ไม่นานทั้งสามก็เดินทางมาถึงบ่อน้ำ เจอรัลด์ชี้ไปที่ศพของเฟนซึ่งตอนนี้นอนอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า "โปรดตรวจสอบศพนี้หน่อย ผู้เฒ่าฟลินท์! มีบางอย่างโจมตีเขาเมื่อคืนนี้ก่อนจะโยนเขาลงบ่อ!” เมื่อเห็นศพ เรย์ที่ตกตะลึงก็ตะโกนด้วยความไม่เชื่อ “…พี่คลอฟอร์ด นั่นมันเฟนไม่ใช่หรือ? เราเพิ่งเจอเขาเมื่อวานนี้เอง! จู่ๆเขามาตายแบบนี้ได้ยังไง?” เจอรัลด์ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเรย์ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ผู้เฒ่าฟลินท์ ผู้เฒ่าฟลินท์เองก็จ้องมองไปที่ศพและตรวจสอบมันอย่างหนัก หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “…นี่คือฝีมือของแวมไพร์กระหายเลือด!” “แวมไพร์กระหายเลือด?” เจอรัลด์พูดซ้ำด้วยความประหลาดใจกับคำตอบของผู้เฒ่าฟลินท์ "ใช่แล้ว มีเพียงเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเท่านั้นที่จะมีกรงเล็บอันแหลมคมที่สามารถทำการฆ่าได้ง่ายแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายลองดูให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม นายจะเห็นรอยกัดที่คอของเขา! ซึ่งก็แปลว่าเขาถูกดูดเลือดไปแล้ว!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบาย “นี่คุณกำลังจะหมายความว่ามีแวมไพร์กระหายเลือดอยู่ในป่าแถวนี้งั้นหรือ? แล้วทำไมเมื่อคืนนี้เราไม่ถูกโจมตีเลยล่ะ?” เจอรัลด์ถาม เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ค่อนข้างสง
“…พวกนี้เป็นใครกัน พี่คลอฟอร์ด” เรย์กระซิบในขณะที่เจอรัลด์ส่ายหน้า เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครเช่นกัน หลังจากนั้น ชายผู้มีใบหน้าบึ้งตึงก้าวออกมาข้างหน้า จ้องเขม็งมาที่เจอรัลด์และกลุ่มของเขาก่อนจะถาม “พวกคุณเป็นใคร?” “ท่านผู้กรุณา พวกเราเป็นเพียงพ่อค้าที่มาที่นี่โดยบังเอิญเท่านั้น!” เจอรัลด์ตอบ “…คุณบอกว่าคุณเป็นพ่อค้างั้นเหรอ? มาถึงที่ทุรกันดารแบบนี้เนี่ยนะ? คิดว่าจะหลอกพวกเราได้หรือไง?” ชายคนนั้นโต้กลับขณะที่เขาจ้องมองมายังเจอรัลด์ “ไม่เชื่อกันก็ไม่เป็นไร ว่าแต่คุณกับคนของคุณมาทำอะไรที่นี่?” เจอรัลด์ตอบ “เรามาที่นี่เพื่อค้นหาดินแดนของแวมไพร์!” ชายผู้มีทรงผมแบบไถเกรียนประกาศออกมาอย่างไม่คิดจะโกหก "…โอ้? พวกคุณเองก็มาที่นี่เพื่อค้นหาดินแดนของพวกเขาด้วยงั้นเหรอ?” เจอรัลด์ตอบด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าคนพวกนี้มีเป้าหมายเดียวกับเขา! "หืม? นี่คุณกำลังจะบอกว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกันงั้นสิ?” ชายคนนั้นพูดขณะที่ส่งสัญญาณให้คนที่เหลือลดอาวุธลง “ถ้าอย่างนั้น ให้ผมแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน! ผมชื่อเลค ซัค และเป็นผู้นำทีม!” เลคพูดขณะที่เขายื่นมือออก เมื
ด้วยเหตุนี้ เลคและเพื่อนร่วมทีมจึงนำพลั่วของตนออกมา พร้อมกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเริ่มขุดดินเบื้องหน้า “ตอนเรากำลังขุดพวกคุณก็จับตาดูสถานการณ์รอบ ๆ ให้ด้วยแล้วกัน! ข้ามไปอีกฝั่งได้เมื่อไหร่เราจะได้พักกันให้เต็มที่!” เลคกล่าว เมื่อรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะขุดทางเดินและต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่เลคและคนของเขาจะเสร็จ เจอรัลด์จึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ หลังจากพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว เขาก็กลับไปที่ปาร์ตี้ของตัวเองเพื่อเริ่มเฝ้าดู เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์กลับมาแล้ว เรย์ก็ถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยว่า “…คุณเชื่อใจคนเหล่านี้ไหม พี่คลอฟอร์ด…?” เมื่อเข้าใจว่าเรย์เติบโตมาอย่างไร เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนชอบธรรมดีทีเดียว!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความกังวลของเรย์ก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้ว เขาเชื่อในการตัดสินใจของเจอรัลด์ “แล้วคุณล่ะ ผู้เฒ่าฟลินท์? คุณคิดยังไงกับเลคและคนของเขา” เจอรัลด์ถามขณะหันไปมองชายชราที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พวกเขา ตลอดการเดินทางผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด... ทว่าชายชรากลับตอบเพียงว่า “เราจะได้ความช่วยเหลือเพิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจมาก หลังจากผ่านความพยายามมามากมาย ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนของแวมไพร์ได้! “…แต่จากความจริงที่ได้พบกับศพที่ตายลงไปเช่นนั้น… ก็หมายความว่าแวมไพร์บางตัวยังมีชีวิตอยู่! พวกนั้นเป็นศัตรูที่อันตรายเหลือเชื่อเลยล่ะ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องระวังตัวไว้ให้ดีด้วย” ผู้เฒ่าฟลินท์เสริม โดยทั่วไปแล้วแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์อิสระที่แทบไม่เคยติดต่อกับผู้คนจากโลกภายนอกเลย มันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงได้คับแค้นคนจากโลกภายนอกถึงขนาดนั้น นี่เป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาโจมตีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่แวมไพร์ทันทีที่ได้พบ และช่วยไม่ได้ที่แวมไพร์โดยปกติแล้วจะรวดเร็วมากและยังสามารถฆ่าคนที่พวกเขาต้องการได้อย่างง่ายดายด้วย “ไม่ต้องห่วงครับท่าน! พวกเราทุกคนต่างก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ดังนั้นพวกเราก็จะไม่ออมมือให้กับพวกมันเช่นกัน! ด้วยเหตุนี้ ผมเชื่อว่าพวกแวมไพร์จะไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่!” เลคตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ไม่ตอบอะไรกลับไป… หลังจากเดินต่อไปประมาณสิบนาที ในที่สุดทุกคนก็พ้นจากทางเดินที่ทอดยาวอย่างน้อยสองสามร้อ
หลังจากนั้นไม่นานสถานที่นี่ก็เงียบลงอีกครั้ง... เนื่องจากไม่มีลูกธนูถูกยิงออกมาอีกแล้ว จึงสามารถสรุปได้ว่าในที่สุดกลไกอันน่าสะพรึงกลัวก็สิ้นสุดลงสักที… เลคถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีกับดักแห่งความตายอยู่ทุกหนทุกแห่งแบบนี้ คุณคลอฟอร์ด…!” ไม่มีใครคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย… แต่ทว่านั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากการที่คนของเลคหาเรื่องถูกฆ่าด้วยลูกธนูหลายสิบลูกเช่นนั้น และตอนนี้ชายคนนั้นก็กำลังนอนบนกองเลือดที่ค่อย ๆ ไหลซึมไปทั่ว… ช่างเป็นความตายที่เลวร้ายเสียจริง… แต่นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากมีใครสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ที่นี่โดยพละการ ด้วยเหตุนี้เลคจึงจ้องมองไปที่คนของเขาก่อนจะตะโกนว่า "ทุกคนจงฟัง! พวกนายที่เหลือไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่งจากฉัน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของเลคทั้งหมดก็พยักหน้าและยังคงยืนอยู่ในจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน… ไม่มีพวกเขาคนใดกล้าพอที่จะสัมผัสอะไรอีกแล้ว นั่นเพราะพวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเผลอไปเปิดกลไกอะไรตรงไหนอีก กับดักต่อไปที่พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวนั้น
“บ้าเอ้ย! ไม่คิดเลยว่าจะมีประสาทอีกแห่งข้างล่างนี้! อันที่จริงที่นี่ดูใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย!” เรย์อุทาน “ทุกคนโปรดระวัง! แล้วก็อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!” เจอรัลด์เตือนโดยหวังว่าทุกคนจะได้บทเรียนเรื่องจับของแบบสุ่มสี่สุ่มห้า “รับทราบ! ว่าก็ว่าเถอะนี่มันเรื่องอะไรกัน พี่คลอฟอร์ด…? ของพวกนี้ดูหรูหรามากจริง ๆ!” เรย์เอ่ยถามขณะที่เขาเดินไปที่แท่นเพื่อมองดูมันใกล้ๆ “นั่นคือ แท่นบูชามหาสมบัติ พวกมันมีหน้าที่พิเศษเพื่อใช้ในการจุดเทียนในพิธีกรรมบูชายัญ ไฟในนั้นจะคงอยู่ตลอดไป!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบายเมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ไม่ได้พยายามที่จะตอบ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบว่าโลกนี้มีของวิเศษเช่นนั้นอยู่ด้วย… ความหวาดกลัวของเขาต้องจบลงเมื่อจู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินหนึ่งในคนของเลคกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด! เมื่อพวกเขาหันไปมอง ร่างกายของชายคนนั้นก็ถูกเผาไหม้ไปแล้ว! ผิวหนังของเขาไหม้เกรียมและดวงตาปูดโปนอย่างน่าขนลุก ไม่นานสิ่งที่เหลืออยู่ของชายผู้นั้นก็มีเพียงกองเลือดที่นองอยู่บนพื้น! ด้วยความที่เขาเสียชีวิตลงอย่างน่าสยดสยอง ทุกคนจึงรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจ
“…ขอบคุณพระเจ้าที่คุณพาผู้หญิงคนนี้มาด้วย เจอรัลด์…! ไม่งั้นวันนี้เราได้กลับบ้านเก่ากันหมดแน่…!” เลคพึมพำโดยที่ยังหวาดกลัว ขณะที่เขาแสดงความขอบคุณต่อทั้งจูโน่และเจอรัลด์ หากจูโน่ไม่นำยาฆ่าแมลงกระป๋องนั้นไปด้วย วันนี้คงเป็นคราวตายของพวกเขา... หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็เปิดกระป๋องออกก่อนที่จะถูของเหลวที่อยู่ภายในกับเสื้อผ้าของเขา “ทามันบนเสื้อผ้าของพวกคุณซะ! หากโชคดี มันน่าจะช่วยไล่แมงมุมให้เราได้!” เจอรัลด์เอ่ยปาก เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มทำแบบนั้นอย่างรวดเร็วโดยต้องทำให้แน่ใจว่าได้ป้ายยาฆ่าแมลงลงบนเสื้อผ้าและรองเท้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่านี่จะช่วยกันแมงมุมได้จริง ๆ... ตอนนี้วิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยขึ้นว่า"...ฉันเดาว่าพวกแวมไพร์เลี้ยงแมงมุมพวกนี้ไว้ หากฉันวิเคราะห์ไม่ผิด หยดเลือดที่แมงมุมดูดกลืนไปสามารถถูกแวมไพร์ดึงกลับไปใช้ดื่มกินได้ด้วย…” “ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะเลี้ยงสัตว์ที่น่ากลัวแบบนี้เอาไว้!” เจอรัลด์หน้าบึ้ง แต่คิดไปแล้วก็ฟังดูสมเหตุสมผล มีเพียงแวมไพร์เท่านั้นที่จะสามารถคิดกลยุทธ์ชั่วร้ายเช่นนี้ได้... หลังจาก
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นปัญหาหนึ่ง นั่นคือความจริงที่ว่าประตูบานใหญ่ของสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าถูกล็อค เมื่อเห็นอย่างนั้น เลคก็ออกคำสั่งทันที “พวกนายมาปลดล็อกประตู!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยอดฝีมือจากทีมของเลคก็หยิบเครื่องมือสองสามอย่างออกมาจากกระเป๋าคาดเอวของเขาอย่างรวดเร็วและเริ่มลงมือ... ไม่นานหลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังขึ้น แสดงว่าก็สามารถปลดล็อคประตูได้สำเร็จ! จากนั้นเลคก็ผลักประตูให้เปิดออก และคนอื่น ๆ ก็พยายามตามเขาไป เมื่อเข้าไปที่ด้านใน พวกเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าข้างในนั้นส่วนใหญ่ล้วนรกร้างว่างเปล่า แต่มีรูปวงกลมขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงกลางทั้งยังถูกล้อมรอบด้วยเสาสี่ต้น… “แล้วทีนี้อะไรอีกล่ะ…” เจอรัลด์พึมพำด้วยความสงสัยเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็พูดว่า "...นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่แวมไพร์ใช้บ่มเพาะตัวเอง ดูจากวงกลมนี่แล้ว ฉันเดาว่าคงมีเพียงผู้นำของแวมไพร์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งอยู่ที่นั่น!” ขณะที่เจอรัลด์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เลคเองก็ขมวดคิ้วขณะที่เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “…ถึงอย่างไรก็เถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย