หลังจากอำลาแพทริคและคนอื่น ๆ แล้ว เจอรัลด์และเควสก็เริ่มไต่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของผาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าหิมะจะตกค่อนข้างหนัก และมีลมกรรโชกแรงเป็นบางครั้ง แต่เจอรัลด์และเควสก็หาที่ริมหน้าผาเพื่อดำเนินการต่อไปได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับพายุหิมะจริง ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เควสจึงเอ่ยถามออกไปว่า “คุณคิดว่าทีมผจญภัยจะมีโอกาสรอดไปได้มากน้อยเท่าไหร่ เจอรัลด์?” “ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ผมเดาว่าตอนนี้พวกเขาคงกำลังติดอยู่ที่ไหนสักแห่งบนภูเขาลูกนี้!” เจอรัลด์ตอบด้วยน้ำเสียงมีความหวัง เจอรัลด์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาทนไม่ได้ที่จะต้องคิดว่าโนริกำลังจะตายท่ามกลางพายุหิมะเช่นนี้ เจอรัลด์ไล่ความคิดออกไปจากหัวแล้วถามว่า “คุณคิดว่าเราเดินหน้ามาไกลแค่ไหนแล้ว คุณลีน?” “จากที่ฉันคำนวณได้ ตอนนี้เราน่าจะอยู่ที่ระดับความสูงเจ็ดพันห้าร้อยฟุต ก็หมายความว่าเราน่าจะอยู่ห่างจากจุดที่ทีมผจญภัยหายตัวไปสองพันฟุต! เมื่อดูจากความเร็วในความก้าวหน้าปัจจุบันของเรา เราต้องใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงจึงจะไปถึงที่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็หลับตาลงอย่างเงียบงัน แผ่ญาณทิพย์ออกไปสแกนทั่วพื้นที่ที่เหลือบนยอดเขา... น่าเศร้าที่ระยะของญาณทิพย์ของเขาค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเขาจึงสามารถสแกนได้สูงเพียงไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ขอบเขตเล็ก ๆ แต่อย่างใด แต่เจอรัลด์ก็ยังไม่สามารถหาร่องรอยของทีมผจญภัยอีกทีมได้ ในที่สุด เควสจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “…นี่… คุณคิดว่าทีมผจญภัยไม่อยู่ที่นี่เพราะ… พวกเขามุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาแล้วงั้นเหรอ…?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็หันไปมองเควส แม้ว่าคำถามของอีกฝ่ายจะฟังดูไร้สาระ แต่คำถามนั้นก็ไม่ได้ผิดเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีร่องรอยของทีมผจญภัยที่นี่เลย หนทางเดียวที่พวกเขาจะมุ่งไปได้โดยที่ไม่ได้บังเอิญมาปะทะกับทีมกู้ภัยระหว่างทางขึ้นไป ก็คือการปีนขึ้นไปบนภูเขาเท่านั้น… “…อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว เราก็ขึ้นไปตรวจสอบบนภูเขาให้แน่ใจกันเถอะ!” เจอรัลด์ตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ก็ไต่ภูเขาต่อไป… เนื่องจากก่อนหน้านี้หากไม่ได้เจอรัลด์คอยแทรกแซงพวกเขาคงถึงคราวตายไปแล้ว ตอนนี้เควสจึงไว้วางใจเจอรัลด์อย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้เ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โนริก็ดีใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่เจอรัลด์มาที่นี่เพียงเพื่อช่วยเธอ ก็หมายความว่าเขายังคงห่วงใยเธออยู่ เพราะอย่างไรเสีย ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาที่นี่ เพราะโนริมั่นใจว่าเธอไม่เคยพูดถึงการเดินทางไปผาศักดิ์สิทธิ์กับเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว โนริจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “…จะว่าไปแล้ว คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?” “ฉันรู้เรื่องนี้ตอนที่ฉันไปยังคฤหาสน์ของเธอ และพ่อของเธอบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้” เจอรัลด์ตอบ “อย่างนี้นี่เอง… แต่เดี๋ยวก่อนนะ การที่คุณมาที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าการฝึกสร้างยันต์กับนายท่านฮันต์จะหยุดชะงักใช่ไหม” โนริถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย เดิมทีการที่เจอรัลด์จะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของเขามันไม่ง่ายเลย ด้วยเหตุนี้ โนริจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เจอรัลด์พลาดโอกาสในการเป็นศิษย์ของนายท่านฮันต์ต่อไป แต่ทว่าเจอรัลด์กลับหัวเราะ ก่อนจะลูบหัวโนริเบา ๆ เขาหยิบตราปรมาจารย์ยันต์ระดับหนึ่ง ซึ่งซ่อนอยู่ในเสื้อนอกของเขาออกมาแสดง จากนั้นเจอรัลด์จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันได้เป็นปร
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น! แล้วผมก็เห็นด้วยว่ายิ่งออกไปจากที่นี่เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!” เจอรัลด์ตอบ ในตอนนี้เขาได้พบกับทีมผจญภัยแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องเริ่มปีนเขาอย่างเคย เพื่อไปรวมตัวกับทีมกู้ภัยที่เหลือ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเขาก็เริ่มลงจากภูเขา... ในขณะที่เจอรัลด์ยังคงค่อนข้างมีคำถามเกี่ยวกับโสมพาแน็กซ์พันปี แต่เขาไม่อยากที่จะต้องแลกชีวิตไปกับการตามหาสิ่งนั้น อีกครั้งมันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าสมุนไพรดังกล่าวสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริง ด้วยเหตุนี้ ทีมผจญภัยจึงเริ่มเดินทางลงจากภูเขา อย่างที่ใครต่อใครว่ากัน การลงภูเขานั้นง่ายกว่าการการปีนขึ้นเสมอ อีกทั้งความจริงที่ว่าการมีเจอรัลด์และเควสให้ความช่วยเหลือ ทำให้การลงเขาง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ ทั้งกลุ่มจึงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ลงมาจากภูเขาในครึ่งทางแล้ว สิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะได้กลับไปรวมตัวกับกลุ่มของแพทริค ทันใดนั้น หมาป่าภูเขาสีขาวสองสามตัวก็ปรากฏตัวขึ้น! “ม-หมาป่า?!” หลายคนจากทีมผจญภัยตะโกน ขณะที่พวกเขาเริ่มพุ่งลงจากภูเขาทันทีด้วยความกลัว! เจอรัลด์เองก็หันไปเผชิญหน้ากับเควส ก่อนที่จะออกคำสั่ง “เควส! พาคนอื่นออกไปก่อ
ร่างของหมาป่าหิมะที่เสียชีวิตจากการถูกกระแทก กระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา ด้วยร่างกายที่บึกบึนของเจอรัลด์ จึงไม่ได้แปลกใจเลยที่เขาไม่เพียงแต่รอดชีวิตไปได้เท่านั้น แต่เขาแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย! ด้วยเหตุนี้เอง เพียงไม่นานเขาก็ฟื้นคืนสติขึ้น… หลังจากตรวจสอบดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เจอรัลด์ก็รู้สึกดีใจที่พบว่าร่างกายของเขาไร้รอยขีดข่วน หลังจากกระโดดลงมาจากพุ่มไม้ เจอรัลด์ก็หยิบมีดเล่มเล็กของเขาขึ้นมาและเริ่มหั่นเนื้อหมาป่าหิมะ เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด เจอรัลด์จึงรู้ว่าเขาจำเป็นต้องตุนอาหารไว้ในขณะที่เขาทำได้ เมื่อเขาตุนอาหารได้เพียงพอ เจอรัลด์ก็เริ่มเดินไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจทิศทาง แต่สิ่งที่เขาสามารถเห็นได้แทบจะในทันที คือดินแดนที่เป็นดั่งสรวงสวรรค์ เจอรัลด์จ้องมองด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอรัลด์เคยเห็นสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้ อันที่จริงมันสวยงามมาก จนเจอรัลด์ตระหนักได้แก่ใจเลยว่าไม่อาจหาที่ใดงดงามได้เท่านี้อีก ขณะที่เขาเดินต่อไปรอบ ๆ สถานที่ที่งดงามราวกับแดนสวรรค์ เจอรัลด์รู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอันอ่อนโยน แล
วินาทีที่เขาได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเจอรัลด์ก็เบิกกว้างทันที แม้ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองได้ยินผิด แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น สองพันปี… งั้นก็แปลว่าหญิงสาวคนนี้มีอายุอย่างน้อยสองพันปี…! ช่างน่าขนลุกนัก! ไหนจะเรื่องที่เธออยู่ที่นี่มาโดยตลอดโดยที่ไม่มีใครเคยได้พบ! จูนเป็นคนแบบไหนกันนะ…? หากเขาไม่ตกลงมาในหุบเขา เจอรัลด์ก็คงพลาดโอกาสที่จะได้พบเธอเช่นกัน... เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ไม่มีคำถามเพิ่มเติม จูนจึงถือโอกาสถาม “เอาล่ะ… เลิกคุยเรื่องของฉันเถอะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาที่ผาศักดิ์สิทธิ์” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็นึกถึงสาเหตุที่โนริและคนอื่น ๆ ขึ้นไปบนภูเขาตั้งแต่แรก เมื่อคิดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตอบว่า “ผมมาที่นี่เพื่อค้นหาสมุนไพรโบราณที่เรียกว่าโสมพาแน็กซ์อายุพันปี!” “นี่คุณ…มาที่นี่เพื่อหาสมุนไพรนั่น…? จะต้องการไปทำไม? คิดจะสร้างโอสถคืนชีพอย่างนั้นเหรอ?” จูนเอ่ยถาม ขณะที่เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เจอรัลด์ "โอ้? คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า?” เจอรัลด์ถามอย่างแน่ใจว่าจูนรู้เรื่องสมุนไพรมากกว่าที่เขารู้ “โสมพาแน็กซ์พันปีเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสมุนไพรจึงถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดีจากส่วนอื่น ๆ ของโลก… จูนยังอยู่ที่นี่เพื่อคอยปกป้องโสมพาแน็กซ์พันปีตลอดเวลา! “ไม่ควรมีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสมุนไพรนี่… มิฉะนั้น หายนะจะตามมาอย่างแน่นอน! ฉันมั่นใจว่าคุณคงเข้าใจใช่ไหม?” จูนพูด ขณะที่เธอจ้องไปที่เจอรัลด์ เมื่อเข้าใจถึงผลที่อาจเกิดขึ้น เจอรัลด์เพียงแค่พยักหน้าขณะที่เขาตอบว่า “ผมเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ผมไม่เอาของพวกนี้หรอก!” "ฉันดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ฉันจะให้บางอย่างแก่คุณแทนคำขอบคุณ!” จูนพูด ขณะที่เธอโบกมืออย่างสง่างาม ทำให้กล่องสมบัติลูกบาศก์เล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ... หลังจากได้รับกล่องสมบัติจากจูน เจอรัลด์ผู้อยากรู้อยากเห็นก็สงสัยว่าเธอมอบอะไรให้แกเขา เขาเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง เจอรัลด์ก็พบกับเม็ดเล็ก ๆ เม็ดเดียวอยู่ข้างใน... เมื่อมองขึ้นไปที่จูน เจอรัลด์ก็พูดว่า “…นี่มัน…” “นี่คือโอสถคืนชีพ และเป็นยาเม็ดเดียวที่ฉันพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ชั้นสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของคุณ เพราะฉะนั้นฉันจะขอฝากยานี้ไว้กับคุณ ขอให้มันเป็นประโยชน์กับคุณ!” จูนตอบ เจอรัลด์รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กลับ
หลังจากนั้น โนริก็เริ่มเล่าให้พ่อของเธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบนผาศักดิ์สิทธิ์… ในตอนท้ายของเรื่องที่เธอเล่า แม้แต่โยชัวก็พบว่าเหตุการณ์นั้นกลับตาลปัตรอย่างยากจะเชื่อได้เล็กน้อย เมื่อระลึกได้ว่าเจอรัลด์ยอมสละความปลอดภัยของตัวเอง เพื่อปกป้องทีมผจญภัยจากหมาป่าหิมะพวกนั้น… เขาก็รู้สึกได้ว่านั่นเป็นการกระทำที่กล้าหาญอย่างแท้จริง… โยชัวลูบหลังลูกสาวแล้วปลอบว่า “อย่าห่วงไปเลย โนริ เจอรัลด์จะกลับมาอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน!” โนริพยักหน้าตอบ หวังอย่างสุดหัวใจว่าเจอรัลด์จะกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน... ในขณะเดียวกันในเมืองมายา เจอรัลด์กำลังทานอาหารพร้อมกับคุยกับจูน โดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกเลย เขาไม่รู้ว่าโนริและคนอื่นๆ กำลังรอการกลับมาของเขาอย่างกระวนกระวายใจเพียงใด เจอรัลด์จิบชาก่อนจะมองไปที่จูนแล้วถามว่า “จะว่าไปแล้ว… คุณปกป้องสถานที่นี้มาตลอดเลยเหรอ? อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยออกไปจากที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว…?” จูนส่ายหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันก็อยากจะออกไปเหมือนกัน แต่บอกตามตรง… น่าเสียดายที่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้!” "คุณหมายความว่ายังไง?" “มันมี… กำแพงล่องหนอะไรสักอย่