‘อ้ายคุณพระนี่ เป็นบ้าหรืออย่างไร บอกว่าจะแต่งก็แต่งซี!’ เสียงเอ็ดตะโรโวยวายของชายร่างสูงใหญ่กำยำทำบ่าวสะดุ้งไปตามกัน สองหญิงหนึ่งชายในเสื้อคอเปิดสีน้ำตาลเข้ม กางเกงขาสามส่วน ก้มหน้ามองพื้นหินอ่อนอย่างสั่นกลัว ส่วนคุณพระในชุดราชปะแตน นุ่งโจงกระเบนผ้าไหมสีเขียวเป็นเงามัน ทอดถอดหายใจยาวบนโซฟาไม้สักด้วยท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจแทนเสียเหลือเกิน
“กระผมมีความภักดีต่อคุณหลวงจึงเตือนนะขอรับ หล่อนเป็นหม้ายขันหมาก ชื่อเสียงไม่เป็นไปในทางที่ดี...”
“มันยุ่งอย่างนี้แหละ!” ตะคอกดัง เจ้าของร่างสูงในสูทฝรั่งพลันลุกขึ้นจากโซฟา กระแทกเท้าลงบนพื้นหินอ่อนดังปึงปัง คุณพระรีบลุกขึ้นตาม
“พุทโธ่! คุณหลวง ฟังกระผมก่อน...”
“เลิกเห่าเสียที อ้ายคล้าว” พลันหันหลังมองขวับ ดวงตาคมกริบที่ปกติจะฉายแววใจดีปรากฏเปลวไฟมหึมา
“กูสั่งมึงแล้วไปจัดการ ประเดี๋ยวนี้!” เสียงประกาศกร้าวสั่ง ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โต้แย้ง ‘คุณพระประสิทธิ์’ หรือ ‘นายคล้าว’ จำต้องยอมก้มหน้าตอบ “ขอรับกระผม”
ในเมื่อค้านหัวชนฝาลูกเดียว ใครเล่าจะกล้าขัดใจ ‘คุณหลวงจัน’ โกรธหน้าแดงก่ำราวกับยักษ์ กระแทกไม้ตะพดข่มขู่ว่าอาจมีใครในบ้านได้ถูกเพ่นกบาล รวมถึงนายคล้าวผู้เป็นทั้งบ่าวและมิตรสหาย ดูแลคุณหลวงมานมนานไม่เคยถูกต่อว่ามาก่อนยังถูกตะคอกเสียงดังลั่น
ทั้งบ่าวคนรับใช้และคุณพระประสิทธิ์จึงออกจากห้องรับแขกไปจัดการธุระในทันที ส่วนเจ้าของบ้านคงได้ฤกษ์ไปนั่งรอข่าวดี ต้องเป็นข่าวดี! มิฉะนั้น ด้วยกำลังทรัพย์และอำนาจของท่านเอง คงหาสักหนทางหนึ่งไขว่คว้าเอาของที่ต้องการมาครอบครองจนได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่หญิงงามผู้ต้องตาต้องใจแต่แรกพบเห็น
ถัดจากตัวบ้านใหญ่ประยุกต์สไตล์โคโลเนียล ผสมผสานวัฒนธรรมฝรั่งเข้ากับยุคสมัย ด้านหลังเป็นเรือนไทยรายล้อมด้วยดอกกล้วยไม้ สวนหย่อมและบึงน้ำกว้างเต็มไปด้วยดอกบัวบานสะพรั่ง ชายร่างสูงใหญ่ถอดเสื้อกั๊กกระดุมสองแถวออกวางพาดไว้บนตั่งนั่ง เอื้อมไปหยิบมวนยาสูบขึ้นต่อไฟ
โทสะลูกเล็กค่อยดับมอดลงพร้อมกลุ่มควันที่ลอยขึ้นในอากาศ ขณะมือหนาคีบซิการ์ด้วยปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้ง คุณหลวงหนุ่มเงี่ยหูฟังเสียงปลายนิ้วของบ่าวกำลังหมุนโทรศัพท์ดังแกรก ๆ ทีละเลขจนครบเจ็ดตัว ๕๗๙๒๔๘๑ จากห้องรับแขกในอีกฟากหนึ่ง ด้วยโสตประสาทรับรู้เหนือมนุษย์ซึ่งเขาสามารถมองเห็นและได้ยิน
นับเป็นโชคช่วยของเขา บ้านหล่อนไม่ได้ยากจนมากเสียจนยากต่อการใช้โทรศัพท์หรือโทรเลขในการติดต่อ แต่เป็นโรงฝิ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียง ท่านผู้อำนวยการโรงยามีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหลวง แต่กระนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในนามเจ๊กอี้ หากได้ไปเทียวตระเวนโรงยาฝิ่นจะพบผู้แต่งตัวตามประเพณีจีนอย่างสวยงามโก้หรูทีเดียว กางเกงแพรจีนปั๊งลิ้ม (ปังลิ้ม) เนื้อผ้านิ่มเป็นเงามันยังกับว่าคนใส่ตัวผอมบางเหล่านั้นจะปลิวไปด้วย บ้างก็สวมเสื้อกุยเฮงสีต่าง ๆ
คุณหลวงจันได้เดินทางไปในวันที่มีผู้คนมากมายเสียหน่อย ก่อนสะดุดเข้ากับบุตรสาวคนงามของหลวงท่าน
เขากำลังจะได้พบหล่อน! แม่แก้วตา...
ดวงตาคู่คมทอดมองบึงบัวบานสีชมพูหวาน ด้วยความคิดคำนึงถึงเจ้าของใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตใต้คิ้วเรียวสวย ปลายจมูกเป็นสันงามอย่างลงตัวราวหญิงสาวในภาพวาด กลิ่นหอมอ่อนจากสบู่สมุนไพรปะปนกับยาหม่องโบราณจากหัวเข่าที่หกล้มจนเขียวช้ำ ไม่รู้ว่าไปหกล้มซุ่มซ่ามที่ไหนมา
คงนับได้หนึ่งอาทิตย์พอดี หน้าตาประจิ้มประเจ๋อนั่นยังติดอยู่ในห้วงความทรงจำ
‘รับประทานโทษค่ะคุณ... ฉันไม่เห็น!’
‘ครับ... ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร’
หากไม่ใช่พรหมลิขิตคงเป็นเรื่องแสนบังเอิญ สาวร่างอ้อนแอ้นอรชรในกี่เพ้าตัวสวยแค่เดินชนคนแปลกหน้าในโรงฝิ่นของบิดา แต่คุณหลวงชีกอดันสะดุดหลุมรักอาหมวยเข้า กระทั่งตอนนี้ ทุกวินาทีเดินไปเชื่องช้าจนคุณพระกลับมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ว่าอย่างไร เจ๊กบ้านนั้นจะยกลูกสาวให้ฉันหรือไม่?”
“ยกให้ขอรับ... เพียงแต่”
“แต่?” คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้น คุณหลวงคิดอยู่ว่าจะได้สมใจปรารถนาหรือต้องให้มีเรื่องมีราวกัน
“ค่าสินสอดของลูกสาวเจ๊กเรียกมา ผมมีความเห็นว่าค่อนข้างสูง ยังประสงค์จะวานขอเรื่องบ่าว ขอให้ติดตามมาดูแลหล่อนด้วย”
“บ่าวมีกี่คน?”
“มี ๒ คนครับ”
“ให้พามา”
“มากคนมากความนะขอรับ”
“ฉันแลเห็นว่าไม่ใช่ปัญหา บ้านออกจะกว้างขวางใหญ่โต สั่งให้แม่อิ่มไปจัดห้องหับเสียใหม่ ฉันอาจจะปลูกเรือนเพิ่มก็ได้”
“ฤกษ์... เป็นสักช่วงไหนดีขอรับ?”
