แน่นอนว่าเจอรัลด์ไม่มีทางปล่อยให้หมีได้โอกาสนั้น เขากลิ้งหลบเข้าไปอยู่ใต้ท้องหมีขาว จากนั้นเจอรัลด์ก็แทงมันเข้าที่ลำตัว! ขณะที่หมีคำรามเสียงดัง เจอรัลด์ก็รู้ว่าในที่สุดเขาก็สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับหมีได้แล้ว! ถึงกระนั้น การแทงเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่เพียงพอที่จะฆ่ามันได้ อันที่จริงมันกลับยิ่งทำให้หมีโกรธมากขึ้นไปอีก! ตอนนี้มันดูเหมือนจะคุ้มคลั่งแล้ว และหมีก็เริ่มโจมตีเจอรัลด์ด้วยทุกอย่างที่ทำได้! ถ้าไม่ใช่เพราะว่านี่เป็นสถานการณ์คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย การเห็นเจอรัลด์และหมีกระโจนไปทั่วภูเขาก็นับว่าค่อนข้างน่าขบขันจริง ๆ แต่ไม่กล้าคิดเลยว่าหลังจากที่มันตระหนักได้ว่ามันไม่มีทางจะสู้เจอรัลด์ได้ ทันใดนั้นหมีก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่คนอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่แทน! เมื่อรู้ว่าหมีกำลังวิ่งไปหาเพื่อน ๆ ของเขา เจอรัลด์จึงตะโกนเตือนออกไปว่า “ระวัง! หมีกำลังไปแล้ว!" เมื่อเห็นหมีปรี่เข้ามา สมาชิกที่เหลือของเจอรัลด์ก็พยายามแยกย้ายกันออกจากต้นไม้ที่พวกเขาซ่อนตัวไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว หมีก็ใช้ศีรษะพุ่งชนต้นไม้ทันที! แม้ว่าไม่มีใครถูกหมีโจมตีโดยตรง แต่ก
จูโน่เชื่อใจเจอรัลด์เป็นอย่างมาก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ต่อต้านคำแนะนำอันกล้าบ้าบิ่นของเจอรัลด์ ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขากระโดดไปด้วยกัน อย่างน้อยพวกเขาก็ตายด้วยกัน… ถึงไม่จำเป็นต้องพูด แต่การเอาชีวิตรอดไปด้วยกันก็เป็นจุดมุ่งหมายหลักของจูโน่อยู่วันยันค่ำ หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว เจอรัลด์ก็มองไปที่จูโน่ก่อนจะถามว่า “พร้อมหรือยัง?” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างมั่นคงเพียงใด เจอรัลด์ก็กอดเธอแน่น… ก่อนที่ทั้งคู่จะดำดิ่งลึกเข้าไปในหุบเขา! พวกเขาตกลงสู่เบื้องล่างเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ตกลงไปในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวพร้อมกับสาดกระเซ็นดังสนั่น! เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ด้านล่างมีแม่น้ำจริง ๆ และขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาคิดถูก แม่น้ำช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ เจอรัลด์ที่เอาแต่กอดจูโน่อยู่ตลอดนั่น ว่ายน้ำพาจูโน่เข้าไปที่ฝั่งอย่างรวดเร็ว... ตอนนี้พวกเขาเปียกโชกและเกือบจะแข็งตาย เนื่องจากน้ำในแม่น้ำประกอบไปด้วยหิมะที่เพิ่งละลายจากภูเขา ร่างกายของจูโน่สั่นเทิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาก็รู้ว่า
แน่นอนว่าจูโน่ไม่ได้ต่อต้านความคิดนั้น กลับกลายเป็นว่าเจอรัลด์จะต้องจัดการแปรรูปและแล่เนื้อหมาป่าด้วยตัวเอง เขาทำให้แน่ใจว่าจะสามารถถลกหนังหมาป่าได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากขนหมาป่าสามารถขายได้ในราคาที่ค่อนข้างแพง เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการดังกล่าว เขาก็หั่นเนื้อหมาป่าเป็นชิ้น ๆ ทันที หลังจากล้างเนื้อที่ริมแม่น้ำ เจอรัลด์ก็เริ่มก่อไฟอีกครั้ง หลังจากนั้นเนื้อหมาป่าย่างก็ใกล้จะได้ที่… ทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเขาไม่ควรเดินทางทั้งที่ท้องยังหิว ด้วยเหตุนี้ การรับประทานอาหารจนอิ่มจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เนื้อหมาป่าก็สุกดี และทั้งคู่ก็นั่งกินเนื้อหมาป่านั้นไปด้วยกัน เจอรัลด์ใช้ใบไม้ขนาดใหญ่ที่เขาพบเป็นจาน จากนั้นก็ฉีกเนื้อที่ปรุงสุกออกมาสองสามชิ้นก่อนจะส่งให้จูโน่ หลังจากจัดการให้ตัวเองบ้างแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งใต้ต้นไม้เพื่อเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร เมื่อกัดเข้าไปคำแรก เจอรัลด์ซึ่งไม่เคยชิมเนื้อหมาป่ามาก่อนเลยก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “พระเจ้า! เนื้อหมาป่านี่มันอร่อยมาก! ไม่เหมือนกับอะไรที่ผมเคยชิมมาก่อนเลย!” รสชาติของเนื้อค่อนข้างไปในทางดี แต่ถึงแม้ว่าจะไม่อร่อย เจอรัล
แวมไพร์พวกนั้นจ้องมองเจอรัลด์และจูโน่ตาไม่กะพริบ พวกมันส่งเสียงออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งสองตกเป็นเป้าหมายของแวมไพร์พวกนั้นไปแล้ว ในช่วงวินาทีถัดมา แวมไพร์สองสามตัวก็โจมตีพวกเขาสองคนทีละตัว พวกมันวิ่งเข้าหาพวกเขาทั้งสองทั้งแยกเขี้ยวและกวัดแกว่งกรงเล็บไปมา เจอรัลด์ดึงดาบแอสตราบิซออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวและฟาดฟันออกไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าแวมไพร์ที่กรูกันเข้ามาหาพวกเขาก็ถูกดาบแอสตราบิซในมือของเจอรัลด์ฟันขาดเป็นสองท่อนทันที เลือดพุ่งกระจายออกไปทุกหนแห่ง เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น แวมไพร์ที่เหลือก็ล่าถอยไปทีละตัว ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาข้างหน้า เมื่อสหายของพวกมันถูกผ่าครึ่ง พวกมันก็จะหนักได้ว่าดาบแอสตราบิซในมือของเจอรัลด์นั้นทรงพลังเพียงใด "เข้ามาสิ! ถ้าไม่กลัวตายก็เข้ามาได้เลย!” เจอรัลด์จ้องไปที่แวมไพร์อีกสามตัวที่เหลือตรงหน้าเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าแวมไพร์ทั้งสามจะเข้าใจในคำพูดของเจอรัลด์ พวกมันหันหลังกลับแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดวิกฤติก็คลี่คลาย ดูเหมือนว่าแวมไพร์พวกนั้นจะปอดแหก พวกมันรีบวิ่งหนีไปหลังจากที่ถูกทำให้กลัวทันที “เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เราควรรีบ
เช้าวันรุ่งขึ้น เจอรัลด์ก็พาเรย์ออกเดินทางไปกับเขาด้วย “เราจะไปที่ไหนกันแต่เช้าพี่เจอรัลด์?” เรย์ถามอย่างงุนงง ในช่วงรายวันที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้หลับได้นอนเลย แต่พอเมื่อมีโอกาสได้นอนบนเตียงอุ่น เจอรัลด์ก็ยังลากเขาออกไปแต่เช้าอีก! มันทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกจริง ๆ “เรากำลังจะไปนิกายทมิฬแห่งเมืองวิญญาณ!” เจอรัลด์ตอบ ขณะที่พวกเขาคุยกัน ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงหอคอยแห่งนิกายทมิฬแห่งเมืองวิญญาณ... นับตั้งแต่การตามล่าเอ็มเบอร์ลอร์ดเริ่มขึ้น การก่อสร้างนิกายทมิฬก็ถูกระงับ หอคอยถูกปิดตาย แต่การสร้างถูกหยุดกะทันหัน ทำให้หลายคนต้องตกงาน ดังสุภาษิตที่ว่า 'กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ' แต่ในก้าวเดินก่อนที่จะถึงทางเข้าหอคอย ทั้งคู่ก็พบว่าประตูถูกล็อกไว้ด้วยโซ่ อีกทั้งถูกปิดผนึกเอาไว้อีกด้วย! “ที่นี้คุณจะให้เราเข้าไปยังไงล่ะ พี่เจอรัลด์” เรย์ถาม เจอรัลด์ไม่ได้ให้คำตอบ แต่เดินไปรอบ ๆ หอคอย มองจนทั่วกระทั่งในที่สุดเขาก็พบช่องระบายอากาศที่บริเวณด้านหลังของหอคอย เมื่อถอดฝาช่องระบายอากาศออก เจอรัลด์ก็เริ่มคลานเข้าไปในนั้น! เมื่อได้เห็นเช่นนั้น เรย์ก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำได้คือคลานตามเข้าไปเท่านั้น
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน