“นั่นดูจะเป็นการพูดเกินไปสักหน่อย การรับสมัครมีเงื่อนไขของตัวเองเช่นกัน และพลังยุทธของศิษย์ใหม่ไม่อาจสูงกว่าขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดได้ เนื่องจากนี่เป็นระดับที่ดีที่สุดในฝึกยุทธของคน เมื่อคน ๆ หนึ่งบรรลุถึงขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดไปแล้ว การให้ความสำคัญกับการดูแลใครสักคนในระดับนั้นจะน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับคนในขั้นต้น!”เฟนด์ตกตะลึงหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาเข้าใจแล้วว่ายิ่งคน ๆ หนึ่งมีพลังยุทธสูงได้โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ ตำหนักจะยิ่งให้ความสำคัญกับบุคคลเช่นนั้นต่ำลงดังนั้นตำหนักทั่วไปจึงเลือกศิษย์ที่ยังไม่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่เฟนด์ไม่เข้าใจคือความแตกต่างอย่างมากระหว่างขั้นต้นและขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด จากสิ่งที่พนักงานต้อนรับอธิบาย ความแตกต่างนั้นกว้างมากและเฟนด์ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งนี้อาจเป็นเพราะเขามีความเข้าใจต่อโลกนี้อย่างตื้นเขินจนไม่สามารถจะทำความเข้าใจกับมันได้ ยังไงก็ตามเฟนด์ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีกเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานต้อนรับสงสัยในตัวเขา หลังจากที่เขาได้รับข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เฟนด์ก็หันหลังกลับและเดินขึ้นในห้องพัก เขาเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดทันทีที่กลับถึงห้อง
ผู้ชายอีกคนส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “นายยังเด็กเกินไป ทำไมนายไม่คิดให้รอบคอบ นายรู้แนวคิดของสำนักระดับสามหรือไม่? ในรัฐเวสต์ เซอร์ซีที่เราอาศัยอยู่ มีสำนักระดับสามเพียงไม่กี่แห่งในที่ดินแดนที่ใหญ่โตเช่นนี้! นายรู้ไหมว่ามีกี่คนในรัฐเวสต์ เซอร์ซี? มีคนเป็นล้าน ๆ คน! ในบรรดาผู้คนนับล้านเหล่านี้จะมีสักกี่คนที่สามารถเข้าร่วมกับตำหนักสองกษัตริย์ได้”ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีไม่ยอมฟังคำอธิบายของคนผู้นั้น “ฉันไม่สนหรอก ฉันมั่นใจว่าฉันจะเข้าไปในตำหนักสองกษัตริย์ได้อย่างแน่นอน และฉันอาจจะกลายเป็นศิษย์ภายนอกของตำหนักก็ได้ แม้ว่าฉันจะอยู่ในขั้นสูงของระดับติดตัว แต่ฉันยังเด็กอยู่ สักวันหนึ่ง ฉันมั่นใจว่าฉันจะพัฒนาขึ้นไปได้อีกมาก!”คนผู้นั้นกลอกตาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด เขาดูเหมือนไม่อยากจะโต้เถียงกับชายหนุ่มคนนี้ต่อไป ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปมองทางอื่นเฟนด์ยืนอยู่ข้างพวกเขาในความเงียบ เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับตำหนักสองกษัตริย์หลังจากฟังการสนทนาระหว่างสองคนนี้ทั่วทั้งรัฐเวสต์ เซอร์ซีมีสำนักระดับสามเพียงห้าสำนักเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ารัฐเวสต์ เซอร์ซีใหญ่แค่ไหน แต่จากการสนทนาระหว่
งานเลี้ยงน้ำชาคืออะไร? เป็นอีกคำหนึ่งที่เฟนด์ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังไงก็ตามเมื่อคาดเดาจากความหมายทีละตัวอักษรแล้ว ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นการชุมนุมเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะยุทธ ปรากฎว่าสองคนนี้ได้แสดงความสามารถพิเศษในระหว่างงานเลี้ยงน้ำชา ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รู้จักชื่อของพวกเขาและชื่นชมพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนดูราวกับนกกระเรียนพี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงเป็ด ผู้คนที่อยู่รายล้อมพวกเขาแหวกทางให้คนเหล่านี้อย่างกระตือรือร้น แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมอร์ตัน เขาจ้องมองเจอรัลด์ด้วยหางตา เจอรัลด์ดูเหมือนจะมีกล้ามเนื้อมากกว่าเมื่อเทียบกับมอร์ตัน และกล้ามเนื้อที่ปูดโปนออกมาบนแขนของเขาก็ดูเหมือนจะมีพลังมหาศาล ดังนั้นมอร์ตันจึงคิดเสมอว่าเจอรัลด์เป็นพวกกล้ามใหญ่แต่ไร้สมองบทสนทนารอบตัวเริ่มเข้าหูพวกเขา เจอรัลด์ไม่สนใจว่าคนเหล่านี้จะพูดอะไร แต่มอร์ตันกลับมีสีหน้าเย้ยหยันอย่างเต็มที่เพราะเขารู้สึกว่าเขามีความสามารถและแข็งแกร่งกว่าเจอรัลด์มากในการต่อสู้ครั้งก่อนพวกเขาเสมอกัน แถมเขายังอายุน้อยกว่าเจอรัลด์มาก หากพวกเขาสองคนอายุเท่ากัน เจอร
บุคคลนั้นมองเฟนด์ด้วยความประหลาดใจหลังจากได้ยินคำถามของเขา เขาตวัดสายตามองเฟนด์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงหยาบคาย “นี่นายไม่รู้เหรอ? ทั้ง ๆ ที่นายอยากเป็นศิษย์ของตำหนักสองกษัตริย์แต่นายกลับไม่รู้เรื่องนี้ ไม่รู้จักโลภเอาซะเลย!”มีคำใบ้ที่ชัดเจนในประโยคนี้และเฟนด์เลือกที่จะเพิกเฉยต่อเขา จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้เฟนด์ฟัง “ต่อให้จะได้อันดับที่หนึ่งในการประเมิน แต่พวกเขาก็จะไม่ได้รับรางวัลเป็นโอสถซานหยวนอยู่ดี นั่นคือโอสถวิญญาณชั้นยอดอันดับหนึ่งที่ใคร ๆ ก็ต้องการ! แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อโอสถดังกล่าวด้วยผลึกวิญญาณระดับต่ำจำนวนสองพันชิ้น สำหรับผู้ได้รับชัยชนะเป็นคนแรกจะได้รับเพียง 2 รางวัลนั่นคือ คะแนนสมทบห้าสิบคะแนน และที่พักส่วนตัวเท่านั้น”“แม้ว่าที่นี่จะเป็นตำหนักสองกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงในรัฐเวสต์ เซอร์ซี แต่ที่นี่ก็มีที่พักไม่เพียงพอเนื่องจากพวกเขามีศิษย์มากเกินไป พวกหน้าใหม่ของตำหนักจะต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกับคนอื่น ๆ อีกหลายคน แต่หากได้ที่หนึ่งก็จะสามารถอยู่ในห้องพักส่วนตัวได้ การอยู่คนเดียวลำพังจะช่วยลดปัญหาได้มาก แต่การจะได้โอสถซานหยวนนั้นยิ่งยากเข้
เซฟและแอมโบรสต่างก็รู้ว่านั่นเป็นคำชมที่สูงพอ ๆ กับที่พวกเขาจะได้รับ สิ่งนี้กระตุ้นให้พวกเขาทำหน้าที่ผู้จัดงานอย่างจริงจัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซฟได้รับหน้าที่ให้รับผิดชอบในการประกาศกฎและคอยจัดการทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การควบคุม แต่คราวนี้ เขาได้รับความช่วยเหลือจากแอมโบรสเพิ่มเข้ามาด้วยเซฟขอให้ใครสักคนนำเก้าอี้มาให้ผู้อาวุโสลี กลุ่มคนเข้าแถวตรงกลางประตูและเริ่มอธิบายกฎให้ฝูงชนด้านล่างฟัง กฎเหล่านั้นเหมือนกับข้อความที่เฟนด์ วู๊ดได้ยินจากคนอื่น ๆเซฟอ่านกฎต่อไป และแม้ว่าผู้คนจะรู้กฎของการประลองอยู่แก่ใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงอาการกระวนกระวายกับความเชื่องช้าที่น่าหงุดหงิดของเขา ท้ายที่สุด ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือผู้ดูแลของตำหนักสองกษัตริย์ เขาสามารถโยนพวกเขาออกไปได้อย่างง่ายดายด้วยหมัดเดียว แม้แต่มอร์ตันและเจอรัลด์จอมอวดดีก็ยังฟังอยู่เงียบ ๆ ซึ่งนั่นทำให้เซฟพอใจเป็นอย่างมากหลังจากที่เขาอ่านกฎจบ เขาก็หยุดก่อนที่จะพูดต่อด้วยเสียงที่ดังกว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณทุกคนรู้กฎกันดี แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะพูดต่อไปคือกฎใหม่ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสมาคม ดังนั้นจงฟังให้ดี โดยปกติแล้ว ผู้ชนะอันดับที่หนึ่ง
“ตัวอย่างเช่น หนึ่งในสองคนที่แข็งแรงกว่าอาจจุดไฟดวงที่สามให้สว่างขึ้นได้เป็นเวลาหกวินาที ในขณะที่คนที่อ่อนแอกว่าจะทำได้เพียงสี่วินาที ตอนนี้พวกคุณเข้าใจหรือยัง?” ฝูงชนเข้าใจคำอธิบายได้อย่างง่าย ๆ ในทันที ออบซิเดียนมีความสามารถในการวัดพลังงาน! หลังจากรู้ถึงความสามารถของมัน เฟนด์ วู๊ดก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับออบซิเดียนมากขึ้น เขาสงสัยว่ามันถูกสร้างขึ้นมาให้มีความสามารถในการวัดพลังงานได้อย่างแม่นยำถึงระดับนั้นได้ยังไงเซฟไม่ได้ประกาศการเริ่มต้นการทดสอบทันที แต่จงใจให้เวลาผู้เข้าร่วมในการหารือกันเอง ความสนใจของฝูงชนทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่ชายที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนในหมู่พวกเขาโดยธรรมชาติแล้ว มอร์ตันเลือกช่วงเวลานี้เพื่อกำจัดอัตตาของเขา เขาชำเลืองมองเจอรัลด์และพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยะโส “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสร้างมาตรฐานนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ฝูงชนได้รู้ว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อเทียบกับนาย”เจอรัลด์ตะคอกเสียงดัง โดยมองว่ามอร์ตันเป็นเพียงตัวตลก เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองมอร์ตันขณะที่เขาพูดว่า “นี่นายรู้ตัวไหมว่าตั้งแต่มาเหยียบที่นี่ นายยกตนข่มคนอื่นมากี่ครั้งแล้ว? คนสติดีที่ไหนจะทำแบบนั้น? ถ้านายแข
ในที่สุดเซฟก็ประกาศเริ่มต้นการทดสอบ “เราจะเริ่มการทดสอบทันที กรุณาต่อแถว ทุกคนคอยดูไว้ให้ดี ถ้ามีใครแทรกคิวคนอื่น คน ๆ นั้นจะถูกตัดสิทธิ์ทันที!”การสนทนาของพวกเขาหยุดลง เฟนด์อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมเซฟถึงจงใจให้เวลาพวกเขาพูดคุยกัน สมาคมจะได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้? ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีเขียวก็เริ่มเดินเข้าไปหาออบซิเดียน ถือเป็นเรื่องปกติที่เขาจะได้เลือกตำแหน่งเป็นคนแรกในเมื่อเขามาถึงเร็วที่สุดในหมู่ฝูงชนคนอื่น ๆ กลัวเขาและลังเลที่จะเป็นคนแรกเพราะรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ ท้ายที่สุดแล้ว ชายหนุ่มก็อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดแล้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะหาตำแหน่งตรงหน้าหินออบซิเดียน แอมโบรสก็พูดกับเขาว่า "คุณจะผ่านการทดสอบก็ต่อเมื่อไฟทั้งสามสว่างขึ้นทั้งหมด หากผ่านการทดสอบแล้วโปรดยืนข้างหลังฉัน”ชายหนุ่มพยักหน้าและสูดหายใจลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ จากนั้น เขาประสานมือเข้าด้วยกันแบบฝ่ามือต่อฝ่ามือ ก่อนที่แสงสีเขียวเริ่มหมุนวนรอบมือของเขาขณะที่เถาวัลย์ที่มีแสงสีเขียวนีออนปรากฏขึ้นจากมือเถาวัลย์ดังกล่าวดูเหนือจริงและเต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ ชายหนุ่มยื
“เขาคงมาจากต่างบ้านต่างเมือง เพราะหากเป็นคนจากเมืองนี้เขาคงไม่มั่นใจขนาดนั้น คนไม่รู้จะเรียกว่าโง่เขลาได้ยังไง”สีหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นหลังจากคำสบประมาทลอยเข้าหูอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นด้วยความโกรธ และดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่จ้องมองไปที่ฝูงชนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แต่ความพยายามของเขาไร้ผลเพราะไม่มีใครสนใจความโกรธของเขา จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกราวกับว่าทุกคนที่นั่นตบเขาจนสะบักสะบอม สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยเฟนด์ถอนหายใจเบา ๆ กับความคิดที่ความเป็นจริงของทุกคน ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้รับการเชิดชูตลอดไปในขณะที่ผู้อ่อนแอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องเลียรองเท้าของผู้แข็งแกร่ง แต่ก็อีกนั่นแหละ ฝูงชนอาจพูดถูกเพราะเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่เคยผ่านความยากลำบากใด ๆ มาก่อน ดังนั้นเขาจะไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครก้าวขึ้นไปทดสอบเป็นคนที่สอง แม้ว่าทุกคนจะหัวเราะเยาะผลลัพธ์ของชายหนุ่ม แต่พวกเขาก็ ได้รับบทเรียนราคาแพงเช่นกัน เพราะท้ายที่สุด ระดับการบ่มเพาะของชายหนุ่มนั้นอยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิด ทั้งท