เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้ของเขาในครั้งนี้ลงมืออย่างรวดเร็ว เขาใช้ทักษะยุทธระดับสองในทันที และรูปลักษณ์ของพลังฉีที่ดูคล้ายกับนกเหยี่ยวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มันพุ่งไปข้างหน้าด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว“ระวังนะเฟนด์ ออร่าที่มาจากชายคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป!”เมื่อแนชสัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังของชายคนนั้น ในขณะที่เขาเหาะออกไปจัดการกับเหล่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือด เขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเฟนด์“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมจะไม่ปล่อยให้เขาฆ่าผมได้ง่าย ๆ หรอก!”เฟนด์กำด้ามดาบแน่นและปล่อยพลังฉีในกายของเขาให้ไหลลงสู่ดาบทันทีชวิ้ง!เมื่อพลังฉีไหลเข้าไปในดาบ เสียงแหลมคมก็ดังขึ้น ในขณะเดียวกัน ออร่าของเฟนด์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน“นั่นเป็นดาบที่ค่อนข้างดี มันช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับคุณ ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงสุด”ดวงตาของไซม่อนเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อได้เห็นดาบในมือของเฟนด์เขาสังเกตเห็นอย่างอื่นได้อย่างรวดเร็วและร้องออกมาว่า “ไม่ เดี๋ยวก่อน แกอยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ไม่ใช่ขั้นที่เจ็ด!”ตาของไซม่อนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ในการโจมตีของเขาก่อนหน้านี้เป็นการซุ่มโจมตี ดังนั
“พวกขยะไร้ค่า! เราเพิ่งเริ่มเองนะ และพวกนายทนต่อไปอีกหน่อยไม่ได้หรือไง?”ไซม่อนโกรธจัด เขาคิดว่าการฆ่าเฟนด์จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่า การโจมตีของเฟนด์สามารถต่อกรกับการโจมตีของเขาได้ ราวกับว่าพวกเขามีฝีมือสูสีกันอย่างไรอย่างนั้น"ไม่มีทาง นี่คือทักษะยุทธระดับสอง แต่ถึงอย่างนั้นทักษะยุทธของเขาก็สามารถรับมือได้ ที่สำคัญกว่านั้น ระดับพลังยุทธของเขายังต่ำกว่าของฉันมาก!”ตอนนี้ไซม่อนรู้สึกว่าความหยิ่งทะนงของเขาถูกเหยียบย่ำอย่างรุนแรง เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง ผู้คนมากมายชื่นชมและเคารพเขา มีแม้กระทั่งศิษย์หญิงมากมายที่ตามกรี๊ดเขาสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง อีกทั้งเขายังอายุไม่มากนัก เขาเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณได้ เมื่อถึงตอนนั้น ในการเลือกผู้นำกลุ่มคนต่อไป ทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่เขา ไซม่อน กรีนแต่เพียงผู้เดียวเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง เด็กหนุ่มที่อยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดจะสามารถใช้ทักษะยุทธของเขาโจมตีต่อกรกับเขาได้ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าถูกใครตบห
คำพูดของเฟนด์ทำให้ไซม่อนโกรธจนแทบจะกระอักเลือด “หมัดมังกรคู่!”เฟนด์กลั้นหายใจเบา ๆ ก่อนที่หมัดพลังฉีขนาดใหญ่สองข้างจะพุ่งตัวออกไปพวกมันกลายเป็นหัวมังกรที่โปร่งแสงและปล่อยเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวออกมา จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับออร่าที่น่าสะพรึงกลัวของมังกร“อย่างกับฉันจะยอม!”ใบหน้าของไซม่อนซีดราวกับรู้สึกถึงความตายเป็นครั้งแรก เขากัดฟันแน่นหลังจากที่เห็นการโจมตีที่น่ากลัวของเฟนด์ เขาใช้ทักษะยุทธที่เขาภาคภูมิใจที่สุดปัง!เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้น ทักษะยุทธที่ไซม่อนภาคภูมิใจที่สุดนั้นอ่อนปวกเปียกเหลือทน ในตอนที่มันปะทะเข้ากับการโจมตีของเฟนด์มันก็ถูกระงับอย่างรวดเร็วและแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง"ไม่!"ขณะที่ไซม่อนซึ่งอยู่ในขั้นที่เจ็ดในระดับเทพสูงสุดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง หน้าอกของเขาก็ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่ทะลุร่างออกไป จากนั้นเขาก็ลอยถอยหลังและร่อนลงบนพื้นตายนิ่งสนิท“สหายผู้นี้มีทักษะยุทธที่น่าทึ่งมาก!”เฟนด์เหาะไปด้านข้างของเขาและหยิบแหวนยุทธของเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็บอกอเล็กซานเดอร์และคนอื่น ๆ ว่า “ไปกันเถอะ ถึงเราจะไม่ได้สู้กันนานนัก แต่เสียงก็ดังเกินไป มันจะดึงดูด
