หลังจากนั่งยอง ๆ เพื่อตรวจสอบกองถ่านที่มอดอยู่ครู่หนึ่ง แพทริคก็พูดขึ้นว่า “…นี่ยังค่อนข้างใหม่ คนที่จุดไฟน่าจะอยู่ที่นี่เมื่อสองวันก่อน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และเควสก็หันมามองหน้ากัน นี่เป็นข่าวดี! อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าทีมผจญภัยยังมีชีวิตอยู่เมื่อสองวันก่อน! “…เอาล่ะ พวกเราหลบภัยกันอยู่ที่นี่สักหน่อย พอพายุหิมะสงบลงแล้วเราค่อยเดินทางกันต่อ!” เควสพูด ขณะที่เขาวางเป้ลงก่อนจะนั่งลงเพื่อฟื้นกำลัง ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำเช่นเดียวกัน เจอรัลด์เลือกที่จะสำรวจบริเวณรอบ ๆ หน้าผาต่อไปแทน หลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์ก็เรียกเควสและแพทริค "คุณลีนและผู้บัญชาการหวัง ผมได้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบแล้ว เราไม่มีทางอื่นให้ไปต่อได้อีก วิธีเดียวที่เราจะออกไปจากที่นี่ได้คือการปีนเขา เผื่อว่าคุณจะไม่เชื่อ ลองดูนั่นสิ ถ้าสังเกตดี ๆ คุณจะเห็นรอยเสียดสี! ผมเดาว่านั่นคือจุดที่ผู้คนจากทีมผจญภัยเหวี่ยงเชือกไว้!” เจอรัลด์อธิบาย ในขณะที่เขาชี้ไปร่องรอยที่ถูกทำทิ้งไว้ หลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมด ทั้งเควสและแพทริคก็เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของเจอรัลด์ “อืม… บอกผมหน่อยเถอะ เจอรัลด์ เราควรทำอย่างไรต่อไปดี” แพทร
หลังจากอำลาแพทริคและคนอื่น ๆ แล้ว เจอรัลด์และเควสก็เริ่มไต่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของผาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าหิมะจะตกค่อนข้างหนัก และมีลมกรรโชกแรงเป็นบางครั้ง แต่เจอรัลด์และเควสก็หาที่ริมหน้าผาเพื่อดำเนินการต่อไปได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับพายุหิมะจริง ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เควสจึงเอ่ยถามออกไปว่า “คุณคิดว่าทีมผจญภัยจะมีโอกาสรอดไปได้มากน้อยเท่าไหร่ เจอรัลด์?” “ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ผมเดาว่าตอนนี้พวกเขาคงกำลังติดอยู่ที่ไหนสักแห่งบนภูเขาลูกนี้!” เจอรัลด์ตอบด้วยน้ำเสียงมีความหวัง เจอรัลด์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาทนไม่ได้ที่จะต้องคิดว่าโนริกำลังจะตายท่ามกลางพายุหิมะเช่นนี้ เจอรัลด์ไล่ความคิดออกไปจากหัวแล้วถามว่า “คุณคิดว่าเราเดินหน้ามาไกลแค่ไหนแล้ว คุณลีน?” “จากที่ฉันคำนวณได้ ตอนนี้เราน่าจะอยู่ที่ระดับความสูงเจ็ดพันห้าร้อยฟุต ก็หมายความว่าเราน่าจะอยู่ห่างจากจุดที่ทีมผจญภัยหายตัวไปสองพันฟุต! เมื่อดูจากความเร็วในความก้าวหน้าปัจจุบันของเรา เราต้องใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงจึงจะไปถึงที่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็หลับตาลงอย่างเงียบงัน แผ่ญาณทิพย์ออกไปสแกนทั่วพื้นที่ที่เหลือบนยอดเขา... น่าเศร้าที่ระยะของญาณทิพย์ของเขาค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเขาจึงสามารถสแกนได้สูงเพียงไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ขอบเขตเล็ก ๆ แต่อย่างใด แต่เจอรัลด์ก็ยังไม่สามารถหาร่องรอยของทีมผจญภัยอีกทีมได้ ในที่สุด เควสจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “…นี่… คุณคิดว่าทีมผจญภัยไม่อยู่ที่นี่เพราะ… พวกเขามุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาแล้วงั้นเหรอ…?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็หันไปมองเควส แม้ว่าคำถามของอีกฝ่ายจะฟังดูไร้สาระ แต่คำถามนั้นก็ไม่ได้ผิดเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีร่องรอยของทีมผจญภัยที่นี่เลย หนทางเดียวที่พวกเขาจะมุ่งไปได้โดยที่ไม่ได้บังเอิญมาปะทะกับทีมกู้ภัยระหว่างทางขึ้นไป ก็คือการปีนขึ้นไปบนภูเขาเท่านั้น… “…อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว เราก็ขึ้นไปตรวจสอบบนภูเขาให้แน่ใจกันเถอะ!” เจอรัลด์ตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ก็ไต่ภูเขาต่อไป… เนื่องจากก่อนหน้านี้หากไม่ได้เจอรัลด์คอยแทรกแซงพวกเขาคงถึงคราวตายไปแล้ว ตอนนี้เควสจึงไว้วางใจเจอรัลด์อย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้เ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โนริก็ดีใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่เจอรัลด์มาที่นี่เพียงเพื่อช่วยเธอ ก็หมายความว่าเขายังคงห่วงใยเธออยู่ เพราะอย่างไรเสีย ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาที่นี่ เพราะโนริมั่นใจว่าเธอไม่เคยพูดถึงการเดินทางไปผาศักดิ์สิทธิ์กับเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว โนริจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “…จะว่าไปแล้ว คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?” “ฉันรู้เรื่องนี้ตอนที่ฉันไปยังคฤหาสน์ของเธอ และพ่อของเธอบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้” เจอรัลด์ตอบ “อย่างนี้นี่เอง… แต่เดี๋ยวก่อนนะ การที่คุณมาที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าการฝึกสร้างยันต์กับนายท่านฮันต์จะหยุดชะงักใช่ไหม” โนริถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย เดิมทีการที่เจอรัลด์จะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของเขามันไม่ง่ายเลย ด้วยเหตุนี้ โนริจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เจอรัลด์พลาดโอกาสในการเป็นศิษย์ของนายท่านฮันต์ต่อไป แต่ทว่าเจอรัลด์กลับหัวเราะ ก่อนจะลูบหัวโนริเบา ๆ เขาหยิบตราปรมาจารย์ยันต์ระดับหนึ่ง ซึ่งซ่อนอยู่ในเสื้อนอกของเขาออกมาแสดง จากนั้นเจอรัลด์จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันได้เป็นปร
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น! แล้วผมก็เห็นด้วยว่ายิ่งออกไปจากที่นี่เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!” เจอรัลด์ตอบ ในตอนนี้เขาได้พบกับทีมผจญภัยแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องเริ่มปีนเขาอย่างเคย เพื่อไปรวมตัวกับทีมกู้ภัยที่เหลือ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเขาก็เริ่มลงจากภูเขา... ในขณะที่เจอรัลด์ยังคงค่อนข้างมีคำถามเกี่ยวกับโสมพาแน็กซ์พันปี แต่เขาไม่อยากที่จะต้องแลกชีวิตไปกับการตามหาสิ่งนั้น อีกครั้งมันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าสมุนไพรดังกล่าวสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริง ด้วยเหตุนี้ ทีมผจญภัยจึงเริ่มเดินทางลงจากภูเขา อย่างที่ใครต่อใครว่ากัน การลงภูเขานั้นง่ายกว่าการการปีนขึ้นเสมอ อีกทั้งความจริงที่ว่าการมีเจอรัลด์และเควสให้ความช่วยเหลือ ทำให้การลงเขาง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ ทั้งกลุ่มจึงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ลงมาจากภูเขาในครึ่งทางแล้ว สิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะได้กลับไปรวมตัวกับกลุ่มของแพทริค ทันใดนั้น หมาป่าภูเขาสีขาวสองสามตัวก็ปรากฏตัวขึ้น! “ม-หมาป่า?!” หลายคนจากทีมผจญภัยตะโกน ขณะที่พวกเขาเริ่มพุ่งลงจากภูเขาทันทีด้วยความกลัว! เจอรัลด์เองก็หันไปเผชิญหน้ากับเควส ก่อนที่จะออกคำสั่ง “เควส! พาคนอื่นออกไปก่อ
ร่างของหมาป่าหิมะที่เสียชีวิตจากการถูกกระแทก กระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา ด้วยร่างกายที่บึกบึนของเจอรัลด์ จึงไม่ได้แปลกใจเลยที่เขาไม่เพียงแต่รอดชีวิตไปได้เท่านั้น แต่เขาแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย! ด้วยเหตุนี้เอง เพียงไม่นานเขาก็ฟื้นคืนสติขึ้น… หลังจากตรวจสอบดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เจอรัลด์ก็รู้สึกดีใจที่พบว่าร่างกายของเขาไร้รอยขีดข่วน หลังจากกระโดดลงมาจากพุ่มไม้ เจอรัลด์ก็หยิบมีดเล่มเล็กของเขาขึ้นมาและเริ่มหั่นเนื้อหมาป่าหิมะ เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด เจอรัลด์จึงรู้ว่าเขาจำเป็นต้องตุนอาหารไว้ในขณะที่เขาทำได้ เมื่อเขาตุนอาหารได้เพียงพอ เจอรัลด์ก็เริ่มเดินไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจทิศทาง แต่สิ่งที่เขาสามารถเห็นได้แทบจะในทันที คือดินแดนที่เป็นดั่งสรวงสวรรค์ เจอรัลด์จ้องมองด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอรัลด์เคยเห็นสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้ อันที่จริงมันสวยงามมาก จนเจอรัลด์ตระหนักได้แก่ใจเลยว่าไม่อาจหาที่ใดงดงามได้เท่านี้อีก ขณะที่เขาเดินต่อไปรอบ ๆ สถานที่ที่งดงามราวกับแดนสวรรค์ เจอรัลด์รู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอันอ่อนโยน แล
วินาทีที่เขาได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเจอรัลด์ก็เบิกกว้างทันที แม้ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองได้ยินผิด แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น สองพันปี… งั้นก็แปลว่าหญิงสาวคนนี้มีอายุอย่างน้อยสองพันปี…! ช่างน่าขนลุกนัก! ไหนจะเรื่องที่เธออยู่ที่นี่มาโดยตลอดโดยที่ไม่มีใครเคยได้พบ! จูนเป็นคนแบบไหนกันนะ…? หากเขาไม่ตกลงมาในหุบเขา เจอรัลด์ก็คงพลาดโอกาสที่จะได้พบเธอเช่นกัน... เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ไม่มีคำถามเพิ่มเติม จูนจึงถือโอกาสถาม “เอาล่ะ… เลิกคุยเรื่องของฉันเถอะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาที่ผาศักดิ์สิทธิ์” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็นึกถึงสาเหตุที่โนริและคนอื่น ๆ ขึ้นไปบนภูเขาตั้งแต่แรก เมื่อคิดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตอบว่า “ผมมาที่นี่เพื่อค้นหาสมุนไพรโบราณที่เรียกว่าโสมพาแน็กซ์อายุพันปี!” “นี่คุณ…มาที่นี่เพื่อหาสมุนไพรนั่น…? จะต้องการไปทำไม? คิดจะสร้างโอสถคืนชีพอย่างนั้นเหรอ?” จูนเอ่ยถาม ขณะที่เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เจอรัลด์ "โอ้? คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า?” เจอรัลด์ถามอย่างแน่ใจว่าจูนรู้เรื่องสมุนไพรมากกว่าที่เขารู้ “โสมพาแน็กซ์พันปีเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสมุนไพรจึงถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดีจากส่วนอื่น ๆ ของโลก… จูนยังอยู่ที่นี่เพื่อคอยปกป้องโสมพาแน็กซ์พันปีตลอดเวลา! “ไม่ควรมีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสมุนไพรนี่… มิฉะนั้น หายนะจะตามมาอย่างแน่นอน! ฉันมั่นใจว่าคุณคงเข้าใจใช่ไหม?” จูนพูด ขณะที่เธอจ้องไปที่เจอรัลด์ เมื่อเข้าใจถึงผลที่อาจเกิดขึ้น เจอรัลด์เพียงแค่พยักหน้าขณะที่เขาตอบว่า “ผมเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ผมไม่เอาของพวกนี้หรอก!” "ฉันดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ฉันจะให้บางอย่างแก่คุณแทนคำขอบคุณ!” จูนพูด ขณะที่เธอโบกมืออย่างสง่างาม ทำให้กล่องสมบัติลูกบาศก์เล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ... หลังจากได้รับกล่องสมบัติจากจูน เจอรัลด์ผู้อยากรู้อยากเห็นก็สงสัยว่าเธอมอบอะไรให้แกเขา เขาเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง เจอรัลด์ก็พบกับเม็ดเล็ก ๆ เม็ดเดียวอยู่ข้างใน... เมื่อมองขึ้นไปที่จูน เจอรัลด์ก็พูดว่า “…นี่มัน…” “นี่คือโอสถคืนชีพ และเป็นยาเม็ดเดียวที่ฉันพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ชั้นสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของคุณ เพราะฉะนั้นฉันจะขอฝากยานี้ไว้กับคุณ ขอให้มันเป็นประโยชน์กับคุณ!” จูนตอบ เจอรัลด์รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กลับ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