บ้านหลังใหญ่บนพื้นที่กว้างขวางได้รับการออกแบบอย่างสวยงามลงตัว ด้วยฝีมือนายช่างสิบหมู่บิดาของคุณหลวงจัน หนึ่งหลังด้านหน้าเป็นตึกสองชั้นสร้างด้วยไม้สักทอง ประดับด้วยไม้ฉลุลายงานประณีต ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกตามสมัยนิยมเน้นสีขาวอย่างที่เรียกว่าโคโลเนียลสไตล์ ห้องนอนของคุณหลวงและคุณพระแบ่งแยกกันเป็นสัดส่วน ถัดจากสวนหย่อมไปยังมีเรือนไทยปลูกใหม่ไม่นานมานี้ รายล้อมด้วยสระดอกบัวบานสะพรั่ง มีบ้านพักของบ่าวและห้องครัวอยู่ด้านหลัง
แม่อิ่ม แม่นวล ยายฉวี มีหน้าที่ดูแลความสะอาดบ้าน นายมิ่งดูแลสวนและคอยช่วยงานแม่บ้านอีกแรง ยังมีสารถีประจำบ้านคอยขับรถให้คุณหลวงคุณพระ ตอนนี้ก็มาช่วยดูแลคุณผู้หญิงของบ้านอีกคนหนึ่ง
“บ่าวหล่อนจะมาวันพรุ่งนี้ใช่ไหม?”
“ค่ะคุณหลวง นังอ่วมน่าจะมาคนเดียว ที่เหลือคงอยู่ช่วยงานเตี่ยค่ะ”
แก้วตายังคงสำรวมกิริยาตลอดเวลาอยู่กับสามี ขณะมือหนาคอยจับจูงมือเรียวพาคนตัวเล็กกว่าให้ก้าวขาลงจากรถอย่างระวัง ในเสื้อลายลูกไม้คอผ่ามีเครื่องประดับเป็นสร้อยมุก ผ้าซิ่นสีแดงยาวประหน้าแข้งเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ จากอีกหลายตัวซึ่งบ่าวช่วยหยิบยกลงมาจากรถยนต์
โดยปกติแล้วแก้วตามักใส่เสื้อแพรจีนสวมใส่สบาย แต่งตัวอย่างคนจีนอยู่บ้านคุมงานโรงฝิ่น ทว่าหลังแต่งงานมาราวเปลี่ยนชีวิตเป็นคนใหม่ แทบจะกลายเป็นคุณนาย
“ขาดเหลืออะไรให้บอกแม่อิ่มแม่นวล หรือโทรบอกฉัน เบอร์โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานที่ออฟฟิซน่ะโทรมาได้ไม่ต้องเกรงใจผัว บ่าวหล่อนคงเดินทางลำบากเสียหน่อย บ้านฉันอยู่ในสวนในป่าลึกขนาดนี้”
“ของที่ได้มาใหม่นี้ตั้งมากมายถมถืด ฉันอยู่บ้านไม่ค่อยจะได้ทำอะไร จำเป็นต้องเกรงใจท่านอยู่ค่ะ”
“ขอให้เลิกเรียกท่านเสียทีเถอะ ฟังไม่เข้าหู หล่อนเรียกคุณพี่ พี่จันออกจะไพเราะ ฉันฟังเสียงเมียเรียกพี่จ๋า... คงรู้สึกกระชุ่มกระชวย”
ใบหน้านวลกลายเป็นสีซับเลือด ยามสบนัยน์ตาคู่คมปลาบประกาย น่าแปลกที่บางครั้งหล่อนมักแลเห็นว่ามันกลายเป็นสีแดงสดสวยหรือแค่สะท้อนแสงไฟแล้วหล่อนคงคิดไปเอง
“ว่ายังไงล่ะ?”
