ในที่สุดเซฟก็ประกาศเริ่มต้นการทดสอบ “เราจะเริ่มการทดสอบทันที กรุณาต่อแถว ทุกคนคอยดูไว้ให้ดี ถ้ามีใครแทรกคิวคนอื่น คน ๆ นั้นจะถูกตัดสิทธิ์ทันที!”การสนทนาของพวกเขาหยุดลง เฟนด์อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมเซฟถึงจงใจให้เวลาพวกเขาพูดคุยกัน สมาคมจะได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้? ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีเขียวก็เริ่มเดินเข้าไปหาออบซิเดียน ถือเป็นเรื่องปกติที่เขาจะได้เลือกตำแหน่งเป็นคนแรกในเมื่อเขามาถึงเร็วที่สุดในหมู่ฝูงชนคนอื่น ๆ กลัวเขาและลังเลที่จะเป็นคนแรกเพราะรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ ท้ายที่สุดแล้ว ชายหนุ่มก็อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดแล้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะหาตำแหน่งตรงหน้าหินออบซิเดียน แอมโบรสก็พูดกับเขาว่า "คุณจะผ่านการทดสอบก็ต่อเมื่อไฟทั้งสามสว่างขึ้นทั้งหมด หากผ่านการทดสอบแล้วโปรดยืนข้างหลังฉัน”ชายหนุ่มพยักหน้าและสูดหายใจลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ จากนั้น เขาประสานมือเข้าด้วยกันแบบฝ่ามือต่อฝ่ามือ ก่อนที่แสงสีเขียวเริ่มหมุนวนรอบมือของเขาขณะที่เถาวัลย์ที่มีแสงสีเขียวนีออนปรากฏขึ้นจากมือเถาวัลย์ดังกล่าวดูเหนือจริงและเต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ ชายหนุ่มยื
“เขาคงมาจากต่างบ้านต่างเมือง เพราะหากเป็นคนจากเมืองนี้เขาคงไม่มั่นใจขนาดนั้น คนไม่รู้จะเรียกว่าโง่เขลาได้ยังไง”สีหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นหลังจากคำสบประมาทลอยเข้าหูอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นด้วยความโกรธ และดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่จ้องมองไปที่ฝูงชนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แต่ความพยายามของเขาไร้ผลเพราะไม่มีใครสนใจความโกรธของเขา จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกราวกับว่าทุกคนที่นั่นตบเขาจนสะบักสะบอม สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยเฟนด์ถอนหายใจเบา ๆ กับความคิดที่ความเป็นจริงของทุกคน ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้รับการเชิดชูตลอดไปในขณะที่ผู้อ่อนแอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องเลียรองเท้าของผู้แข็งแกร่ง แต่ก็อีกนั่นแหละ ฝูงชนอาจพูดถูกเพราะเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่เคยผ่านความยากลำบากใด ๆ มาก่อน ดังนั้นเขาจะไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครก้าวขึ้นไปทดสอบเป็นคนที่สอง แม้ว่าทุกคนจะหัวเราะเยาะผลลัพธ์ของชายหนุ่ม แต่พวกเขาก็ ได้รับบทเรียนราคาแพงเช่นกัน เพราะท้ายที่สุด ระดับการบ่มเพาะของชายหนุ่มนั้นอยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิด ทั้งท
ไฟดวงที่สามสว่างขึ้นเพียงชั่วขณะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาผ่านการทดสอบ เสียงของแอมโบรสดังไปทั่วฝูงชนอีกครั้ง “แสงดวงที่สาม หนึ่งวินาที โปรดไปยืนข้างหลังฉันเพื่อที่ฉันจะได้ลงทะเบียนของคุณในภายหลัง”“ขอบคุณท่านผู้ดูแล!” แบร์ดีพูด เขายิ้มกว้างจนสุดหูขณะที่เขาเดินไปยืนอยู่ข้างหลังแอมโบรส ฝูงชนมองมาที่เขาด้วยความอิจฉา และความสงสัยทั้งหมดที่พวกเขามีต่อชายหนุ่มก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ยังไงก็ตาม การแสดงออกที่อวดดีบนใบหน้าของชายร่างใหญ่ทำให้พวกเขายังหวังว่าจะได้ตบให้เขาลืมวิธียิ้มได้ด้วยมือของพวกเขาเองพลังคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ และชายร่างใหญ่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าเขาสามารถผ่านการทดสอบได้ มีเพียงเท่านี้ที่ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยังไงก็ตาม ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าเฟนด์ยังไม่มั่นใจในพลังของชายร่างใหญ่ “ทำไมคุณถึงทำตัวหยิ่งยโสได้ขนาดนี้? ไฟดวงที่สามสว่างขึ้นเพียงหนึ่งวินาที นายผ่านการทดสอบแบบฉิวเฉียดด้วยซ้ำ! ทำอย่างกับว่าจุดไฟดวงที่สี่ได้สำเร็จอย่างนั้นล่ะ!”แบร์ดีหันไปมองชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ได้ปิดบังระดับพลังยุทธของเขา และแบร์ดี้ก็สามารถรู
ไม่น่าแปลกใจที่ตำหนักสองกษัตริย์กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนห้องพัก การทดสอบนี้จะทำให้พวกเขาได้รับศิษย์ใหม่เข้ามาถึงสามร้อยคนหรือมากกว่านั้น และเมื่อรวมกับศิษย์ดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว เพราะเขาน่าจะมีศิษย์ทั้งหมดหนึ่งพันคนแต่เฟนด์รู้ว่าศิษย์ใหม่สามร้อยคนนี้อาจถูกส่งไปรบและก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมีสักกี่คนที่รอดกลับมา คนในระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์ไม่ได้โง่ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีแผนของตัวเองในตอนแรก มอร์ตันวางแผนที่จะเป็นผู้ประเมินคนที่สองรองจากคนสุดท้าย แต่เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปเมื่อเวลาผ่านไป หลายคนที่อยู่ที่นั่นมีความทะเยอทะยานมากเหลือล้นและคิดไปว่าพวกเขาจะทำได้ดีในการทดสอบ และการกระทำที่กล้าหาญของพวกเขาจะตราตรึงในใจของผู้อื่นตลอดไป นั่นเป็นความจริงอย่างที่สุด ในบรรดาผู้ที่ผ่านการทดสอบแทบจะไม่มีใครทำให้ออบซิเดียนสว่างได้เกินสามดวง ผู้ที่สามารถจุดไฟดวงที่สี่ได้นั้นถือเป็นชนกลุ่มน้อย ถึงกระนั้น กลุ่มหลังก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะทั้งหมด และฝูงชนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม“ฉันคิดว่าฉันจะผ่านการทดสอบได้ แต่ฉันกลับทำได้เพียงจุดไฟได้เพียงสองดวง และดวงที่สองสว่าง
เมื่อเทียบกันแล้วก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ตระกูลของมอร์ตันจะด้อยกว่าตำหนักสองกษัตริย์ แต่ตระกูลของเขาถือเป็นตระกูลใหญ่โตเพียงไม่กี่ตระกูลในเมืองของเขา และเขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยความเชื่อว่าเขาคือผู้ถูกเลือกและต้องแบกรับภาระในการทำให้ตระกูลของเขาภาคภูมิใจบวกกับความจริงที่ว่าเขาไม่เคยเผชิญกับความล้มเหลวมาก่อน จึงไม่แปลกใจเลยที่เขามั่นใจในตัวเองมากถึงขนาดนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองมีเอกลักษณ์และและไม่ได้รับการอบรมดูแลจากตำหนักสองกษัตริย์เพียงเพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ แต่เขาเชื่อว่าเมื่อเขาได้เข้ามาอยู่ในตำหนักแล้วเขาจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน เขาจะปีนขึ้นไปให้สูงและใช้ตำแหน่งของศิษย์ภายในเป็นฐานรองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นศิษย์อาวุโส และจากนั้นก็จะไม่มีอะไรหยุดไม่ให้เขาขึ้นเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกเขาอาจได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในด้วยซ้ำ ตระกูลของเขาจะต้องภูมิใจในตัวเขาอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่พอใจที่จะถูกมองว่าเท่าเทียมกับเจอรัลด์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความมั่นใจของเขาและอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะปมด้อยของเขาด้วย การทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้คล้ายกับการสอบเข้า ด
เขาก้าวไปข้างหน้าเป็นก้าวใหญ่ ๆ และรูปลักษณ์ที่แข็งแรงของเขาทำให้เขาดูเหมือนชายผู้เต็มไปด้วยพลัง ราวกับว่าหมัดเดียวจากเขาเพียงพอที่จะฆ่านักสู้สองคนในขั้นสูงระดับติดตัว ฝูงชนแยกย้ายหลีกทางให้เขาและเฝ้าดูเขาก้าวขึ้นเวทีไปเมื่อไปถึงที่นั่นเจอรัลด์ใช้เวลาวิเคราะห์ออบซิเดียนราวกับว่าเขาต้องการฟื้นความทรงจำของตัวเอง เขาแตะออบซิเดียนเบา ๆ และพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ฉันจะแสดงให้พวกนายเห็นถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าอัจฉริยะและพลัง” ฝูงชนที่เงียบก่อนหน้านี้ส่งเสียงกึกก้องเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้แต่เฟนด์ก็ยังพบว่ามุมปากของเขาเริ่มมีรอยยิ้มเย้ยหยันในตอนแรกเฟนด์รู้สึกว่าเจอรัลด์ดีกว่ามอร์ตันมาก อย่างน้อยเจอรัลด์ก็ไม่ได้โอ้อวดตัวเอง ต่างจากมอร์ตันที่มักพล่ามถึงแต่ความแข็งแกร่งของตัวเอง นั่นทำให้เขาดูเป็นคนเหลาะแหละ แม้ว่ามอร์ตันจะมีอำนาจขนาดนั้นจริง ๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องน่าขัน สิ่งที่เจอรัลด์ทำเหมือนเป็นการว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองแต่การที่ก่อนหน้านี้เจอรัลด์ไม่อวดตัวเองไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มั่นใจในตัวเอง แถมเขายังโอ้อวดตัวเองได้ดียิ่งกว่ามอร์ตันเสียอีก เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าอัจฉริยะที่แท้จริงเป็
หินทั้งสี่ดวงสว่างดวงขึ้นทันทีซึ่งทำให้ฝูงชนอ้าปากค้าง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เจอรัลด์จะพอใจกับแสงเพียงสี่ดวง ตาของเขาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าในขณะที่เขามุ่งมั่นที่จะทำให้แสงดวงที่ห้าสว่างขึ้น แต่เขาเขาก็ถูกเลือกให้ผิดหวังเมื่อแปดวินาทีผ่านไปและไฟดวงที่สี่ก็ดับลงผลการทดสอบของเขาถือว่าดีที่สุด ไม่ว่าใครได้รับผลการทดสอบเช่นนี้ย่อมต้องดีใจมาก แต่เจอรัลด์พบว่าตัวเองยิ้มไม่ออกเลยสักนิด ใบหน้าของเขามืดมนราวกับกลางคืน“แสงดวงที่สี่สว่างถึงแปดวินาที โปรดมายืนข้างหลังฉัน” แอมโบรสกล่าว มีนัยของความสงสารในน้ำเสียงของเขาด้วย แม้ว่าผลลัพธ์ของเจอรัลด์จะน่าประทับใจมาก แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขา“ไฟสี่ดวงเท่านั้นเองเหรอ? น่าผิดหวังจริง ๆ” เจอรัลด์พูดด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงและมือทั้งสองของเขาก็สั่น "เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางที่พลังของฉันจะมีเท่านี้” เขากำลังเตรียมที่จะหันกลับไปอีกครั้ง แต่แอมโบรสหยุดเขาไหว “ทุกคนได้รับสิทธิ์เพียงคนละครั้งเท่านั้น แม้แต่คุณเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ผลลัพธ์ของคุณค่อนข้างพิเศษกว่าใครอยู่แล้ว และถึงจะได้สิทธิ์ทำอย่างนั้นอีกครั้งผลลัพธ์ก็จะไ
มอร์ตันหุบพัดลง “ฉันมีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะนาย? นั่นก็เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็แข็งแกร่งกว่านาย นั่นทำให้ฉันมีสิทธิ์หัวเราะเยาะนายไงล่ะ!”เจอรัลด์หัวเราะอย่างเย็นชา "ถ้าอย่างนั้น นายก็ขึ้นไปทดสอบเป็นคนต่อไปสิ เราจะได้จบเรื่องนี้กันสักที”มอร์ตันเย้ยหยันและเดินเข้าไปหาออบซิเดียนอย่างมั่นคงราวกับว่าชัยชนะอยู่ในมือของเขาแล้ว ไม่ว่าใครที่หันมามองเขาก็ล้วนต้องนึกถึงนกยูงที่กำลังเดินหาคู่อยู่ฝูงชนมองดูพวกเขาทะเลาะกันเงียบ ๆ “ฉันสงสัยจังว่ามอร์ตันจะสามารถจุดไฟห้าดวงได้จริง ๆ หรือเปล่า” ใครบางคนกระซิบ"ฉันก็คิดแบบนั้น เขาไม่ใช่คนโง่ หากเขาไม่มั่นใจในตัวเองเขาคงไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมา ศักดิ์ศรีของเขาสำคัญที่สุด”หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของผู้พูดคนที่สอง จริงอยู่ มอร์ตันอาจจะชอบอวดตัวเอง แต่เขาจะไม่ทำอะไรที่จะทำลายชื่อเสียงของเขา ถ้าเขาบอกว่าทำได้เขาก็ทำได้เมื่อถึงเวลานั้น มอร์ตันก็ยืนอยู่หน้าออบซิเดียน ณ ที่เดียวกับที่เจอรัลด์ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขามองดูออบซิเดียนก่อนจะเก็บพัดของเขาไว้ในแหวนยุทธ มีกฎว่าห้ามใช้อาวุธ ผู้ประเมินจึงสามารถโจมตีออบซิเดียนด้วยพลังยุทธของพวกเขาเพียงเท่