"แน่นอน มีผู้คนนับไม่ถ้วนพยายามค้นหาโลงศพของบรรพบุรุษแวมไพร์ตนแรกเพื่อที่จะได้ครอบครองไข่มุกแวมไพร์ที่อยู่ภายในนั้น…” ผู้เฒ่าฟลินท์ตอบพร้อมกับพยักหน้า “ไข่มุกแวมไพร์? คุณมาที่นี่เพื่อตามหาสิ่งนั้นใช่ไหม?” เจอรัลด์ถาม "ใช่แล้ว ไข่มุกแวมไพร์เป็นสิ่งที่จะทำให้ฉันได้ร่างใหม่!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบาย เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็แค่พยักหน้า แม้ว่าสมบัติดังกล่าวจะฟังดูน่าสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก นั่นก็เพราะเขามาที่นี่เพียงแค่ช่วยเหลือผู้เฒ่าฟลินท์เท่านั้น แต่หลังจากตรวจสอบอย่างพิถีพิถันแล้ว เจอรัลด์ก็พูดขึ้นว่า “…ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรอันตราย เรามาเปิดโลงศพกันเถอะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็พยักหน้า เขาอยากที่จะได้ครอบครองไข่มุกแวมไพร์เป็นอย่างมาก เมื่อไม่เห็นว่าผู้เฒ่าฟลินท์คัดค้าน เจอรัลด์จึงหันไปมองจูโน่และโนริก่อนจะพูดว่า “พวกคุณสองคน อยู่อยู่ให้ห่างจากเราหน่อย! ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็หนีไปเลย เข้าใจไหม” แน่นอนว่าจูโน่และโนริเชื่อฟังแต่โดยดี พวกเธอเดินไปที่ปากทางเข้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน ขณะที่รอให้เจอรัลด์และอีกสองคนเริ่มเปิดโลงศพ...
แน่นอนว่าโนริ จูโน่ และเรย์ก็ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด ขณะที่พวกเขากำลังเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมออกเดินทาง เรย์ก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นว่าผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงยืนอยู่ที่มุมเดิม แม้ว่าตอนนี้ร่างของเขาจะสั่นเทิ้มอย่างไม่มีเหตุผลก็ตาม... เมื่อพบถึงความผิดปกติเล็ก ๆ นี้ เรย์จึงตะโกนออกไปว่า “ผู้เฒ่าฟลินท์ พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว!” แต่ทว่าวินาทีที่เขาพูดจบ ดวงตาของเรย์ก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าฟลินท์หันกลับมาจ้องมองเขา ด้วยดวงตาสีแดงเลือด... เรย์ตะโกนออกไปด้วยความกลัวจนตัวสั่น “เอ่อ จ…เจอรัลด์? ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติกับผู้เฒ่าฟลินท์…!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันไปมองชายชราและแล้วก็พบว่าเขาต้องตกใจอย่างหนักเมื่อเห็นว่าสภาพของผู้เฒ่าฟลินท์ไม่ต่างไปจากเรย์ “…ผู้เฒ่าฟลินท์…? เป็นอะไรไหม?” เจอรัลด์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง คิ้วของเขาขมวดมุ่น แต่น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ผู้เฒ่าฟลินท์ที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไป แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะยังคงเดิม แต่ดวงตาสีแดงที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากปีศาจกระหายเลือด… “เจอรัลด์ ดูที่คอของเขาสิ! มีแสงอยู่ในนั้นด้วย!” เ
“…อย่าบอกนะ…ว่าคุณจำอะไรไม่ได้เลย?” เจอรัลด์ตอบ อีกฝ่ายส่ายหน้าด้วยความสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ “…งั้นบอกผมมาหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กลืนไข่มุกแวมไพร์ลงคอไป?” เจอรัลด์ถาม ท้ายที่สุดหากชายชราไม่กลืนมันลงไป เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งแบบนั้น “เดี๋ยว… ว่าไงนะ? ฉัน… กลืนมันลงไป…?!” ผู้เฒ่าฟลินท์ตอบ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เจอรัลด์ “ก็ใช่น่ะสิ! หลังจากกลืนมันเข้าไป คุณก็เริ่มเสียสติและเริ่มโจมตีพวกเรา!” เจอรัลด์อธิบาย หลังจากได้ยินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากเจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ก็อดไม่ได้ที่จะมองไข่มุกซึ่งยังอยู่บนพื้น ในขณะที่เขาพึมพำด้วยความงุนงง “…สิ่ง… สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ไม่ใช่การที่นายมอบไข่มุกให้กับฉัน… ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรแบบนั้นด้วย!” เมื่อมองไปที่ชายชรา เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหก สัญชาตญาณบอกกับเขาแบบนั้น เจอรัลด์จึงเลือกที่จะเชื่อคำพูดของผู้เฒ่าฟลินท์ แต่ทว่าหากผู้เฒ่าฟลินท์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างแท้จริงจนถึงกับเริ่มโจมตีพวกเขา นั่นหมายความว่าเป็นที่แน่นอนแล้วว่าไข่มุกแวมไพร์คือสาเห
เมื่อดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น มันก็เฉลยให้เห็นอย่างช้า ๆ ว่าดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างเป็นดวงตาของหมีขาวตัวใหญ่!แต่เพราะเจอรัลด์และพรรคพวกกำลังหลับสนิท จึงไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาอันตรายเพียงใด! แต่เมื่อมันมองดูคนทั้งห้าที่กำลังหลับไหลอยู่ที่ทางเข้าถ้ำแล้ว ก็ดูคล้ายว่าหมีตัวนั้นจะสนใจเรย์เป็นพิเศษ การกรนของเรย์ยิ่งดึงดูดความสนใจของหมีตัวนี้มากยิ่งขึ้น! มันค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปหาเรย์ หมีเริ่มเลียหน้าเขาอย่างรวดเร็ว! “…อีกห้านาที… พี่เจอรัลด์…? หิมะหยุดแล้วเหรอ…?” เรย์ผู้ง่วงนอนพึมพำขณะที่เริ่มสัมผัสเข้าที่ใบหน้าของหมี... วินาทีที่เขารู้สึกว่า 'เจอรัลด์' มีขนยาวผิดปกติเพียงใด เรย์ก็ตัวแข็งทื่อทันที นี่… นี่ไม่ใช่เจอรัลด์ใช่หรือเปล่า เมื่อลืมตาขึ้นมา เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็จ้องมองไปที่หมีอย่างหวาดหวั่นแล้ว พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอันตรายขนาดนี้มาอาศัยอยู่ในถ้ำได้! เมื่อเห็นว่าหมีอยู่ใกล้แค่ไหน พวกเขาทั้งหมดก็สามารถได้กลิ่นสาปของมันและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ร่างกายของมันปล่อยออกมา…! เรย์เคลื่อนไหวช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อน เขากลืนน้ำลายก่อ
แน่นอนว่าเจอรัลด์ไม่มีทางปล่อยให้หมีได้โอกาสนั้น เขากลิ้งหลบเข้าไปอยู่ใต้ท้องหมีขาว จากนั้นเจอรัลด์ก็แทงมันเข้าที่ลำตัว! ขณะที่หมีคำรามเสียงดัง เจอรัลด์ก็รู้ว่าในที่สุดเขาก็สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับหมีได้แล้ว! ถึงกระนั้น การแทงเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่เพียงพอที่จะฆ่ามันได้ อันที่จริงมันกลับยิ่งทำให้หมีโกรธมากขึ้นไปอีก! ตอนนี้มันดูเหมือนจะคุ้มคลั่งแล้ว และหมีก็เริ่มโจมตีเจอรัลด์ด้วยทุกอย่างที่ทำได้! ถ้าไม่ใช่เพราะว่านี่เป็นสถานการณ์คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย การเห็นเจอรัลด์และหมีกระโจนไปทั่วภูเขาก็นับว่าค่อนข้างน่าขบขันจริง ๆ แต่ไม่กล้าคิดเลยว่าหลังจากที่มันตระหนักได้ว่ามันไม่มีทางจะสู้เจอรัลด์ได้ ทันใดนั้นหมีก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่คนอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่แทน! เมื่อรู้ว่าหมีกำลังวิ่งไปหาเพื่อน ๆ ของเขา เจอรัลด์จึงตะโกนเตือนออกไปว่า “ระวัง! หมีกำลังไปแล้ว!" เมื่อเห็นหมีปรี่เข้ามา สมาชิกที่เหลือของเจอรัลด์ก็พยายามแยกย้ายกันออกจากต้นไม้ที่พวกเขาซ่อนตัวไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว หมีก็ใช้ศีรษะพุ่งชนต้นไม้ทันที! แม้ว่าไม่มีใครถูกหมีโจมตีโดยตรง แต่ก
จูโน่เชื่อใจเจอรัลด์เป็นอย่างมาก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ต่อต้านคำแนะนำอันกล้าบ้าบิ่นของเจอรัลด์ ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขากระโดดไปด้วยกัน อย่างน้อยพวกเขาก็ตายด้วยกัน… ถึงไม่จำเป็นต้องพูด แต่การเอาชีวิตรอดไปด้วยกันก็เป็นจุดมุ่งหมายหลักของจูโน่อยู่วันยันค่ำ หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว เจอรัลด์ก็มองไปที่จูโน่ก่อนจะถามว่า “พร้อมหรือยัง?” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างมั่นคงเพียงใด เจอรัลด์ก็กอดเธอแน่น… ก่อนที่ทั้งคู่จะดำดิ่งลึกเข้าไปในหุบเขา! พวกเขาตกลงสู่เบื้องล่างเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ตกลงไปในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวพร้อมกับสาดกระเซ็นดังสนั่น! เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ด้านล่างมีแม่น้ำจริง ๆ และขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาคิดถูก แม่น้ำช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ เจอรัลด์ที่เอาแต่กอดจูโน่อยู่ตลอดนั่น ว่ายน้ำพาจูโน่เข้าไปที่ฝั่งอย่างรวดเร็ว... ตอนนี้พวกเขาเปียกโชกและเกือบจะแข็งตาย เนื่องจากน้ำในแม่น้ำประกอบไปด้วยหิมะที่เพิ่งละลายจากภูเขา ร่างกายของจูโน่สั่นเทิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาก็รู้ว่า
แน่นอนว่าจูโน่ไม่ได้ต่อต้านความคิดนั้น กลับกลายเป็นว่าเจอรัลด์จะต้องจัดการแปรรูปและแล่เนื้อหมาป่าด้วยตัวเอง เขาทำให้แน่ใจว่าจะสามารถถลกหนังหมาป่าได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากขนหมาป่าสามารถขายได้ในราคาที่ค่อนข้างแพง เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการดังกล่าว เขาก็หั่นเนื้อหมาป่าเป็นชิ้น ๆ ทันที หลังจากล้างเนื้อที่ริมแม่น้ำ เจอรัลด์ก็เริ่มก่อไฟอีกครั้ง หลังจากนั้นเนื้อหมาป่าย่างก็ใกล้จะได้ที่… ทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเขาไม่ควรเดินทางทั้งที่ท้องยังหิว ด้วยเหตุนี้ การรับประทานอาหารจนอิ่มจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เนื้อหมาป่าก็สุกดี และทั้งคู่ก็นั่งกินเนื้อหมาป่านั้นไปด้วยกัน เจอรัลด์ใช้ใบไม้ขนาดใหญ่ที่เขาพบเป็นจาน จากนั้นก็ฉีกเนื้อที่ปรุงสุกออกมาสองสามชิ้นก่อนจะส่งให้จูโน่ หลังจากจัดการให้ตัวเองบ้างแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งใต้ต้นไม้เพื่อเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร เมื่อกัดเข้าไปคำแรก เจอรัลด์ซึ่งไม่เคยชิมเนื้อหมาป่ามาก่อนเลยก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “พระเจ้า! เนื้อหมาป่านี่มันอร่อยมาก! ไม่เหมือนกับอะไรที่ผมเคยชิมมาก่อนเลย!” รสชาติของเนื้อค่อนข้างไปในทางดี แต่ถึงแม้ว่าจะไม่อร่อย เจอรัล
แวมไพร์พวกนั้นจ้องมองเจอรัลด์และจูโน่ตาไม่กะพริบ พวกมันส่งเสียงออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งสองตกเป็นเป้าหมายของแวมไพร์พวกนั้นไปแล้ว ในช่วงวินาทีถัดมา แวมไพร์สองสามตัวก็โจมตีพวกเขาสองคนทีละตัว พวกมันวิ่งเข้าหาพวกเขาทั้งสองทั้งแยกเขี้ยวและกวัดแกว่งกรงเล็บไปมา เจอรัลด์ดึงดาบแอสตราบิซออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวและฟาดฟันออกไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าแวมไพร์ที่กรูกันเข้ามาหาพวกเขาก็ถูกดาบแอสตราบิซในมือของเจอรัลด์ฟันขาดเป็นสองท่อนทันที เลือดพุ่งกระจายออกไปทุกหนแห่ง เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น แวมไพร์ที่เหลือก็ล่าถอยไปทีละตัว ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาข้างหน้า เมื่อสหายของพวกมันถูกผ่าครึ่ง พวกมันก็จะหนักได้ว่าดาบแอสตราบิซในมือของเจอรัลด์นั้นทรงพลังเพียงใด "เข้ามาสิ! ถ้าไม่กลัวตายก็เข้ามาได้เลย!” เจอรัลด์จ้องไปที่แวมไพร์อีกสามตัวที่เหลือตรงหน้าเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าแวมไพร์ทั้งสามจะเข้าใจในคำพูดของเจอรัลด์ พวกมันหันหลังกลับแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดวิกฤติก็คลี่คลาย ดูเหมือนว่าแวมไพร์พวกนั้นจะปอดแหก พวกมันรีบวิ่งหนีไปหลังจากที่ถูกทำให้กลัวทันที “เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เราควรรีบ