“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น! แล้วผมก็เห็นด้วยว่ายิ่งออกไปจากที่นี่เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!” เจอรัลด์ตอบ ในตอนนี้เขาได้พบกับทีมผจญภัยแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องเริ่มปีนเขาอย่างเคย เพื่อไปรวมตัวกับทีมกู้ภัยที่เหลือ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเขาก็เริ่มลงจากภูเขา... ในขณะที่เจอรัลด์ยังคงค่อนข้างมีคำถามเกี่ยวกับโสมพาแน็กซ์พันปี แต่เขาไม่อยากที่จะต้องแลกชีวิตไปกับการตามหาสิ่งนั้น อีกครั้งมันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าสมุนไพรดังกล่าวสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริง ด้วยเหตุนี้ ทีมผจญภัยจึงเริ่มเดินทางลงจากภูเขา อย่างที่ใครต่อใครว่ากัน การลงภูเขานั้นง่ายกว่าการการปีนขึ้นเสมอ อีกทั้งความจริงที่ว่าการมีเจอรัลด์และเควสให้ความช่วยเหลือ ทำให้การลงเขาง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ ทั้งกลุ่มจึงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ลงมาจากภูเขาในครึ่งทางแล้ว สิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะได้กลับไปรวมตัวกับกลุ่มของแพทริค ทันใดนั้น หมาป่าภูเขาสีขาวสองสามตัวก็ปรากฏตัวขึ้น! “ม-หมาป่า?!” หลายคนจากทีมผจญภัยตะโกน ขณะที่พวกเขาเริ่มพุ่งลงจากภูเขาทันทีด้วยความกลัว! เจอรัลด์เองก็หันไปเผชิญหน้ากับเควส ก่อนที่จะออกคำสั่ง “เควส! พาคนอื่นออกไปก่อ
ร่างของหมาป่าหิมะที่เสียชีวิตจากการถูกกระแทก กระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา ด้วยร่างกายที่บึกบึนของเจอรัลด์ จึงไม่ได้แปลกใจเลยที่เขาไม่เพียงแต่รอดชีวิตไปได้เท่านั้น แต่เขาแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย! ด้วยเหตุนี้เอง เพียงไม่นานเขาก็ฟื้นคืนสติขึ้น… หลังจากตรวจสอบดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เจอรัลด์ก็รู้สึกดีใจที่พบว่าร่างกายของเขาไร้รอยขีดข่วน หลังจากกระโดดลงมาจากพุ่มไม้ เจอรัลด์ก็หยิบมีดเล่มเล็กของเขาขึ้นมาและเริ่มหั่นเนื้อหมาป่าหิมะ เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด เจอรัลด์จึงรู้ว่าเขาจำเป็นต้องตุนอาหารไว้ในขณะที่เขาทำได้ เมื่อเขาตุนอาหารได้เพียงพอ เจอรัลด์ก็เริ่มเดินไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจทิศทาง แต่สิ่งที่เขาสามารถเห็นได้แทบจะในทันที คือดินแดนที่เป็นดั่งสรวงสวรรค์ เจอรัลด์จ้องมองด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอรัลด์เคยเห็นสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้ อันที่จริงมันสวยงามมาก จนเจอรัลด์ตระหนักได้แก่ใจเลยว่าไม่อาจหาที่ใดงดงามได้เท่านี้อีก ขณะที่เขาเดินต่อไปรอบ ๆ สถานที่ที่งดงามราวกับแดนสวรรค์ เจอรัลด์รู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอันอ่อนโยน แล
วินาทีที่เขาได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเจอรัลด์ก็เบิกกว้างทันที แม้ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองได้ยินผิด แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น สองพันปี… งั้นก็แปลว่าหญิงสาวคนนี้มีอายุอย่างน้อยสองพันปี…! ช่างน่าขนลุกนัก! ไหนจะเรื่องที่เธออยู่ที่นี่มาโดยตลอดโดยที่ไม่มีใครเคยได้พบ! จูนเป็นคนแบบไหนกันนะ…? หากเขาไม่ตกลงมาในหุบเขา เจอรัลด์ก็คงพลาดโอกาสที่จะได้พบเธอเช่นกัน... เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ไม่มีคำถามเพิ่มเติม จูนจึงถือโอกาสถาม “เอาล่ะ… เลิกคุยเรื่องของฉันเถอะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาที่ผาศักดิ์สิทธิ์” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็นึกถึงสาเหตุที่โนริและคนอื่น ๆ ขึ้นไปบนภูเขาตั้งแต่แรก เมื่อคิดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตอบว่า “ผมมาที่นี่เพื่อค้นหาสมุนไพรโบราณที่เรียกว่าโสมพาแน็กซ์อายุพันปี!” “นี่คุณ…มาที่นี่เพื่อหาสมุนไพรนั่น…? จะต้องการไปทำไม? คิดจะสร้างโอสถคืนชีพอย่างนั้นเหรอ?” จูนเอ่ยถาม ขณะที่เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เจอรัลด์ "โอ้? คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า?” เจอรัลด์ถามอย่างแน่ใจว่าจูนรู้เรื่องสมุนไพรมากกว่าที่เขารู้ “โสมพาแน็กซ์พันปีเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสมุนไพรจึงถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดีจากส่วนอื่น ๆ ของโลก… จูนยังอยู่ที่นี่เพื่อคอยปกป้องโสมพาแน็กซ์พันปีตลอดเวลา! “ไม่ควรมีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสมุนไพรนี่… มิฉะนั้น หายนะจะตามมาอย่างแน่นอน! ฉันมั่นใจว่าคุณคงเข้าใจใช่ไหม?” จูนพูด ขณะที่เธอจ้องไปที่เจอรัลด์ เมื่อเข้าใจถึงผลที่อาจเกิดขึ้น เจอรัลด์เพียงแค่พยักหน้าขณะที่เขาตอบว่า “ผมเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ผมไม่เอาของพวกนี้หรอก!” "ฉันดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ฉันจะให้บางอย่างแก่คุณแทนคำขอบคุณ!” จูนพูด ขณะที่เธอโบกมืออย่างสง่างาม ทำให้กล่องสมบัติลูกบาศก์เล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ... หลังจากได้รับกล่องสมบัติจากจูน เจอรัลด์ผู้อยากรู้อยากเห็นก็สงสัยว่าเธอมอบอะไรให้แกเขา เขาเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง เจอรัลด์ก็พบกับเม็ดเล็ก ๆ เม็ดเดียวอยู่ข้างใน... เมื่อมองขึ้นไปที่จูน เจอรัลด์ก็พูดว่า “…นี่มัน…” “นี่คือโอสถคืนชีพ และเป็นยาเม็ดเดียวที่ฉันพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ชั้นสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของคุณ เพราะฉะนั้นฉันจะขอฝากยานี้ไว้กับคุณ ขอให้มันเป็นประโยชน์กับคุณ!” จูนตอบ เจอรัลด์รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กลับ
หลังจากนั้น โนริก็เริ่มเล่าให้พ่อของเธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบนผาศักดิ์สิทธิ์… ในตอนท้ายของเรื่องที่เธอเล่า แม้แต่โยชัวก็พบว่าเหตุการณ์นั้นกลับตาลปัตรอย่างยากจะเชื่อได้เล็กน้อย เมื่อระลึกได้ว่าเจอรัลด์ยอมสละความปลอดภัยของตัวเอง เพื่อปกป้องทีมผจญภัยจากหมาป่าหิมะพวกนั้น… เขาก็รู้สึกได้ว่านั่นเป็นการกระทำที่กล้าหาญอย่างแท้จริง… โยชัวลูบหลังลูกสาวแล้วปลอบว่า “อย่าห่วงไปเลย โนริ เจอรัลด์จะกลับมาอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน!” โนริพยักหน้าตอบ หวังอย่างสุดหัวใจว่าเจอรัลด์จะกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน... ในขณะเดียวกันในเมืองมายา เจอรัลด์กำลังทานอาหารพร้อมกับคุยกับจูน โดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกเลย เขาไม่รู้ว่าโนริและคนอื่นๆ กำลังรอการกลับมาของเขาอย่างกระวนกระวายใจเพียงใด เจอรัลด์จิบชาก่อนจะมองไปที่จูนแล้วถามว่า “จะว่าไปแล้ว… คุณปกป้องสถานที่นี้มาตลอดเลยเหรอ? อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยออกไปจากที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว…?” จูนส่ายหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันก็อยากจะออกไปเหมือนกัน แต่บอกตามตรง… น่าเสียดายที่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้!” "คุณหมายความว่ายังไง?" “มันมี… กำแพงล่องหนอะไรสักอย่
