกเหมือนว่าการปรากฏตัวของเขากำลังหยุดคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาไม่ให้รุกคืบไปมากกว่านี้ เนื่องจากหุบเหวแห่งสุญญะเป็นสถานที่ล้ำค่าที่ปรมาจารย์โบราณทิ้งไว้ ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถลงมือก่อนที่ศัตรูจะเปิดฉากได้ และไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรโดยไม่ระมัดระวังเนื่องจากศัตรูไม่ได้ทำอะไร คน ๆ นั้นจึงทำได้เพียงเต
ศิษย์เหล่านี้เป็นคนพิเศษในสำนักและใช้ชีวิตอยู่แต่กับคำเยินยอ พวกเขาไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้ และสายตาที่นักรบแห่งสุญญะมองมาที่พวกเขาก็ทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง“เราดูไร้ค่าขนาดนั้นเชียวเหรอ? ทำไมถึงมองเราแบบนั้น? ทั้งที่พวกคุณก็อยู่เพียงขั้นต้นระดับแรกกำเนิดเท่านั้น!” บางคนบ่น ความกังวลของพวกเขาหายไปบางส่วนเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้มีระดับพลังยุทธสูงกว่าพวกเขานักรบแห่งสุญญะที่ยืนอยู่ต่อหน้าศิษย์เหล่านี้ยังคงนิ่งเฉยพวกเขามีสายตาเหมือนกันและเงียบงันราวกับพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลยเฟนด์กอดอกและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก คนอื่น ๆ พูดไม่ออกกับการกระทำของเขา ขณะที่เขาจมอยู่กับการพินิจพิเคราะห์ของตัวเอง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวรอบตัวเขา นักรบแห่งสุญญะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจู่ ๆ ก็ยกผลึกลูกแก้วในมือขึ้นไปในอากาศ แสงจ้าจำนวนเจ็ดสีปกคลุมรอบตัวเขาในทันทีก่อนที่เฟนด์จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพบว่าตัวเองอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตระหนักได้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่อยู่อีกฟากของทุ่งหญ้าว่างเปล่า ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ที่นี่ที