เฟนด์ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป “ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง เผ่าปฐมหายนะคงต้องคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ๆ เพราะพูดตามตรง พวกเขาควรจะเก็บยอดฝีมือไว้ที่ฐานที่มั่นของพวกเขา ทำไมพวกเขาต้องส่งผมมาให้เจอกับคุณเพียงลำพัง? คงสาบานได้เลยว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบดูได้เลย ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่”สิ่งที่เขาทำคือวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองหักเขาเป็นสายลับจริง ๆ คงจะไม่มีใครเห็นใจ และหากเขายอมจำนนไปแต่โดยดีเขาจะไม่อาจเรียกคืนความน่าเชื่อถือได้อีก หากเขาไม่เรียกร้องความสนใจจากคนระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์ผ่านการแสดงพลังของเขา คงไม่มีใครเดาออกว่าเซฟจะทำอะไรกับเขาบ้างอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาได้พิสูจน์คุณค่าของเขาแล้ว ดังนั้นพวกระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์จะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เขายังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างที่สุดอีกด้วย ไม่มีทางที่หลักฐานใด ๆ ดั่งคำกล่าวหาเขาจะปรากฎขึ้นมาได้เฟนด์หันไปเผชิญหน้ากับฝูงชนและพูดว่า “ผมมีศัตรูอยู่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยพูดถึงเขามาแล้วและชื่อของเขาคือวอร์เรน อเล็กซานเดอร์ เขาค
เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา เขาไม่คิดจะเป็นฝ่ายถอย “มีคนที่รู้ด้วยเหรอว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่รู้แฮะ แต่ฉันสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทุกคนได้เห็นแล้วว่านายล้มเหลวในการจุดไฟดวงที่ห้าหลังจากที่โม้อยู่นานสองนาน ดูเหมือนว่านายจะอิจฉาฉันนะ แต่อิจฉาไปจะมีประโยชน์อะไร? นับตั้งแต่ที่นายจุดไฟดวงที่ห้าไม่สำเร็จ นายก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉันแบบนี้ โอสถซานหยวน คะแนนสมทบ และที่พักส่วนตัวฉันได้ทุกอย่างมาด้วยพลังของฉันเอง”ใบหน้าของมอร์ตันมืดมนยิ่งขึ้นราวกับว่ามีใครบังคับให้เขากินอึ ไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนั้นมาก่อน ตลอดทั้งชีวิต คำพูดแต่ละคำของเฟนด์เหมือนมีดที่แทงทะลุหัวใจของเขา เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่างและมุมปากของเขาก็เริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจ้องมองไปที่เฟนด์อย่างดุเดือดแต่ไม่ว่ามอร์ตันจะจ้องมองมาที่เขามากแค่ไหน เฟนด์ก็ยังคงไม่แยแส ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เขาได้พบกับคนอย่างมอร์ตันมามากมายนับไม่ถ้วน เขาจะไม่เก็บเอาสิ่งที่คนพวกนั้นพูดมาใส่ใจ ต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามยั่วยุเขามากแค่ไหนก็ตามในทางตรงกันข้ามเจอรัลด์ได้แต่เงียบอยู่ตลอดการตอบโต้ระหว่างเฟนด์และมอร์ตัน เขาได้แต่มองมาทางเฟนด์อย่างไม่
แอมโบรสหยุดชั่วคราวก่อนที่จะดำเนินการต่อ “จริง ๆ แล้วพวกคุณทุกคนแข็งแกร่งกว่าศิษย์นอกสำนักเพียงเล็กน้อย หากภายในระยะเวลาหนึ่ง ระดับการบ่มเพาะของพวกคุณยังไม่ก้าวหน้าหรือไม่อาจบรรลุไปได้ตามเกณฑ์คะแนนสะสม เราจะถือว่าคุณเป็นคนไร้ค่าในทันทีและพวกคุณจะถูกลดระดับให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์นอกสำนัก คุณรู้หรือไม่ว่าการเป็นศิษย์นอกสำนักนั้นเป็นอย่างไร? พวกเขามีสิทธิ์ไม่ต่างไปจากคนรับใช้ของตำหนักสองกษัตริย์เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นแม้แต่สถานที่แห่งนี้ก็หรูหราเกินไปสำหรับพวกคุณ!”ทันทีที่แอมโบรสพูดจบ ไม่รวมศิษย์ไม่กี่คนที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก ศิษย์คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มตื่นตระหนกกันไปหมด พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาจะแข่งขันกันเอง อัตตาของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากพวกเขาถูกผลักไสให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์นอกสำนัก“มีเพียงเฟนด์เท่านั้นที่จะได้ห้องเป็นของตัวเอง พวกคุณที่เหลือจะแบ่งห้องกัน ตามลำดับการจัดอันดับ ศิษย์ร้อยอันดับแรกจะอยู่ในห้องพักสำหรับสองคนและที่เหลือจะอยู่ในห้องพักพักสำหรับสามคน” แอมโบรสกล่าวต่อทันใดนั้น ทุกคนต่างหันมาจ้องมองเฟนด์ด้วยความอิจฉา แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในอาคารปร
ป้ายหยกประจำตัวแสดงกฎทั้งหมดในตำหนักสองกษัตริย์พร้อมคำอธิบายโดยละเอียดเอาไว้ มันยังชี้ให้เห็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำอีกด้วย ทุกสิ่งที่เฟนด์ต้องการหาคำตอบมีอยู่ในนั้นทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เขาต้องการรู้วิธีการก้าวไปสู่ตำแหน่งศิษย์ภายในจากตำแหน่งศิษย์ภายนอก และพบว่าเขาเพียงแค่ต้องเลื่อนระดับไปสู่ขั้นแรกของระดับติดตัวเท่านั้น ทั้งที่เขาคิดอยู่เสมอว่าเขาจะต้องผ่านการทดสอบที่ยากลำบากเพื่อที่จะเป็นศิษย์ภายใน“ฉันแค่ต้องเลื่อนระดับไปยังขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดเพื่อที่จะขึ้นเป็นศิษย์ภายใน? นี่ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?” เฟนด์พึมพำกับตัวเอง ท้ายที่สุด ขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดอยู่ห่างจากขั้นแรกของระดับแรกกำเนิดเพียงสองระดับ เพียงสองขั้นเล็ก ๆ ในขั้นที่สูงกว่า นั่นคือสิ่งที่แยกศิษย์ภายในออกจากศิษย์ภายนอกจริง ๆ หรือ? เฟนด์หมดคำจะพูด แต่รู้สึกว่าตำหนักสองกษัตริย์ต้องกำลังล้อเขาเล่นแน่ ๆเขาไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังของเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดและเชิญแนชมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกัน เขาคิดว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว เนื่องจากเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ เขาจึงต้องการใช้เวลาสังเกตผู้คนที่ถูกคัด
ดูเหมือนว่าเขาคิดถูกแล้วที่จะออกจากทวีปแคทธีเซีย เพราะถ้าเขาไม่มาที่นี่เพราะคงเป็นแค่ไอ้โง่ที่ไม่รู้อะไรไปแล้ว แนชชำเลืองมองที่เฟนด์และพูดว่า “กล่าวได้ว่าที่นี่มีศิษย์ภายนอกจำนวนมากที่อยู่ในขั้นแรกของระดับแรกกำเนิดที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์ภายใน นอกจากนี้ ลูกยังสามารถแลกเปลี่ยนตำแหน่งของลูกกับลูกศิษย์ภายในพี่อยู่ในขั้นแรกของระดับติดตัวได้อีกด้วย หากลูกสามารถเอาชนะเขาในการต่อสู้ได้ ผู้แพ้จะได้ได้รับตำแหน่งศิษย์ภายนอก และผู้ชนะจะได้ตำแหน่งศิษย์ภายใน อา นั่นอธิบายได้ถึงการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตำหนักสองกษัตริย์”เฟนด์มีประสบการณ์โดยตรงเมื่อเขาพบว่าผู้ดูแลบริกส์ ศิษย์อาวุโสลี และคนอื่น ๆ ทำนิ่งเฉย ขณะเกิดการทะเลาะวิวาทและการต่อสู้ขึ้นในระหว่างการทดสอบความสามารถพิเศษ เมื่อพูดถึงการต่อสู้ พวกระดับสูงมักจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับพวกเขาเสมอ นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสนับสนุนให้มีการต่อสู้กันในสมาคม ราวกับว่ายิ่งการต่อสู้รุนแรงขึ้น สมาคมก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น“สิ่งนี้คล้ายกับสภาวะในครรภ์ของฉลามตัวเมีย ลูกฉลามในท้องจะกินกันเอง จนกว่าจะเหลือฉลามตัวที่เก่งกาจที่สุดเพียงตัวเด
เขาพูดในขณะที่เขาเขียนว่า “โลกนี้แตกต่างจากโลกที่เราเคยอยู่ก่อนหน้านี้ พวกเขายังจัดเตรียมสถานที่พิเศษเพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของศิษย์แต่ละคนเพื่อให้พวกเขาบรรลุในทักษะยุทธได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่ฝึกฝนทักษะยุทธที่อยู่ในธาตุไม้สามารถสัมผัสกับหลักการของธาตุไม้ได้ในหอวิญญาณพฤกษ์ ส่วนผู้ที่ฝึกฝนทักษะยุทธที่อยู่ในธาตุทองสามารถสัมผัสกับหลักการของทองได้ในหอวิญญาณมาศ! แต่ทักษะยุทธที่ลูกกำลังฝึกฝนอยู่นั้นเป็นทักษะในธาตุวิญญาณ พ่อเองก็ไม่รู้ว่าตำหนักนี้มีสถานที่สำหรับธาตุวิญญาณโดยเฉพาะหรือไม่”เฟนด์โค้งมุมปากของเขาด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นี่คือสถานที่ที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ เพราะหลังจากที่เขาสามารถสร้างดาบวิญญาณเล่มแรกได้แล้วการพัฒนาของเขาก็ชะงักลงสิ่งนี้ทำให้เฟนด์ตั้งคำถามถึงความสามารถของตัวเองและสงสัยว่าเขาอาจทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่าง แต่ตอนนี้ตำหนักสองกษัตริย์มีสถานที่ดังกล่าวอยู่ด้วย“ไม่มีหอเจตสิกสลักอยู่บนป้ายหยกเหรอ? สถานที่นั้นเป็นที่ที่บุคคลสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะยุทธของธาตุวิญญาณ ผมอยากจะเห็นหอเจตสิกและดูว่าพวกเขาฝึกฝนกันอย่างไร” เฟนด์อยากรู้อยากเห็นราวกับเ
แนชหยิบป้ายหยกประจำตัวที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ขึ้นมา เขาพินิจพิเคราะห์มันจนครบถ้วนและไม่อาจเก็บความประหลาดใจไว้ได้ในขณะที่พูดขึ้นว่า “แม้แต่การเก็บสมุนไพรวิญญาณก็ยังได้รับคะแนนสะสมของตำหนัก นี่มันงานของพวกคนงานหรือคนใช้ไม่ใช่เหรอ?”การรับคะแนนสะสมของตำหนักมีหลายวิธี พวกเขาสามารถล่าสัตว์อสูรในป่าดึกดำบรรพ์และรับแก่นวิญญาณจากสัตว์อสูรได้ พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนแก่นวิญญาณ และส่วนอื่น ๆ ของสัตว์อสูรยังสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินมูลค่าเท่ากันกับคะแนนสะสมอีกด้วยพวกเขายังสามารถช่วยศิษย์อาวุโสของตำหนักทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถช่วยบ่มเพาะโอสถชนิดน้ำหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยด้วยลมปราณของพวกเขาได้ สิ่งเหล่านี้เองก็เป็นกิจกรรมที่สามารถใช้แลกคะแนนสะสมของตำหนักได้แม้แต่การเก็บเกี่ยวหญ้าวิญญาณและบุปผาวิญญาณบนภูเขาก็สามารถใช้แลกคะแนนสะสมได้เช่นกัน แต่กิจกรรมที่ทำให้ได้คะแนนสะสมของตำหนักมากที่สุดคือการทำภารกิจลับที่ตำหนักประกาศไว้ให้สำเร็จป้ายหยกประจำตัวไม่ได้กล่าวถึงภารกิจลับเหล่านี้อย่างชัดเจน แต่จากคำอธิบายเกี่ยวกับภารกิจเหล่านี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความยากลำบากในการทำ
เฟนด์ไม่ได้ชอบสร้างปัญหา แต่หากเขาปล่อยสิ่งต่าง ๆ ไปทั้งที่วอร์เรนพยายามที่จะต่อต้านเขาอย่างหนัก เขาจะต่างอะไรกับขยะไร้ค่า?เขาต้องให้วอร์เรนได้ชดใช้อย่างสาสม เพราะวอร์เรนกล้าที่จะหาเรื่องเขาอย่างไร้ยางอาย ขณะที่เฟนด์กำลังคิดว่าจะกลับไปเล่นงานวอร์เรนได้อย่างไร ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเฟนด์รีบขอให้แนชกลับเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าและเปิดประตู แอมโบรสปรากฏตัวอยู่ข้างนอกในฐานะผู้ดูแลของตำหนักสองกษัตริย์ปกติแล้ว แอมโบรสมีหน้าที่ต้องจัดการกับเรื่องประหลาด ๆ อยู่เสมอ เขาจะไม่มาหาเฟนด์หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น แอมโบรสยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกด้วยและดูเหมือนจะอารมณ์ดีทีเดียวก่อนที่เฟนด์จะทันได้เอ่ยถามอะไร แอมโบรสก็เกริ่นขึ้นว่า "คุณไม่จำเป็นต้องเชิญฉันเข้าไป ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้คุณทราบในบางเรื่องเท่านั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศิษย์อาวุโสลีได้ทำการสอบสวนความบาดหมางระหว่างคุณกับเซฟเป็นการส่วนตัวแล้ว ปัจจุบันเซฟถูกควบคุมตัวอยู่ในสภาศิษย์อาวุโสเพื่อรอการพิจารณาโทษ”เฟนด์รู้สึกคลายใจเมื่อได้ยิน แม้ว่าแอมโบรสจะไม่ได้บอกผลของการสอบสวน แต่เขารู้ว่าพวกเขาได้สอบสวนในสิ่งที่เ