เจอรัลด์ย้ำคำของผู้เฒ่าฟลินท์เพียงเพื่อเน้นย้ำว่าการเข้าไปยุ่งย่ามกับสิ่งของล้ำค่าในสถานที่แห่งนี้นั้นอันตรายเพียงใด ในขณะที่ความโลภของมนุษย์คล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด การควบคุมตนเองเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่... หลังจากใช้เวลาในการขนย้ายสิ่งของล้ำค่าออกจากสถานที่นั้นเกือบครึ่งชั่วโมง เลคและคนของเขาก็ได้รวบรวมทรัพย์สินมีค่ามากพอที่จะใส่ลงไปในรถยนต์ขนาดใหญ่อย่างน้อยสองคัน… เมื่อได้เห็นปริมาณของทรัพย์สมบัติแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยที่เลคและคนของเขาถูกดึงดูดให้มายังสถานที่แห่งนี้... หลังจากที่เลคออกจากห้องลับแห่งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็เดินไปหาเจอรัลด์ก่อนที่จะยิ้มขณะที่เขาพูดว่า "นี่คือสมบัติที่เราได้รับจากห้องลับนั้น เจอรัลด์! เนื่องจากพวกเราทั้งสองฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันจนทำให้มาได้ไกลถึงขนาดนี้ ผมก็ยินดีที่จะแบ่งปันทรัพย์สินบางส่วนที่ได้มากับพวกคุณ!” เจอรัลด์ยิ้มตอบก่อนพูดขึ้นว่า “ผมซาบซึ้งในน้ำใจของคุณนะ คุณซัค แต่เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามล่าสมบัติของแวมไพร์ เพราะงั้นพวกคุณเก็บทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไว้กับตัวเองเถอะ!” เมื่อได
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าคนที่ถูกแมงมุมโจมตีคือคนที่สัมผัสกับสมบัติพวกนั้นอย่างนั้นหรือ?” เจอรัลด์ถาม เมื่อเห็นผู้เฒ่าฟลินท์พยักหน้า เจอรัลด์และพรรคพวกก็ตกตะลึงทันที ไม่นึกเลยว่าแมงมุมจะเลือกเหยื่อจริง ๆ... ในขณะเดียวกัน เลคและสมาชิกในทีมที่เหลือก็ถูกแมงมุมยักษ์จับกินทั้งเป็น! มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างที่สุด… เมื่อมองไปที่เจอรัลด์ซึ่งยังคงยืนอยู่ข้างประตู เลคผู้น่าสงสารที่กำลังถูกกินก็ทำได้เพียงอ้อนวอนว่า “คุณ…คลอฟอร์ด…! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย…!” “ช...ช่วยด้วย! ได้โปรด…!" สมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมของเลคต่างก็กรีดร้องเช่นกัน ถึงกระนั้น เจอรัลด์ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดได้ยึดเอาสมบัติต้องสาปไปเพราะความโลภบังตา หรือเรียกอีกอย่างว่า พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวกันเอง ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่พวกเขากรีดร้องและถูกกินไปต่อหน้าต่อตา... เลคเองก็ถูกฉีกออกขาดครึ่งก่อนที่จะถูกโยนลงไปในเหว... สำหรับสมาชิกในทีมที่เหลือ พวกเขาถูกแมงมุมตัวเล็กกลืนกินจนไม่เหลืออะไร และสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีเพียงกองเลือด... ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นก่อนที่เลคและกลุ่มขอ
หลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็กลับมาที่ห้องอีกครั้ง...อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปข้างใน จู่ ๆ พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงเคาะแปลก ๆ...ตอนนี้ทุกคนรู้สึกระแวดระวัง เรย์อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจอรัลด์แล้วถามว่า “…คุณได้ยินไหมพี่เจอรัลด์?”เจอรัลด์พยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้ยิน” ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งห้าจึงเริ่มมองหาแหล่งที่มาของเสียงดังกล่าวทันที… จนกระทั่งในที่สุด เจอรัลด์ก็ตระหนักว่ามันมาจากจุดศูนย์กลางของลานทรงกลมในห้องนั้น… “…เสียงมาจากทางนั้น!” เจอรัลด์พูดขณะที่เขาชี้ไปที่ลานดังกล่าว เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็รีบรวมตัวกันรอบ ๆ แท่นก่อนที่จะแนบหูของพวกเขาลงไป… จริงอยู่ เมื่อหูของพวกเขาแนบสนิทอยู่บนพื้นแล้ว เสียงเคาะอย่างต่อเนื่องก็ยิ่งชัดเจนขึ้น! เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ก็พบว่าเสียงเคาะดังกล่าวดังเกือบจะเป็นจังหวะเลยทีเดียว “…คุณคิดว่ามีคนติดข้างในหรือเปล่า พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถาม “…ดูจากจังหวะการเคาะแล้ว อาจจะเป็นอย่างนั้น!” เจอรัลด์ตอบ เขารู้สึกได้ว่ามีเพียงสิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่สามารถทำการเคาะเป็นจังหวะเช่นนี้ได้ หลังจากเสียงเคราะหยุดไปเล็กน้อย เจอรัลด์ก็สั
สิ่งลึกลับที่ถูกกักขังอยู่เบื้องล่าง ดูคล้ายจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ผมยาว เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายลิง... “…ข้างใต้มีอะไรอยู่หรือ พี่เจอรัลด์?” เรย์กระซิบถาม เจอรัลด์ส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบ ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกให้พวกเขามาดูด้วยตาตัวเอง เมื่อเห็นเช่นนั้น สมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมของเจอรัลด์ก็ค่อย ๆ ย่องใกล้เข้ามา เจอรัลด์มองไปที่ผู้เฒ่าฟลินท์ แล้วเอ่ยถามว่า “…ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณรู้ไหมว่านี่คืออะไร…?” หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ตอบว่า "...ถ้าตาของฉันดูไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นชะนีดำ ฉันพอจำได้ว่ามีแวมไพร์ที่เลี้ยงชะนีดำและใช้มันเป็นตัวช่วยในการจับมนุษย์… บางทีเจ้าตัวนี้อาจมีหน้าที่เช่นนั้น!” เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาของเจอรัลด์ก็เบิกกว้าง เรย์ก็รีบพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น… ชะนีดำตัวนี้ต้องเป็นสัตว์ร้ายแน่นอน! และเราควรขังมันไว้ที่นี่จะดีที่สุด!” จริงอยู่ ชะนีดำที่ดุร้ายเช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้หลุดออกไปเป็นอิสระได้ ไม่อย่างนั้นมันจะต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอน! แต่น่าเสียดายที่เรย์พูดช้าเกินไป นั่นก็เพราะสัตว์ร้ายตัวนี้หลุดจากโซ่ที่มันพันธนาการร่างของมันไปนานแล้ว มันถูกขังอยู่ที่น
"แน่นอน มีผู้คนนับไม่ถ้วนพยายามค้นหาโลงศพของบรรพบุรุษแวมไพร์ตนแรกเพื่อที่จะได้ครอบครองไข่มุกแวมไพร์ที่อยู่ภายในนั้น…” ผู้เฒ่าฟลินท์ตอบพร้อมกับพยักหน้า “ไข่มุกแวมไพร์? คุณมาที่นี่เพื่อตามหาสิ่งนั้นใช่ไหม?” เจอรัลด์ถาม "ใช่แล้ว ไข่มุกแวมไพร์เป็นสิ่งที่จะทำให้ฉันได้ร่างใหม่!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบาย เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็แค่พยักหน้า แม้ว่าสมบัติดังกล่าวจะฟังดูน่าสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก นั่นก็เพราะเขามาที่นี่เพียงแค่ช่วยเหลือผู้เฒ่าฟลินท์เท่านั้น แต่หลังจากตรวจสอบอย่างพิถีพิถันแล้ว เจอรัลด์ก็พูดขึ้นว่า “…ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรอันตราย เรามาเปิดโลงศพกันเถอะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็พยักหน้า เขาอยากที่จะได้ครอบครองไข่มุกแวมไพร์เป็นอย่างมาก เมื่อไม่เห็นว่าผู้เฒ่าฟลินท์คัดค้าน เจอรัลด์จึงหันไปมองจูโน่และโนริก่อนจะพูดว่า “พวกคุณสองคน อยู่อยู่ให้ห่างจากเราหน่อย! ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็หนีไปเลย เข้าใจไหม” แน่นอนว่าจูโน่และโนริเชื่อฟังแต่โดยดี พวกเธอเดินไปที่ปากทางเข้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน ขณะที่รอให้เจอรัลด์และอีกสองคนเริ่มเปิดโลงศพ...
แน่นอนว่าโนริ จูโน่ และเรย์ก็ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด ขณะที่พวกเขากำลังเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมออกเดินทาง เรย์ก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นว่าผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงยืนอยู่ที่มุมเดิม แม้ว่าตอนนี้ร่างของเขาจะสั่นเทิ้มอย่างไม่มีเหตุผลก็ตาม... เมื่อพบถึงความผิดปกติเล็ก ๆ นี้ เรย์จึงตะโกนออกไปว่า “ผู้เฒ่าฟลินท์ พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว!” แต่ทว่าวินาทีที่เขาพูดจบ ดวงตาของเรย์ก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าฟลินท์หันกลับมาจ้องมองเขา ด้วยดวงตาสีแดงเลือด... เรย์ตะโกนออกไปด้วยความกลัวจนตัวสั่น “เอ่อ จ…เจอรัลด์? ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติกับผู้เฒ่าฟลินท์…!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันไปมองชายชราและแล้วก็พบว่าเขาต้องตกใจอย่างหนักเมื่อเห็นว่าสภาพของผู้เฒ่าฟลินท์ไม่ต่างไปจากเรย์ “…ผู้เฒ่าฟลินท์…? เป็นอะไรไหม?” เจอรัลด์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง คิ้วของเขาขมวดมุ่น แต่น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ผู้เฒ่าฟลินท์ที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไป แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะยังคงเดิม แต่ดวงตาสีแดงที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากปีศาจกระหายเลือด… “เจอรัลด์ ดูที่คอของเขาสิ! มีแสงอยู่ในนั้นด้วย!” เ
“…อย่าบอกนะ…ว่าคุณจำอะไรไม่ได้เลย?” เจอรัลด์ตอบ อีกฝ่ายส่ายหน้าด้วยความสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ “…งั้นบอกผมมาหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กลืนไข่มุกแวมไพร์ลงคอไป?” เจอรัลด์ถาม ท้ายที่สุดหากชายชราไม่กลืนมันลงไป เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งแบบนั้น “เดี๋ยว… ว่าไงนะ? ฉัน… กลืนมันลงไป…?!” ผู้เฒ่าฟลินท์ตอบ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เจอรัลด์ “ก็ใช่น่ะสิ! หลังจากกลืนมันเข้าไป คุณก็เริ่มเสียสติและเริ่มโจมตีพวกเรา!” เจอรัลด์อธิบาย หลังจากได้ยินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากเจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ก็อดไม่ได้ที่จะมองไข่มุกซึ่งยังอยู่บนพื้น ในขณะที่เขาพึมพำด้วยความงุนงง “…สิ่ง… สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ไม่ใช่การที่นายมอบไข่มุกให้กับฉัน… ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรแบบนั้นด้วย!” เมื่อมองไปที่ชายชรา เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหก สัญชาตญาณบอกกับเขาแบบนั้น เจอรัลด์จึงเลือกที่จะเชื่อคำพูดของผู้เฒ่าฟลินท์ แต่ทว่าหากผู้เฒ่าฟลินท์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างแท้จริงจนถึงกับเริ่มโจมตีพวกเขา นั่นหมายความว่าเป็นที่แน่นอนแล้วว่าไข่มุกแวมไพร์คือสาเห
เมื่อดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น มันก็เฉลยให้เห็นอย่างช้า ๆ ว่าดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างเป็นดวงตาของหมีขาวตัวใหญ่!แต่เพราะเจอรัลด์และพรรคพวกกำลังหลับสนิท จึงไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาอันตรายเพียงใด! แต่เมื่อมันมองดูคนทั้งห้าที่กำลังหลับไหลอยู่ที่ทางเข้าถ้ำแล้ว ก็ดูคล้ายว่าหมีตัวนั้นจะสนใจเรย์เป็นพิเศษ การกรนของเรย์ยิ่งดึงดูดความสนใจของหมีตัวนี้มากยิ่งขึ้น! มันค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปหาเรย์ หมีเริ่มเลียหน้าเขาอย่างรวดเร็ว! “…อีกห้านาที… พี่เจอรัลด์…? หิมะหยุดแล้วเหรอ…?” เรย์ผู้ง่วงนอนพึมพำขณะที่เริ่มสัมผัสเข้าที่ใบหน้าของหมี... วินาทีที่เขารู้สึกว่า 'เจอรัลด์' มีขนยาวผิดปกติเพียงใด เรย์ก็ตัวแข็งทื่อทันที นี่… นี่ไม่ใช่เจอรัลด์ใช่หรือเปล่า เมื่อลืมตาขึ้นมา เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็จ้องมองไปที่หมีอย่างหวาดหวั่นแล้ว พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอันตรายขนาดนี้มาอาศัยอยู่ในถ้ำได้! เมื่อเห็นว่าหมีอยู่ใกล้แค่ไหน พวกเขาทั้งหมดก็สามารถได้กลิ่นสาปของมันและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ร่างกายของมันปล่อยออกมา…! เรย์เคลื่อนไหวช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อน เขากลืนน้ำลายก่อ