นายตำรวจผดุงกิตติ์ในคืนกินเลี้ยงหลังจบงานพูดกับตัวเองไว้ว่าค่อยเอาเรื่องไปถามไถ่วันพรุ่งนี้ก็จริง แต่ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะแอบดูเพื่อยืนยันหน้าไม่ได้
ดังนั้นในขณะที่เพื่อนตำรวจพากันกลับบ้านกลับช่องจึงมีเพียงเขาซึ่งสั่งน้ำเปล่ามาดื่มล้างแก้วหน้าร้านจึงมานั่งจับตามองโรงแรมอยู่ในระยะสายตา หากทั้งสองคนที่เขาคาดว่าหนึ่งในนั้นเป็นน้องแผนทำเรื่องอย่างว่ากันจริงคงใช้เวลาไม่เกินหนึ่งหรือสองชั่วโมง ว่าแล้วก็เหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาหน้าร้านที่ตนนั่ง จากเมื่อครู่คงจะผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ลองนั่งรอดูอีกสักพักก็แล้วกัน
เพื่อนตำรวจวันนี้ก็ไม่ค่อยสุดเหวี่ยงเท่าไรนัก เพราะนี่ถือเป็นงานจัดเล็ก ๆ เอาไว้ไปปล่อยผีทีเดียวงานเลี้ยงเกษียณในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คนพระนครนี่ช่างเป็นคนครึกครื้นดีเสียจริง
ยิ่งเวลากลางคืนดำเนินไปเรื่อย ๆ อากาศภายนอกยิ่งหนาวต่างจากขามาลิบลับ ทว่ายังดีที่ฤทธิ์สุราคอยบรรเทาความหนาวออกมาจากภายใน พูนเปลี่ยนท่านั่งจ้องมองไปยังหน้าประตูของอาคารสูงมีระดับ จึงได้แต่คิดไปเองคนเดียวว่าหากข้อสันนิษฐานเขาเป็นความจริงขึ้นมา ตัวเองจะมีปฏิกิริยาอย่างไ
พูนเดินมายังส่วนกลางของบ้านไม้สีเข้มขนาดกะทัดรัดอิงตามฉบับตะวันตกที่ถูกปรับแก้ด้วยช่างซึ่งต่างไปจากก้าวแรกที่เข้ามาอยู่อาศัย ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ล้วนอิงตามรสนิยมความชอบของพ่อกับป๊าเพราะเขามันอะไรก็ได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ในความเป็นจริงเขาจะขอบ้านพักข้าราชการแบบเดียวกับไอ้ไกรมันก็ได้ แต่ด้วยว่ามันไกลจากที่ทำงานไปหน่อย แม้จะไม่กี่เมตรเขาก็นับ และที่สำคัญคือเขาไม่ชินถ้าต้องนอนบ้านคนเดียวเพราะพ่อป๊าไม่ยอมย้ายมาแน่ถ้าเห็นว่าบ้านมันผ่านการใช้งานมานานแล้ว ดังนั้นอย่างน้อยต้องรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยเขาจึงจะนอนหลับเต็มอิ่ม แถมไม่ต้องเสียค่าอาหารด้วยเพราะพ่อป๊าเป็นคนออก ส่วนเขาก็ตกลงขอรับผิดชอบค่าน้ำค่าไฟทั้งหมดและเวลาซื้อของใช้เข้าบ้าน นับว่าดีเลยทีเดียว“จะว่าไปลูกลองชวนน้องเขามาทานข้าวที่บ้านเราก็ได้นะ”“ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะป๊า”“ก็เอาไว้หลังคบกันก็ได้จ้ะ ป๊าแค่อยากรู้จัก”วันนี้นอกจากลูกพูนจะตื่นสายแล้วยังกลับบ้านมาเร็ว แม้จะเป็นเพียงการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกทำงานสืบสวนต่อก็ตามทีอำพันเคยได้ยินลูกพูนเอาเรื่องน้องนายสถานีมาเล่
พูนฟังคำอธิบายจากผู้จัดการร้านก็รู้สึกเกินคาด เพราะมันไกลจากที่เขาเข้าใจไปมากมายนักนั่น...ยังจะอธิบายสรรพคุณแต่ละคนให้เขาฟังอีก เขาไม่เคยซื้อ! ไม่เคยคิดจะซื้อ! แล้วก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ามาก่อนด้วย! เขาไม่ได้อคติกับอาชีพนี้หรอกแต่เล่นพูดให้ฟังยาวเป็นต่อยหอย เขาทำตัวไม่ถูกนะเฮีย!แม้เจ้าของร้านจะเนื้อเสียงเบา แต่ไม่ได้จงใจรักษามันเป็นความลับกับลูกค้าคนอื่น ๆ และคล้ายว่าทุกคน ณ ที่นี้จะรู้ ๆ กันอยู่แล้ว เพียงแต่เขาที่มือซนสงสัยไม่เข้าเรื่อง เจ้าตัวจึงร่ายมายาวเหยียดด้วยความภูมิใจ มีความมาถามด้วยว่าเขามีชอบแบบไหนเป็นพิเศษไหม“จริง ๆ ก็มีอยู่สองคนนะ แต่วันนี้ไม่มาทั้งสองคนเลย”มีจริง ๆ ด้วย...นี่เขาอุตส่าห์แกล้งบอกรายละเอียดถี่ยิบแล้วนะแน่นอนว่าเขาปฏิเสธทุกข้อเสนอ ขอรับไว้เพียงกับแกล้มประจำเดือนและน้ำหวานชุ่มคอก่อนก็เพียงพอแล้ว ทว่าน่าแปลกใจเหมือนกันที่พระนครมีสถานที่อันจำเพาะแบบนี้อยู่ด้วย ถึงจะอยู่ห่างจากใจกลางย่านร้านกลางคืนไปมากพอควรแต่คนแบบเขากับไอ้ไกรก็คงมีมากกว่าที่เคยคิดไว้ รู้สึกดีใจเล็ก ๆ แฮะ นอกจากเรื่องริบบิ้นสี ๆ นั่นแล้วเ
ร้านที่เฮียพามาเป็นร้านริมทางติดถนน บานประตูเป็นไม้เลื่อนลงกลอนทาสีขาวติดป้ายชื่อร้านภาษาจีนที่เขาอ่านไม่ออก แต่ดูท่าทางเฮียจะรู้จักเจ้าของร้านนี้พอสมควร ไม่แปลกหรอกเพราะเฮียสนิทกับคนทั้งพระนครกลิ่นเครื่องเทศเกลือพริกไทยลอยมาเตะจมูกเพียงเลื่อนเก้าอี้ไม้มาหย่อนกายนั่ง ด้วยจำนวนโต๊ะที่พอดีกับขนาดร้านซึ่งเป็นตึกแถว เก้าอี้แม้ถูกจับจองจนเต็มพื้นที่แต่เสียงกลับไม่ได้ดังวุ่นวายมากนักดวงตากลมใสสอดส่องมองการวางข้าวของเครื่องครัวและป้ายรายการอาหารบนผนังอย่างสนอกสนใจเหมือนทั้งชีวิตไม่เคยได้มาสัมผัส ทำให้นายตำรวจรู้สึกอิ่มใจที่อย่างน้อยน้องแผนก็ดูท่าจะไม่ได้เบื่อหน่ายกับร้านร้านนี้ที่เขาถามมาจากเพื่อนร่วมงานและลองมาชิมด้วยตัวเอง“สามวันที่ผ่านมา เฮียไม่ได้ไปหาเลย คิดถึงเฮียบ้างรึเปล่า?”พูนกล่าวเสียงกระซิบให้ได้ยินกันเพียงเขากับน้องนายสถานี พร้อมผลิยิ้มหวานตามวิสัย“ถะ...ถามอะไรเนี่ย อยู่ข้างนอกนะ”“เฮียติดงาน มีนักโทษถูกย้ายเข้ามาฝากขังในโรงพักเฮียเลยต้องรับเรื่อง”“นั่นคือเหตุผลที่ไม่ได้มาหาเหรอ?”“หลัก ๆ ก็คือเรื่
รัญชน์เหลือบมองน้องพิงเดินฝ่าฝนสวนทางไป เขาเห็นตั้งแต่ทั้งสองเดินคู่กันมาแล้ว ทีแรกคิดว่าจะเป็นตำรวจจากบ้านนอกธรรมดาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ณ สน. ทว่ามาคราวนี้คงต้องปรับมุมมองใหม่ ส่วนตัวเขาไม่ติดหากน้องพิงจะรับงานจากคนอื่น แต่เขาชักสงสัยในตัวเองคือความรู้สึกไม่พอใจที่ผุดขึ้นมาอย่างน่าฉงนทนายหนุ่มกระชับคันร่มในมือ ต่อให้เขาจะเอ่ยทักทายอย่างโจ่งแจ้งทว่าเขาไม่มีธุระอะไรจะต้องพูดกับนายตำรวจคนนี้ ดังนั้นแล้ว-“คุณดูสงสัยในตัวผมนะครับ”เสียงเหน่อเอ่ยท่ามกลางสายฝนและลมพายุ รัญชน์คิดว่าตัวเองประเมินตำรวจคนนี้ต่ำไป ในขณะที่เขาไตร่ตรองอีกฝ่ายก็กำลังวิเคราะห์เขาหัวจรดเท้าเช่นกัน“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”รัญชน์คิดว่าการที่น้องพิงบอกให้พวกเขาคุยกันให้สนุกคงจะเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นน้องเขาจะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้สายตาจากตำรวจที่ยิ้มแย้มให้ตัวเองกำลังมองมาที่เขาแบบไหน“ยังไงก็กลับบ้านปลอดภัยนะครับ”“คุณก็เช่นกัน”ทนายหนุ่มก้าวขาถอยหลังเพื่อเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ในจุดที่น้ำท่วมไม่ถึง ทว่าเมื่อเดินไปครึ่งทางก็ขอหันมาม
เล่าความไปจนครบองค์ น้องแผนเจ้าก็คล้ายจะเป็นห่วงเพื่อนตัวเองขึ้นมามากกว่าเดิม เห็นว่าสุขภาพร่อแร่มาสักพัก ตรงกันข้ามกับจัวเองที่เดี๋ยวนี้ชักจะกินเก่งขึ้นเรื่อย ๆ มีน้ำมีนวลมากขึ้นก็ดีแล้ว จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งเจ้าตัวซูบผอมลงไปหลังเขากลับมาจากภารกิจจับโจร“แผนครับ”“หือ?”“ถ้าเรามีเรื่องหนักใจ เฮียพร้อมรับฟังเสมอนะครับ”“มันยังไม่มีสักหน่อย”“ดีแล้วครับ”พูนมองคนเด็กกว่าตอบรับเคี้ยวเส้นก๋วยเตี๋ยวลวกตุ้ย ๆ ก็พลอยโล่งใจ มันกลายเป็นประโยคติดปากเขาไปแล้ว คงเพราะเคยเห็นรอยช้ำพวกนั้นมาก่อนจึงคล้ายมีเสี้ยนฝังอยู่ในใจ มีโอกาสหนใดจำต้องกล่าวออกไปทุกทีโต๊ะเขาสั่งเกี๊ยวกุ้งแยกมาต่างหาก ป๊าซึ่งทำงานนอกครัวจึงเดินถือมาวางให้ ก่อนจะขยิบตาสองครั้งส่งสัญญาณให้เขาเอ่ยชวนเจ้าน้องไปทานมื้อเย็นด้วยกันเสียทีจะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พ่อกับป๊าได้เห็นหน้าค่าตาน้องแผนชัด ๆ เข้าร้านมาแรก ๆ มีการมากระซิบด้วยว่าน่ารักตาถึง ซึ่งของมันแน่อยู่แล้วไหมล่ะป๊า นี่พูนเชียวนะ“เฮีย”“จ๋า”แผนเอือมระอากับท่าทีกระดี๊กระด๊าของเจ้าพี
นายตำรวจผดุงกิตติ์เดินกลับมาสน.เพื่อเปลี่ยนเครื่องแบบไปลงพื้นที่พร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขและกำลังใจอันล้นเอ่อ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่ลึก ๆ รู้สึกว่าน้องแผนพูดคุยกับเขามากขึ้นมานิดหนึ่งพูนเดินนำหน้าเหล่าเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องหน้าใหม่เอี่ยมมาลงสนาม เอาเข้าจริง ที่ไอ้ไกรมันบอกให้เขาลงพื้นที่โดยด่วนก็เพราะจะเอาข้อมูลส่งขึ้นไปยืมแรงเด็ก ๆ พวกนี้ผนวกกับระยะเวลาการส่งไปรษณีย์ให้เอกสารเดินทางอีกนาน กลายเป็นว่าจากคดีที่เขาเข้าใจว่ารีบอยู่นั่นเองกลับไม่ค่อยมีอะไรคืบหน้าเพราะต้องรอลูกเดียว มาวันนี้เขาจะได้ลงมือทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียทีตำรวจในสน.พระนครแค่ชาวบ้านที่เข้ามาน้องทุกข์รายวันก็หนักแล้ว ไหนจะแบ่งกลุ่มซุ่มจัดการคดีที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจอันคุกรุ่น“พันโทครับ ให้ผมจั-“อย่าพึ่ง ใจเย็น ๆ พ่อหนุ่ม”พูนรู้สึกว่าตั้งแต่เข้ามาในซอยต้องพูดปรามเหล่าเด็กไฟแรงเกือบจะสิบรอบได้แล้วมั้ง แต่ก็พอเข้าใจ เห็นคนทำผิดกันโต้ง ๆตรงหน้ามือไม้ตำรวจมันคงสั่นเป็นธรรมดา ทำเอานึกถึงตัวเองตอนเริ่มงานในฐานะตำรวจสืบสวนใหม่ ๆ เช
“พี่เทียบจ๊ะ คิดยังไงกับคนที่ลูกจะพามาเหรอจ๊ะ?”อำพันขณะจัดจานบนโต๊ะรอลูกพูนไปรับน้องนายสถานีมาร่วมมื้อเย็นด้วยกันก็ถามคนเป็นสามี เพราะส่วนตัวแล้วเขาไม่มีอคติกับคนที่ลูกจะพามาเลยสักนิด กลับมองว่าเป็นเด็กที่น่ารักเสียด้วยซ้ำ“ขอดูก่อน”“ฮ่า ๆ พี่ละก็ เก๊กไปได้”ปะป๊าคนสวยละมือจากจานมาคล้องคอกอดคนเป็นพี่ ป้อนแววตาใสแป๋วอย่างคนรู้ทัน พี่เทียบวันนั้นยังแอบดีใจอยู่เลยที่ลูกจะได้มีความหวังเรื่องความรักเสียบ้าง เพราะก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าการหาใครสักคนมาใช้ชีวิตร่วมกันมันยากเย็นแค่ไหน“ถ้ารู้แล้วจะถามพี่ทำไมล่ะฮึ?”ว่าแล้วก็ยกตัวศรีภรรยาขึ้นอุ้มด้วยความมันเขี้ยว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักคล้ายว่าได้แกล้งเขาแล้วนั้นยิ่งน่าหยิกแก้มเสียจริง คิดแล้วก็จัดการฝังจมูกหอมหน้าแก้มอิ่มเสียเต็มคราบ ต่อให้จะอายุเยอะขึ้นมามากแล้วแต่เขาก็ยังมั่นใจในพละกำลังของแขนตัวเองที่ลากเข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวมาหลายสิบปีอำพันยิ้มกว้างคลอเคลียสามีระหว่างลูกชายไม่อยู่ คิดแล้วก็มีความสุขเหลือเกินหากจะได้มีว่าที่ลูกชายอีกคนเข้ามาเพิ่ม ทว่าจู่ ๆ เขาก็ดันนึกอะไ
อดีตมักหอมหวานเสมอเมื่อตัวเองในวัยผู้ใหญ่หวนกลับไปมอง รอยยิ้มที่ได้มาประดับใบหน้ามันง่ายเพียงแค่ลืมตาขึ้นมาในทุกเช้าจากกลิ่นหอมของหม้อน้ำแกงของป่าในกระต๊อบหลังเล็ก ณ จังหวัดในแถบภาคเหนือเสียงวัตถุธรรมชาติกระทบเสียดสีมาจากที่ไกลตา รอบบ้านรายล้อมไปด้วยลานหญ้าแห้ง รั้วไม้ผุพังก่อนจะเป็นเรือนถัดไป อาณาเขตที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ เพียงพอสำหรับครอบครัวสี่คนซึ่งย้ายหนีมาจากพระนครอันวุ่นวายบิดาของเขาอดีตเคยเป็นคนลากรถอยู่แถวสถานีรถไฟ คอยรับส่งลูกค้าทำงานได้เงินวันละ ๒-๓ บาท รับงานคนหนึ่งประมาณ ๑๐-๑๕ สตางค์ขึ้นอยู่กับระยะทาง หรือบางวันหากได้ราคาดี คนเยอะหน่อยจะตกวันละ ๕ บาทเลยเชียว ทว่าหนทางการใช้ชีวิตต้องมาติดขัดเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อไปเสพสมชั่วครั้งชั่วคราวกลับให้กำเนิดบุตรในสายเลือดถึงสองคนต่อให้บิดาจะยอมรับและเผชิญหน้าจากผลของการกระทำ เจ้าของบ้านตัวจริงอย่างคุณปู่กลับไม่ยอมให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ขึ้นชื่อว่ามีลูกกับกะหรี่ในซ่อง ขับไล่ไสส่งต่าง ๆ นานาจนสุดท้ายบิดาจึงขอแยกทางจากบ้านหลังเดิม ก้าวขาพาตัวเขาและพี่ชายในวัยทารกไปยังต่างจังหวัดซึ่งเป็นบ้านเกิด
นับเป็นโชคดีของพูนที่เย็นวันนั้นป๊าเข้ามาในห้องทันก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายทั้งยังช่วยไกล่เกลี่ยอธิบายให้สองพี่น้องเข้าใจกัน ในสายตาเขาน้องเพียงก็แค่ไปกินข้าวตามที่เพื่อนชวนเท่านั้นทั้งทุกอย่างยังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ไม่คิดเลยว่าน้องแผนจะหวงน้องเพียงมากขนาดนี้ส่วนเรื่องตั๋วเข้าพักสถานตากอากาศที่พวกเขาได้รับมานั้นจะต้องไปในวันพฤหัสบดีอาทิตย์หน้าเท่านั้น พูนจึงใช้สิทธิ์ลาพักผ่อนต่ออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อเดินทางขึ้นรถไฟมายังจังหวัดชะอำ แต่ตัวเขาที่ขึ้นรถไฟมาตอนเช้าโดยไร้ซึ่งยาดมนั้นก็ได้แต่นั่งคุดคู้เอนพิงเบาะอยู่ ขนาดเป็นตู้ชั้น ๑ ที่สบายกว่าคนอื่นโขแผนในขณะที่จัดแจงกระเป๋าภาระก็นึกเห็นใจเจ้าพี่ที่ยังอุตส่าห์ตามมาทั้งที่ต้องใช้เวลาอยู่บนตู้กว่า ๔ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เขาอยากจะจองรถไฟรอบกลางคืนอยู่หรอก พี่เจ้าจะได้นอนหลับไม่ต้องมานั่งพะอืดพะอมอยู่แบบนี้ หรือเขาควรจะเรียกเพื่อนนายสถานีมาดึงเตียงให้ดีตู้รถไฟนั้นมีด้วยกันทั้งหมด ๓ ชั้นเรียงลำดับขึ้นไปตามความสะดวกและสายและความหรูหราเท่าที่กรมรถไฟในสภาวะสงครามจะสามารถมอบให้แก่ผู้โดยสารได้โดย
“พี่...ขอโทษจริง ๆ ครับ”“ไม่ให้อภัย”แผนกล่าวขึ้นด้วยเสียงสะลึมสะลือเหล่มองพี่ตำรวจในชุดไปรเวทเดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาในห้องหลังเห็นว่าเขาตื่น เมื่อคืนหลังจากจบบนเตียงลงไปเข้าห้องน้ำรอบที่สี่ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็ดันบ้าจี้ยอมพี่ไปหมดเสียทุกอย่างจนร่างกายสลบเหมือดทันทีเมื่อเอาหัวลงหมอนดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขาพอดีไม่เช่นนั้นเขาได้โดนหักเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่ ๆ เพราะแค่ตื่นก็ปาไปจะสิบโมงแล้ว“แต่ถ้ามาทาให้จะยกโทษให้ก็ได้”“จริงเหรอ!?”พี่พูนกล่าวด้วยความดีใจรีบจัดแจงวางมื้อเช้าของน้องแผนไว้ยังโต๊ะข้างเตียง รีบหาหยูกยามาตระเตรียมไว้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ตีห้าที่ทุกคนอยู่กันเต็มบ้านและลงไปอาบน้ำในสภาพนี้จะเป็นเช่นไรแค่บนเตียงก็ทำเขาแทบทรุดไปต่อในห้องน้ำยิ่งไปกันใหญ่ เป็นคนบ้าพลังอะไรขนาดนี้ ทำเอานึกถึงไอ้ความดุดันที่เจ้าแตงเคยพูดเลยเชียว หากจะแม่นขนาดนี้ดูท่าเด็กคนนั้นน่าจะไปเป็นหมอดูได้นะนี่“จะไปอาบน้ำเหรอครับ ให้พี่ช่วยอุ้ม-“ไม่ให้อุ้มแล้ว!”“
“เพียงวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง?”“พี่วิภาให้ลองทำข้อสอบชุดเก่าอย่างเดียวแล้วจ้ะ”ยามกลางคืนเป็นเพียงเวลาเดียวที่พี่ชายอย่างเขาจะได้สนทนาถามไถ่น้องสาวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งเพียงโตเป็นสาวเรื่องที่ชายหญิงจะคุยได้ก็น้อยลง ไหนสาวเจ้ายังสุขุมขึ้นเป็นเท่าตัวจากแต่เดิมมีอะไรไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมักจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสมอ“แล้วครูเขาเอาข้อสอบมาจากไหนเหรอ?”“เห็นว่าขออาจารย์เก่ามาน่ะจ้ะ”“ของ่ายกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“เห็นว่าสมัยก่อนพี่วิภาสนิทกับอาจารย์น่ะจ้ะ”แผนนั่งช่วยน้องพับผ้าไปก็คิดตาม พี่วิภาแกเองก็สดใสร่าเริงเป็นทุนเดิม การเข้าหาอาจารย์ที่ตนเองเคยเป็นศิษย์เก่าแล้วนั้นคงไม่เป็นการยากอะไรส่วนเรื่องในบ้านดูเหมือนเพียงจะชอบที่เขาย้ายตัวออกไปนอนห้องพี่พูน ไม่ใช่แค่ชอบที่ได้มีห้องนอนส่วนตัว แต่สาวเจ้าบอกว่าชอบเวลาเห็นพี่ชายสองคนเดินออกมาจากห้องด้วยกัน สมแล้วที่เคยอวยให้เขารีบคบหา รีบย้ายบ้านมาไว ๆ“ฉันไปนอนก่อนนะจ๊ะ”“อื้อ เดี๋ยวตรงนี้พี่เอาไปเก็บเองนะ”“จ้ะ ฝันดีล่วงหน้านะจ๊ะ”หากเป็นที่บ้
‘จันทร์หน้าพี่ต้องออกต่างจังหวัดลงพื้นที่นะครับ กลับน่าจะอีกเดือนสองเดือนเลย’‘อื้อ ไปทำงานสู้ ๆ นะ’เขากล่าวให้กำลังใจออกไปเช่นนั้นในกลางคืนขณะพวกเขากำลังจะเข้านอน จู่ ๆ พี่พูนมาบอกกันแบบนี้ทำเอาเขาใจหายจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เหมือนกัน นึกว่าของพวกนี้ทางการต้องแจ้งให้เตรียมตัวเป็นเดือนเสียอีก แต่เรื่องขโมยขโจรแบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าต้องรีบสะสางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แผนเดินกลับเข้าห้องนอนมาด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวพิกล สงสัยคงเป็นเพราะเวลาสามย่างสี่ทุ่มแบบนี้จะมีพี่พูนเดินไปเดินมาไม่ก็จัดแจงเตียงนอนอยู่ ว่าแล้วนายสถานีในชุดนอนท่อนบนยาวจรดต้นขาก็เดินละจากตู้เสื้อผ้ามาตรวจทานสัมภาระสำหรับการทำงานในวันรุ่งก่อนจะดับตะเกียงหัวเตียงเตรียมตัวนอนในตอนที่พูดให้กำลังใจพี่พูน ใจจริงเขาไม่อยากให้พี่เจ้าไปที่ไหนไกลหรือนานหลักเดือนเลยเสียด้วยซ้ำ อยากให้พี่ยังคงอยู่ในสายตาตลอดเพราะตอนนี้แค่ได้มองเห็นก็ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาแล้ว แต่เขารู้ดีว่านั่นคือความเห็นแก่ตัว ตำรวจถือเป็นของหลวงจำต้องทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชนโดยในบางครั้งอาจต้องแลกมา
เย็นวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น ไม่ใช่กับตัวเขา ไม่ใช่กับเพียง และไม่ใช่กับครอบครัวพี่พูน แต่เป็นไอ้ด้วงที่ดันโชคร้ายเดินไปเจอนักโทษหลบหนีเข้าจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ได้สติ ดังนั้นตัวเขาจึงขอพี่ว่าจะไปรอดูอาการไอ้ด้วงในโรงพยาบาลก่อน แต่คนอย่างพี่พูนย่อมเดินตามหลังมาด้วยอยู่แล้วที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไกรวิชญ์พี่ชายไอ้ด้วงวิ่งหอบร่างพามา ต่อให้เขาจะเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนแต่คราวนั้นเขาหาได้สังเกตอะไรมากมาย มาคราวนี้ระหว่างรอดูอาการเพื่อนสนิทเขาก็ได้รับการบริการให้ข้อมูลจากพยาบาลเป็นอย่างดี จนได้มานั่งรอข้างกับพี่ชายไอ้ด้วงที่เลือดเปื้อนเสื้อเปื้อนตัวเต็มไปหมดทั้งยังตัวเปียกปอนเพราะวิ่งตากฝนมา ไม่อยากนึกเลยว่าก่อนหน้าที่ไอ้ด้วงจะมาที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น แผนนั่งรอไปเรื่อย ๆ จนเกือบชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่มีท่าทีจะออกมาพร้อมคำตอบ ยิ่งทำคนเป็นเพื่อนอย่างเขารู้สึกใจไม่ดีเข้าไปใหญ่‘แผนครับ วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม’พูนซึ่งเห็นน้องนายสถานีแววตาสั่นไหวอยู่ไม่เป็นสุขก็เข้าใจหัวอกคนเป็นเพื่อน แต่นี่มันดึกแล้วรวมไปถึงตัวของน้องด้ว
หากมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองตามมาก่อนมันจะลามไปยังครั้งที่สามสี่ห้าและกลายเป็นกิจวัตรในที่สุด การหลับนอนในห้องของพี่พูนก็เช่นกัน โดยครั้งที่สองเขาหลงเชื่อว่าพี่ตำรวจกลับมาไข้ขึ้นตัวร้อนจึงพลอยได้นอนด้วยกัน ก่อนที่ครั้งที่สามพี่พูนจะมากล่าวขอโทษที่หลอกกันก่อนจะขอเขานอนด้วยอีกคืนตรง ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พูนจะขอทุกคืน และเขาเองก็โอนอ่อนตามในทุกค่ำคืนเช่นกันทว่าเมื่อคืนนั้นทำเอาเขาอยากจะขนย้ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกลับไปกบดานอยู่ห้องน้องสาวเมื่อจู่ ๆ พี่เจ้าก็ดันละเมอเรื่องลามก กอดเขาอยู่ดี ๆ ดันล้วงมือจับนู่นจับนี่ไปทั่วจนเสื้อเอยอะไรเอยหลุดลุ่ยจนคล้ายเรื่องราวอย่างว่าเข้าไปทุกที คราวจะแกะออกก็ไม่ได้เพราะก็รู้กันอยู่ว่าผู้ชายคนนี้แรงเยอะขนาดไหน ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตะโกนปลุกพี่ขึ้นมาดูผลงานตัวเองที่ทำเขาเกือบนอนไม่หลับต่อให้จะไม่มีปากเสียงแต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี แถมตื่นมายังบอกอีกว่า ‘ขอโทษครับ พี่ฝันดีไปหน่อย’ เขารู้ว่ายังไม่หายเมาดีจากที่ดื่มมากกับเพื่อนจะมีคิดเรื่องพิเรนทร์และบอกกล่าวมาอย่างเถรตรงบ้างนั้นไม่แปลก แต่เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าไ
ยามราตรีคืนนี้ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากสถานบันเทิงและร้านอาหารเครื่องดื่มรอบข้าง ทว่าเพียงแค่แผนเดินถัดมาอีกซอยเสียงพูดคุยครึกครื้นต่างกลายเป็นความสงบเงียบคลอไปกับสายลมเย็นซึ่งพัดพาเหล่าใบไม้แห้งผ่านร่างไปนายสถานีในบทบาทผู้จัดการร้านสุราเปิดกระเป๋าขึ้นตรวจสอบเงินในซองอย่างอารมณ์ดี ในช่วงรอยต่อระหว่างหน้าที่บริกรกับผู้จัดการร้านแม้จะเหนื่อยกายยกเครื่องแก้วหนัก เหนื่อยใจกับความครัดเคร่งละเอียดถี่ถ้วนกับตัวเลขบนหน้ากระดาษทว่าผลที่ได้รับกลับสมน้ำสมเนื้อเมื่อลุงเจ้าของร้านเริ่มให้ความไว้วางใจหลังจากการตรวจบัญชีประเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดแล้ว ดังนั้นเขาต้องการใช้วันว่างอย่างเต็มที่โดยไม่ให้งานใด ๆ เข้ามาแทรก ยิ่งมีแรงใจจากการมองเงินก้อนวันนี้แล้วยิ่งชื่นใจดังนั้นสมุดบัญชีใหม่ที่ได้มา ทำให้เสร็จภายในคืนนี้เลยเสียดีกว่า ผู้จัดการบอกเขาด้วยว่าหากทำได้ดีต่อไปแบบนี้จะแบ่งสัดส่วนกำไรให้ ถึงไม่ได้มากมาย แต่เมื่อนำมารวมกันตลอดทั้งเดือนมันก็ใกล้แตะเลขเงินเดือนนายสถานีซึ่งเขาพอใจแล้ว*แกร๊ก* เดินคิดเรื่องราวผาสุกที่เกิดขึ้นไป ๆ มา ๆ ก็เดินถึงบ้านเส
แผนเมื่อตั้งสติเสร็จจึงตัดสินใจเดินเข้าสถานี ในวันนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เช้าเลย มีหวังถ้ามัวแต่คิดเรื่องพี่พูนคงไม่เป็นอันทำงานกันพอดีเนื่องจากหลายวันมานี้เขารับจ้างกับคุณปู่นายสถานีที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล ถึงจะเป็นไม่กี่นาทีแต่เขาสามารถมาสายได้นิดหน่อยเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ก็เห็นพี่ ๆ นั่งพูดคุยบ้างก็ทำหน้าที่ขายตั๋วในช่องตัวเอง เห็นว่าตำรวจมากันแล้วสงสัยจะไปนั่งประจำอยู่จุดอื่นกระมัง“สวัสดีตอนเช้าครับพี่”น้องเล็กกล่าวทักทายพี่ ๆ ด้วยความสดใส ทำตัวให้ดูมีชีวิตชีวาเข้าไว้ทักคนอื่น ๆ คุยไปคุยมาเดี๋ยวเรื่องพี่พูนก็ออกไปจากหัวเองนั่นแหละ“จ้ะ สวัสดีจ้ะ สามีพี่ซื้อข้าวหลามมาฝากเราเอาไปกินสิ”“ขอบคุณคร้าบ”แผนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจัดแจงวางของ ปลดผ้าพันคอเสื้อกันหนาวพาดไว้กับเบาะเสร็จสรรพก่อนจะหย่อนก้นลงมานั่งข้างเพื่อนด้วงที่วันนี้ก็ยังมีบรรยากาศอึมครึมรายล้อมอยู่เหมือนเดิม เอื้อมมือหยิบกระบอกไม้ไผ่สั้นในกล่องใจกลางโต๊ะมามอง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนคนสนิทไม่ให้เฉาจนเกินไป“ด้วง เอ็งได้กินไปรึยัง อร่
“ไหนบอกจะไม่ตามผม”“นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันแค่มาหาที่สูบบุหรี่”รัญชน์ว่าแล้วก็แสดงกล่องพกบุหรี่ไฟแช็กก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า เพราะไหน ๆ นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญแล้วใช้มันให้พอเป็นประโยชน์สักหน่อยก็แล้วกัน“กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ”“เธอก็รู้ว่าแถวบ้านเธอมันอันตรายจะตายไป”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามเขาแล้วจริง ๆ จึงไม่ทราบว่าตอนนี้เขาย้ายบ้านไปอยู่กับคนอื่นแล้ว แต่มาทำแบบนี้ทั้งที่ไม่มีพันธะต่อกันอย่างไรเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี“ผมอยู่ได้มาตั้งนาน ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจ”“ฉันแค่อยากจะขอโทษ”“ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้เถอะครับ ผมไม่อยากถูกเข้าใจผิด”“ยังไงเธอก็จะเลือกตำรวจคนนั้นเหรอ?”“ผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้วนะครับ”คล้ายว่าคุณรัญชน์จะไม่พอใจกับคำตอบ สงสัยที่บอกว่ารักคงจะมีส่วนจริงอยู่นิดหน่อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาแต่พูดเกลี้ยกล่อมเขาแบบนี้ทุกครั้งที่พบหน้าหรอก“ถ้าเธอเลิก-“คุณรัญชน์ครับ”ตัวเขาอาจจะเป็นฝ่ายผิดที่คิดจะยกเลิ