แผนเช้านี้ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็ง และเป็นที่รักที่เอ็นดูของเหล่าลุงป้าน้าอาในสถานี ทว่าคนเหล่านั้นไม่รู้เสียแล้วว่าเขากำลังอึดอัดขนาดไหน จากที่หนักอึ้งเป็นทุนเดิมเพราะปัญหาชีวิต ตอนนี้กลายเป็นต้องมากังวลสายตาของนายตำรวจคนนั้น
‘ตำรวจคนนี้ไม่พบใครในห้อง...’
ต่อให้จะพูดมาเช่นนั้น ความหวาดระแวงก็ยังไม่คลายหายไป ตรงข้ามกับพี่ตำรวจที่ทำประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องราวใด ๆ เกิดขึ้น ยังคงซื้อขนมของทานเล่นมาให้พร้อมหยอดมุกเห่ย ๆ ตามฉบับคนหน้าหนา ทว่าเขาซึ่งไม่กล้าพอจะออกไปสู้หน้าได้แต่ฝากพี่ดาไปบอกว่าต่อจากนี้ไม่ต้องเอาอะไรมาให้แล้ว กระนั้นด้วยวาทศิลป์ของตำรวจเสียงเหน่อนั่น ย่อมเกลี้ยกล่อมพี่ดาจนขนมพวกนั้นตกมาถึงมือเขาในที่สุด แถมถ้าไม่กินก็จะเสียดายอีก สุดท้ายเขาต้องปันเวลามาเอามันลงท้องทุกครั้งไป
ด้วงเองหลังลาพาหลานไปฟังบรรยาย ไม่นานก็มาลาไปเยี่ยมมารดาอีก ถึงนี่จะเป็นปกติของทุกปีก็ตามทีเถอะ แต่สภาพร่อแร่แบบนั้นไม่รู้จะไปเลือดกำเดาไหลอีกหรือเปล่า เพราะล่าสุดก็ทำเอาเขาตกใจเหมือนกัน
แผนหยุดความคิดสะระตะเอาไว้แค่ตรงนั้น เนื่องจากรถไฟเกิดปัญหาเขาจึงต้องรีบว
ปกติคนเขามักเมาน้ำเหล้า แต่คนอย่างไอ้พูนที่รอน้องน้อยทำงานเสร็จขอเมาน้ำตาลไปก่อน ด้วยเหตุนั้นเองเขาจึงสลัดภาพนายตำรวจกระโดดขึ้นเวทีสวมบทนักร้องหนุ่ม อวดพลังเสียงลดความหวานในกระแสเลือดให้พร้อมเจอหน้าน้องแผนแสงสีในร้านถูกปรับอารมณ์เพื่อให้สอดคล้องกับแผ่นเพลงที่เล่นอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ผ้าแพรปลิวไสวตามลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาตามช่องหน้าต่างบานเกล็ดเกื้อหนุนเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มอันไพเราะผู้คนในร้านสุราลัยต่างมองชายผู้ถือครองเวทีกุมไมโครโฟนขาตั้งสีเงินเงาด้วยความสนใจหลากหลายจุดประสงค์กันไป บ้างก็เคยได้รับฟังบทเพลงลูกค้าท่านนี้มาแล้ว บ้างก็เป็นครั้งแรก แต่ปัจจุบันมีคนเข้าไปถามชื่อแซ่นักร้องกับผู้จัดการถึงห้าคนทั้งที่เพลงแรกยังไม่จบ‘เพลิงไหม้ที่ลามป่ายังมีเวลาที่จะดับได้ แต่เพลิงรักมันดับไม่ไหวก็ด้วยหัวใจของฉันนั้นมั่นคง~♪’ราวกับสายน้ำ คล้ายว่ากำลังถูกพัดพาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แผนคิดว่าคนอื่นคงจะคิดและหลงเสน่ห์ไปแบบนั้น ในทางกลับกันตัวเขาซึ่งเคยเห็นภาพนี้มาแล้วไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษ...เขาคิดว่าตัวเองเป
ตั้งแต่ทำงานในเส้นทางกลางคืน ไม่เคยมีครั้งใดที่เขากล้าหลับตาปล่อยให้ตัวเองจมเข้าสู่ห้วงนิทรา เพราะที่ผ่านมานั้นมันไม่เคยมอบความสบายใจอื่นใดนอกไปเสียจากเงินทองที่ได้ กลับกันในคราวนี้มันต่างออกไป ทันทีเมื่อเปลือกตาได้เปิดขึ้นโดยที่ตัวเขาไม่ทันได้รู้เลยว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน และช่างน่าตกใจที่ร่างกายเขายอมโอนอ่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าตำรวจเสียงเหน่อที่นอนน้ำลายยืดคนนี้แผนลอบมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกเสียดายของนิด ๆ ถึงห้องนอนที่นี่จะอยู่ได้จนถึงเที่ยงของอีกวันก็เถอะ แต่คุณคนนี้ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องเลยหรือไร ได้ยินว่าพรุ่งนี้เป็นวันทำงาน ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นวันนี้เพราะเข็มสั้นชี้เลขหนึ่งแล้วนายสถานีตัวเล็กนอนมองนายตำรวจไม่วางตาภายใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน เมื่อนึกไปถึงเวลาที่ลืมตาตื่นเขารู้สึกได้ในทันทีว่าบ่าตัวเองเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงมันจะไม่ใช่การเล่าความทุกข์ทั้งหมดที่เขาต้องเผชิญแต่อย่างน้อยการระบายให้ใครสักคนฟังมันดีอย่างนี้นี่เองว่าแล้วแผนก็เหลือบสายตามองท่อนแขนบนเอวที่คงจะเกาะมาตั้งแต่เขาเผลอหลับ แถมพอจะยกออกมันก็หนักเสียจนยกไม่ข
พูนกระดี๊กระด๊าดีใจที่น้องแผนไม่หลบหน้ากัน ยอมให้เขาขนข้าวปลาอาหารมาให้ตามเดิม ทว่าในเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่การเอามื้อเช้ามื้อเที่ยงไปให้มันจะไปดีเลิศอะไรเท่าขอตัวน้องแผนมาทานอาหารร่วมโต๊ะกันเล่าพูนกระหยิ่มยิ้มย่องหน้าบานเป็นจานเชิงเมื่อน้องนายสถานีไม่มีท่าทีวิตกกังวลหรือสิ่งใดซ่อนไว้ในใจแล้ว ทั้งยังกลับมากินเก่งกว่าเดิมอีกต่างหากเขาเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าน้องแผนไม่ชอบร้านที่มีลักษณะหรูหราหรือราคาแพงเกินไป กลับกันชอบร้านธรรมดาที่มีเสน่ห์พร้อมกับปริมาณอาหารที่คุ้มค่ามากกว่า ดังนั้นเขาจึงเลือกร้านอาหารตามสั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งในฤดูหนาวแบบนี้แดดไม่แรง แสงซึ่งตกกระทบที่นั่งริมแม่น้ำล้วนนวลตา อาหารที่นำมาวางบนโต๊ะกำลังร้อน ๆ เหมาะกับสายลมเย็นที่โชยมาตลอด กระนั้นน้องแผนก็มักจะมีอะไรมาทำให้เขาตกใจได้เสมอ“ผมเคยมาร้านนี้กับน้องสาว เพียงบอกว่าชอบมากเลย”“ครับ วันหลังไว้เราพาเพียงมาด้วยนะ”พี่อุตส่าห์คิดว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเราเสียอีก! ตั้งใจสอบถามร้านแนะนำจากเหล่าสามีผู้มีฝีมือด้านการประจบภรรยามาจากสน. มาตระเ
อีกไม่กี่วันจะสิ้นปีแล้ว ผู้โดยสาร ณ สถานีกลางย่อมพลุกพล่านเป็นธรรมดา บางครั้งกว่าจะได้กลับบ้านต้องจัดการปัญหาเฉพาะหน้าให้เสร็จก่อน บางเหตุการณ์อาจกินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แน่นอนว่าหากวันไหนต้องไปทำงานร้านเหล้าต่อละก็ได้สับตีนแตกไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแน่ส่วนร้านสุราลัยที่เขาคิดจะไปลาออกนั้นผู้จัดการก็บอกว่าขอให้ทำงานต่อไปจนถึงกลางเดือนมกราคมก่อนแล้วจึงค่อยเลิก เพราะลูกค้าปลายปีค่อนข้างเยอะ หากขาดใครไปคนหนึ่งคงลำบากแน่ ดังนั้นต่อให้หน้าที่ในฐานะพนักงานติดริบบิ้นจะเลิกไป แต่งานบริกรยังคงอยู่ แถมหากมองในแง่ดี เรื่องของคุณรัญชน์ เขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินไปโรงแรม แล้วยกเลิกสัญญากันให้จบในร้านแผนพาตัวเองนึกย้อนไปยังวันคืนอันวุ่นวายก็ทอดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง เพราะรู้สึกดีที่ตัวเองผ่านมันมาได้จนถึงวันหยุดสองวันติดที่เขามีต่อสัปดาห์ ซึ่งจะไม่มีงานกลางคืนจากร้านไหนมาขัดขวางเวลานอนอีก คงต้องขอบคุณโชคอันน้อยนิดตารางร้านเหล้าแรกที่ปรับใหม่ จัดหน้าที่ให้เขาอยู่ในวันอื่นที่ไม่ใช่วันหยุดนายสถานีวันนี้เขาจึงตั้งใจจะออกไปตลาดเพื่อหาซื้อข้าวสารอาหารแห้งรวมไปถึง
“เราดูชอบนมชมพูเป็นพิเศษนะครับ”“มันอร่อยสุดแล้วนี่”พูนหาเรื่องคุยสัพเพเหระระหว่างมื้อสายเพื่อเบี่ยงเบนอารมณ์ตึงเครียดของเจ้าน้องไปเรื่อย ๆ ทั้งที่บอกว่าทานมื้อเช้ามาแล้วแต่ยังคงกินเก่งไม่แผ่ว น่ารักจริง ๆทว่าขนาดกินน้ำตาลกินแป้งเข้าไปเยอะขนาดนี้ทำไมถึงยังได้ดูผอมอยู่อีกนะ ถึงจะมีน้ำมีนวลขึ้นแต่เขาขนขนมไปให้ทุกวันมันต้องเจ้าเนื้อมากกว่านี้สิ ทว่าตอนนี้ก็ยัง“น่ารักครับ”“ฮะ”แผนซึ่งเดินมาพักยังม้านั่งริมทางเงยหน้ามองนายตำรวจที่พูดเรื่องไร้แก่นสารออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกแล้วก่อนหน้านั้นพวกเขาหลังจบมื้อสายได้ข้อสรุปว่าจะพากันไปร้านโชห่วยซึ่งรวมพวกเครื่องปรุงกับสินค้าราคาถูกไว้ด้วยกัน เพราะเขาบอกพี่พูนไปว่าตัวเองมัวแต่เป็นห่วงน้องสาวจนตลาดวาย ทว่าเขาดันกินเข้าไปเยอะจนจุกจึงขอมานั่งพักก่อนสักนาทีสองนาทีให้กระเพาะได้ทำงาน ก่อนที่ไม่นานพี่พูนจะพูดพ่นคำหวานชวนแปลกออกมาแผนมองหน้าคนเลี้ยงมื้อสายคิ้วขมวดด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องขัดเขินเมื่อพี่พูนรู้ตัวจึงผินใบหน้ามามองเหล่าเด็ก ๆ ในลานเด็กเล่นแทน“คืนนี้เรา
“เราไปหาครูมาจากที่ศูนย์แถวมหาลัยใช่ไหมครับ หวา...”“รู้แบบนี้น่าจะถามไอ้ด้วงก่อน ไม่นึกว่าพี่มันจะจ้างครูมาจากที่เดียวกัน”พึ่งมารู้เอาก็ตอนนี้ว่าพี่ไกรวิชญ์แกก็เคยหาครูสอนพิเศษเช่นกัน แต่มันไม่ได้เรื่องจึงมีปากเสียงกับไอ้ด้วงมาสักพัก นั่นขนาดบ้านมันรวยล้นฟ้า ไม่รู้ว่าศูนย์ที่ติดป้ายโฆษณาเป็นองค์กรปลอมหรือเปล่า ไม่น่าเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์เลยแผนตัดสินใจตอบรับข้อเสนอนายตำรวจ พร้อมจับจูงมือเพียงมาด้วยเพราะหากเป็นไปได้เขาไม่อยากให้เพียงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในช่วงนี้ ว่าแล้วก็ชำเลืองมองน้องสาวที่อาการทรงตัว สงสัยคงต้องรีบเดินกันหน่อยเพราะเพียงเริ่มคัดจมูกแล้วนายสถานีตัวเล็กเดินตามทางในยามย่ำค่ำพร้อมพ่นลมหนาวออกมาเนื่องด้วยเจ้าตัวยกผ้าพันคอผืนใหม่ให้น้องสาวไปแล้ว พูนซึ่งเป็นฝ่ายเดินนำระหว่างบทสนทนากลางทางจึงมองด้วยความเป็นห่วง เพราะวันที่เจ้าตัวเป็นลมล้มพับไปก็เป็นตอนที่อากาศหนาวมากเช่นกัน“เพียงครับ ครั้งหน้าเอาใหม่นะครับ เดี๋ยวน้ามาช่วยอีกแรง”“ขะ...ขอบคุณนะคะ”โดยส่วนตัวแล้วถึงพูนจะไม่สามารถเปิดใจสาวน้อยได้ในทันทีเ
“แผนลูก”เจ้าของชื่อนั้นในตอนนี้หูอื้อไปหมด ต่อให้ไม่อยากสนใจขนาดไหนกลิ่นอายบรรยากาศรอบข้างมันเงียบเสียจนทำให้เขาไม่สามารถเอาสมาธิออกไปจากคนสายเลือดเดียวกันได้เลย ฝ่ามือเหี่ยวย่นสูงอายุของหญิงคนนั้นยื่นมาจับข้อแขนบุตรชาย โดยที่แววตาของแผนได้แต่สั่นไหวเขาไม่ทราบถึงเหตุที่พวกเราต้องกลับมาเจอกันอีก ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสุขก่อเกิดขึ้นเมื่อครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้า“ยะ.... อย่ามาจับ”“แผน แม่ขอโทษ ให้อภัยแม่ได้ไหม”คนที่ทิ้งเขากับพ่อไปมันคือพวกคุณไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับมาหาอะไรตอนนี้ เพราะคุณหายไป พ่อของผมถึงต้องไปพึ่งสุราจนไม่เป็นอันทำงาน มัวแต่พร่ำเพ้อพึ่งยาไร้ค่าพวกนั้นจนทำร้ายลูกตัวเองคล้ายว่าความทรงจำอันขมขื่นนั้นหวนกลับมาอย่างฉุดไม่อยู่ ทับถมเรื่องราวที่พบพานมาเช้าจรดเย็น เขาคาดหวังว่าอย่างน้อยคืนนี้จะได้พักผ่อนโดยไร้ซึ่งปัญหา คาดหวังว่าจะได้กลับบ้านอย่างปกติสุขแท้ ๆร่างกายมันสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ มารดาจับจ้องกุมมือเขาอย่างถือวิสาสะด้วยแววตาน่าสงสาร ขอความเมตตาจากลูกชายที่ตนเองทิ้งไป แล้วอย่าคิดว่าเขาจะไม่รู้ว่าแ
แผนควรโทษตัวเองหรือไม่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะการกระทำอันไร้ซึ่งการไตร่ตรองจึงนำพาสถานการณ์มาถึงจุดนี้ ทีแรกคิดว่าอากาศในบ้านกำลังเย็นสบายทว่าจู่ ๆ มันกลับร้อนรุ่มเมื่อตัวเองต้องสบสายตากับชายที่พร่ำบอกรักตัวเองเสมอมา“พี่...ขอเป็นฝ่ายจูบเราบ้างได้ไหมครับ?” มันผิด...ผิดที่บ้านเงียบเกินไป เขาจึงได้ยินเสียงทุ้มต่ำชัดขนาดนี้ ปกติพี่พูนไม่ใช่คนแบบนี้นี่ ปกติต้องทำให้เขารำคาญหรือไม่ก็สะดิ้งไปมาเหมือนพวกลูกสุนัขตาดำ ๆ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกไล่ต้อนเข้ามาเรื่อย ๆ“ลามปามนะ”นายสถานียกฝ่ามือขึ้นประสานคั่นระหว่างใบหน้าทั้งสอง ทว่ามันกลับผิดแปลกไปจากเมื่อครั้งที่มีคนอื่นเคยขอ คราวนี้เขารู้สึกว่าจิตใจตัวเองกำลังไม่มั่นคง อีกใจก็คิดว่ามันคงเร็วไปหากจะวางใจ อีกใจกลับอนุญาตโดยที่เผลอ ๆ ต้องการเร่งเร้าเสียด้วยซ้ำไป“ถือเป็นรางวัลให้พี่ได้ไหมครับ”“เรื่องอะไรล่ะ?”“เรื่องแม่เราเมื่อเย็น”“ผมคิดว่าตัวเองตอบแทนโดยการทำแผลไปแล้วนะ”ยิ่งต่อบทสนทนาคล้ายว่าแผนกำลังได้เปรียบ ตรงข้ามกับพี
เหตุผลที่พูนยังไม่ให้ศรีภรรยาไปพบพ่อกับป๊านั้นนอกจากอาการน้องน้อยไม่ค่อยจะสู้ดีแล้ว ทั้งสองคนเองก็ไม่ว่างเช่นกันเพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาจบการศึกษาของโรงเรียนกลาง การไปมอบประกาศณีบัตรหรือการพูดสุนทรพจน์จึงจำเป็นต่อการส่งต่อเจตนารมณ์ ส่วนเขาก็ได้แต่นั่งทำงานงก ๆ อยู่ในห้อง การมาฟูเหรินได้วันละครั้งแบบนี้ก็ถือว่าบุญหัวแล้วตอนนี้เป็นยามเย็นของวันซึ่งเขาชวนภรรยามาเดินเล่นในสวนตำหนักมุกอันใกล้ถึงจะไม่ได้ใหญ่เมื่อเทียบกับสวนสาธารณะกลางหรือป่าเขาที่ชาวบ้านชอบไปเดินเก็บพืชผักแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอุดอู้อยู่ในตำหนักเขาทราบมาจากหัวหน้าช่างแต่งกายว่าฟูเหรินวันทั้งวันไม่ยอมออกมาจากนอกห้องเลยนอกจากจะมีอาจารย์มาสอนหนังสือ ซ้ำยังมีบางครั้งที่แอบไปร้องไห้อยู่คนเดียว พอชาวใช้จะขอเข้าไปทำความสะอาดเพื่อแอบดูอาการเจ้าตัวก็เงียบไม่ยอมเปิดห้อง ซ้ำยังบอกให้สาวใช้วางถังน้ำอุปกรณ์เอาทิ้งเอาไว้จะทำเองอีกต่างหากและวันนี้ตอนมาถึง ก่อนที่จะเอ่ยเรียกเขาพึ่งมาได้ยินเสียงร้องไห้นั้นชัด ๆ มันไม่มีคำตัดพ้อหรือเรื่องราวที่ถูกพูดออกมาระบายความเศร้า มีเพียงสะอื้นไห้แต่เพียงเท
สถานที่อันลึกลับและแฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนจากไฟสลัวในอาคารไม้หลังเก่า ตกแต่งปิดบังอายุด้วยการตกแต่งด้วยผ้าหลากสีสัน เสียงดนตรีจีนวัยเยาว์ออกมาจากห้องซึ่งมีราคาสูงโดยที่แผนนั้นรู้ดีว่ามันกำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางในไม่ช้าเขาเดินเข้ายังภายในร้านแน่นอนว่าหากไปพบขุนนางในสภาพชุดเก่าเยินแบบนี้ละก็จากที่จะได้เงินคงจะได้คำเหยียดหยามด่าทอมาแทน ดังนั้นเขาจึงมาขอยืมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มีสารร่างที่พอจะดูได้ขึ้นมาบ้าง กระนั้นที่แห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีเงินถุงเงินถังมาซื้อเครื่องประดับหรือผ้าดี ๆ มาตัดเย็บนักหรอกผ้าเนื้อหยาบสีสดใสถูกสวมแทนที่เสื้อใยฝ้ายใกล้ขาด ใบหน้าเปื้อนดินเปื้อนผงถ่านถูกทำความสะอาดและแต่งแต้มด้วยผงสี จนในตอนนี้ตัวเขาในกระจกกลายเป็นคนละคนกับชาวนาทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินคนนั้นอย่างสิ้นเชิงพรมลายดอกไม้พื้นเก่าเกิดเสียงแผ่วเบาเมื่อฝ่าเท้าเปล่าคู่บางก้าวผ่านธรณีประตูออกมาจากห้อง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าราวกับจงใจให้เวลาล่วงผ่านไปเพื่อสัมผัสความสงบตระเตรียมใจ ก่อนจะเผชิญกับพายุโหมกระหน่ำ บรรยากาศที่เย็นเยือกยามราตรีส่งให้ทุกอย่างดู
แดนแห่งเสรีชน แดนอันเปิดกว้างสำหรับความคิดและการแสดงออกอย่างเสรีท่ามกลางวัฒนธรรมอันเคร่งครัดของสังคมจีน สถานที่ที่ผู้คนสามารถดำรงชีวิตตามวิถีทางของตนเองได้โดยปราศจากการกดขี่ ประหนึ่งสรวงสวรรค์ของผู้ที่ต้องการความเป็นอิสระในการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง ความคิดสร้างสรรค์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้รับการยอมรับและเฉลิมฉลอง เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และให้โอกาสทุกคนในการเลือกทางเดินชีวิตของตนเองกระนั้นที่ใดมีปวงชนที่นั่นย่อมมีผู้นำ ดินแดนอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ถูกปกครองด้วยกษัตริย์ซึ่งเป็นผู้ถูกคัดเลือก เป็นผู้เดินนำหน้าทุกผู้ทุกคนมายังดินแดนอันเคยแร้นแค้นแห่งนี้และยืนหยัดเพื่ออุดมการณ์ของตนเอง กษัตริย์ปกครองเคียงคู่พระมเหสีเพียงพระองค์เดี๋ยวโดยไร้ซึ่งอนุ สำหรับอาณาจักรอื่นแล้วการมีสนมคือการถ่วงอำนาจ คือการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเลิศในด้านหน้าตาและคุณภาพขึ้นมาวางบนจานเพื่อให้รสชาติอาหารออกมากลมกล่อม แต่แดนเสรีชนไม่ใช่แบบนั้นหากสามัญชนผู้ใดมีชู้จะถูกประณาม หากเศรษฐีผู้มั่งคั่งมีอนุจะถูกผู้คนทอดท
เทียบ × อำพัน“ป๊า ฉันขอลาออกจากคณะ” คนเป็นพ่อซึ่งนั่งจิบเหล้าแกล้มยำแตงกวาถึงกับไอสำลักเมื่อไอ้ลูกชายหลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานก็ดันมาขอลาออก พวกเขายังเหลืองานที่นี่อีกตั้งหลายวันกว่าจะหมดสัญญา แถมงานต่อไปยังเป็นการไปแสดงถึงใจกลางประเทศอย่างพระนคร อนาคตสดใสแบบนี้ทำไมอาไจ่มันถึงมาลาออก“ลื๊อมีคนมาทาบทามรึ?”“ไม่จ้ะ ฉันจะออกมีผัว”“แค่ก!...แค่ก!...”พ่อเฉิงคราวนี้นอกจากจะไอโขลกแล้วยังตกใจตาโตมองเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่แววตาไม่สั่นคลอนสักนิด ไอ้เขาอยู่กับมันมาก็หลายปี รู้หมดนั่นแหละว่ามันชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่จู่ ๆ มาบอกลาออกกะทันหันด้วยเหตุผลนั้นใครเขาจะไม่ตกใจกันบ้างเล่า!นอกจากพ่อเฉิงจื่อที่รู้เรื่องแล้วคนอื่น ๆ บางส่วนในคณะก็บังเอิญมาได้ยินบทสนทนาก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อน ๆ นักแสดงคนงานมาดูสถานการณ์ด้วยโดยมีหัวหอกคืออาเจ๊ใหญ่ไพลินที่จับตามองน้องชายผู้จะออกไปล่าฝัน เก่งมากอาตี๋! ขนาดเจ๊อยากมีผัวก็ยังไม่สามารถมุ่งมั่นได้ขนาดนี้เลย!“แล้วใครจะมาเป็นผ
เทียบ × อำพันแสงไฟจากโคมกระดาษสีแดงสดส่องสว่างรอบเวทีไม้ที่ถูกสร้างขึ้นซึ่งประดับประดาไปด้วยป้ายแขวนเครื่องเงินเครื่องทองเทียมเล่นแสงเติมเต็มความมีชีวิตชีวา กลิ่นธูปหอมอบอวลในอากาศสร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนในชุมชนทั้งเด็กผู้ใหญ่ต่างนั่งล้อมวงกันบนเสื่อกกทอมือหรือเก้าอี้ไม้เก่า มองดูเวทีที่พาดแขวนตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสดพร้อมฉากหลังที่วาดภาพทิวทัศน์ในฝันอย่างวิจิตรถึงทิวทัศน์อันงดงามของสวนจีนโบราณซึ่งประกอบขึ้นมาจากเส้นหมึกอันละเอียดอ่อนของพู่กัน สร้างความลึกซึ้งซึ่งสื่อถึงความพิถีพิถันในทุกมุมของภาพวาดเสียงกลองและฉาบดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้คนต่างพากันรวมตัวหน้าศาล บรรยากาศรอบเวทีเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยที่เจือไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อม่านเปิดออก นักแสดงงิ้วในชุดเสื้อผ้าอันงดงามปักลวดลายทองคำสีสันสดใสดึงดูดสายตา ก้าวออกมาด้วยท่วงท่างามสง่า เสียงร้องของนักแสดงที่ไพเราะทรงพลังดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เรียกความสนใจจากผู้คนเดินไปมาและตรึงผู้ชมหน้าเวทีได้อย่างไม่ยากเย็น“林妹妹,你總是這麼憂愁,何必呢?”
ตั้งแต่รับสองเด็กเข้ามาพวกเขาก็มีโอกาสได้ตระเวนเที่ยวต่างจังหวัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพิษณุโลกบ้านของพี่พูน นครปฐมซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียง หรือจะทะเลที่สมุทรปราการพวกเขาก็พาเด็ก ๆ ไปเปิดหูเปิดตามาแล้วยิ่งในพระนครยิ่งไม่เหลือ รบรามที่ได้เข้าไปดูงานเขียน งานสถาปัตยกรรมในวัดวาอารามค่อนข้างตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงการได้วิ่งเล่นว่าวในสนามหลวงกับพ่อก็เป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ โปรดปรานเช่นกันในวันนี้เองก็เป็นการพักผ่อนอีกครั้งซึ่งพวกเขาจะเดินทางขึ้นเหนือไปเที่ยวดูธรรมชาติที่เชียงใหม่ ถึงคุณปู่จะสุขภาพถดถอยไปตามวัยแต่เด็ก ๆ ก็รับปากแล้วว่าจะซื้อโปสต์การ์ดซื้อของท้องถิ่นกลับมาฝากแน่นอน“เด็ก ๆ แปรงฟันมาแล้ว ห้ามกินขนมแล้วนะ”“จ้ะ/คร้าบ”รบตอบฉะฉานในขณะที่พี่ชายอย่างรามกล่าวด้วยความไม่สบายอารมณ์เท่าไรนักเพราะเจ้าตัวบ่นกระปอดกระแปดว่าอยากกินทองม้วนที่ซื้อมาเมื่อหลายวันก่อน แต่ด้วยเวลารถไฟที่ใกล้เข้ามา พวกเขาจึงไม่มีเวลามาเอ้อระเหยสุดท้ายสองเด็กก็ถูกจับให้แปรงฟันและออกมาในทันที แม้จะน่าเศร้าสำหรับลูกราม แต่เดี๋ยวเช้าพรุ่งนี้ก็กินขนมที่พกมาได้แล้วกา
คุณพ่อเล็กในชุดไปรเวทเดินไขประตูรั้วเข้ามาในบ้านหลังกลับมาจากการดูร้านเหล้าสาขา ๒ ของลุงเริง พวกเขาทำงานด้วยกันมานานจนจะเข้าปีที่ ๒๐ แล้วส่วนเรื่องหลานชายที่คิดว่าจะส่งต่อให้กลับล้มเหลว เพราะเจ้าตัวดันออกไปเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง ดังนั้นลุงเริงจึงเรียกเขาเข้าไปคุยถึงเรื่องการส่งต่อร้าน เพราะลุงแกก็อายุมากขึ้นทุกปีจึงอยากได้คนมาสานต่อธุรกิจที่ตนตั้งใจทำมาตั้งแต่ยังหนุ่ม และคนนั้นคือตัวเขาซึ่งเป็นพนักงานที่เก่าแก่และได้รับความไว้วางใจมากที่สุดการส่งต่อนั้นไม่สามารถทำให้จบได้ภายในวันเดียว ยังคงมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างให้เขาต้องเรียนรู้อีกเยอะ ดังนั้นวันนี้เขาจึงได้ทราบเรื่องและลงมาตรวจสอบโกดังสินค้าอีกนิดหน่อยแล้วก็สามารถกลับบ้านได้ด้วยเหตุนั้นก่อนที่แผนจะพักหลังจากทักทายคุณพ่อยามบ่ายจึงขึ้นมาหาเด็ก ๆ และพี่พูนที่กำลังช่วยกันถูบ้านเป็นอันดับแรกเพื่อจะบอกว่าปะป๊าอาจจะกลับดึกในช่วงนี้สักหน่อย เพราะมีภาระที่ต้องไปทำแต่หากสามารถจัดการได้แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เผลอ ๆ อาจจะได้เวลากลับมาเยอะกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ“จริงเหรอ!?” แต่
