เสียงดูถูกของพวกเขาดังก้องไปในอากาศ พวกเขาทุกคนล้วนมองไปที่เซฟด้วยสายตาเย้ยหยัน ทันใดนั้น ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน จู่ ๆ พวกเขาทุกคนก็เงียบเพราะรู้ว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถกระตุ้นการตอบสนองเช่นนี้ได้“พระเจ้า นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า ไฟดวงที่ห้าเพิ่งสว่างขึ้นงั้นเหรอ? นี่มันไม่ถูกต้อง!”“ตบฉันที! นี่อาจเป็นภาพลวงตา ไม่มีทางที่เรื่องร้ายแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้”ทั้งสถานที่เริ่มกึกก้องไปด้วยเสียงตกใจและและคนส่วนใหญ่ก็ได้แต่อ้าปากค้าง เฟนด์ทำได้จริง ๆ เขาจุดไฟดวงที่ห้าให้สว่างขึ้นได้จริง ๆ พวกเขากำลังนับวินาทีในใจอย่างเงียบ ๆ “หนึ่งวินาที สองวินาที… แปดวินาที ยังสว่างอยู่! เก้าวินาที!”ในที่สุดไฟดวงที่ห้าก็ดับลงเมื่อเวลาเก้าวินาที ผลที่ได้ทำให้ทุกคนตกใจ เฟนด์ไม่เพียงแต่ทำให้ไฟดวงที่ห้าสว่างขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้มันสว่างได้นานถึงเก้าวินาทีอีกด้วย ไฟดวงที่ห้าถือเป็นไฟที่ให้คะแนนสูงสุดในบรรดาไฟทั้งหมด ฝูงชนถึงกับต้องหยิกตัวเองเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขากำลังฝันอยู่หรือไม่? เขาทำได้ยังไงในเมื่อแม้แต่มอร์ตันและเจอรัลด์ยังทำไม่ได้? แม้แต่ศิษย์ภายนอกของตำหนักสองกษัตริย์ก็ไม่สา
แอมโบรสถึงกับพูดไม่ออกเมื่อผู้อาวุโสลีประเมินเฟนด์เช่นนั้น แต่เซฟไม่รู้สึกเหมือนเขา เขาไม่เชื่อว่าเฟนด์จะให้อภัยเขาสำหรับสิ่งที่เขาทำกับชายหนุ่มในวันนี้ เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด แต่สีหน้าของเขายังคงมืดมน เป็นความรู้ทั่วไปว่านักสู้ส่วนใหญ่ต่างก็มือเปื้อนเลือดด้วยกันทั้งนั้น อาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของแอมโบรสแปรเปลี่ยนเป็นความสุขเมื่อเขาเห็นสีหน้ามืดมนของเซฟ พวกเขาขัดแย้งกันอยู่เสมอ และแอมโบรสก็ภาวนาอีกฝ่ายหายไปจากโลกนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การได้เห็นเขาเป็นเช่นนี้ทำให้เขายิ้มด้วยความยินดีเขาเดินไปหาเฟนด์และตบไหล่ของชายหนุ่มเพื่อแสดงความยินดี “ผู้อาวุโสลีไม่ชมใครง่าย ๆ หรอกนะ คุณคือเฟนด์ วู๊ดใช่ไหม? อนาคตคุณอาจแซงหน้าฉันไปไกลเลย” แอมโบรสพูดติดตลก เสียงของฝูงชนเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีคำพูดออกจากปากของแอมโบรส ผู้เข้าสอบทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา“ฉันได้ยินมาว่าตำหนักสองกษัตริย์มีศิษย์ภายนอกประมาณสามพันคน เฟนด์ วู๊ดคนนี้ยังไม่ได้เป็นศิษย์ภายนอกอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับอยู่ในสามร้อยอันดับแรกแล้ว หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าอีกคนอีกเก้าในสิบส่วนของตำหนักเชียวนะ! ฉันพนันได้เลยว่าภาย
ไม่เพียงแต่เฟนด์จะได้รับโอสถซานหยวนเท่านั้น แต่ยังได้รับที่พักส่วนตัวและคะแนนสะสมอีกห้าสิบคะแนนอีกด้วย “แม่งเอ๊ย! เขาสมควรตายเพราะขโมยสิ่งที่ควรเป็นของฉันไป!” มอร์ตันตะโกน เขาโกรธด้วยความริษยาและอยากจะซัดเฟนด์ให้ร่วง แต่อนิจจา เขาไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นเฟนด์ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการระเบิดอารมณ์ของมอร์ตัน เขารู้สึกโล่งใจกับคำถามในใจของตัวเองที่ถามว่าเขาจะสามารถจุดไฟดวงที่ห้าได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบของมันก็กระทบต่อความเห็นของคนอื่น ๆ เขายังมีรู้สึกปิติกับความจริงที่ว่าทักษะ 'ทลายห้วงสุญญะ' ของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ที่ผ่านการทดสอบคนอื่น ๆ มาก แม้ว่าเขาจะสามารถควบรวมดาบวิญญาณได้เพียงเล่มเดียวก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการเฉลิมฉลอง เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องจัดการเฟนด์หันไปมองเซฟอย่างเย็นชา และรอยยิ้มก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ผู้ดูแลกริฟฟิน ผมได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าที่ผ่านมาผมพูดความจริงมาโดยตลอด คุณก็ควรยอมรับความผิดของตัวเองเช่นกัน”คำพูดของเฟนด์ทำให้เซฟพาตัวเองกลับมามีสติ จู่ ๆ เขาก็จำได้ว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งตีฝีปากใส่
