ตอนนั้นเองที่เมลานีกลับมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับโนริและคนอื่น ๆ เมื่อรู้ว่าอาจารย์ของเจอรัลด์ได้สังหารผู้โจมตีสูงวัยทั้งสามคนแล้ว เมลานีก็ตกใจทันที ไม่คิดเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้… การมีอาจารย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ว่าทำไมเจอรัลด์ถึงมีฝีมือทางด้านศิลปะการต่อสู้ที่เหนือผู้อื่น! เมลานีรีบดึงสติของเธอกลับมาอย่างรวดเร็วและหันความสนใจไปที่เจอรัลด์ จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังได้รับบาดเจ็บพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “เจอรัลด์…!” แต่ถึงกระนั้น เจอรัลด์ก็หมดสติไปแล้ว... เมื่อชายชราทั้งสามคนเสียชีวิตแล้ว คณบดีซุเมรุก็เก็บดาบเข้าฝักก่อนที่จะตรงเข้าไปหาเจอรัลด์ และตรวจสอบบาดแผลของเขา “…ดูเหมือนระบบการหายใจภายในของเขาจะมีปัญหา… ฉันจำเป็นจะต้องรักษาเขาทันที!” คณบดีซุเมรุประกาศหลังจากตรวจชีพจรของเจอรัลด์ผ่านทางข้อมือ หลังจากนั้น เขาก็อุ้มเจอรัลด์ไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่งตามเมลานีไปจนถึงห้องพักของเจอรัลด์ หลังจากวางเจอรัลด์ที่หมดสติลงบนเตียงแล้ว คณบดีซุเมรุก็ตะโกนว่า “พวกเธอทุกคนออกไปก่อน! อย่าให้ใครมารบกวนฉัน ตอนที่ฉันกำลังรักษาบาดแผลของเขา!” แม้ว่
เมื่อเห็นเช่นนั้น ทั้งเยอร์ควินและเมลานีก็รีบเข้าไปหาเขา “อาการของเจอรัลด์เป็นยังไงบ้างครับ ท่านอาจารย์?” เยอร์ควินถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล “ตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างเต็มที่อีกสักสองสามวันก็ตาม ถึงตอนนั้นช่วยดูแลเขาให้ดีด้วยนะ ฉันเองก็อยากจะอยู่ต่อ แต่ฉันก็มีธุระที่ต้องรีบกลับไปสะสาง” คณบดีซุเมรุตอบก่อนจะกระโดดหายไปแทบจะในทันที แม้ว่าคณบดีซุเมรุจะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าเขาต้องรีบไปทำอะไร แต่เยอร์ควินและลูกสาวของเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าเขากำลังจะล้างแค้นแทนเจอรัลด์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็รีบมุ่งหน้าเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการของเจอรัลด์ พวกเขานั่งลงที่ข้างเตียงของเจอรัลด์ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาดูซีดเซียวและอ่อนแอเพียงใด นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากภายใน โชคดีที่คณบดีซุเมรุช่วยรักษาระบบการหายใจภายในของเจอรัลด์ได้สำเร็จ และผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ คือเขาต้องใช้เวลาสองสามวันเพื่อพักฟื้นร่างกายอย่างเต็มที่... ไม่นานต่อมาในบ้านพักของตระกูลโวร์ ควิดกำลังนั่งอย่างกระวนกระวายใจ ขณะรอการกลับมาของชายชราทั้งส
เมื่อเจอรัลด์ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็เห็นอาจารย์ของเขาที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ข้างเตียงของเขา เจอรัลด์พยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย… เขาลุกไม่ได้ด้วยซ้ำ! ทันใดนั้น คณบดีซุเมรุก็ลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ฟื้นคืนสติแล้ว เขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า "เจอรัลด์! คุณฟื้นแล้ว!” “ท่านอาจารย์ ผม…” “ไม่ต้องห่วง เธอจะไม่เป็นอะไร เธอเพียงแค่รู้สึกเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บภายใน แต่เธอจะหายดีและแข็งแรงขึ้นในไม่ช้า ตราบใดที่เธอพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกสักสองสามวัน!” คณบดีซุเมรุตอบ ก่อนที่เจอรัลด์จะมีโอกาสได้พูดต่อ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็เงียบไป... หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้องของเขา เมื่อเดินไปเปิดประตู คณบดีซุเมรุก็เห็นว่าคนที่เคาะประตูคือเมลานีที่นำอาหารเช้ามาให้เจอรัลด์ หลังจากเข้าไปในห้อง เมลานีก็วางอาหารเช้าของเจอรัลด์ไว้บนโต๊ะ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “คุณเป็นอย่างไรบ้าง เจอรัลด์? ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม…?” เจอรัลด์ยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมไม่เป็นอะไรแล้ว… แค่ต้องพักฟื้นสักพักน่ะ…”
“ยังไงก็แล้วแต่ ฉันคิดว่าตอนนี้คุณควรจะพักผ่อนให้เต็มที่นะ! เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราจัดการกันเอง!” โนริกล่าวเสริม เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็เข้าใจว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟัง จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอนเพื่อพักฟื้นร่างกายต่อไป... เช้าตรู่ในอีกสองสามวันต่อมา จูโน่ซึ่งเป็นพี่สาวของเมลานีก็มาเคาะประตูห้องของเจอรัลด์ก่อนจะถามว่า “เจอรัลด์? คุณตื่นหรือยัง…?" หลังจากยืนรอสักพักและไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จูโน่ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป… แต่เธอกลับพบว่าเจอรัลด์ไม่ได้อยู่ในห้องนั้นด้วยซ้ำ! 'เขาจะหายไปไหนได้? เขาคงไม่ไปไหนโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวหรอกใช่ไหม?' จูโนคิดกับตัวเองด้วยความสับสน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอนึกไม่ออกว่าเจอรัลด์จะหายไปไหนได้… แต่เมื่อเธอนึกอะไรบางอย่างออก เธอก็รีบมุ่งหน้าไปที่สวนหลังบ้านทันที เพื่อดูว่าเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่ เป็นไปตามที่เธอคิด พอเธอมาถึงสวนหลังบ้าน จูโน่ก็เห็นเจอรัลด์และ ลีท เควอรี่ กำลังนั่งสมาธิอยู่บนม้านั่งหินอ่อน พวกเขากำลังหลับตาอย่างนิ่งสงบ... จูโน่กลอกตาของเธออย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะถอนหาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จูโน่ก็หันไปมองเจอรัลด์ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ว่าไงนะ? ฉันก็กินจุแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว!” เจอรัลด์ส่ายหัวและรูดซิปปากของเขา เขากังวลว่าจูโน่อาจจะโกรธจนคว่ำโต๊ะ หากเขายังล้อเลียนเธอต่อไป หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปยังสนามฝึกของเมืองเลือดมังกร ในทวีปไลคอม แต่ละเมืองจะมีสนามฝึกซ้อมของตัวเอง และสถานที่ดังกล่าวถูกใช้เพื่อจัดการแข่งขันประจำปีทุกประเภท แน่นอนว่าสนามฝึกซ้อมยังใช้เป็นสถานที่ฝึกฝนทักษะสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้อีกด้วย เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงสนามฝึก พวกเขาก็เห็นคนหลายคนกำลังประลองฝีมือกันอยู่ เมื่อเห็นจูโน่ปรากฏตัว ทุกคนที่นั่นก็แสดงความเคารพเธอทันที บางคนถึงกับเสนอพื้นที่ฝึกซ้อมให้กับจูโน่อีกด้วย การกระทำของคนเหล่านั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจูโน่มีอิทธิพลค่อนข้างมากในเมืองเลือดมังกร ท้ายที่สุดแล้ว ผู้มีอำนาจมักได้รับความเคารพจากผู้อื่นเสมอ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางเพศ จูโน่ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขา โดยเลือกพื้นที่เงียบสงบก่อนจะมองไปที่เจอรัลด์แล้วพูดว่า "เรามาดวลกันดีกว่า เจอรัลด์!" "ได้เลย!" เ
อันที่จริงเจอรัลด์ไม่ได้มุ่งประเด็นไปที่รูปแบบการจู่โจมดังกล่าว แม้ว่ารูปแบบการจู่โจมของเธอจะทรงพลัง แต่เขาหมายถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะจู่โจม เธอมักจะเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้สามารถตอบโต้เธอได้ง่ายจนเกินไป นอกจากนี้ การที่เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจู่โจมของเธอเลย ทำให้คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเธอสามารถสังเกตเห็นรูปแบบการจู่โจมเดิม ๆ ของเธอได้ มันจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเจอรัลด์จึงสามารถเอาชนะเธอได้อย่างง่ายดาย เหตุผลเดียวที่เธอสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในครั้งก่อน ๆ ก็เพราะศัตรูที่เธอประลองฝีมือด้วยนั้นอ่อนแอกว่าเธอมาก ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะวิเคราะห์รูปแบบการจู่โจมของจูโน่ได้ อย่างไรก็ตาม เจอรัลด์แข็งแกร่งกว่าเธอมาก ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้รับการฝึกฝนเป็นการส่วนตัวจากลีท และเขายังมีความคิดเห็นและการวิเคราะห์เกี่ยวกับทักษะศิลปะการต่อสู้ และกลยุทธ์การโจมตีที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย หลังจากที่เขาได้ยินคำถามของจูโน่ เจอรัลด์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ลองคิดดูสิ จากสิ่งที่ผมเห็น คุณมักจะมุ่งความสนใจไปที่การจู่โจมเท่านั้น มันจึงทำให้คุณเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ตอบโต้ได้ง่ายโดยที
หลังจากประกาศเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พร้อมที่จะออกเดินทางพร้อมกับโนริและเรย์ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงแค่ไหน เขาก็ต้องไปช่วยทั้งเซลิกและไซริลกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้! แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ได้ยินเสียงของจูโน่ตะโกน “เดี๋ยวก่อน เจอรัลด์!” “มีอะไรเหรอ คุณหนูใหญ่ซอร์น? ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไว้เราค่อยคุยกันทีหลังนะ! ตอนนี้ผมต้องรีบไปช่วยเพื่อนของผมก่อน!” เจอรัลด์ตอบ “ใจเย็น ๆ ก่อนเจอรัลด์! ฟังนะ คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าหัวหน้าของสหภาพฮัลเกอโรอิกได้เข้าสู่จิตวิญญาณระดับที่สามของอาณาจักรอวตาร์แล้ว! เพราะฉะนั้น การที่คุณบุกไปหาพวกมันแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายหรอกนะ!” จูโน่อธิบาย นอกเหนือจากเจอรัลด์ที่เข้าสู่อาณาจักรอวตาร์แล้ว คนอื่น ๆ ที่เหลือยังอยู่ในอาณาจักรแห่งนักปราชญ์เท่านั้น พวกเขาไม่มีทางรับมือกับเหล่าสมาชิกที่แข็งแกร่งกว่าของสหภาพฮัลเกอโรอิกได้ ด้วยเหตุนี้ จูโน่จึงไม่อยากให้พวกเขาเอาชีวิตไปทิ้งแบบนั้น “ถึงคุณจะพูดถูก แต่ผมก็ทิ้งเพื่อนของผมไว้แบบนั้นไม่ได้!” เจอรัลด์ตอบ แม้ว่าเขาจะเข้าใจประเด็นของจูโน่ แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะไปช่วยเซลิกและไซริล ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองคนได้ตกลงอ
“ถึงมันจะเป็นเรื่องดีที่เรารู้ทุกอย่าง แต่เราจะผ่านการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของสหภาพฮัลเกอโรอิกไปได้อย่างไรล่ะ? แม้แต่จากที่นี่ เราก็ยังเห็นได้ว่าตอนนี้พวกมันได้จัดเวรยามไว้ป้องกันอย่างแน่นหนา! ให้ตายเถอะ พวกมันยังจัดตั้งทีมลาดตระเวนด้วยซ้ำ! เพราะฉะนั้น เราจะต้องโดนจับได้อย่างแน่นอน หากเราโผล่เข้าไปในนั้นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า!” เรย์พึมพำ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับคำพูดของเรย์ ด้วยความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของสหภาพฮัลเกอโรอิกในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคนในสหภาพนั้นคาดการณ์เอาไว้ว่าเจอรัลด์จะต้องมาช่วยเพื่อนของเขา มันเป็นกับดักแห่งความตายที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง... “…มีใครคิดออกไหมว่าเราควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร? คุณหนูใหญ่ซอร์นพอจะคิดออกไหม?” เจอรัลด์ถาม ขณะที่เขามองไปที่จูโน่ เมื่อได้ยินคำถามของเขา จูโน่ก็เริ่มคิดไตร่ตรองเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าตัวประกันถูกคุมขังไว้ที่ไหน แต่การช่วยเหลือพวกเขานั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาก... “…วิธีเดียวที่ฉันคิดได้ คือเราต้องล่อพวกมันออกจากฐาน… นอกเหนือจากนั้น ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าเราจะเข้าไปในฐานของพวกม