หลังจากใช้เวลาในการเตรียมตัวเกือบสองชั่วโมง เจอรัลด์ก็มีอุปกรณ์ครบครันเขากลับไปที่บ้านของตระกูลซาห์นอีกครั้ง และเขาก็เห็นโยชัวและแพทริคซึ่งกำลังจะออกเดินทางไปค่ายทหารที่ใกล้กับผาศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดโยชัวรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นเจอรัลด์กลับมาอีกครั้งก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าเจอรัลด์ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขามีอุปกรณ์ครบครัน โยชัวก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เจอรัลด์เพียงแค่ไปเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในการช่วยเหลือโนริเท่านั้น“อาจารย์ซาห์น ผมหวังว่าคุณจะอนุญาตให้ผมไปช่วยโนริด้วยนะครับ!”เจอรัลด์มองไปที่โยชัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นแม้ว่าเจอรัลด์และโนริจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่เขากลับมองว่าโนริเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้โนริกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เจอรัลด์จึงไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ เขาต้องไปช่วยเหลือเธอให้ได้“เจอรัลด์”“อาจารย์ซาห์น โนริเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมจะทอดทิ้งเธอไม่ได้เด็ดขาด!”โยชัวต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจอรัลด์ก็ขัดจังหวะเขาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเจอรัลด์ โยชัวก็รู้สึกอบอุ่นใจ เขาดีใจที
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลไม่กี่พันเมตร ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไหร่ อุณหภูมิและแรงดันในบรรยากาศก็จะยิ่งลดต่ำลง ยิ่งไปกว่านั้น สภาพอากาศบนภูเขาตอนนี้เลวร้ายมาก มีลมแรงและหิมะตกหนัก ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างมากจึงกล่าวได้ว่าภารกิจกู้ภัยบนผาศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้มีความเสี่ยงสูงมาก“ทุกคน เนื่องจากคืนนี้จะมีความเร็วลมระดับฟอร์ซหกและพายุหิมะ เราจึงตัดสินใจกำหนดเวลาออกเดินทางเป็นเจ็ดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ ผมขอให้ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่ในคืนนี้ เพื่อเก็บแรงของพวกคุณเอาไว้สำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้!”ไม่นานนัก แพทริคก็เข้ามาแจ้งกำหนดการให้เจอรัลด์และทุกคนทราบคืนนี้พวกเขาคงจะนอนไม่หลับเมื่อเริ่มดึกขึ้น เจอรัลด์ก็นั่งพิงกระเป๋าเป้ของเขาเพียงลำพังแล้วหลับตาเพื่อพักผ่อนทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างเจอรัลด์ลืมตาขึ้นทันที และมองไปยังแคมป์ของเควสและพรรคพวกของเขา เขาเห็นร่างของคนสองคนย่องออกมาจากเต็นท์อย่างระมัดระวังมากเจอรัลด์สามารถมองเห็นใบหน้าของชายทั้งสองคนผ่านความมืดมิดพวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคาเลบ วอลเลอร์ และมัลคอล์ม ไลจเมื่อเห็นเช่นนั้น เจอรัลด์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเรา
“ผู้บัญชาการหวัง เรา… เราทั้งคู่เป็นแค่คนธรรมดา! เราก็กลัวตายเป็นเหมือนกันนะรู้ไหม…?!” คาเลบพูดติดอ่าง ขณะที่เขาก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะมองเข้าไปในดวงตาของแพทริค "แก…!" เควสคำราม ทวีความเดือดดาลยิ่งขึ้นทุกวินาที “ดังนั้น… นี่ก็หมายความว่าพวกคุณทั้งคู่พยายามแอบหนีแค่เพราะกลัวตายงั้นเหรอ?” เจอรัลด์พูด ในขณะราดน้ำมันลงกองไฟ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ได้ชอบขี้หน้าคู่หูคู่นี้มากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของเจอรัลด์ คาเลบและมัลคอล์มก็รู้สึกอายจนต้องก้มหน้าลง เควสกำลังโมโหขึ้นอีก เขาเสนอว่า “คนอย่างสองคนนี้… พวกเขาต้องถูกจับนะ ผู้บัญชาการหวัง!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น แพทริคก็หยุดไปครู่หนึ่ง เมื่อหันกลับไปมองที่เควส จากนั้นเขาก็พูดอย่างเป็นกันเองว่า “…ฉันว่า… เราช่างมันไปเถอะ… คนเราจะกลัวตายก็ไม่ผิดนี่!” พวกเขาไม่จำเป็นต้องจับคนทั้งคู่มาด้วยซ้ำ เพราะทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แพทริคไม่อยากบังคับให้ทั้งคู่ตามไปด้วย ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปมองพวกเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ยังไงก็เถอะ ถ้าพวกนายกลัวตายขนาดนั้น ก็ไสหัวไปซะ!” เมื่อพูดเช่นนั้น แพทริคจึงเริ่มเดินนำหน้า
“ผมขอโทษที่ก่อนหน้านี้มองคุณผิดไป จากที่ฟังดูแล้ว ผมหวังว่าเราจะร่วมมือกันไปตลอดภารกิจกู้ภัยนี้!” เควสกล่าวว่าเจอรัลด์ไม่ใช่คนชอบใส่ใจเรื่องหยุมหยิม เขาเริ่มรู้สึกว่าเควสค่อนข้างเป็นคนดี ยิ่งไปกว่านั้นเควสยังเป็นนักผจญภัยมืออาชีพ ที่มีความกล้าหาญ และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ เจอรัลด์พบว่าตัวเองยิ้มในขณะที่เขากลับมาจับมือกับเควสพร้อมกับพูดว่า “เช่นกัน ขอให้ผมได้แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อน ผม เจอรัลด์ คลอฟอร์ด!” “เควส ลีน!” ตอบเควสด้วยรอยยิ้มกลับมาเช่นกัน ต่อจากนั้น ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งผล็อยหลับไปในตอนตีสาม… เจ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้น สมาชิกทีมกู้ภัยทั้งสิบห้าคนได้รวมตัวกันแล้ว และพร้อมที่จะออกเดินทางไปยังผาศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งกองกำลัง เควสคนแรกที่อยู่ในแถว ตามมาด้วยเจอรัลด์ แพทริค และสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีม โชคดีที่สภาพอากาศค่อนข้างดี ดังนั้นการเดินทางของทีมกู้ภัยจึงค่อนข้างราบรื่น ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว นอกจากนั้น ความกดอากาศยังค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อรู้สึกเช่นนั้น แพทริคและคนอื่น ๆ จึงรีบสวมหน้ากากออกซิเจน แ
แน่นอนว่าการปีนหน้าผาก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจอรัลด์เช่นกัน หลังจากถอยหลังไปสองสามก้าว เจอรัลด์ก็พุ่งไปข้างหน้า ก่อนที่จะทำการกระโดดครั้งใหญ่! ไม่กี่วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็ลงมาอยู่ข้าง ๆ เควส! เมื่อเห็นเช่นนั้น เควสและคนอื่น ๆ ต่างก็ได้แต่อ้าปากค้าง ความสามารถในการกระโดดของเขานั้นช่างเก่งกาจอะไรเช่นนี้! เขาเป็นคนที่บ่มเพาะตนเพื่อบรรลุทิพยญาณอย่างแท้จริง! ในที่สุดพวกเขาก็สลัดความตกใจออกไปได้ คนอื่น ๆ ก็เริ่มปีนเชือกตามขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน... ในตอนที่พวกเขาส่วนใหญ่ก้าวขึ้นไปบนหน้าผาแล้ว ก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างกะทันหัน! หลังจากนั้น อากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก กลุ่มเมฆสีดำทะมึนก็ปกคลุมท้องฟ้าไปทุกตารางนิ้ว... เมื่อตระหนักได้ว่าอากาศมีแต่จะเลวร้ายมากขึ้น แพทริคผู้ซึ่งยืนกรานว่าจะปีนหน้าผาเป็นคนสุดท้ายก็ออกคำสั่งอย่างกระวนกระวาย “ทุกคน เร็วเข้า!” เมื่อทุกคนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว แพทริคก็เริ่มปีนเชือกอย่างรวดเร็วเช่นกัน... แน่นอนว่าปัญหามักจะมาโดยไม่บอกล่วงหน้า ในตอนที่คนอื่น ๆ ปีนเชือกก็ขาดไปพอดูแล้ว พอขึ้นไปได้ครึ่งทาง เชือกก็สะบั้นลง! ข
หลังจากนั่งยอง ๆ เพื่อตรวจสอบกองถ่านที่มอดอยู่ครู่หนึ่ง แพทริคก็พูดขึ้นว่า “…นี่ยังค่อนข้างใหม่ คนที่จุดไฟน่าจะอยู่ที่นี่เมื่อสองวันก่อน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และเควสก็หันมามองหน้ากัน นี่เป็นข่าวดี! อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าทีมผจญภัยยังมีชีวิตอยู่เมื่อสองวันก่อน! “…เอาล่ะ พวกเราหลบภัยกันอยู่ที่นี่สักหน่อย พอพายุหิมะสงบลงแล้วเราค่อยเดินทางกันต่อ!” เควสพูด ขณะที่เขาวางเป้ลงก่อนจะนั่งลงเพื่อฟื้นกำลัง ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำเช่นเดียวกัน เจอรัลด์เลือกที่จะสำรวจบริเวณรอบ ๆ หน้าผาต่อไปแทน หลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์ก็เรียกเควสและแพทริค "คุณลีนและผู้บัญชาการหวัง ผมได้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบแล้ว เราไม่มีทางอื่นให้ไปต่อได้อีก วิธีเดียวที่เราจะออกไปจากที่นี่ได้คือการปีนเขา เผื่อว่าคุณจะไม่เชื่อ ลองดูนั่นสิ ถ้าสังเกตดี ๆ คุณจะเห็นรอยเสียดสี! ผมเดาว่านั่นคือจุดที่ผู้คนจากทีมผจญภัยเหวี่ยงเชือกไว้!” เจอรัลด์อธิบาย ในขณะที่เขาชี้ไปร่องรอยที่ถูกทำทิ้งไว้ หลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมด ทั้งเควสและแพทริคก็เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของเจอรัลด์ “อืม… บอกผมหน่อยเถอะ เจอรัลด์ เราควรทำอย่างไรต่อไปดี” แพทร
หลังจากอำลาแพทริคและคนอื่น ๆ แล้ว เจอรัลด์และเควสก็เริ่มไต่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของผาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าหิมะจะตกค่อนข้างหนัก และมีลมกรรโชกแรงเป็นบางครั้ง แต่เจอรัลด์และเควสก็หาที่ริมหน้าผาเพื่อดำเนินการต่อไปได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับพายุหิมะจริง ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป เควสจึงเอ่ยถามออกไปว่า “คุณคิดว่าทีมผจญภัยจะมีโอกาสรอดไปได้มากน้อยเท่าไหร่ เจอรัลด์?” “ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ผมเดาว่าตอนนี้พวกเขาคงกำลังติดอยู่ที่ไหนสักแห่งบนภูเขาลูกนี้!” เจอรัลด์ตอบด้วยน้ำเสียงมีความหวัง เจอรัลด์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาทนไม่ได้ที่จะต้องคิดว่าโนริกำลังจะตายท่ามกลางพายุหิมะเช่นนี้ เจอรัลด์ไล่ความคิดออกไปจากหัวแล้วถามว่า “คุณคิดว่าเราเดินหน้ามาไกลแค่ไหนแล้ว คุณลีน?” “จากที่ฉันคำนวณได้ ตอนนี้เราน่าจะอยู่ที่ระดับความสูงเจ็ดพันห้าร้อยฟุต ก็หมายความว่าเราน่าจะอยู่ห่างจากจุดที่ทีมผจญภัยหายตัวไปสองพันฟุต! เมื่อดูจากความเร็วในความก้าวหน้าปัจจุบันของเรา เราต้องใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงจึงจะไปถึงที่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็หลับตาลงอย่างเงียบงัน แผ่ญาณทิพย์ออกไปสแกนทั่วพื้นที่ที่เหลือบนยอดเขา... น่าเศร้าที่ระยะของญาณทิพย์ของเขาค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเขาจึงสามารถสแกนได้สูงเพียงไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ขอบเขตเล็ก ๆ แต่อย่างใด แต่เจอรัลด์ก็ยังไม่สามารถหาร่องรอยของทีมผจญภัยอีกทีมได้ ในที่สุด เควสจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “…นี่… คุณคิดว่าทีมผจญภัยไม่อยู่ที่นี่เพราะ… พวกเขามุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาแล้วงั้นเหรอ…?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็หันไปมองเควส แม้ว่าคำถามของอีกฝ่ายจะฟังดูไร้สาระ แต่คำถามนั้นก็ไม่ได้ผิดเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีร่องรอยของทีมผจญภัยที่นี่เลย หนทางเดียวที่พวกเขาจะมุ่งไปได้โดยที่ไม่ได้บังเอิญมาปะทะกับทีมกู้ภัยระหว่างทางขึ้นไป ก็คือการปีนขึ้นไปบนภูเขาเท่านั้น… “…อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว เราก็ขึ้นไปตรวจสอบบนภูเขาให้แน่ใจกันเถอะ!” เจอรัลด์ตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ก็ไต่ภูเขาต่อไป… เนื่องจากก่อนหน้านี้หากไม่ได้เจอรัลด์คอยแทรกแซงพวกเขาคงถึงคราวตายไปแล้ว ตอนนี้เควสจึงไว้วางใจเจอรัลด์อย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้เ