เฟนด์ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป “ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง เผ่าปฐมหายนะคงต้องคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ๆ เพราะพูดตามตรง พวกเขาควรจะเก็บยอดฝีมือไว้ที่ฐานที่มั่นของพวกเขา ทำไมพวกเขาต้องส่งผมมาให้เจอกับคุณเพียงลำพัง? คงสาบานได้เลยว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบดูได้เลย ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่”สิ่งที่เขาทำคือวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองหักเขาเป็นสายลับจริง ๆ คงจะไม่มีใครเห็นใจ และหากเขายอมจำนนไปแต่โดยดีเขาจะไม่อาจเรียกคืนความน่าเชื่อถือได้อีก หากเขาไม่เรียกร้องความสนใจจากคนระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์ผ่านการแสดงพลังของเขา คงไม่มีใครเดาออกว่าเซฟจะทำอะไรกับเขาบ้างอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาได้พิสูจน์คุณค่าของเขาแล้ว ดังนั้นพวกระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์จะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เขายังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างที่สุดอีกด้วย ไม่มีทางที่หลักฐานใด ๆ ดั่งคำกล่าวหาเขาจะปรากฎขึ้นมาได้เฟนด์หันไปเผชิญหน้ากับฝูงชนและพูดว่า “ผมมีศัตรูอยู่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยพูดถึงเขามาแล้วและชื่อของเขาคือวอร์เรน อเล็กซานเดอร์ เขาค
เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา เขาไม่คิดจะเป็นฝ่ายถอย “มีคนที่รู้ด้วยเหรอว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่รู้แฮะ แต่ฉันสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทุกคนได้เห็นแล้วว่านายล้มเหลวในการจุดไฟดวงที่ห้าหลังจากที่โม้อยู่นานสองนาน ดูเหมือนว่านายจะอิจฉาฉันนะ แต่อิจฉาไปจะมีประโยชน์อะไร? นับตั้งแต่ที่นายจุดไฟดวงที่ห้าไม่สำเร็จ นายก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉันแบบนี้ โอสถซานหยวน คะแนนสมทบ และที่พักส่วนตัวฉันได้ทุกอย่างมาด้วยพลังของฉันเอง”ใบหน้าของมอร์ตันมืดมนยิ่งขึ้นราวกับว่ามีใครบังคับให้เขากินอึ ไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนั้นมาก่อน ตลอดทั้งชีวิต คำพูดแต่ละคำของเฟนด์เหมือนมีดที่แทงทะลุหัวใจของเขา เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่างและมุมปากของเขาก็เริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจ้องมองไปที่เฟนด์อย่างดุเดือดแต่ไม่ว่ามอร์ตันจะจ้องมองมาที่เขามากแค่ไหน เฟนด์ก็ยังคงไม่แยแส ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เขาได้พบกับคนอย่างมอร์ตันมามากมายนับไม่ถ้วน เขาจะไม่เก็บเอาสิ่งที่คนพวกนั้นพูดมาใส่ใจ ต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามยั่วยุเขามากแค่ไหนก็ตามในทางตรงกันข้ามเจอรัลด์ได้แต่เงียบอยู่ตลอดการตอบโต้ระหว่างเฟนด์และมอร์ตัน เขาได้แต่มองมาทางเฟนด์อย่างไม่
แอมโบรสหยุดชั่วคราวก่อนที่จะดำเนินการต่อ “จริง ๆ แล้วพวกคุณทุกคนแข็งแกร่งกว่าศิษย์นอกสำนักเพียงเล็กน้อย หากภายในระยะเวลาหนึ่ง ระดับการบ่มเพาะของพวกคุณยังไม่ก้าวหน้าหรือไม่อาจบรรลุไปได้ตามเกณฑ์คะแนนสะสม เราจะถือว่าคุณเป็นคนไร้ค่าในทันทีและพวกคุณจะถูกลดระดับให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์นอกสำนัก คุณรู้หรือไม่ว่าการเป็นศิษย์นอกสำนักนั้นเป็นอย่างไร? พวกเขามีสิทธิ์ไม่ต่างไปจากคนรับใช้ของตำหนักสองกษัตริย์เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นแม้แต่สถานที่แห่งนี้ก็หรูหราเกินไปสำหรับพวกคุณ!”ทันทีที่แอมโบรสพูดจบ ไม่รวมศิษย์ไม่กี่คนที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก ศิษย์คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มตื่นตระหนกกันไปหมด พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาจะแข่งขันกันเอง อัตตาของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากพวกเขาถูกผลักไสให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์นอกสำนัก“มีเพียงเฟนด์เท่านั้นที่จะได้ห้องเป็นของตัวเอง พวกคุณที่เหลือจะแบ่งห้องกัน ตามลำดับการจัดอันดับ ศิษย์ร้อยอันดับแรกจะอยู่ในห้องพักสำหรับสองคนและที่เหลือจะอยู่ในห้องพักพักสำหรับสามคน” แอมโบรสกล่าวต่อทันใดนั้น ทุกคนต่างหันมาจ้องมองเฟนด์ด้วยความอิจฉา แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในอาคารปร
ป้ายหยกประจำตัวแสดงกฎทั้งหมดในตำหนักสองกษัตริย์พร้อมคำอธิบายโดยละเอียดเอาไว้ มันยังชี้ให้เห็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำอีกด้วย ทุกสิ่งที่เฟนด์ต้องการหาคำตอบมีอยู่ในนั้นทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เขาต้องการรู้วิธีการก้าวไปสู่ตำแหน่งศิษย์ภายในจากตำแหน่งศิษย์ภายนอก และพบว่าเขาเพียงแค่ต้องเลื่อนระดับไปสู่ขั้นแรกของระดับติดตัวเท่านั้น ทั้งที่เขาคิดอยู่เสมอว่าเขาจะต้องผ่านการทดสอบที่ยากลำบากเพื่อที่จะเป็นศิษย์ภายใน“ฉันแค่ต้องเลื่อนระดับไปยังขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดเพื่อที่จะขึ้นเป็นศิษย์ภายใน? นี่ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?” เฟนด์พึมพำกับตัวเอง ท้ายที่สุด ขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดอยู่ห่างจากขั้นแรกของระดับแรกกำเนิดเพียงสองระดับ เพียงสองขั้นเล็ก ๆ ในขั้นที่สูงกว่า นั่นคือสิ่งที่แยกศิษย์ภายในออกจากศิษย์ภายนอกจริง ๆ หรือ? เฟนด์หมดคำจะพูด แต่รู้สึกว่าตำหนักสองกษัตริย์ต้องกำลังล้อเขาเล่นแน่ ๆเขาไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังของเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดและเชิญแนชมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกัน เขาคิดว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว เนื่องจากเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ เขาจึงต้องการใช้เวลาสังเกตผู้คนที่ถูกคัด
ดูเหมือนว่าเขาคิดถูกแล้วที่จะออกจากทวีปแคทธีเซีย เพราะถ้าเขาไม่มาที่นี่เพราะคงเป็นแค่ไอ้โง่ที่ไม่รู้อะไรไปแล้ว แนชชำเลืองมองที่เฟนด์และพูดว่า “กล่าวได้ว่าที่นี่มีศิษย์ภายนอกจำนวนมากที่อยู่ในขั้นแรกของระดับแรกกำเนิดที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์ภายใน นอกจากนี้ ลูกยังสามารถแลกเปลี่ยนตำแหน่งของลูกกับลูกศิษย์ภายในพี่อยู่ในขั้นแรกของระดับติดตัวได้อีกด้วย หากลูกสามารถเอาชนะเขาในการต่อสู้ได้ ผู้แพ้จะได้ได้รับตำแหน่งศิษย์ภายนอก และผู้ชนะจะได้ตำแหน่งศิษย์ภายใน อา นั่นอธิบายได้ถึงการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตำหนักสองกษัตริย์”เฟนด์มีประสบการณ์โดยตรงเมื่อเขาพบว่าผู้ดูแลบริกส์ ศิษย์อาวุโสลี และคนอื่น ๆ ทำนิ่งเฉย ขณะเกิดการทะเลาะวิวาทและการต่อสู้ขึ้นในระหว่างการทดสอบความสามารถพิเศษ เมื่อพูดถึงการต่อสู้ พวกระดับสูงมักจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับพวกเขาเสมอ นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสนับสนุนให้มีการต่อสู้กันในสมาคม ราวกับว่ายิ่งการต่อสู้รุนแรงขึ้น สมาคมก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น“สิ่งนี้คล้ายกับสภาวะในครรภ์ของฉลามตัวเมีย ลูกฉลามในท้องจะกินกันเอง จนกว่าจะเหลือฉลามตัวที่เก่งกาจที่สุดเพียงตัวเด