คำพูดของผู้อาวุโสลำดับที่สี่ทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตกใจ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ศิษย์ของเขาสองสามคนได้เข้าป่าไปฆ่าผู้คนที่บุกเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผู้อาวุโสลำดับที่สี่พูดเช่นนี้ ก็แปลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับศิษย์คนหนึ่งของเขาเขายืนขึ้นมาในทันที “ศิษย์คนหนึ่งของผมตายที่นั่นหรือ ผู้อาวุโสลำดับที่สี่?” เขาถามผู้อาวุโสลำดับที่สี่พยักหน้า “ไซม่อนน่ะ ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นศพเขาในวันนี้!”"อะไรนะ! ทำไมต้องเป็นเขา?"ผู้อาวุโสหนึ่งหายใจกระชั้น เขาเกือบจะเป็นลมเพราะความโกรธ ข่าวนี้เป็นดังสายฟ้าฟาดในยามฟ้าใส มันอยู่เหนือความคาดหมายของเขา"ไม่มีทาง"ผู้อาวุโสลำดับที่หกถึงกับลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไซม่อนเป็นศิษย์ที่ดีที่สุดของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง และเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุดไปแล้ว ทำไมเขาถึงตายได้? คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ได้จำเขาสลับกับใคร บางทีคุณอาจมองผิดไป”"ใช่แล้ว ผู้อาวุโสลำดับที่สี่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ!”ผู้อาวุโสลำดับที่สามพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเชื่อว่านี่เป็นความจริง“ถ้าไซม่อนตายจริง นั่นหมา
"ถูกต้อง ตอนนี้เฟนด์อยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดแล้ว ถ้าเขาทะลวงต่อไปได้อีกสามขั้น เขาจะอยู่ในขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุด ผมคิดว่าเขาน่าจะฆ่าคนที่อยู่ในขั้นที่เก้าของระดับเทพสูงสุดได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับทักษะยุทธที่บ้าคลั่งของเขา และหากเขาสามารถฆ่าหัวหน้าเผ่ากระหายเลือดได้มันคงจะดีไม่น้อย!”เวสตันรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน"เอาล่ะ ทุกคน ฉวยโอกาสนี้ในการฝึกฝนตัวเอง สร้างความก้าวหน้าให้ได้ในคืนนี้!”เฟนด์พยักหน้ากับทุกคน พวกเขาใช้เวลาทั้งบ่ายบินลึกเข้ามาในป่า เนื่องจากกลัวว่าคนจากเผ่ากระหายเลือดจะพบพวกเขา หลังจากที่พวกเขาสามารถรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขากับเหล่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดได้มากพอ เฟนด์ก็เลือกถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่อย่างดีสำหรับคืนนี้หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น ทุกคนก็หยิบโอสถขั้นกลางระดับสามออกมา และใส่มันเข้าไปในปากก่อนกลืนลงไปโอสถขั้นกลางระดับสามนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าโอสถขั้นต้นระดับสามอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฟนด์เต็มไปด้วยความคาดหวังหลายวันมานี้ จักระในร่างกายของเขาช่วยให้พลังชีถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นที่ห้าในระ