วินาทีที่เธอกลับมาตั้งสติได้ โนริก็ตะโกนทันทีว่า “เจอ-เจอรัลด์…!” โนริรีบเข้าไปกอดเขาแน่น หยาดน้ำตานองไปทั้งหน้า เมื่อตระหนักว่าเจอรัลด์ยังมีชีวิตอยู่ เควสและคนอื่น ๆ ก็ดีใจและประหลาดใจพอ ๆ กัน ขณะที่พวกเขาวิ่งมาหาเขาเช่นกัน โนริก็ตรวจดูร่างกายของเจอรัลด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับถามว่า “คุณเป็นยังไงบ้างเจอรัลด์ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เมื่อเห็นว่าเธอกังวลมากเพียงใด เจอรัลด์ก็ทำได้เพียงยิ้มก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องกังวล ผมไม่เป็นอะไร!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น โนริรู้สึกโล่งใจมากที่เธอพบว่าตัวเองกำลังเอามือเล็ก ๆ ของเธอแตะที่หน้าอกของเขาเบา ๆ พร้อมกับคร่ำครวญว่า “คุณ… คราวนี้ก็ทำให้ฉันกลัวแทบตาย…!” หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ในที่สุดหัวใจของเธอก็ได้รับการปลอบประโลม... ขณะที่ทั้งแพทริคและเควสเริ่มตบไหล่ของเจอรัลด์ ในที่สุดเควสก็เอ่ยปากถามว่า “ว่าแต่… เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่คุณตกลงไป? นั่นน่าจะเป็นการตกผาที่สูงทีเดียวใช่ไหม” เจอรัลด์หัวเราะตอบเพียงว่า “ผมโชคดีก็เลยไปตกลงบนยอดไม้! ก็เลยทำให้ผมไม่ได้รับบาดเจ็บ!” เจอรัลด์ไม่สามารถบอกพวกเขาเกี่ยวกับเมืองมายาได้ และโชคดีท
เมื่อได้ยินคำถามของลูกชาย ดีแลนจึงตอบว่า “อ่า ทั้งคู่ไปที่รัฐไลรอสแล้ว! เราได้ข่าวมา ดูเหมือนมิล่าจะพบพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอที่นั่น! ด้วยเหตุนี้เธอจึงจ่ายเงินให้ตระกูลสมิธเดินทางไปยืนยันเรื่องนี้!” "ว่าไงนะ? รัฐไลรอส? พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ?” เจอรัลด์พึมพำด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อย หลังจากนั้น เจอรัลด์ได้ฝากคำแนะนำบางอย่างไว้ให้กับพ่อแม่ของเขา ก่อนที่จะออกเดินทางไปรัฐไลรอสเพียงลำพัง... ในขณะเดียวกัน ทั้งมิล่าและเจสสิก้ายืนอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลสมิธ ในรัฐไลรอส ตระกูลสมิธมีอำนาจมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นเจ้าของเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงมากของที่นี่ พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า การมาถึงอย่างกะทันหันของมิล่าอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างแน่นอน “งั้น… เธอกำลังจะบอกว่าเธอชื่อมิล่า สมิธ งั้นหรือ” หญิงสาวในเครื่องแต่งกายหรูหรา ซึ่งแต่งหน้าหนาเตอะเอ่ยถาม ขณะที่เธอจ้องไปที่มิล่า "ถูกต้อง ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาไซร์ สมิธ บิดาผู้ให้กำเนิดของฉัน!” มิล่าตอบด้วยสายตามุ่งมั่น "ฮึ! นั่นมันชื่อพ่อของฉัน รู้หรือเปล่า ฉันยังไม่เคยได้ยินเขาบอกว่ามีลูกสาวอี
เมื่อได้ยินอย่างนั้น มิล่าแทบไม่พูดอะไรสักคำ เธอเพียงแค่จับแขนของเจสสิก้าก่อนจะดึงเธอออกไป ไซร์ไม่รู้เลยว่าเขาควรจะทำเช่นไร จึงได้แต่มองดูหญิงสาวสองคนจากไป... เมื่อเห็นว่าทั้งคู่จากไปแล้ว ฮอลลี่และแม่ของเธอก็ดึงไซร์เข้าไปในบ้านพร้อมกับพวกเธอในทันที หลังจากนั่งบนโซฟาแล้ว พวกเขาก็ซักถามไซร์อย่างขะมักเขม้น จึงได้รู้ว่าไซร์ได้มีสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งนามว่า อีเวียน มอริช ซึ่งเป็นมารดาให้กำเนิดมิล่า ก่อนที่จะแต่งงานกับเชนีย์ น่าเสียดายที่ครอบครัวของไซร์ไม่อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพราะเหตุนั้นหลังจากมิล่าลืมตาดูโลก อีเวียนก็จากไปเช่นนั้น แม้ว่าความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอจะไม่จางหายไปเลยหลังจากผ่านไปหลายปี แต่ไซร์ก็ไม่เคยขุดความทรงจำนั้นขึ้นมา เขายังเฝ้าคิดถึงวันที่อีเวียนจะปรากฏตัวพร้อมกับมิล่า ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้พบกับลูกสาวตามลำพังแบบนี้ เชนีย์และฮอลลี่รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมด ความจริงก็คือ ทั้งแม่และลูกสาวต่างสันนิษฐานว่าที่มิล่ามาแสดงตัวในตอนนี้ เธอมีเจตนาที่จะแย่งชิงสมบัติของตระกูลสมิธ และแม้ว่าอีกฝ่ายจะกังวล แต่ความคิดประเภทนี้ไม่เคยอยู่ในหัวขอ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