อดีตมักหอมหวานเสมอเมื่อตัวเองในวัยผู้ใหญ่หวนกลับไปมอง รอยยิ้มที่ได้มาประดับใบหน้ามันง่ายเพียงแค่ลืมตาขึ้นมาในทุกเช้าจากกลิ่นหอมของหม้อน้ำแกงของป่าในกระต๊อบหลังเล็ก ณ จังหวัดในแถบภาคเหนือ
เสียงวัตถุธรรมชาติกระทบเสียดสีมาจากที่ไกลตา รอบบ้านรายล้อมไปด้วยลานหญ้าแห้ง รั้วไม้ผุพังก่อนจะเป็นเรือนถัดไป อาณาเขตที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ เพียงพอสำหรับครอบครัวสี่คนซึ่งย้ายหนีมาจากพระนครอันวุ่นวาย
บิดาของเขาอดีตเคยเป็นคนลากรถอยู่แถวสถานีรถไฟ คอยรับส่งลูกค้าทำงานได้เงินวันละ ๒-๓ บาท รับงานคนหนึ่งประมาณ ๑๐-๑๕ สตางค์ขึ้นอยู่กับระยะทาง หรือบางวันหากได้ราคาดี คนเยอะหน่อยจะตกวันละ ๕ บาทเลยเชียว ทว่าหนทางการใช้ชีวิตต้องมาติดขัดเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อไปเสพสมชั่วครั้งชั่วคราวกลับให้กำเนิดบุตรในสายเลือดถึงสองคน
ต่อให้บิดาจะยอมรับและเผชิญหน้าจากผลของการกระทำ เจ้าของบ้านตัวจริงอย่างคุณปู่กลับไม่ยอมให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ขึ้นชื่อว่ามีลูกกับกะหรี่ในซ่อง ขับไล่ไสส่งต่าง ๆ นานาจนสุดท้ายบิดาจึงขอแยกทางจากบ้านหลังเดิม ก้าวขาพาตัวเขาและพี่ชายในวัยทารกไปยังต่างจังหวัดซึ่งเป็นบ้านเกิด
เขาเข็นตัวเองสอบไล่ระดับมาจนถึงชั้นประถมชั้นปีที่ ๕ ก็ตัดสินใจหยุดการเรียนในโรงเรียนและหันมาสมัครเข้าอาชีวะที่ค่าเรียนถูกกว่าจากคำนินทาของคุณครู แต่เขาไม่สนใจ เพราะเพียงแค่ได้ยินว่าหากเรียนจบแล้วจะมีงานทำทันทีก็เข้าทางเขาแล้วเขาไม่ได้มีความฝันเป็นอาชีพตำรวจอันสูงส่งเหมือนพี่ชาย เพียงแต่ต้องการงานที่เป็นหลักแหล่ง ไม่จำเป็นต้องสวมชุดสีกากีทำงานอันทรงเกียรติอุทิศเพื่อประชาชนอะไรทำนองนั้น เขาอยากได้มาแค่เงินเดือนที่สูงพอโดยอยู่ภายใต้ต้นทุนที่มีและไม่เกี่ยงซึ่งวิธีการเสียงเครื่องยนต์ดังแซ่ซ้องไปทั่วโรงช่าง แผนในชุดเสื้อกล้ามเปื้อนคราบน้ำมันกับกางเกงขากว้างตัวเก่งก้มหน้าก้มตาเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์หลังจากเรียนเสร็จ มาอยู่ที่นี่อะไร ๆ ดูจะเอื้ออำนวยให้เขาออกไปทำงาน และก็มีเพื่อนหลายคนที่เป็นดังเช่นตัวเขา เว้นเสียแต่หนึ่งหน่วยซึ่งมาจากบ้านข้าราชการฐานะดีซึ่งจะกลายมาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา“มึงอยากเป็นนายสถานี? ทำไมวะ”แผนถามเพื่อนด้วงที่นั่งทำงานอยู่ฝั่งตรงข้าม เจ้าตัวเป็นคนร่างใหญ่ไหล่กว้างผิวสีน้ำผึ้ง ถึงจะหน้าดุไปหน่อยแต่เมื่อได้ทำความร
“ตอนนี้หมอฉีดยาลดไข้ให้แล้วดังนั้นคาดว่าอาการจะกลับมาทรงตัวภายในหนึ่งชั่วโมง แต่ความดันคนไข้ต่ำมาก ดังนั้นต่อจากนี้ช่วยดูเรื่องอาหารการกินให้ครบห้าหมู่ด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ...”พูนโล่งอกได้ในระดับหนึ่งที่เจ้าน้องไม่เข้าขั้นวิกฤต ว่าแล้วก็ส่งมือไปดึงม่านกั้นให้ความเป็นส่วนตัว ลากเก้าอี้กลมมานั่งดูอาการข้างเตียงคนไข้ตั้งแต่มาถึงน้องแผนเจ้าก็ผิวหน้าซีดเผือดตัวเย็นเฉียบ แน่นอนว่าเป็นเพราะวิ่งตากฝนมาตลอดทางกระนั้นต่อให้จะเข้ามาอยู่ที่ร่ม นอนหลับตาอยู่บนเตียงเฉย ๆ แต่เรียวคิ้วนั้นยังคงขมวดมุ่น หอบหายใจติด ๆ ขัด ๆ มือไม้สั่นไปหมดพูนไม่เคยมีโอกาสได้รู้เลยว่าบนบ่าเล็ก ๆ นั่นแท้จริงแล้วกำลังแบกอะไรอยู่กันแน่ สิ่งที่เปิดเผยก็มีเพียงหน้าที่ในฐานะเสาหลักของครอบครัวที่ต้องดูแลพ่อกับน้องสาว การทำได้เพียงมองทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าในสลัมแห่งนั้นสามารถเกิดอะไรขึ้นมาได้บ้างมันตรงข้ามกับความเป็นเขาอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันเขาเองก็มีความกลัว กลัวว่าหากแสดงความเป็นห่วงมากจนเกินไปอีกฝ่ายจะหนีหาย มันอาจเป็นการคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว และสายตาคู่นั้น ทุกครั้งที่
‘เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าเธอตกลง คราวหน้าเอาเครื่องแบบมาเปลี่ยนก็แล้วกัน’ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่หนี้พนันท่วมหัว เขาถูกบอกมาอย่างนั้นเพราะยังไม่สามารถให้คำตอบเรื่องผูกปิ่นโตได้ในทันที คุณรัญชน์เองก็คงอยากเล่นสนุกบนความทุกข์ของเขาจึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมา ก็รู้อยู่แท้ ๆ ว่าคนอย่างเขาคงพูดคำว่าตกลงออกมาได้ยากแม้มีคำตอบในใจชัดเจนแล้วก็ตามมาจนค่ำคืนนี้ซึ่งเขาขอตัวมาจัดแจงร่างกายตัวเองในห้องน้ำตามเคย รวมไปถึงการปลดป้ายชื่อสีดำออกจากเครื่องแบบนายสถานี เพราะเขาไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามารู้ชื่อนามสกุลจริง เพราะแค่ให้รู้ที่อยู่บ้านไปนั่นก็มากเกินพอแล้วแผนรีบอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้งให้ทุกส่วนสะอาดไร้ซึ่งกลิ่นเหงื่อไคลจากงานบริกร แผนแต่งตัวไปก็ได้แต่กัดฟันข่มใจตัวเองถ้าเขาตอบตกลงไปเสียเนิ่น ๆ คงไม่ต้องมาทำอะไรที่ชวนให้รู้สึกถูกย่ำยีศักดิ์ศรีแบบนี้ทั้งที่ไม่ต้องการให้ใครมารู้แท้ ๆ ...กิ๊บดำซึ่งวางพักไว้บนอ่างล้างหน้าถูกหยิบขึ้นเหน็บไรผมที่ปรกหน้าผาก กระดุมสีกากีเดียวกับเสื้อผ้าถูกจัดอยู่ในรังดุมเรียบร้อย แผนมองสภาพตัวเองในกระจกบานหรูอย่างนึ
แม้ในคืนวันนี้จะไม่ใช่เวรของรองผู้กำกับ ทว่างานที่ต้องสะสางก็ยังมี ดังนั้นหลังอาสาขับรถพาน้องน้อยไปส่ง ณ ที่ทำงานพิเศษเขาจึงต้องมาอาเจียนก่อน!อุตส่าห์หลงเชื่อว่าหากเป็นคนขับจะไม่เมาจึงให้เพื่อนที่ทำงานสอนให้ตอนว่าง ๆ สิบยี่สิบนาทีแรกน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่วันนี้พอต้องขับล่อเป็นชั่วโมง กลายเป็นว่าเครื่องรวนต้องลงมานั่งพักในสน.เสียอย่างนั้น เกือบจะเท่อยู่แล้วเชียว!ยังพอมีเวลาเหลือก่อนออกปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้เมื่อตอนเช้า พูนจึงขอเพื่อนมางีบสักครึ่งชั่วโมงเพื่อเอาแรงและแก้อาการเมา ปกติเวลานี้ที่ต่างจังหวัดทุกบ้านต้องปิดไฟปิดหน้าต่างเข้านอนกันหมดแล้ว แต่ยังมีประชาชนบางคนเข้ามาร้องทุกข์อยู่เลยงานในวันนี้คือการออกไปควบคุมตัวทนายรัญชน์ ที่ไม่ยอมมายืนยันหรือปฏิเสธข้อกล่าวหายังโรงพักทั้งที่พวกเขาเดินเรื่องส่งหมายเรียกไปยังบ้านหลักแล้ว ซึ่งคนเป็นทนายไม่ควรจะพลาดเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ ทว่าช่างปะไร ในเมื่อเลยกำหนดมาแล้วพวกเขาก็ต้องทำตามขั้นตอนพูนพอจะเคลิ้มหลับเข้าจริงแต่พอนึกเรื่องไอ้คุณรัญชน์ขึ้นมาทีไรก็ชวนให้อารมณ์เสีย สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างน้อ
แผนเช้านี้ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็ง และเป็นที่รักที่เอ็นดูของเหล่าลุงป้าน้าอาในสถานี ทว่าคนเหล่านั้นไม่รู้เสียแล้วว่าเขากำลังอึดอัดขนาดไหน จากที่หนักอึ้งเป็นทุนเดิมเพราะปัญหาชีวิต ตอนนี้กลายเป็นต้องมากังวลสายตาของนายตำรวจคนนั้น‘ตำรวจคนนี้ไม่พบใครในห้อง...’ต่อให้จะพูดมาเช่นนั้น ความหวาดระแวงก็ยังไม่คลายหายไป ตรงข้ามกับพี่ตำรวจที่ทำประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องราวใด ๆ เกิดขึ้น ยังคงซื้อขนมของทานเล่นมาให้พร้อมหยอดมุกเห่ย ๆ ตามฉบับคนหน้าหนา ทว่าเขาซึ่งไม่กล้าพอจะออกไปสู้หน้าได้แต่ฝากพี่ดาไปบอกว่าต่อจากนี้ไม่ต้องเอาอะไรมาให้แล้ว กระนั้นด้วยวาทศิลป์ของตำรวจเสียงเหน่อนั่น ย่อมเกลี้ยกล่อมพี่ดาจนขนมพวกนั้นตกมาถึงมือเขาในที่สุด แถมถ้าไม่กินก็จะเสียดายอีก สุดท้ายเขาต้องปันเวลามาเอามันลงท้องทุกครั้งไปด้วงเองหลังลาพาหลานไปฟังบรรยาย ไม่นานก็มาลาไปเยี่ยมมารดาอีก ถึงนี่จะเป็นปกติของทุกปีก็ตามทีเถอะ แต่สภาพร่อแร่แบบนั้นไม่รู้จะไปเลือดกำเดาไหลอีกหรือเปล่า เพราะล่าสุดก็ทำเอาเขาตกใจเหมือนกันแผนหยุดความคิดสะระตะเอาไว้แค่ตรงนั้น เนื่องจากรถไฟเกิดปัญหาเขาจึงต้องรีบว
ปกติคนเขามักเมาน้ำเหล้า แต่คนอย่างไอ้พูนที่รอน้องน้อยทำงานเสร็จขอเมาน้ำตาลไปก่อน ด้วยเหตุนั้นเองเขาจึงสลัดภาพนายตำรวจกระโดดขึ้นเวทีสวมบทนักร้องหนุ่ม อวดพลังเสียงลดความหวานในกระแสเลือดให้พร้อมเจอหน้าน้องแผนแสงสีในร้านถูกปรับอารมณ์เพื่อให้สอดคล้องกับแผ่นเพลงที่เล่นอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ผ้าแพรปลิวไสวตามลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาตามช่องหน้าต่างบานเกล็ดเกื้อหนุนเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มอันไพเราะผู้คนในร้านสุราลัยต่างมองชายผู้ถือครองเวทีกุมไมโครโฟนขาตั้งสีเงินเงาด้วยความสนใจหลากหลายจุดประสงค์กันไป บ้างก็เคยได้รับฟังบทเพลงลูกค้าท่านนี้มาแล้ว บ้างก็เป็นครั้งแรก แต่ปัจจุบันมีคนเข้าไปถามชื่อแซ่นักร้องกับผู้จัดการถึงห้าคนทั้งที่เพลงแรกยังไม่จบ‘เพลิงไหม้ที่ลามป่ายังมีเวลาที่จะดับได้ แต่เพลิงรักมันดับไม่ไหวก็ด้วยหัวใจของฉันนั้นมั่นคง~♪’ราวกับสายน้ำ คล้ายว่ากำลังถูกพัดพาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แผนคิดว่าคนอื่นคงจะคิดและหลงเสน่ห์ไปแบบนั้น ในทางกลับกันตัวเขาซึ่งเคยเห็นภาพนี้มาแล้วไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษ...เขาคิดว่าตัวเองเป
ตั้งแต่ทำงานในเส้นทางกลางคืน ไม่เคยมีครั้งใดที่เขากล้าหลับตาปล่อยให้ตัวเองจมเข้าสู่ห้วงนิทรา เพราะที่ผ่านมานั้นมันไม่เคยมอบความสบายใจอื่นใดนอกไปเสียจากเงินทองที่ได้ กลับกันในคราวนี้มันต่างออกไป ทันทีเมื่อเปลือกตาได้เปิดขึ้นโดยที่ตัวเขาไม่ทันได้รู้เลยว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน และช่างน่าตกใจที่ร่างกายเขายอมโอนอ่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าตำรวจเสียงเหน่อที่นอนน้ำลายยืดคนนี้แผนลอบมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกเสียดายของนิด ๆ ถึงห้องนอนที่นี่จะอยู่ได้จนถึงเที่ยงของอีกวันก็เถอะ แต่คุณคนนี้ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องเลยหรือไร ได้ยินว่าพรุ่งนี้เป็นวันทำงาน ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นวันนี้เพราะเข็มสั้นชี้เลขหนึ่งแล้วนายสถานีตัวเล็กนอนมองนายตำรวจไม่วางตาภายใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน เมื่อนึกไปถึงเวลาที่ลืมตาตื่นเขารู้สึกได้ในทันทีว่าบ่าตัวเองเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงมันจะไม่ใช่การเล่าความทุกข์ทั้งหมดที่เขาต้องเผชิญแต่อย่างน้อยการระบายให้ใครสักคนฟังมันดีอย่างนี้นี่เองว่าแล้วแผนก็เหลือบสายตามองท่อนแขนบนเอวที่คงจะเกาะมาตั้งแต่เขาเผลอหลับ แถมพอจะยกออกมันก็หนักเสียจนยกไม่ข
พูนกระดี๊กระด๊าดีใจที่น้องแผนไม่หลบหน้ากัน ยอมให้เขาขนข้าวปลาอาหารมาให้ตามเดิม ทว่าในเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่การเอามื้อเช้ามื้อเที่ยงไปให้มันจะไปดีเลิศอะไรเท่าขอตัวน้องแผนมาทานอาหารร่วมโต๊ะกันเล่าพูนกระหยิ่มยิ้มย่องหน้าบานเป็นจานเชิงเมื่อน้องนายสถานีไม่มีท่าทีวิตกกังวลหรือสิ่งใดซ่อนไว้ในใจแล้ว ทั้งยังกลับมากินเก่งกว่าเดิมอีกต่างหากเขาเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าน้องแผนไม่ชอบร้านที่มีลักษณะหรูหราหรือราคาแพงเกินไป กลับกันชอบร้านธรรมดาที่มีเสน่ห์พร้อมกับปริมาณอาหารที่คุ้มค่ามากกว่า ดังนั้นเขาจึงเลือกร้านอาหารตามสั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งในฤดูหนาวแบบนี้แดดไม่แรง แสงซึ่งตกกระทบที่นั่งริมแม่น้ำล้วนนวลตา อาหารที่นำมาวางบนโต๊ะกำลังร้อน ๆ เหมาะกับสายลมเย็นที่โชยมาตลอด กระนั้นน้องแผนก็มักจะมีอะไรมาทำให้เขาตกใจได้เสมอ“ผมเคยมาร้านนี้กับน้องสาว เพียงบอกว่าชอบมากเลย”“ครับ วันหลังไว้เราพาเพียงมาด้วยนะ”พี่อุตส่าห์คิดว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเราเสียอีก! ตั้งใจสอบถามร้านแนะนำจากเหล่าสามีผู้มีฝีมือด้านการประจบภรรยามาจากสน. มาตระเ
นับเป็นโชคดีของพูนที่เย็นวันนั้นป๊าเข้ามาในห้องทันก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายทั้งยังช่วยไกล่เกลี่ยอธิบายให้สองพี่น้องเข้าใจกัน ในสายตาเขาน้องเพียงก็แค่ไปกินข้าวตามที่เพื่อนชวนเท่านั้นทั้งทุกอย่างยังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ไม่คิดเลยว่าน้องแผนจะหวงน้องเพียงมากขนาดนี้ส่วนเรื่องตั๋วเข้าพักสถานตากอากาศที่พวกเขาได้รับมานั้นจะต้องไปในวันพฤหัสบดีอาทิตย์หน้าเท่านั้น พูนจึงใช้สิทธิ์ลาพักผ่อนต่ออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อเดินทางขึ้นรถไฟมายังจังหวัดชะอำ แต่ตัวเขาที่ขึ้นรถไฟมาตอนเช้าโดยไร้ซึ่งยาดมนั้นก็ได้แต่นั่งคุดคู้เอนพิงเบาะอยู่ ขนาดเป็นตู้ชั้น ๑ ที่สบายกว่าคนอื่นโขแผนในขณะที่จัดแจงกระเป๋าภาระก็นึกเห็นใจเจ้าพี่ที่ยังอุตส่าห์ตามมาทั้งที่ต้องใช้เวลาอยู่บนตู้กว่า ๔ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เขาอยากจะจองรถไฟรอบกลางคืนอยู่หรอก พี่เจ้าจะได้นอนหลับไม่ต้องมานั่งพะอืดพะอมอยู่แบบนี้ หรือเขาควรจะเรียกเพื่อนนายสถานีมาดึงเตียงให้ดีตู้รถไฟนั้นมีด้วยกันทั้งหมด ๓ ชั้นเรียงลำดับขึ้นไปตามความสะดวกและสายและความหรูหราเท่าที่กรมรถไฟในสภาวะสงครามจะสามารถมอบให้แก่ผู้โดยสารได้โดย
“พี่...ขอโทษจริง ๆ ครับ”“ไม่ให้อภัย”แผนกล่าวขึ้นด้วยเสียงสะลึมสะลือเหล่มองพี่ตำรวจในชุดไปรเวทเดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาในห้องหลังเห็นว่าเขาตื่น เมื่อคืนหลังจากจบบนเตียงลงไปเข้าห้องน้ำรอบที่สี่ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็ดันบ้าจี้ยอมพี่ไปหมดเสียทุกอย่างจนร่างกายสลบเหมือดทันทีเมื่อเอาหัวลงหมอนดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขาพอดีไม่เช่นนั้นเขาได้โดนหักเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่ ๆ เพราะแค่ตื่นก็ปาไปจะสิบโมงแล้ว“แต่ถ้ามาทาให้จะยกโทษให้ก็ได้”“จริงเหรอ!?”พี่พูนกล่าวด้วยความดีใจรีบจัดแจงวางมื้อเช้าของน้องแผนไว้ยังโต๊ะข้างเตียง รีบหาหยูกยามาตระเตรียมไว้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ตีห้าที่ทุกคนอยู่กันเต็มบ้านและลงไปอาบน้ำในสภาพนี้จะเป็นเช่นไรแค่บนเตียงก็ทำเขาแทบทรุดไปต่อในห้องน้ำยิ่งไปกันใหญ่ เป็นคนบ้าพลังอะไรขนาดนี้ ทำเอานึกถึงไอ้ความดุดันที่เจ้าแตงเคยพูดเลยเชียว หากจะแม่นขนาดนี้ดูท่าเด็กคนนั้นน่าจะไปเป็นหมอดูได้นะนี่“จะไปอาบน้ำเหรอครับ ให้พี่ช่วยอุ้ม-“ไม่ให้อุ้มแล้ว!”“
“เพียงวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง?”“พี่วิภาให้ลองทำข้อสอบชุดเก่าอย่างเดียวแล้วจ้ะ”ยามกลางคืนเป็นเพียงเวลาเดียวที่พี่ชายอย่างเขาจะได้สนทนาถามไถ่น้องสาวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งเพียงโตเป็นสาวเรื่องที่ชายหญิงจะคุยได้ก็น้อยลง ไหนสาวเจ้ายังสุขุมขึ้นเป็นเท่าตัวจากแต่เดิมมีอะไรไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมักจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสมอ“แล้วครูเขาเอาข้อสอบมาจากไหนเหรอ?”“เห็นว่าขออาจารย์เก่ามาน่ะจ้ะ”“ของ่ายกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“เห็นว่าสมัยก่อนพี่วิภาสนิทกับอาจารย์น่ะจ้ะ”แผนนั่งช่วยน้องพับผ้าไปก็คิดตาม พี่วิภาแกเองก็สดใสร่าเริงเป็นทุนเดิม การเข้าหาอาจารย์ที่ตนเองเคยเป็นศิษย์เก่าแล้วนั้นคงไม่เป็นการยากอะไรส่วนเรื่องในบ้านดูเหมือนเพียงจะชอบที่เขาย้ายตัวออกไปนอนห้องพี่พูน ไม่ใช่แค่ชอบที่ได้มีห้องนอนส่วนตัว แต่สาวเจ้าบอกว่าชอบเวลาเห็นพี่ชายสองคนเดินออกมาจากห้องด้วยกัน สมแล้วที่เคยอวยให้เขารีบคบหา รีบย้ายบ้านมาไว ๆ“ฉันไปนอนก่อนนะจ๊ะ”“อื้อ เดี๋ยวตรงนี้พี่เอาไปเก็บเองนะ”“จ้ะ ฝันดีล่วงหน้านะจ๊ะ”หากเป็นที่บ้
‘จันทร์หน้าพี่ต้องออกต่างจังหวัดลงพื้นที่นะครับ กลับน่าจะอีกเดือนสองเดือนเลย’‘อื้อ ไปทำงานสู้ ๆ นะ’เขากล่าวให้กำลังใจออกไปเช่นนั้นในกลางคืนขณะพวกเขากำลังจะเข้านอน จู่ ๆ พี่พูนมาบอกกันแบบนี้ทำเอาเขาใจหายจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เหมือนกัน นึกว่าของพวกนี้ทางการต้องแจ้งให้เตรียมตัวเป็นเดือนเสียอีก แต่เรื่องขโมยขโจรแบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าต้องรีบสะสางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แผนเดินกลับเข้าห้องนอนมาด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวพิกล สงสัยคงเป็นเพราะเวลาสามย่างสี่ทุ่มแบบนี้จะมีพี่พูนเดินไปเดินมาไม่ก็จัดแจงเตียงนอนอยู่ ว่าแล้วนายสถานีในชุดนอนท่อนบนยาวจรดต้นขาก็เดินละจากตู้เสื้อผ้ามาตรวจทานสัมภาระสำหรับการทำงานในวันรุ่งก่อนจะดับตะเกียงหัวเตียงเตรียมตัวนอนในตอนที่พูดให้กำลังใจพี่พูน ใจจริงเขาไม่อยากให้พี่เจ้าไปที่ไหนไกลหรือนานหลักเดือนเลยเสียด้วยซ้ำ อยากให้พี่ยังคงอยู่ในสายตาตลอดเพราะตอนนี้แค่ได้มองเห็นก็ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาแล้ว แต่เขารู้ดีว่านั่นคือความเห็นแก่ตัว ตำรวจถือเป็นของหลวงจำต้องทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชนโดยในบางครั้งอาจต้องแลกมา
เย็นวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น ไม่ใช่กับตัวเขา ไม่ใช่กับเพียง และไม่ใช่กับครอบครัวพี่พูน แต่เป็นไอ้ด้วงที่ดันโชคร้ายเดินไปเจอนักโทษหลบหนีเข้าจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ได้สติ ดังนั้นตัวเขาจึงขอพี่ว่าจะไปรอดูอาการไอ้ด้วงในโรงพยาบาลก่อน แต่คนอย่างพี่พูนย่อมเดินตามหลังมาด้วยอยู่แล้วที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไกรวิชญ์พี่ชายไอ้ด้วงวิ่งหอบร่างพามา ต่อให้เขาจะเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนแต่คราวนั้นเขาหาได้สังเกตอะไรมากมาย มาคราวนี้ระหว่างรอดูอาการเพื่อนสนิทเขาก็ได้รับการบริการให้ข้อมูลจากพยาบาลเป็นอย่างดี จนได้มานั่งรอข้างกับพี่ชายไอ้ด้วงที่เลือดเปื้อนเสื้อเปื้อนตัวเต็มไปหมดทั้งยังตัวเปียกปอนเพราะวิ่งตากฝนมา ไม่อยากนึกเลยว่าก่อนหน้าที่ไอ้ด้วงจะมาที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น แผนนั่งรอไปเรื่อย ๆ จนเกือบชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่มีท่าทีจะออกมาพร้อมคำตอบ ยิ่งทำคนเป็นเพื่อนอย่างเขารู้สึกใจไม่ดีเข้าไปใหญ่‘แผนครับ วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม’พูนซึ่งเห็นน้องนายสถานีแววตาสั่นไหวอยู่ไม่เป็นสุขก็เข้าใจหัวอกคนเป็นเพื่อน แต่นี่มันดึกแล้วรวมไปถึงตัวของน้องด้ว
หากมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองตามมาก่อนมันจะลามไปยังครั้งที่สามสี่ห้าและกลายเป็นกิจวัตรในที่สุด การหลับนอนในห้องของพี่พูนก็เช่นกัน โดยครั้งที่สองเขาหลงเชื่อว่าพี่ตำรวจกลับมาไข้ขึ้นตัวร้อนจึงพลอยได้นอนด้วยกัน ก่อนที่ครั้งที่สามพี่พูนจะมากล่าวขอโทษที่หลอกกันก่อนจะขอเขานอนด้วยอีกคืนตรง ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พูนจะขอทุกคืน และเขาเองก็โอนอ่อนตามในทุกค่ำคืนเช่นกันทว่าเมื่อคืนนั้นทำเอาเขาอยากจะขนย้ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกลับไปกบดานอยู่ห้องน้องสาวเมื่อจู่ ๆ พี่เจ้าก็ดันละเมอเรื่องลามก กอดเขาอยู่ดี ๆ ดันล้วงมือจับนู่นจับนี่ไปทั่วจนเสื้อเอยอะไรเอยหลุดลุ่ยจนคล้ายเรื่องราวอย่างว่าเข้าไปทุกที คราวจะแกะออกก็ไม่ได้เพราะก็รู้กันอยู่ว่าผู้ชายคนนี้แรงเยอะขนาดไหน ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตะโกนปลุกพี่ขึ้นมาดูผลงานตัวเองที่ทำเขาเกือบนอนไม่หลับต่อให้จะไม่มีปากเสียงแต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี แถมตื่นมายังบอกอีกว่า ‘ขอโทษครับ พี่ฝันดีไปหน่อย’ เขารู้ว่ายังไม่หายเมาดีจากที่ดื่มมากกับเพื่อนจะมีคิดเรื่องพิเรนทร์และบอกกล่าวมาอย่างเถรตรงบ้างนั้นไม่แปลก แต่เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าไ
ยามราตรีคืนนี้ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากสถานบันเทิงและร้านอาหารเครื่องดื่มรอบข้าง ทว่าเพียงแค่แผนเดินถัดมาอีกซอยเสียงพูดคุยครึกครื้นต่างกลายเป็นความสงบเงียบคลอไปกับสายลมเย็นซึ่งพัดพาเหล่าใบไม้แห้งผ่านร่างไปนายสถานีในบทบาทผู้จัดการร้านสุราเปิดกระเป๋าขึ้นตรวจสอบเงินในซองอย่างอารมณ์ดี ในช่วงรอยต่อระหว่างหน้าที่บริกรกับผู้จัดการร้านแม้จะเหนื่อยกายยกเครื่องแก้วหนัก เหนื่อยใจกับความครัดเคร่งละเอียดถี่ถ้วนกับตัวเลขบนหน้ากระดาษทว่าผลที่ได้รับกลับสมน้ำสมเนื้อเมื่อลุงเจ้าของร้านเริ่มให้ความไว้วางใจหลังจากการตรวจบัญชีประเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดแล้ว ดังนั้นเขาต้องการใช้วันว่างอย่างเต็มที่โดยไม่ให้งานใด ๆ เข้ามาแทรก ยิ่งมีแรงใจจากการมองเงินก้อนวันนี้แล้วยิ่งชื่นใจดังนั้นสมุดบัญชีใหม่ที่ได้มา ทำให้เสร็จภายในคืนนี้เลยเสียดีกว่า ผู้จัดการบอกเขาด้วยว่าหากทำได้ดีต่อไปแบบนี้จะแบ่งสัดส่วนกำไรให้ ถึงไม่ได้มากมาย แต่เมื่อนำมารวมกันตลอดทั้งเดือนมันก็ใกล้แตะเลขเงินเดือนนายสถานีซึ่งเขาพอใจแล้ว*แกร๊ก* เดินคิดเรื่องราวผาสุกที่เกิดขึ้นไป ๆ มา ๆ ก็เดินถึงบ้านเส
แผนเมื่อตั้งสติเสร็จจึงตัดสินใจเดินเข้าสถานี ในวันนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เช้าเลย มีหวังถ้ามัวแต่คิดเรื่องพี่พูนคงไม่เป็นอันทำงานกันพอดีเนื่องจากหลายวันมานี้เขารับจ้างกับคุณปู่นายสถานีที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล ถึงจะเป็นไม่กี่นาทีแต่เขาสามารถมาสายได้นิดหน่อยเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ก็เห็นพี่ ๆ นั่งพูดคุยบ้างก็ทำหน้าที่ขายตั๋วในช่องตัวเอง เห็นว่าตำรวจมากันแล้วสงสัยจะไปนั่งประจำอยู่จุดอื่นกระมัง“สวัสดีตอนเช้าครับพี่”น้องเล็กกล่าวทักทายพี่ ๆ ด้วยความสดใส ทำตัวให้ดูมีชีวิตชีวาเข้าไว้ทักคนอื่น ๆ คุยไปคุยมาเดี๋ยวเรื่องพี่พูนก็ออกไปจากหัวเองนั่นแหละ“จ้ะ สวัสดีจ้ะ สามีพี่ซื้อข้าวหลามมาฝากเราเอาไปกินสิ”“ขอบคุณคร้าบ”แผนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจัดแจงวางของ ปลดผ้าพันคอเสื้อกันหนาวพาดไว้กับเบาะเสร็จสรรพก่อนจะหย่อนก้นลงมานั่งข้างเพื่อนด้วงที่วันนี้ก็ยังมีบรรยากาศอึมครึมรายล้อมอยู่เหมือนเดิม เอื้อมมือหยิบกระบอกไม้ไผ่สั้นในกล่องใจกลางโต๊ะมามอง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนคนสนิทไม่ให้เฉาจนเกินไป“ด้วง เอ็งได้กินไปรึยัง อร่
“ไหนบอกจะไม่ตามผม”“นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันแค่มาหาที่สูบบุหรี่”รัญชน์ว่าแล้วก็แสดงกล่องพกบุหรี่ไฟแช็กก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า เพราะไหน ๆ นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญแล้วใช้มันให้พอเป็นประโยชน์สักหน่อยก็แล้วกัน“กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ”“เธอก็รู้ว่าแถวบ้านเธอมันอันตรายจะตายไป”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามเขาแล้วจริง ๆ จึงไม่ทราบว่าตอนนี้เขาย้ายบ้านไปอยู่กับคนอื่นแล้ว แต่มาทำแบบนี้ทั้งที่ไม่มีพันธะต่อกันอย่างไรเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี“ผมอยู่ได้มาตั้งนาน ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจ”“ฉันแค่อยากจะขอโทษ”“ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้เถอะครับ ผมไม่อยากถูกเข้าใจผิด”“ยังไงเธอก็จะเลือกตำรวจคนนั้นเหรอ?”“ผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้วนะครับ”คล้ายว่าคุณรัญชน์จะไม่พอใจกับคำตอบ สงสัยที่บอกว่ารักคงจะมีส่วนจริงอยู่นิดหน่อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาแต่พูดเกลี้ยกล่อมเขาแบบนี้ทุกครั้งที่พบหน้าหรอก“ถ้าเธอเลิก-“คุณรัญชน์ครับ”ตัวเขาอาจจะเป็นฝ่ายผิดที่คิดจะยกเลิ