“เร็วที่สุด”
ในสีหน้าระรื่นบอกชัดแจ้งว่าอยากได้เมียประเดี๋ยวนี้! แลหากว่าทุกอย่างเป็นไปราบรื่นตามคำขอ แม่แก้วตาคนงามคงจะได้เป็นนายหญิงคนแรกของบ้าน ชายโมโหร้ายจึงกลับมาเป็นนายใจดีเช่นเดิม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ เห็น... กระทั่งเขี้ยวคมตรงมุมปากที่ยื่นยาวผิดมนุษย์ทั่วไป นัยน์ตาสีแดงสดสวยราวลูกแก้วโลหิต
“ขอบใจมาก เอ้านี่อัฐ... ฝากคุณพระช่วยเป็นธุระจัดการให้ฉันทีเถิด”
-------------------------------
“เตี่ย... จะยกลูกให้คุณหลวงจริงหรือ?” ในน้ำเสียงสั่นไหวตัดพ้อบิดา บนโต๊ะรับประทานอาหารไม้สักสลักด้วยอักษรจีน คนในฝั่งตรงกันข้ามจับตะเกียบคีบผักใบเขียวใส่ถ้วยข้าวให้อย่างพะเน้าพะนอเอาใจ
เรือนร่างอรชรในกี่เพ้าสีแดงสดถักทออย่างสวยงามทั่วทั้งตัว ด้ายสีทองเป็นลวดลายนกกระเรียนขาวบริสุทธิ์ที่หล่อนกำลังสวมใส่เคยเป็นชุดของมารดามาก่อน ‘แก้วตา’ ชมชอบเสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ แต่ไม่ใช่ในโอกาสนี้ หล่อนหยิบมันขึ้นมาสวมเพื่อเดินเล่นในบ้าน ใจหมายประชดประชันว่าไม่อยากให้เจ้าบ่าวเห็นเป็นคนแรกแต่เป็นบิดามารดา
“ชายผู้นี้ดีที่สุดในพระนครแล้วลูกเอ๋ย คุณหลวงจันท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นถึงช่างสิบหมู่อยู่กระทรวงทหารเรือ พวกพ้องลูกสมุนก็มีมาก แต่เมียยังไม่มีสักคน ลูกไม่ต้องกังวลใจว่าจะไปเป็นบ้านเล็กบ้านน้อย เป็นเมียคนที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ เขา ลูกจะได้อยู่สุขสบาย”
“ที่ใดจะสบายเท่าบ้าน แลลูกได้ยินผู้คนเขาเล่าว่าคุณหลวงเธอโมโหโทโษ... ร้ายนัก เตี่ยไม่กลัวลูกสาวจะไปเป็นกระสอบทรายผัวรึ” แม่แก้วรับประทานอาหารไม่ลงท้องสักอย่างเดียว ทั้งที่เคยติดรสมือเตี่ยเป็นที่สุด
นี่อาจเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของหล่อนและบิดา ก่อนจะต้องบอกลากันในวันพรุ่งนี้ เมื่อออกเรือนไปแล้วจะได้กลับบ้านคงนานทีปีหน
“เตี่ยจะอยู่คนเดียวได้ยังไง?”
บิดาถอนหายใจ “คนเดียวที่ไหนกระไร ทั้งเจ๊กทั้งบ่าวเต็มโรงเต็มบ้าน อาม้าก็อยู่นี่ ไปจ่ายตลาดประเดี๋ยวเดียวก็มา...”“เจ๊กขี้ขะโมยทั้งนั้น” ไม่พูดเปล่า หล่อนชายตามองลูกสมุนชาวจีนเดินย่องเข้ามาในห้องรับประทานอาหารทางด้านหลัง จิกเสียงว่า “คอยดูเถอะ เวลาใดที่ฉันไม่อยู่ ใครมันกล้าหยิบอัฐเตี่ยไปสักเฟื้องหนึ่ง ฉันจะเสกหนังควายเข้าท้องมัน”“ชะ ๆ! ดูพูดเข้านังนี่ มิน่า ผู้คนเขาถึงได้ลือกันทั้งพระโขนง พลตระเวน คุณพระกรมยาฝิ่น ท่านยุทธนาก็มาเช้าเย็น เดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่น”“ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด ที่พวกท่านมา ก็มาแลดูลูกสาวคนงามให้เห็นกับตาไม่ใช่หรือ?”สาวคนงามท่าทางมั่นใจว่าพวกท่านทั้งหลายไม่ได้มาเพราะเคลือบแคลงใจว่าหล่อนเป็นแม่มดหมอผี เล่นคุณไสยอาคมใด หรือแม้แต่โรงฝิ่นแห่งนี้จะคิดหลีกเลี่ยงภาษีอากร ประพฤติผิดกฎหมายข้อไหน แค่แวะเวียนมากระชับมิตรไมตรีในแบบชายหญิงและเพื่อนฝูงกับบิดาได้ก็ดี... แต่ถ้าไม่ได้ ขอมาเหล่มองเป็นอาหารตาก็ยังดีจีนอี้เห็นเป็นเช่นนี้มานานนับปี มีหนุ่มมาตอมลูกสาวเป็นพัก ๆ ให้พอเป็นขี้ปากชาวบ้าน แลอีกสักพักก็ยอมแพ้ไป จึงอยากให้บุตรสาวมีสามีดี ๆ สักคนในวัยยี่สิบปี เหมาะสมแก่การม
“... เสกหนังควายเข้าท้องรึ... ฟังดูน่ากลัว กระผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่ให้ใครเขาพูดตะพัด[1]ไปในทางเสีย ๆ หาย ๆ หาความชั่วร้ายมาป้ายได้”“ขอบคุณขอรับคุณหลวง กระผมซาบซึ้งใจนัก”“แต่ถ้าลูกทำได้จริงเล่าคะเตี่ย คุณหลวงจะว่ากระไร จะยังรับลูกเปนเมียหรือไม่?”ในที่สุดพิกุลก็ร่วงจากปากคู่งามให้คุณหลวงลอบยิ้มกริ่ม ด้วยความพึงพอใจ คุณหลวงจันหลงใหลแม้กระทั่งเสียงหวาน ๆ ของหล่อนราวจะโดนมนตร์อาคมเข้าให้ ถึงปากว่าเสียงดัง “เอ้า...! ขนเงินขนทองมากองเท่าภูเขา ก็ต้องรับน่ะซีแม่ แต่หลังจากเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วหน้ะ จะพาไปพบหมอฝรั่ง ชะรอยจะมีกระไรในสมองสักอย่างหนึ่งให้เขาตรวจเสียหน่อยว่ามีปัญหาหรือไม่อย่างไร ถึงยังฝักใฝ่งมงายเรื่องพรรค์นี้อยู่”-------------------------------คำเก่าเขียนแบบเก่า = คำปัจจุบัน- สื่อสิ่งพิมพ์ นวนิยายเก่า ฯลฯ ก่อนปีพ.ศ. ๒๕๐๐โทโษ = โทโส , ธุร = ธุระ , ขะโมย = ขโมย , หน้ะ = น่ะ (เสียงสูง) , เปน = เป็น (ตามบริบทการออกเสียง)------------------------------- งามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แขกเหรื่อผู้มาร่วมแสดงความยินดีมีความเห็นตรงกัน ต่างคนเอ่ยอวยพรมอบคำชมเชยว่า ‘สมคู่สม
ผ่านพ้นพิธีรีตองหลังจากที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รดน้ำสังข์ ลากสายสิญจน์มาวางบนศีรษะบ่าวสาวผูกคล้องกันไว้ให้เป็นสิริมงคล คุณหลวงจันแทบนับถอยหลังเวลาเข้าเรือนหอ ด้วยงานวุ่นวายมากมายก็น่าปวดหัวสำหรับเขา ทางฝั่งเจ้าสาวเองก็เป็นครึ่งเจ๊ก ไม่ถือเรื่องขั้นตอนว่าจะต้องถูกต้องครบถ้วนทุกประการ ทว่าจนกระทั่งมาถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาว ทุกคนยังต้องตามใจแม่เฒ่าอย่างคุณนายศรีสมรดิถีเรียงหมอนต้องให้บ่าวสาวนอนเป็นพิธี แม่เฒ่าว่าฝ่ายชายนอนให้นอนฝั่งขวา นำหินบดยา ฟักเขียว แมวตัวผู้สีขาว เงินทองกองบนนั้นให้บ่าวสาวลงไปนอนทับถือเป็นลางดี การจัดเตรียมห้องให้มีเตียงนอน หมอน มุ้ง หมอนข้าง ฯลฯ ละเอียดยิบย่อย“คืนนี้ไม่มีกินเลี้ยงก็ดี พรุ่งนี้แต่เช้ามืด เตี่ยกับม้านิมนตร์คุณพระมาอีกรอบหนึ่ง ลูกทั้งสองใส่บาตรเช้าด้วยกัน บ่าวสาวจับทัพพีร่วมกัน เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้กลับมาเป็นคู่กันอีกนะลูก”“ค่ะม้า... เตี่ย...”“เตี่ยไปแล้วนะ”“ลูกลาจ้ะ” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดา ภายใต้รอยยิ้มแสนเสแสร้ง เบื้องลึกของจิตใจหล่อนเต็มไปด้วยความเศร้าหมองในขณะที่คุณหลวงจันคลางแคลงใจไม่น้อย ด้วยแลเห็นว่าบิดามารดาของฝ่ายหญิงหน้าตามีความส
เสียงแผ่วเบาสั่นเครือร้องขอทั้งหยาดน้ำตา ใบหน้าหล่อเหลาจึงเคลื่อนเข้าไปใกล้เรือนผมนุ่มหอม พรมจูบตรงขมับเนียน ตรงใดที่หยดน้ำรสชาติเค็มปะแล่มเคยไหลผ่าน เขากลืนกินมันทุกหยาดหยดไม่มีเหลือจนแก้วนวลเนียนเกลี้ยงเกลาแก้วตาไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เรื่องหนุ่มสาว แลด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมถึงเพียงนั้น คุณหลวงรูปงามคงไม่ทำให้หล่อนรังเกียจ เป็นตรงกันข้ามเสียอีก จิตใจดื้อรั้นโอนอ่อนตามการรุกราน แม้กระทั่งว่าเรียวปากหนาหยักได้รูปลากไล้จุมพิตไปตามใบหน้า กลับมาเฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจริมฝีปากคู่งาม ที่เผยอออกตามการหลอกล่อของคนชำนาญงานกว่า ราวว่าเขาจะทำให้หล่อนลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปได้ชั่วขณะหนึ่งคุณหลวงจันยังเผลอส่งเสียงคำรามในลำคอ ปากประกบปิดหล่อนอย่างนั้น ด้วยความพึงพอใจในรสจูบไร้เดียงสา สมกับที่รีบร้อนยกขันหมากไปขอเป็นเมีย! เนิ่นนานกว่าที่เขาจะผละริมฝีปากออก มองหล่อนด้วยแววตาเปี่ยมประกายปรารถนา“ฉันจะนอนแล้วค่ะ คุณหลวง...”“ใครอนุญาตให้หล่อนนอน หล่อนเป็นคนปลุกฉัน” เอ่ยอย่างเอาแต่ใจ ก่อนที่เขาจะจับมือเล็กขึ้นกดกุมบนที่นอนข้างหมอนฟูนุ่ม พลันจู่โจมเรียวปากอิ่มงามด้วยจูบหวาน แต่ครานี้กลับสอดแทรกปลายลิ้นเข
เป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายกับงานประเพณีมากมายยังกับบ้านเมืองยังอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ทั้งที่เข้าสู่รัชสมัยรัตนโกสินทรศก ๑๓๑ แล้ว ความศิวิไลซ์แผ่อิทธิพลจนเข้าสู่สังคมเมือง วัฒนธรรมโบราณหลายอย่างค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลาคุณหลวงจันเกิดระอาใจถึงขั้นว่าอยากจำแลงกายเป็นกุมภิลคาบเจ้าสาวคนงามลงถ้ำบาดาลไปเสียให้สิ้นเรื่อง หากไม่เป็นเพราะลืมตาตื่นมาสบตาใสแป๋วในอ้อมแขนเปียกปอนที่หยาดน้ำตาแห้งเหือดไปเพราะการเอาใจจากผัวทำให้อารมณ์ดีขึ้น หล่อนตกใจลุกจากอ้อมกอดของเขาไปแต่งตัวด้วยชุดกี่เพ้าสีแดงสดอย่างเคอะเขิน พอเผลอตัวเผลอใจไปกับการกอดจูบประสาหนุ่มสาว ซึ่งกินเวลาเนิ่นนานนับชั่วโมงจนปากระบมเสียหมดกว่าจะได้นอนเอาแรงเรือนผมยาวสลวยถูกเกล้าไว้กลางศีรษะ ปักด้วยปิ่นปักผมจีน ขับใบหน้าหวานเกลี้ยงเกลาในเครื่องสำอางอ่อน ผิวขาวละเอียดบริเวณต้นคอเพรียวระหง ดวงตาเรียวรีทว่าสว่างใสราวลูกแก้วไม่ใช่สาวตาเล็กตี่อย่างอาหมวยทั่วไปดูอย่างไรก็งามอล่องฉ่อง[1] ไม่ว่าหล่อนจะทำกระไร คุณหลวงจันยังเอาแต่ลอบมอง ลุกไปอาบน้ำทีหลังค่อยหยิบเสื้อคอจีนสีเดียวกันมาสวมแล้วลงไปต้อนรับแขก ทั้งเพื่อนบ่าวสาวและญาติพี่น้องผู้มาร่วมงานบุ
บ้านหลังใหญ่บนพื้นที่กว้างขวางได้รับการออกแบบอย่างสวยงามลงตัว ด้วยฝีมือนายช่างสิบหมู่บิดาของคุณหลวงจัน หนึ่งหลังด้านหน้าเป็นตึกสองชั้นสร้างด้วยไม้สักทอง ประดับด้วยไม้ฉลุลายงานประณีต ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกตามสมัยนิยมเน้นสีขาวอย่างที่เรียกว่าโคโลเนียลสไตล์ ห้องนอนของคุณหลวงและคุณพระแบ่งแยกกันเป็นสัดส่วน ถัดจากสวนหย่อมไปยังมีเรือนไทยปลูกใหม่ไม่นานมานี้ รายล้อมด้วยสระดอกบัวบานสะพรั่ง มีบ้านพักของบ่าวและห้องครัวอยู่ด้านหลังแม่อิ่ม แม่นวล ยายฉวี มีหน้าที่ดูแลความสะอาดบ้าน นายมิ่งดูแลสวนและคอยช่วยงานแม่บ้านอีกแรง ยังมีสารถีประจำบ้านคอยขับรถให้คุณหลวงคุณพระ ตอนนี้ก็มาช่วยดูแลคุณผู้หญิงของบ้านอีกคนหนึ่ง“บ่าวหล่อนจะมาวันพรุ่งนี้ใช่ไหม?”“ค่ะคุณหลวง นังอ่วมน่าจะมาคนเดียว ที่เหลือคงอยู่ช่วยงานเตี่ยค่ะ”แก้วตายังคงสำรวมกิริยาตลอดเวลาอยู่กับสามี ขณะมือหนาคอยจับจูงมือเรียวพาคนตัวเล็กกว่าให้ก้าวขาลงจากรถอย่างระวัง ในเสื้อลายลูกไม้คอผ่ามีเครื่องประดับเป็นสร้อยมุก ผ้าซิ่นสีแดงยาวประหน้าแข้งเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ จากอีกหลายตัวซึ่งบ่าวช่วยหยิบยกลงมาจากรถยนต์โดยปกติแล้วแก้วตามักใส่เสื้อแพรจีนสวมใส่สบาย แต
“คุณหลวง... เข้ามาได้ยังไงคะ?”“ก็พังประตูเข้ามาน่ะซีแม่ ฉันจะอาบน้ำบ้าง หล่อนไม่ให้ฉันอาบ เห็นทีว่าอยากลงไปแช่โอ่งมังกรหลังบ้านฉันกระมัง แต่ว่าคงจะต้องต่อสู้กับบ่าวนะแม่ โอ่งหลังบ้านนั้นน่ะ ผัวเมียต้องแก่งแย่งกัน” เขาช่างพิรี้พิไรจีบเมีย ทั้งที่อยากจะอาบน้ำด้วยมากกว่า ดวงตาคู่สวยจึงเบิกกว้างมองตั้งแต่แผงอกกว้างกำยำไล่ลงมาถึงไรกล้ามเรียงตัวสวยบริเวณหน้าท้อง ความร้อนแรงของเขาคงจะทำให้หล่อนร้อนตามไปด้วย ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางพอรู้ตัวว่าทำกิริยาไม่งาม“ทำไมถึงไม่ซื้อโอ่งเพิ่มเล่าคะ?”“หากฉันซื้ออ่างเพิ่ม ให้ผัวเข้าไปในอ่างหนึ่งใบ อีกคนก็เข้าไปในอ่างหนึ่งใบ มันจะไม่โรแมนติกน่ะซี ต้องเข้าไปอาบร่วมกันในอ่างเดียวกัน”“ทำไมจะต้องอาบอ่างเดียวกัน”หล่อนถามหน้าบึ้งตึงเพราะได้ยินอยู่ว่าพูดเรื่องโอ่ง คุณหลวงจันก็วกกลับมาเรื่องอ่าง ให้มันได้อย่างนี้สิ“เป็นผัวเมียกัน อาบน้ำอ่างเดียวกัน มันออกจะกระชุ่มกระชวยแม่แก้ว”“เป็นผัวเมียกัน อาบโอ่งหรือว่าอาบอ่าง คนละอ่างก็เหมือนกันค่ะคุณหลวง”“ไม่จริงหล่อน...”กว่าผู้ชายตัวโตจะสะบัดผ้าขนหนูทิ้งลงพื้นแล้วก้าวขาลงอ่าง แก้วตาหน้าตื่นตะลึงมองกลางกายชายที่มีแพรไ
“ฉัน... จะไปที่ตรงไหนได้ ชีวิตฉันจะเป็นยังไง ให้แล้วแต่ท่านเถอะ”“ก็ดีแล้ว หากหล่อนรับปาก จะต้องอยู่กับฉันไปจนกว่าใครคนหนึ่งจะตาย”ไม่ใช่คำขู่... แต่เขาจะทำมันโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรม นัยน์ตาคู่สีดำขลับเปล่งประกายสีแดง จ้องมองใบหน้าสดสวยนิ่งงัน สนใจเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากยังเลื่อนมือมาจับมันด้วยแววตาใคร่รู้ แต่ถูกคว้าหมับเข้าข้อมือ กำมันเอาไว้แน่น“ฉันกำลังหิวเทียว แม่สาวช่างซุกซน” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงอีกครั้ง ประกบปิดริมฝีปากอิ่มงามสีแดงชมพู มืออุ่นร้อนปัดป่ายบนกายสาวที่ไม่เคยยินยอมให้ชายใดแตะต้อง เว้นเสียแต่ในฐานะสามี คุณหลวงหนุ่มจึงเอาแต่ใจอยากจับตรงไหนก็จับ มือลูบไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบของแม่สาวเอวอ้อนแอ้น ใจนึกอยากเลี้ยงดูหล่อนให้ดีกว่าพ่อแม่เสียอีก จะได้มีน้ำมีนวลกว่านี้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเขาใช้เวทมนตร์อาคมอันใด แค่กอดจูบลูบคลำก็ทำให้หล่อนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ลิ้นหนากระหวัดเลียลิ้นเล็ก ๆ ไม่ประสีประสาออกไปพร่ำสอนให้อย่างใจดี นำพาเสียงน่าอายจากการกระทบกระทั่งกันของน้ำลายและริมฝีปาก ยามใบหน้าหล่อเหลาก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าลำคอ แตะปลายลิ้นลงบนสะดือสวย เลียชิมไปทั่วกระทั่งถึงยอดออกสีชม
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ
ตลอดช่วงบ่ายนี้ คุณหลวงจันยังคงนั่งหารือเรื่องการตายอย่างมีเงื่อนงำของท่านขุนชมกับคุณพระประสิทธิ์ในห้องรับแขก จนได้ข้อสรุปว่าเมียรักของเขาไม่น่ารู้เรื่อง แต่การนำขวดยาจากอ้ายหมอมิ่งส่งต่อให้ทางขุนประไพ ซึ่งอยู่กับท่านขุนชมเป็นคนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต อาจทำให้หล่อนมีความผิดไปด้วย‘คุณพระ ช่วยเป็นธุระให้ทีเถิด ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องเงียบ มีหลักฐานอะไรที่จะสาวมาถึงเมียฉัน ไปจัดการทำลายเสียให้หมด’“มิฉะนั้น... ฉันจะกลืนพวกมันลงท้อง ค่อยพาเมียกลับลงถ้ำบาดาล”“ขอรับกระผม จะรีบไปจัดการ”คุณพระประสิทธิ์รับปากเป็นมั่นเหมาะ ก่อนลุกขึ้นเดินไป โดยมีแววตาคู่คมของคนข้างหลังคอยมองตาม นัยน์ตาเปล่งประกายสีแดงอร่ามเต็มไปด้วยโทสะ ราวเปลวไฟมหึมาปรากฏในนั้น มือกำไม้ตะพดแน่นด้วยจิตใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุขบนโซฟาไม้สักหุ้มเบาะหนังสีขาว แต่พอรู้ว่าเมียลุกจากตั่งนอน มองซ้ายขวาไม่พบใครจึงมาหาในห้องรับแขก เขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้เมียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตื่นแล้วหรือแม่แก้ว แหม... ประเดี๋ยวนี้กินเก่งนอนเก่งจริงนะหล่อน” “ฉันนอนหลับสบายเหลือเกินค่ะคุณหลวง นอนเสียลืมตื่น” แก้วตาตื่นจากการนอนกลางว
บ้านเมืองไม่สงบสุขสักเท่าไร ในยุคที่มีการพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขุนหลวงท่านทรงประกาศให้เลิกใช้รัตนโกสินทรศกเปลี่ยนเป็นพุทธศักราชแทนคุณหลวงจันไม่ค่อยจะเข้าใจมนุษย์นัก ทั้งการเรียกพระมหากษัตริย์ในสมัยก่อนที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ก็ยังไม่เหมือนตอนนี้เลย แต่ก่อนนั้นเรียกขุนหลวง ตอนนี้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีการเปลี่ยนคำเรียกอะไรต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเขาต้องศึกษา ปรึกษาหารือพูดคุยกับคุณพระประสิทธิ์รัตนโกสินทรศกก็เปลี่ยนเป็นพุทธศักราช โดยถือวันขึ้นปีใหม่ในปีหน้านี้เปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชในทุกแห่งหน ในปีหน้าคือ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๖จัดการธุระเสร็จในช่วงเช้า เขาจึงกลับไปหาเมียที่เรือนไทย หล่อนพริ้มตาหลับอย่างสบายใจบนตั่งนอน ในชุดสวย เสื้อลายลูกไม้เข้ากับกระโปรงฝรั่งสีสีโอลด์โรสที่หล่อนชอบใส่ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ แต่คงไม่ค่อยสบายนักคอพับคอหล่นอยู่ตรงหมอนอิงสายลมพัดผ่านสระบัวบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ได้กลิ่นหอมอ่อนจากดอกกล้วยไม้รอบเรือนนี้ จากที่ยืนเอามือไพล่หลังดูคนนอนหลับให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ร่างสูงในเชิ้ตฝรั่งนุ่งโจงกระเบนสีดำปักดิ้นทองหย่อนก้นนั่งลงบนตั่งไม้ส
“เลิกจริงหรือคะ?”“จริงแน่ ที่ฉันว่าคือขอให้เลิกพูด ไม่ใช่เลิกราในความสัมพันธ์ เพราะถ้าหล่อนเลิกกับฉันเมื่อใด ฉันจะฆ่าคนตายเป็นเบือเทียว”“อ้ายเข้มิกลัวลูกกระสุนหรือคะ?”“ไม่ใช่กระสุนอาคมก็ทำกระไรฉันไม่ได้ แม่แก้ว... ฉันไม่ใช่อ้ายเข้ตัวเก่าก่อนที่ถูกแทงด้วยหอกอาคมแล้วจะสิ้นชีพ แดดิ้นลงไปตรงนั้น ฉันอยู่มาห้าร้อยกว่าปี เวลานี้ฉันกลายเป็นอ้ายเข้คุณหลวง ขี้หวงเมียมากทีเดียว”ไม่ขาดคำดี เขาก็ทำให้หล่อนยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างรถฟอร์ดเปิดประทุนอย่างไม่อายผู้คน ก่อนถูกหยุดไว้ด้วยสายตาคู่หนึ่งจากที่ไกล ๆ แก้วตาไม่รู้ว่ามีคนมองหล่อน กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปพร้อมนัยน์ตาสีแดงก่ำ ปรากฏอารมณ์เกรี้ยวกราด“มีอะไรคะ?”“เสียงผู้หญิงสองคนกำลัง... ด่าว่าหล่อนอย่างน่าขยะแขยงทีเดียว ใครกันนะ? ช่างอวดดีเสียจริง รอสักประเดี๋ยวเถิด”คุณหลวงจันเองก็อยากจะรู้นักว่าใครกล้าด่าเมียเขาถึงด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายถึงเพียงนั้น อีลูกเจ๊ก อีหื่น อีร่านให้ท่าผู้ชายไปทั่ว ยังอุตส่าห์อวยพรขอให้เป็นอีเมียน้อยตัวหนึ่งด้วยอีก แม้หล่อนจะไม่ได้ยินแต่คนเป็นผัว หากไม่โกรธแทนเมียสิแปลกหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาถึงในอีกไม่นาน หล