“ฮ่าฮ่า ดีแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในขั้นที่หกในระดับเทพสูงสุดแล้ว!”หลังจากนั้นไม่นาน อเล็กซานเดอร์ก็ยืนขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ต้องบอกว่ายาเม็ดขั้นกลางระดับสามนั้นเป็นของล้ำค่าของผู้ที่อยู่ในระดับเทพสูงสุด เป็นไปได้ว่าแม้แต่เผ่ากระหายเลือดเองก็ไม่สามารถรังสรรค์สิ่งนี้ได้มิฉะนั้น ไม่มีทางที่เผ่ากระหายเลือดจะมีคนที่อยู่ในระดับทะลวงวิญญาณเพียงแค่คนเดียวเฟนด์และคนอื่น ๆ ยังคงรอต่อไปอีกราว ๆ หนึ่งชั่วโมง จากนั้นแนช เคนเนธและคนอื่น ๆ ก็เริ่มสร้างความก้าวหน้าตามมาอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับอเล็กซานเดอร์ พวกเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หกของระดับเทพสูงสุดได้แล้ว“นี่มันวิเศษจริงๆ เรามีสมาชิกที่อยู่ในขั้นที่หกระดับเทพสูงสุดห้าคนและระดับห้าหนึ่งคน อีกทั้งตอนนี้เฟนด์ก็ได้อยู่ในขั้นที่เจ็ดในระดับเทพสูงสุดแล้ว ฮ่าฮ่า จริงอยู่ที่เรามีคนไม่มากนัก แต่ระดับทักษะยุทธของเราค่อนข้างดี! ตราบใดที่ผู้อาวุโสของพวกเขาไม่ได้พากันมาหลายคน และถ้าเราไม่ได้เจอกองกำลังขนาดใหญ่ของพวกเขา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”เคนเนธพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น พวกเขาทุกคนรีบรุดออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว"พ่อ นี่ก็เป็นวั
“นี่เธอพ่นเรื่องไร้สาระอะไรกันสกาย? ถ้าเธอยังไม่หยุดพูดแบบนี้ ฉันจะชกเธอจริง ๆ ด้วย!”อาเธอร์ซึ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งโกรธจัดโกรธจัดเมื่อได้ยินคำพูดของสกาย"เอาจริงนะ ทำไมคุณไม่ไปต่อยนักสู้จากเผ่ากระหายเลือดล่ะ คุณเป็นผู้ชายแบบไหนกันถึงคิดจะต่อยผู้หญิงอย่างฉันแทนที่จะไปจัดการกับศัตรู? คุณนี้บ้ากันไปใหญ่แล้ว!”สกายไม่คิดเลยว่าอาเธอร์จะพูดอะไรแบบนั้นกับเธอ ในตอนที่เธอตอบโต้กับเขา ดวงตาของเธอแดงก่ำ และเธอรู้สึกเสียใจมากเสียจนเกือบจะร้องไห้"เอาน่า หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เอาอย่างนี้ดีไหม เราไปหาหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งกันเดี๋ยวนี้เลยเป็นไง แล้วลองคุยกับเขาดูว่าจะได้ผลหรือเปล่า?”เฮนดริกแนะนำหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้"ถูกต้อง ปู่ของฉันและพ่อของคุณไม่กล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองเพราะกลัวว่าจะทำให้หัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่งขุ่นเคืองใจ”ดวงตาของอาเธอร์เป็นประกายในทันที “แต่เราไม่กลัว แต่เรามันก็แค่คนตัวเล็ก ๆ ดังนั้นเราจึงไม่กลัวที่จะทำให้หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งขุ่นเคือง เราจะไปถามเขาตรง ๆ ถ้าเขาตกลงก็คงจะดี!”“พี่ใหญ่ นายน้อยอาเธอร์ อย่า อย่าหุนหันพลันแล่นนัก!”เอลล่าไม
“หัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่ง หัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่ง! เราพร้อมที่จะเคลื่อนพลแล้วเหรอ?”ขณะที่คำพูดของออสตินดังขึ้น ผู้อาวุโสสองสามคนก็พุ่งตัวเข้ามาและมองดูเขาใบหน้าของเขามืดลง “ผมไม่ได้ออกคำสั่ง ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตีระฆังด้วย! ไปดูกันเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ ออสตินก็พาทุกคนบินไปยังจัตุรัสผู้คนจากป้อมปราการอื่น ๆ ต่างขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงระฆัง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดที่ด้านหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง“ดูเหมือนว่าจะมีคนมาทางนี้ พวกเขาคือคนจากเผ่ากระหายเลือด!”หลังจากที่หัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่งและคนอื่น ๆ มาถึงจัตุรัส ทุกคนได้เห็นกับตาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของหัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่งมืดลงหลังจากที่เขาเห็นสิ่งนี้ เขาตั้งใจจะเคลื่อนพลออกไปช่วยชีวิตคนอื่นในภายหลัง วิธีนี้จะช่วยไม่ให้พวกเขาต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ผู้คนจากตำหนักคลื่นเมฆาก็จะมาถึงได้ทันเวลาแต่ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนพลออกไป ก็ไม่คาดคิดเลยว่าคนจากเผ่ากระหายเลือดจะนำกองกำลังมาเผชิญหน้ากับพวกเขาเสียเอง“หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง ทำไม ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่กันล