Share

บทที่ 1953

Auteur: โมเนโต้
“น่าขำจริง ๆ นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? นายเป็นนักสู้ที่ร้ายกาจในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิด นี่นายคิดจริง ๆ หรือว่านายจะสามารถเอาชนะอัจฉริยะทั้งสองคนที่อยู่ต่อหน้านายและจุดประกายแสงดวงที่ห้าของออบซิเดียนได้”

แอมโบรสและผู้อาวุโสลีสบตากัน พวกเขาก็คิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังอยู่เหนือความคาดเดาไปกันใหญ่ที่ด้านล่างของเวที ฝูงชนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายอีกครั้ง ส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าเฟนด์มีปัญหาทางสมอง เขากล้าดียังไงถึงประกาศอย่างอวดดีว่าเขากำลังจะคว้าที่หนึ่งมาได้?

“นายต้องหลงผิดแน่ ๆ ที่คิดว่าตัวเองจะสามารถจุดไฟห้าดวงแล้วรับโอสถซานหยวนไปได้ นายคิดว่าเป็นอัจฉริยะขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้านายเป็นอัจฉริยะจริง ทำไมเราไม่เคยได้ยินชื่อนายมาก่อนเลย”

"ใช่! นายควรหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือกว่านี้สักหน่อย! อย่าได้คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่สามารถจุดไฟห้าดวงได้ ถ้านายสามารถจุดไฟดวงที่สามเป็นเวลาห้าวินาทีก็ถือว่าโชคดีแล้ว”

“ฉันรู้ว่าการโกหกมาเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่นี่มันมากเกินไป เขาเป็นคนงี่เง่าที่สุดที่ฉันเคยพบมาในชีวิต แม้แต่มอร์ตันและเจอรัลด์ก็ยังไม่อาจจุดแสงดวงที่ห้าได้ ถ้าเขาได้รับโอสถซานหยวน ฉันจะยอมวิ่งรอบจ
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1954

    แต่เฟนด์มีสายเลือดที่แตกต่างกับอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้มาจากตระกูลอันทรงเกียรติหรือมีระดับการบ่มเพาะสูงอะไร แน่นอนว่าเขาถูกฉีกหน้าเพราะคำสบประมาทเหล่านั้น เซฟกำหมัดแน่น เขาคงจะปิดปากเฟนด์ด้วยการต่อยเข้าที่ใบหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลสุดท้ายเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่นและเขาจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดเฟนด์จากการซุบซิบที่เป็นอันตรายมากขึ้นทุกที “นายคิดว่าการที่การที่นายใส่ร้ายฉันแล้วอะไร ๆ มันจะเปลี่ยนงั้นเหรอ? ไหนล่ะหลักฐานของนาย?”เฟนด์ยิ้มเบา ๆ และยืดตัวขึ้น “บิงโก แล้วไหนล่ะหลักฐานของคุณ? คุณบอกว่าคุณได้รับรายงานจากศิษย์ของคุณว่าผมเป็นสายลับ ไปเรียกพวกเขามาสอบปากคำสิ! ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมไปพบกับคนของเผ่าปฐมหายนะตอนไหน”เซฟหายใจเข้าลึก ๆ และดูคล้ายกับมีประกายไฟก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา ในตอนนี้เขาเกิดความคิดบรรเจิดขึ้น การถูกนินทาจะทำให้ทุกอย่างพังทลายลง เขารู้สึกประทับใจกับมันสมองอันชาญฉลาดของเฟนด์ นี่เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ของประโยคที่ว่า 'หากเอาชนะไม่ได้ก็จงเข้าร่วม'เซฟเย้ยหยันอย่างเย็นชาและหันหน้าหนี “แน่นอน ฉันเรียกพวกเขามาที่นี่ได้ แต่ทำไมฉันต้องเร

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1955

    มอร์ตันยังคงเข้าข้างเซฟตลอดมา เมื่อได้ยินคำพูดของเฟนด์ มุมปากของเขาก็เริ่มขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังพยายามขุดหลุมฝังศพของตัวเอง เขาต้องมีปัญหาทางสมองแน่ ๆ ถ้าเขาเชื่อจริง ๆ ว่าตัวเขาเองสามารถจุดไฟห้าดวงได้และจะรับโอสถซานหยวน ช่างน่าขันนัก!”“ใช่ ตอนเด็ก ๆ เขาคงได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง เขาหาวิธีที่ง่ายกว่านี้ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้เหรอ? เขาคิดว่าจะเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งได้หรือไง? ถุย! โง่จริง ๆ!” ฝูงชนส่งเสียงกึกก้องจนถึงตอนนี้เฟนด์เพิกเฉยต่อคำพูดของพวกเขาและยังคงสงบนิ่งดัง ในขณะที่ทั้งแอมโบรสและผู้อาวุโสลีจ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ แม้ว่าผู้อาวุโสลีจะดำรงตำแหน่งสูงสุด แต่เขาก็เป็นคนที่พูดน้อยที่สุดเช่นกัน เขาเลือกที่จะสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาเป็นคนนอกในเรื่องนี้ เฟนด์พบว่าพฤติกรรมของเขาดูแปลก แต่เขามีเรื่องสำคัญมากกว่าการจะทำความเข้าใจว่ามีอะไรอยู่ในใจของผู้อาวุโสลี เขาควรรีบลงมือเมื่อได้รับไฟเขียวให้ทำการทดสอบเป็นอีกครั้งที่เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าออบซิเดียน เขาหายใจเข้าลึก ๆ ไม่แน่ใจว่าจะส

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1956

    เสียงดูถูกของพวกเขาดังก้องไปในอากาศ พวกเขาทุกคนล้วนมองไปที่เซฟด้วยสายตาเย้ยหยัน ทันใดนั้น ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน จู่ ๆ พวกเขาทุกคนก็เงียบเพราะรู้ว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถกระตุ้นการตอบสนองเช่นนี้ได้“พระเจ้า นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า ไฟดวงที่ห้าเพิ่งสว่างขึ้นงั้นเหรอ? นี่มันไม่ถูกต้อง!”“ตบฉันที! นี่อาจเป็นภาพลวงตา ไม่มีทางที่เรื่องร้ายแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้”ทั้งสถานที่เริ่มกึกก้องไปด้วยเสียงตกใจและและคนส่วนใหญ่ก็ได้แต่อ้าปากค้าง เฟนด์ทำได้จริง ๆ เขาจุดไฟดวงที่ห้าให้สว่างขึ้นได้จริง ๆ พวกเขากำลังนับวินาทีในใจอย่างเงียบ ๆ “หนึ่งวินาที สองวินาที… แปดวินาที ยังสว่างอยู่! เก้าวินาที!”ในที่สุดไฟดวงที่ห้าก็ดับลงเมื่อเวลาเก้าวินาที ผลที่ได้ทำให้ทุกคนตกใจ เฟนด์ไม่เพียงแต่ทำให้ไฟดวงที่ห้าสว่างขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้มันสว่างได้นานถึงเก้าวินาทีอีกด้วย ไฟดวงที่ห้าถือเป็นไฟที่ให้คะแนนสูงสุดในบรรดาไฟทั้งหมด ฝูงชนถึงกับต้องหยิกตัวเองเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขากำลังฝันอยู่หรือไม่? เขาทำได้ยังไงในเมื่อแม้แต่มอร์ตันและเจอรัลด์ยังทำไม่ได้? แม้แต่ศิษย์ภายนอกของตำหนักสองกษัตริย์ก็ไม่สา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1957

    แอมโบรสถึงกับพูดไม่ออกเมื่อผู้อาวุโสลีประเมินเฟนด์เช่นนั้น แต่เซฟไม่รู้สึกเหมือนเขา เขาไม่เชื่อว่าเฟนด์จะให้อภัยเขาสำหรับสิ่งที่เขาทำกับชายหนุ่มในวันนี้ เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด แต่สีหน้าของเขายังคงมืดมน เป็นความรู้ทั่วไปว่านักสู้ส่วนใหญ่ต่างก็มือเปื้อนเลือดด้วยกันทั้งนั้น อาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของแอมโบรสแปรเปลี่ยนเป็นความสุขเมื่อเขาเห็นสีหน้ามืดมนของเซฟ พวกเขาขัดแย้งกันอยู่เสมอ และแอมโบรสก็ภาวนาอีกฝ่ายหายไปจากโลกนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การได้เห็นเขาเป็นเช่นนี้ทำให้เขายิ้มด้วยความยินดีเขาเดินไปหาเฟนด์และตบไหล่ของชายหนุ่มเพื่อแสดงความยินดี “ผู้อาวุโสลีไม่ชมใครง่าย ๆ หรอกนะ คุณคือเฟนด์ วู๊ดใช่ไหม? อนาคตคุณอาจแซงหน้าฉันไปไกลเลย” แอมโบรสพูดติดตลก เสียงของฝูงชนเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีคำพูดออกจากปากของแอมโบรส ผู้เข้าสอบทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา“ฉันได้ยินมาว่าตำหนักสองกษัตริย์มีศิษย์ภายนอกประมาณสามพันคน เฟนด์ วู๊ดคนนี้ยังไม่ได้เป็นศิษย์ภายนอกอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับอยู่ในสามร้อยอันดับแรกแล้ว หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าอีกคนอีกเก้าในสิบส่วนของตำหนักเชียวนะ! ฉันพนันได้เลยว่าภาย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1958

    ไม่เพียงแต่เฟนด์จะได้รับโอสถซานหยวนเท่านั้น แต่ยังได้รับที่พักส่วนตัวและคะแนนสะสมอีกห้าสิบคะแนนอีกด้วย “แม่งเอ๊ย! เขาสมควรตายเพราะขโมยสิ่งที่ควรเป็นของฉันไป!” มอร์ตันตะโกน เขาโกรธด้วยความริษยาและอยากจะซัดเฟนด์ให้ร่วง แต่อนิจจา เขาไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นเฟนด์ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการระเบิดอารมณ์ของมอร์ตัน เขารู้สึกโล่งใจกับคำถามในใจของตัวเองที่ถามว่าเขาจะสามารถจุดไฟดวงที่ห้าได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบของมันก็กระทบต่อความเห็นของคนอื่น ๆ เขายังมีรู้สึกปิติกับความจริงที่ว่าทักษะ 'ทลายห้วงสุญญะ' ของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ที่ผ่านการทดสอบคนอื่น ๆ มาก แม้ว่าเขาจะสามารถควบรวมดาบวิญญาณได้เพียงเล่มเดียวก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการเฉลิมฉลอง เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องจัดการเฟนด์หันไปมองเซฟอย่างเย็นชา และรอยยิ้มก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ผู้ดูแลกริฟฟิน ผมได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าที่ผ่านมาผมพูดความจริงมาโดยตลอด คุณก็ควรยอมรับความผิดของตัวเองเช่นกัน”คำพูดของเฟนด์ทำให้เซฟพาตัวเองกลับมามีสติ จู่ ๆ เขาก็จำได้ว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งตีฝีปากใส่

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1959

    เฟนด์ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป “ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง เผ่าปฐมหายนะคงต้องคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ๆ เพราะพูดตามตรง พวกเขาควรจะเก็บยอดฝีมือไว้ที่ฐานที่มั่นของพวกเขา ทำไมพวกเขาต้องส่งผมมาให้เจอกับคุณเพียงลำพัง? คงสาบานได้เลยว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบดูได้เลย ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่”สิ่งที่เขาทำคือวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองหักเขาเป็นสายลับจริง ๆ คงจะไม่มีใครเห็นใจ และหากเขายอมจำนนไปแต่โดยดีเขาจะไม่อาจเรียกคืนความน่าเชื่อถือได้อีก หากเขาไม่เรียกร้องความสนใจจากคนระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์ผ่านการแสดงพลังของเขา คงไม่มีใครเดาออกว่าเซฟจะทำอะไรกับเขาบ้างอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาได้พิสูจน์คุณค่าของเขาแล้ว ดังนั้นพวกระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์จะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เขายังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างที่สุดอีกด้วย ไม่มีทางที่หลักฐานใด ๆ ดั่งคำกล่าวหาเขาจะปรากฎขึ้นมาได้เฟนด์หันไปเผชิญหน้ากับฝูงชนและพูดว่า “ผมมีศัตรูอยู่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยพูดถึงเขามาแล้วและชื่อของเขาคือวอร์เรน อเล็กซานเดอร์ เขาค

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1960

    เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา เขาไม่คิดจะเป็นฝ่ายถอย “มีคนที่รู้ด้วยเหรอว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่รู้แฮะ แต่ฉันสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทุกคนได้เห็นแล้วว่านายล้มเหลวในการจุดไฟดวงที่ห้าหลังจากที่โม้อยู่นานสองนาน ดูเหมือนว่านายจะอิจฉาฉันนะ แต่อิจฉาไปจะมีประโยชน์อะไร? นับตั้งแต่ที่นายจุดไฟดวงที่ห้าไม่สำเร็จ นายก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉันแบบนี้ โอสถซานหยวน คะแนนสมทบ และที่พักส่วนตัวฉันได้ทุกอย่างมาด้วยพลังของฉันเอง”ใบหน้าของมอร์ตันมืดมนยิ่งขึ้นราวกับว่ามีใครบังคับให้เขากินอึ ไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนั้นมาก่อน ตลอดทั้งชีวิต คำพูดแต่ละคำของเฟนด์เหมือนมีดที่แทงทะลุหัวใจของเขา เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่างและมุมปากของเขาก็เริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจ้องมองไปที่เฟนด์อย่างดุเดือดแต่ไม่ว่ามอร์ตันจะจ้องมองมาที่เขามากแค่ไหน เฟนด์ก็ยังคงไม่แยแส ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เขาได้พบกับคนอย่างมอร์ตันมามากมายนับไม่ถ้วน เขาจะไม่เก็บเอาสิ่งที่คนพวกนั้นพูดมาใส่ใจ ต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามยั่วยุเขามากแค่ไหนก็ตามในทางตรงกันข้ามเจอรัลด์ได้แต่เงียบอยู่ตลอดการตอบโต้ระหว่างเฟนด์และมอร์ตัน เขาได้แต่มองมาทางเฟนด์อย่างไม่

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1961

    แอมโบรสหยุดชั่วคราวก่อนที่จะดำเนินการต่อ “จริง ๆ แล้วพวกคุณทุกคนแข็งแกร่งกว่าศิษย์นอกสำนักเพียงเล็กน้อย หากภายในระยะเวลาหนึ่ง ระดับการบ่มเพาะของพวกคุณยังไม่ก้าวหน้าหรือไม่อาจบรรลุไปได้ตามเกณฑ์คะแนนสะสม เราจะถือว่าคุณเป็นคนไร้ค่าในทันทีและพวกคุณจะถูกลดระดับให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์นอกสำนัก คุณรู้หรือไม่ว่าการเป็นศิษย์นอกสำนักนั้นเป็นอย่างไร? พวกเขามีสิทธิ์ไม่ต่างไปจากคนรับใช้ของตำหนักสองกษัตริย์เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นแม้แต่สถานที่แห่งนี้ก็หรูหราเกินไปสำหรับพวกคุณ!”ทันทีที่แอมโบรสพูดจบ ไม่รวมศิษย์ไม่กี่คนที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก ศิษย์คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มตื่นตระหนกกันไปหมด พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาจะแข่งขันกันเอง อัตตาของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากพวกเขาถูกผลักไสให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์นอกสำนัก“มีเพียงเฟนด์เท่านั้นที่จะได้ห้องเป็นของตัวเอง พวกคุณที่เหลือจะแบ่งห้องกัน ตามลำดับการจัดอันดับ ศิษย์ร้อยอันดับแรกจะอยู่ในห้องพักสำหรับสองคนและที่เหลือจะอยู่ในห้องพักพักสำหรับสามคน” แอมโบรสกล่าวต่อทันใดนั้น ทุกคนต่างหันมาจ้องมองเฟนด์ด้วยความอิจฉา แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในอาคารปร

Latest chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status