เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจมาก หลังจากผ่านความพยายามมามากมาย ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนของแวมไพร์ได้! “…แต่จากความจริงที่ได้พบกับศพที่ตายลงไปเช่นนั้น… ก็หมายความว่าแวมไพร์บางตัวยังมีชีวิตอยู่! พวกนั้นเป็นศัตรูที่อันตรายเหลือเชื่อเลยล่ะ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องระวังตัวไว้ให้ดีด้วย” ผู้เฒ่าฟลินท์เสริม โดยทั่วไปแล้วแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์อิสระที่แทบไม่เคยติดต่อกับผู้คนจากโลกภายนอกเลย มันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงได้คับแค้นคนจากโลกภายนอกถึงขนาดนั้น นี่เป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาโจมตีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่แวมไพร์ทันทีที่ได้พบ และช่วยไม่ได้ที่แวมไพร์โดยปกติแล้วจะรวดเร็วมากและยังสามารถฆ่าคนที่พวกเขาต้องการได้อย่างง่ายดายด้วย “ไม่ต้องห่วงครับท่าน! พวกเราทุกคนต่างก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ดังนั้นพวกเราก็จะไม่ออมมือให้กับพวกมันเช่นกัน! ด้วยเหตุนี้ ผมเชื่อว่าพวกแวมไพร์จะไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่!” เลคตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ไม่ตอบอะไรกลับไป… หลังจากเดินต่อไปประมาณสิบนาที ในที่สุดทุกคนก็พ้นจากทางเดินที่ทอดยาวอย่างน้อยสองสามร้อ
หลังจากนั้นไม่นานสถานที่นี่ก็เงียบลงอีกครั้ง... เนื่องจากไม่มีลูกธนูถูกยิงออกมาอีกแล้ว จึงสามารถสรุปได้ว่าในที่สุดกลไกอันน่าสะพรึงกลัวก็สิ้นสุดลงสักที… เลคถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีกับดักแห่งความตายอยู่ทุกหนทุกแห่งแบบนี้ คุณคลอฟอร์ด…!” ไม่มีใครคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย… แต่ทว่านั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากการที่คนของเลคหาเรื่องถูกฆ่าด้วยลูกธนูหลายสิบลูกเช่นนั้น และตอนนี้ชายคนนั้นก็กำลังนอนบนกองเลือดที่ค่อย ๆ ไหลซึมไปทั่ว… ช่างเป็นความตายที่เลวร้ายเสียจริง… แต่นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากมีใครสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ที่นี่โดยพละการ ด้วยเหตุนี้เลคจึงจ้องมองไปที่คนของเขาก่อนจะตะโกนว่า "ทุกคนจงฟัง! พวกนายที่เหลือไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่งจากฉัน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของเลคทั้งหมดก็พยักหน้าและยังคงยืนอยู่ในจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน… ไม่มีพวกเขาคนใดกล้าพอที่จะสัมผัสอะไรอีกแล้ว นั่นเพราะพวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเผลอไปเปิดกลไกอะไรตรงไหนอีก กับดักต่อไปที่พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวนั้น
“บ้าเอ้ย! ไม่คิดเลยว่าจะมีประสาทอีกแห่งข้างล่างนี้! อันที่จริงที่นี่ดูใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย!” เรย์อุทาน “ทุกคนโปรดระวัง! แล้วก็อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!” เจอรัลด์เตือนโดยหวังว่าทุกคนจะได้บทเรียนเรื่องจับของแบบสุ่มสี่สุ่มห้า “รับทราบ! ว่าก็ว่าเถอะนี่มันเรื่องอะไรกัน พี่คลอฟอร์ด…? ของพวกนี้ดูหรูหรามากจริง ๆ!” เรย์เอ่ยถามขณะที่เขาเดินไปที่แท่นเพื่อมองดูมันใกล้ๆ “นั่นคือ แท่นบูชามหาสมบัติ พวกมันมีหน้าที่พิเศษเพื่อใช้ในการจุดเทียนในพิธีกรรมบูชายัญ ไฟในนั้นจะคงอยู่ตลอดไป!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบายเมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ไม่ได้พยายามที่จะตอบ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบว่าโลกนี้มีของวิเศษเช่นนั้นอยู่ด้วย… ความหวาดกลัวของเขาต้องจบลงเมื่อจู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินหนึ่งในคนของเลคกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด! เมื่อพวกเขาหันไปมอง ร่างกายของชายคนนั้นก็ถูกเผาไหม้ไปแล้ว! ผิวหนังของเขาไหม้เกรียมและดวงตาปูดโปนอย่างน่าขนลุก ไม่นานสิ่งที่เหลืออยู่ของชายผู้นั้นก็มีเพียงกองเลือดที่นองอยู่บนพื้น! ด้วยความที่เขาเสียชีวิตลงอย่างน่าสยดสยอง ทุกคนจึงรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจ
“…ขอบคุณพระเจ้าที่คุณพาผู้หญิงคนนี้มาด้วย เจอรัลด์…! ไม่งั้นวันนี้เราได้กลับบ้านเก่ากันหมดแน่…!” เลคพึมพำโดยที่ยังหวาดกลัว ขณะที่เขาแสดงความขอบคุณต่อทั้งจูโน่และเจอรัลด์ หากจูโน่ไม่นำยาฆ่าแมลงกระป๋องนั้นไปด้วย วันนี้คงเป็นคราวตายของพวกเขา... หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็เปิดกระป๋องออกก่อนที่จะถูของเหลวที่อยู่ภายในกับเสื้อผ้าของเขา “ทามันบนเสื้อผ้าของพวกคุณซะ! หากโชคดี มันน่าจะช่วยไล่แมงมุมให้เราได้!” เจอรัลด์เอ่ยปาก เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มทำแบบนั้นอย่างรวดเร็วโดยต้องทำให้แน่ใจว่าได้ป้ายยาฆ่าแมลงลงบนเสื้อผ้าและรองเท้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่านี่จะช่วยกันแมงมุมได้จริง ๆ... ตอนนี้วิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยขึ้นว่า"...ฉันเดาว่าพวกแวมไพร์เลี้ยงแมงมุมพวกนี้ไว้ หากฉันวิเคราะห์ไม่ผิด หยดเลือดที่แมงมุมดูดกลืนไปสามารถถูกแวมไพร์ดึงกลับไปใช้ดื่มกินได้ด้วย…” “ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะเลี้ยงสัตว์ที่น่ากลัวแบบนี้เอาไว้!” เจอรัลด์หน้าบึ้ง แต่คิดไปแล้วก็ฟังดูสมเหตุสมผล มีเพียงแวมไพร์เท่านั้นที่จะสามารถคิดกลยุทธ์ชั่วร้ายเช่นนี้ได้... หลังจาก
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นปัญหาหนึ่ง นั่นคือความจริงที่ว่าประตูบานใหญ่ของสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าถูกล็อค เมื่อเห็นอย่างนั้น เลคก็ออกคำสั่งทันที “พวกนายมาปลดล็อกประตู!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยอดฝีมือจากทีมของเลคก็หยิบเครื่องมือสองสามอย่างออกมาจากกระเป๋าคาดเอวของเขาอย่างรวดเร็วและเริ่มลงมือ... ไม่นานหลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังขึ้น แสดงว่าก็สามารถปลดล็อคประตูได้สำเร็จ! จากนั้นเลคก็ผลักประตูให้เปิดออก และคนอื่น ๆ ก็พยายามตามเขาไป เมื่อเข้าไปที่ด้านใน พวกเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าข้างในนั้นส่วนใหญ่ล้วนรกร้างว่างเปล่า แต่มีรูปวงกลมขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงกลางทั้งยังถูกล้อมรอบด้วยเสาสี่ต้น… “แล้วทีนี้อะไรอีกล่ะ…” เจอรัลด์พึมพำด้วยความสงสัยเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็พูดว่า "...นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่แวมไพร์ใช้บ่มเพาะตัวเอง ดูจากวงกลมนี่แล้ว ฉันเดาว่าคงมีเพียงผู้นำของแวมไพร์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งอยู่ที่นั่น!” ขณะที่เจอรัลด์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เลคเองก็ขมวดคิ้วขณะที่เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “…ถึงอย่างไรก็เถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย
เจอรัลด์ย้ำคำของผู้เฒ่าฟลินท์เพียงเพื่อเน้นย้ำว่าการเข้าไปยุ่งย่ามกับสิ่งของล้ำค่าในสถานที่แห่งนี้นั้นอันตรายเพียงใด ในขณะที่ความโลภของมนุษย์คล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด การควบคุมตนเองเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่... หลังจากใช้เวลาในการขนย้ายสิ่งของล้ำค่าออกจากสถานที่นั้นเกือบครึ่งชั่วโมง เลคและคนของเขาก็ได้รวบรวมทรัพย์สินมีค่ามากพอที่จะใส่ลงไปในรถยนต์ขนาดใหญ่อย่างน้อยสองคัน… เมื่อได้เห็นปริมาณของทรัพย์สมบัติแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยที่เลคและคนของเขาถูกดึงดูดให้มายังสถานที่แห่งนี้... หลังจากที่เลคออกจากห้องลับแห่งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็เดินไปหาเจอรัลด์ก่อนที่จะยิ้มขณะที่เขาพูดว่า "นี่คือสมบัติที่เราได้รับจากห้องลับนั้น เจอรัลด์! เนื่องจากพวกเราทั้งสองฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันจนทำให้มาได้ไกลถึงขนาดนี้ ผมก็ยินดีที่จะแบ่งปันทรัพย์สินบางส่วนที่ได้มากับพวกคุณ!” เจอรัลด์ยิ้มตอบก่อนพูดขึ้นว่า “ผมซาบซึ้งในน้ำใจของคุณนะ คุณซัค แต่เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามล่าสมบัติของแวมไพร์ เพราะงั้นพวกคุณเก็บทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไว้กับตัวเองเถอะ!” เมื่อได
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าคนที่ถูกแมงมุมโจมตีคือคนที่สัมผัสกับสมบัติพวกนั้นอย่างนั้นหรือ?” เจอรัลด์ถาม เมื่อเห็นผู้เฒ่าฟลินท์พยักหน้า เจอรัลด์และพรรคพวกก็ตกตะลึงทันที ไม่นึกเลยว่าแมงมุมจะเลือกเหยื่อจริง ๆ... ในขณะเดียวกัน เลคและสมาชิกในทีมที่เหลือก็ถูกแมงมุมยักษ์จับกินทั้งเป็น! มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างที่สุด… เมื่อมองไปที่เจอรัลด์ซึ่งยังคงยืนอยู่ข้างประตู เลคผู้น่าสงสารที่กำลังถูกกินก็ทำได้เพียงอ้อนวอนว่า “คุณ…คลอฟอร์ด…! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย…!” “ช...ช่วยด้วย! ได้โปรด…!" สมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมของเลคต่างก็กรีดร้องเช่นกัน ถึงกระนั้น เจอรัลด์ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดได้ยึดเอาสมบัติต้องสาปไปเพราะความโลภบังตา หรือเรียกอีกอย่างว่า พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวกันเอง ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่พวกเขากรีดร้องและถูกกินไปต่อหน้าต่อตา... เลคเองก็ถูกฉีกออกขาดครึ่งก่อนที่จะถูกโยนลงไปในเหว... สำหรับสมาชิกในทีมที่เหลือ พวกเขาถูกแมงมุมตัวเล็กกลืนกินจนไม่เหลืออะไร และสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีเพียงกองเลือด... ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นก่อนที่เลคและกลุ่มขอ
หลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็กลับมาที่ห้องอีกครั้ง...อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปข้างใน จู่ ๆ พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงเคาะแปลก ๆ...ตอนนี้ทุกคนรู้สึกระแวดระวัง เรย์อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจอรัลด์แล้วถามว่า “…คุณได้ยินไหมพี่เจอรัลด์?”เจอรัลด์พยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้ยิน” ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งห้าจึงเริ่มมองหาแหล่งที่มาของเสียงดังกล่าวทันที… จนกระทั่งในที่สุด เจอรัลด์ก็ตระหนักว่ามันมาจากจุดศูนย์กลางของลานทรงกลมในห้องนั้น… “…เสียงมาจากทางนั้น!” เจอรัลด์พูดขณะที่เขาชี้ไปที่ลานดังกล่าว เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็รีบรวมตัวกันรอบ ๆ แท่นก่อนที่จะแนบหูของพวกเขาลงไป… จริงอยู่ เมื่อหูของพวกเขาแนบสนิทอยู่บนพื้นแล้ว เสียงเคาะอย่างต่อเนื่องก็ยิ่งชัดเจนขึ้น! เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ก็พบว่าเสียงเคาะดังกล่าวดังเกือบจะเป็นจังหวะเลยทีเดียว “…คุณคิดว่ามีคนติดข้างในหรือเปล่า พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถาม “…ดูจากจังหวะการเคาะแล้ว อาจจะเป็นอย่างนั้น!” เจอรัลด์ตอบ เขารู้สึกได้ว่ามีเพียงสิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่สามารถทำการเคาะเป็นจังหวะเช่นนี้ได้ หลังจากเสียงเคราะหยุดไปเล็กน้อย เจอรัลด์ก็สั