วันสงกรานต์ วันทรหดที่พนักงานทุกคนหัวหมุนแจกตั๋วโบกธงสัญญาณท่ามกลางผู้คนอันเบียดเสียด ไหนจะตัวเปียกตัวเปื้อนจากผู้โดยสารบางท่านที่ไปเล่นน้ำมาแล้วเดินมาชน หรือไม่บางคนก็ฝ่าฝืนกฎมาเล่นน้ำในเขตสถานีที่สถานีกรุงเทพฯ เส้นทางคมนาคมหลักแห่งนี้ ที่ผู้คนหลากหลายวัยต่างมุ่งหน้าเข้าสถานีเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดหรือไปเยี่ยมญาติพี่น้อง บรรยากาศในสถานีเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้โดยสาร เสียงประกาศจากลำโพง และเสียงล้อรถไฟที่เสียดสีกับรางเหล็กเมื่อสิ้นเสียงหวูดภายในสถานี ผู้โดยสารนั่งกันเต็มพื้นที่ รอขึ้นรถไฟที่แน่นขนัด บางคนนั่งจับกลุ่มคุยกันบนพื้น บ้างก็กำลังยืนต่อแถวรอซื้อตั๋ว มีผู้คนมากมายที่ขนของพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง ตะกร้าใส่ของกิน ของใช้ หรือแม้กระทั่งกรงสัตว์เล็ก ๆ ที่จะนำกลับไปด้วยแผนแทบไม่มีเวลามานั่งพักเสียด้วยซ้ำเมื่อรถไฟออกก็ต้องมาช่วยพี่ ๆ ตอบคำถามหรือถึงขั้นจัดแจงเอกสารจำหน่ายตั๋วแทนในกรณีที่บางคนไปเข้าห้องน้ำ เพราะการขาดใครไปแม้เพียงคนเดียวการสัญจรของผู้โดยสารจะติดขัดทันที และมันยิ่งวุ่นวายขึ้นเมื่อขบวนรถไฟมาถึง ผู้คนเร่งรีบเข้ามาแย่งชิงท
ในยามสายของวันหยุดปิดเทอมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดูสดใสและชัดเจนจากแสงอาทิตย์ในหน้าร้อน ท้องฟ้าเข้มมีเมฆขาวลอยเป็นหย่อม ๆ อยู่ห่างไกลโดยลมพัดมาเป็นระยะ เหงื่อเริ่มซึมออกมาจากผิวหนังแม้จะอยู่ในร่มยิ่งโดยเฉพาะเมื่อมาอยู่หน้าเตาไฟในครัวควันหอมกรุ่นของน้ำเคี่ยวพริกแกงส้มลอยฟุ้งผ่านช่องหน้าต่างบานเกล็ดโชยพัดกลิ่นเครื่องปรุงขึ้นมาให้คุณพ่อตำรวจของบ้านได้รับรู้ พูนในชุดไปรเวทเสื้อคอกลมนั่งผ้าขาวม้าคว้าช้อนจากในตะแกรงตากมาตักน้ำแกงชิมรสชาติด้วยความชำนาญก่อนจะหันลงไปมองเด็กชายตัวจิ๋วที่ยืนเกาะโต๊ะครัวหลังช่วยเขาฉีกเนื้อปลาลงหม้อ“รบ ลงไปเรียกป๊ากับพี่ขึ้นมาได้เลย”“จ้ะ!”เสียงใสที่เริ่มแปรเปลี่ยนจากร่างกายซึ่งเติบโตขึ้นตอบรับพร้อมแววตาเป็นประกายสดใส ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากครัวลงบ้านไปเมื่อปลายปีที่แล้วพวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะรับเด็กมาเลี้ยงตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จนได้มีเด็กเข้ามาอยู่ในบ้านถึงสองคนซึ่งเป็นพี่น้องที่อายุต่างกันหนึ่งปีเศษ โดยสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่พวกเขาไปมาเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรและกำลังอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมไ