เฟนด์ขอบคุณไบรอนอย่างเคร่งขรึม แต่ไบรอนโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำไปเพราะทนกับพฤติกรรมของธีโอไม่ได้ก็เท่านั้น”ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนคำพูดไม่กี่คำก่อนที่เฟนด์จะส่งไบรอนกลับไปเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เสียงของชายชราผู้นั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง "หมดเวลาแล้ว! ทุกคนสามารถขึ้นไปบนหุบเหวแห่งสุญญะได้แล้ว! เธอจะต้องต่อสู้กับนักรบแห่งสุญญะเมื่อไปถึงที่ด้านบนของหุบเหวแห่งสุญญะ เกณฑ์ในการตัดสินแพ้ชนะของพวกเธอคือการที่เธอสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อเธอพ่ายแพ้ให้กับนักรบแห่งสุญญะเธอจะไม่สามารถปีนขึ้นไปบนหุบเหวแห่งสุญญะได้อีกต่อไป"เกณฑ์การตัดสินค่อนข้างยุติธรรม เนื่องจากทุกคนสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตัวเองได้ หากพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหากยังฝืนสู้ต่อไป"เอาล่ะ! ผู้ที่ต้องการปีนขึ้นไปยังหุบเหวแห่งสุญญะเริ่มปีนได้ตั้งแต่บัดนี้ ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการทำเช่นนั้นสามารถรออยู่ที่ด้านล่างได้" หลังจากการประกาศจบลง ฝูงชนก็เริ่มกระตือรือร้นขึ้นด้วยความตื่นเต้น นอกเหนือจากผู้ที่บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตไปแล้ว
ชายสวมหน้ากากยืนอยู่ข้างหลังเฟนด์สามเมตรและจ้องมองเขาด้วยสายตาเฉียบคมอย่างไรก็ตาม เฟนด์ตอบอย่างไม่แยแส “มีคนอยากจะฆ่าฉันมากมาย แต่คนพวกนั้นมักจะจบลงด้วยการตายเสียเอง”“ฮึ่ม! เย่อหยิ่งอะไรแบบนี้!” ชายสวมหน้ากากเยาะเย้ย เฟนด์เพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่อยู่ด้านหลัง และก้าวเข้าสู่หุบเหวแห่งสุญญะ ขณะที่ขาทั้งสองของเขาเหยียบพื้น เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นที่กำลังปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากพลังงานดังกล่าวเป็นเหมือนซีเมนต์แข็ง ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและไปปรากฏตัวที่ด้านบนของเหวหลังจากที่ร่างกายของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงพลังสกัดกั้นที่คลุมเครืออยู่รอบตัวเขา แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็อยู่ในพื้นที่ของใครของมัน แน่นอนว่าเฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ตึง ตึงเสียงบางสิ่งถูกทุบดังมาจากที่ไกล ๆ และเฟนด์ก็เห็นสาวกคนหนึ่งจากสำนักวายชนม์ ยกคทาของเขาขึ้นและโบกมันไปยังพื้นที่รอบตัวเขาอย่างต่อเนื่องการปะทะกันของพลังงานที่แท้จริงอันรุนแรงทำให้เกิดคลื่นพลังงานที่แ
คนพวกนั้นตกใจและหยุดเดินไปโดยไม่รู้ตัว แสงสีส้มอมแดงปรากฏขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่มันจะหายไปในวินาทีต่อมา จากนั้นภาพลวงตาโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ภาพลวงตาดังกล่าวมีใบหน้าที่ถมึงทึงและดวงตาที่เต็มไปด้วยพลัง ในมือของเขามีวัตถุที่ดูคล้ายผลึกลูกแก้ว ผลึกลูกแก้วดังกล่าวลอยอยู่กลางอากาศได้เนื่องจากมีพลังงานที่แท้จริงของภาพลวงตานั่น เขายืนตัวตรงราวกับทหารสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที แน่นอนว่าภาพลวงตาโปร่งแสงนี้คือนักรบแห่งสุญญะที่ชายชราพูดถึง หลังจากนักรบแห่งสุญญะปรากฏตัวขึ้น ศิษย์ของสำนักสหัสบรรณก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ทันที เขามีสีหน้าจริงจังในขณะที่เขาจ้องมองไปยังนักรบแห่งสุญญะในขณะที่กำดาบในมือแน่นน่าแปลกที่นักรบแห่งสุญญะไม่ได้เคลื่อนไหวทันทีหลังจากปรากฏตัว และรู้สึกเหมือนว่าการปรากฏตัวของเขากำลังหยุดคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาไม่ให้รุกคืบไปมากกว่านี้ เนื่องจากหุบเหวแห่งสุญญะเป็นสถานที่ล้ำค่าที่ปรมาจารย์โบราณทิ้งไว้ ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถลงมือก่อนที่ศัตรูจะเปิดฉากได้ และไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรโดยไม่ระมัดระวังเนื่องจากศัตรูไม่ได้ทำอะไร คน ๆ นั้นจึงทำได้เพียงเต
ศิษย์เหล่านี้เป็นคนพิเศษในสำนักและใช้ชีวิตอยู่แต่กับคำเยินยอ พวกเขาไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้ และสายตาที่นักรบแห่งสุญญะมองมาที่พวกเขาก็ทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง“เราดูไร้ค่าขนาดนั้นเชียวเหรอ? ทำไมถึงมองเราแบบนั้น? ทั้งที่พวกคุณก็อยู่เพียงขั้นต้นระดับแรกกำเนิดเท่านั้น!” บางคนบ่น ความกังวลของพวกเขาหายไปบางส่วนเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้มีระดับพลังยุทธสูงกว่าพวกเขานักรบแห่งสุญญะที่ยืนอยู่ต่อหน้าศิษย์เหล่านี้ยังคงนิ่งเฉยพวกเขามีสายตาเหมือนกันและเงียบงันราวกับพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลยเฟนด์กอดอกและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก คนอื่น ๆ พูดไม่ออกกับการกระทำของเขา ขณะที่เขาจมอยู่กับการพินิจพิเคราะห์ของตัวเอง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวรอบตัวเขา นักรบแห่งสุญญะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจู่ ๆ ก็ยกผลึกลูกแก้วในมือขึ้นไปในอากาศ แสงจ้าจำนวนเจ็ดสีปกคลุมรอบตัวเขาในทันทีก่อนที่เฟนด์จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพบว่าตัวเองอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตระหนักได้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่อยู่อีกฟากของทุ่งหญ้าว่างเปล่า ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ที่นี่ที
ศัตรูสามคนรายล้อมเฟนด์ สายตาของพวกเขาเร่าร้อนไปด้วยความเคียดแค้น แต่ก็ยินดีที่จะได้บดขยี้เฟนด์จนเป็นชิ้น ๆ เฟนด์ไม่ลงรอยกับคนทั้งสาม และเขารู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเข้ามารุมทึ้งฉีกเลือดเนื้อของเขาได้ขณะนี้เฟนด์ตกอยู่ในความโกลาหล เขารู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง เพราะศัตรูกำลังจะทรมานเขาจนตาย เขาอยากจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้ แต่ร่างกายของเขาให้ความรู้สึกราวกับถูกโบกทับด้วยปูนซีเมนต์ เขาขยับไปไหนไม่ได้ด้วยซ้ำลมหนาวพัดผ่านจอนผมของเขา และหัวใจของเขาก็เต้นรัว เขาหันหลังกลับไปและเห็นว่าชายสวมหน้ากากกำลังถือมีดสั้นอยู่ในมือ ขณะที่เขาเข้าใกล้เฟนด์ ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็เคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขาทั้งสามมีอาวุธแหลมคมอยู่ในมือด้วยกันทั้งนั้น และเขารู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรแน่นอนว่าสิ่งที่เขากลัวที่สุดกำลังเกิดขึ้นทันใดนั้น ความคิดแวบเข้ามาในหัวของเฟนด์ ในขณะนั้นเองเฟนด์ดูเหมือนจะตระหนักได้ในทันที และสีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปไม่สิ… ทำไมสิ่งที่เขากลัวที่สุดถึงเกิดขึ้นกับเขาได้? เพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาคิดว่าชายสามคนจะเลาะกระดูกเขาจนเกลี้ยง และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ก้าวเข้ามาหา
อย่างไรก็ตามเฟนด์ไม่ได้คิดแค่นั้นอีกเมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของนักรบแห่งสุญญะ ร่างเงาพวกนี้สติปัญญาเป็นของตัวเอง!นี่…มันชักจะเกินไปแล้ว…เฟนด์รู้สึกกระวนกระวายใจเพราะเขาไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองรู้สึกเช่นไร สิ่งเหล่านี้คืออะไร?“ปล่อยผมไป! ผมขอโทษ! มันเป็นความผิดของผมเอง! ผมจะไม่ทำอีกแล้ว!” เสียงร้องอันน่าสะเทือนใจดังมาจากทางซ้ายของเขา และเฟนด์ก็หันกลับไปมอง เขาสังเกตเห็นว่าเกือบทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ใบหน้าของพวกเขาแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน เสียงร้องดังกล่าวมาจากศิษย์ของเผ่าปฐมหายนะร่างกายของศิษย์คนนั้นแข็งเกร็ง ในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดูเหมือนเขาจะอ้อนวอนน้ำตาไหลอาบแก้ม จนเสื้อที่สวมอยู่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เห็นได้ชัดว่าเขาร้องไห้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่มีปฏิกิริยาในลักษณะนี้ เนื่องจากศิษย์ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะการณ์เดียวกัน ขณะที่เฟนด์มองไปรอบ ๆไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เฟนด์จะจินตนาการออกว่าคนเหล่านี้ตกอยู่ในภาพลวงตาแบบไหน เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาประสบมากับตัวเองก่อนหน้านี้ ภาพลวงตานั้นค่อย ๆ เปิดเผยความกลัวที่ฝังอยู่ในใจของเหล่าศิษย
เฟนด์และธีโอทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้และศิษย์ของเผ่าปฐมหายนะก็ไม่กล้าติดตามธีโอไปหาเรื่องตำหนักสองกษัตริย์ พวกเขาต่างก็มุ่งความสนใจไปที่ด้านนั้นทั้งหมด ดังนั้นศิษย์คนนี้จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าคนคนนี้คือใครผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกที่หลุดพ้นออกมาจากภาพลวงตาได้? เขาแค่โชคดีหรือว่าเขามีความสามารถจริง ๆกันแน่? ศิษย์ของเผ่าปฐมหายนะมีสีหน้ามืดมน ระดับพลังยุททธของเขาสูงกว่าเฟนด์อยู่หนึ่งระดับและอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดทุกคนให้ความสนใจกับความวุ่นวายในตอนที่ธีโอสร้างปัญหาให้เฟนด์เนื่องจากชายผู้นี้อยู่เพียงขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด พวกเขาจึงไม่ได้สนใจเขามากนัก พวกเขาได้ยินมาว่าเขาเป็นเพียงศิษย์ของผู้อาวุโสและไม่ใช่ศิษย์ที่ถูกเลือกด้วยซ้ำศิษย์ของเผ่าปฐมหายนะไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าคนที่เขาดูถูกนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาได้ เขาไม่มีแก่ใจจะมารักษาบาดแผลของตัวเองเลย"อ๊าก!" ชายสวมหน้ากากตะโกนเสียงดัง และสติก็ค่อย ๆ กลับคืนมาสู่ดวงตาของเขา เขาหอบอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากภาพลวงตาได้เพล้ง!ร่างเงาของนักรบแห่งสุญญะที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาจางหายไป ไม่มีอะไรม
ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบตัวเขาค่อย ๆ หลุดพ้นจากการถูกคุมขังทางจิต พวกเขาหลายคนดูเหมือนจะอยู่ในภาวะตื่นตระหนกและไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เต็มร้อยนัก ในตอนที่หลุดพ้นออกมาจากภาพลวงตาได้ หลังจากที่ภาพลวงแห่งสุญญะได้เล่นงานจุดอ่อนของหัวใจมนุษย์ทำให้พวกเขาเห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะเผชิญเหล่าศิษย์ต่างรู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกขอบคุณที่รอดพ้นจากภาพลวงตามาได้"โอ้พระเจ้า! นี่มันเป็นทักษะประเภททักษะลวงตางั้นเหรอ? มันช่าง...แข็งแกร่งซะจนคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง! ฉันเกือบไม่รอดแล้ว!"“เย้! ศิษย์พี่รอง คุณก็ได้สติแล้วเหมือนกันเหรอ? คุณฟื้นสติได้เร็วกว่าเราศิษย์สำนักอื่นมาก!”ในเมื่อมีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้ด้วยเช่นกัน หลายคนล้มเหลวและถึงกับอาเจียนเป็นเลือดเนื่องจากจิตใจอ่อนแอ คนเหล่านี้ถูกแสงสีส้มอมแดงปกคลุมอยู่เช่นนั้น และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไปเนื่องจากพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ อย่างไรก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่ต่างประสบความสำเร็จ และมีอัตราความสำเร็จสูงถึงเจ็ดในสิบส่วนทีเดียว ผู้คนจำนวนนี้คือผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทดสอบ และนักรบแห่งสุญญะที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาก็หายไปในไม่ช้า ก็มีค