แก้วตาก้มหน้าลงมองมือที่ถูกจับกุมอย่างหวงแหนด้วยความรู้สึกประหลาด หน้าประตูไม้สีขาวสวยของบ้านหลังงามมีลมเย็นสบายพัดผ่าน สามีตั้งใจรอให้หล่อนเรียก สุดท้ายก็ต้องยอมเรียก
“พี่... จัน ขอบคุณนะคะ สำหรับเสื้อผ้า... เครื่องสำอาง ที่ดูแลน้องเป็นอย่างดี”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเพ่งมองหล่อนทำเอียงอาย คุณหลวงจันเกือบทนไม่ไหว จะคว้าแม่สาวเอวบางอ้อนแอ้นเข้ามากอดให้ชื่นใจ แต่เขาเพียงเอามือไพล่หลังเดินไป
ผ่านสวนหย่อมที่มีดอกไม้หลากสีบรรยากาศเงียบสงบ แก้วตาส่ายคอมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาชื่นชมห้องหับเรือนหอ ขนาดว่าเจ้าของบ้านใจร้อนเสียจนมีเวลาเตรียมการไม่กี่วัน แต่เสื้อผ้าใหม่ยกตู้ ข้าวของเครื่องใช้เครื่องสำอางเครื่องประทินผิวหล่อนได้ของใหม่มาทั้งหมด ชอบที่สุดเห็นจะเป็นดอกไม้ที่ติดอยู่รอบเตียงรอบโต๊ะ
“หล่อนมีเพื่อนชายหรือไม่ล่ะ?” จู่ ๆ เขาก็ถาม หญิงสาวมองขวับตามใบหน้าเข้มเครียด ด้วยสีหน้าสงสัยว่าเขาจะถามมันทำไม
“ก็... มีบ้างค่ะ”
“หล่อนจะใช้โทรศัพท์ในห้องรับแขกโทรหาเพื่อน ฉันไม่ว่าอะไร แต่ฉันไม่ชอบให้หล่อนมีเพื่อนผู้ชาย ฉันควรจะต้องรู้จัก เพราะหากว่าฉันมีเพื่อนหญิง ฉันจะแนะนำให้หล่อนรู้จักด้วย เท่า ๆ กัน”
“ขอบคุณค่ะคุณหลวง เอ่อ... พี่จันค่ะ”
“ฝึกไว้ ประเดี๋ยวก็ชิน”
“แล้ว... กลัวหรือไม่คะ? อยู่กันลำพังนายบ่าว”
“มีบ่าวชายอยู่ตั้งหลายคน ฉันกับคุณพระอีก ไม่มีเหตุให้ต้องกลัว ฉันว่าบ้านฉันนี่ดูน่าปลอดภัยกว่าโรงฝิ่นบ้านหล่อนเสียอีก มองไปทางไหนก็มีแต่เจ๊กบ่าวขี้ยา หล่อนไม่กลัวรึยังไง?”
ตาขวางปากบ่นไม่หยุด ดูก็รู้ว่าหวงหล่อนอีกแล้วนั่น! ‘ผู้ชายอะไรหวงเก่งไม่มีใครเกิน บ้านหล่อนก็อยู่มาตั้งยี่สิบปี’ คิดพลางหลุบยิ้มว่า
“มีแต่คนกลัวดิฉันค่ะ ผู้คนเขาพูดปากต่อปากว่าฉันเป็นแม่มดหมอผี ฉันชอบขู่พวกบ่าวมันด้วย”
“ไม่จริงหล่อน ฉันว่าไม่ได้กลัวเท่าใดดอกกระมัง มิเช่นนั้นเตี่ยหล่อนคงไม่ผลักไสไล่ส่งลูกสาวเสียให้พ้นอก ให้มาอยู่กับคุณหลวงอย่างฉัน” พูดพลันหยุดก้าวลงหน้าห้องนอน มือเลื่อนไปเปิดประตูไม้สัก ทว่าแววตาคมปลาบประกาศอารมณ์ไม่พอใจเมื่อมองคนตัวเล็ก “เอาเถิด คิดถึงบ้านเมื่อไร ก็กลับไปโรงฝิ่นไปหาพ่อหาแม่ได้ แต่ว่าจะต้องพาผัวหล่อนไปด้วยทุกคราวนะแม่แก้ว”
-------------------------------
หลังรับประทานอาหารกันสองคนผัวเมีย จ้องหน้ากันไปมาจนอิ่ม แก้วตามักใช้เวลาอาบน้ำนานเป็นชั่วโมง เพราะบ้านหลังเก่าของหล่อนคงไม่มีอ่างอาบน้ำทองแดง ก๊อกน้ำสไตล์ตะวันตก แต่เป็นบ้านคนจีนดั้งเดิม ของอะไรเดิม ๆ ในบ้านเจ๊กอี้ไม่เคยคิดเปลี่ยน เสียก็ซ่อมแล้วใช้ ดำรงชีวิตอย่างคนจีนที่ตื่นมาทำมาหากินด้วยความขยันอดทน ไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อติดหรูหราอย่างชนชั้นนำทั้งหลาย
พูดถึงยศศักดิ์บรรดาท่าน คุณพระดูเกรงใจคุณหลวงจันพอ ๆ กับบ่าวในบ้าน ซ้ำยังให้ความเคารพนอบน้อมยังกับตัวท่านเป็นบ่าวเสียเองทั้งที่มียศสูงกว่า หล่อนได้ยินว่าเพิ่งรับยศเมื่อไม่นานมานี้เพราะเข้าไปถวายตัวรับใช้ในวัง ได้เป็นถึงนายสมุห์บาญชีของกระทรวง ๆ หนึ่ง นั่นทำให้หล่อนรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่กล้าถาม จึงใช้วิธีสังเกตการณ์เอาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
หลายต่อหลายครั้งก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันทำหน้ายุ่ง เอ๊ะ! ทำไมบ้านหลังนี้ดูจะมีความลับพิกล หล่อนไม่เข้าใจเลยเสียสักอย่างเดียว
ปัง! เสียงกระแทกประตูดังพาให้แก้วตาเลิกฟุ้งซ่าน ใบหน้างามมองขวับไปทางร่างสูงในผ้าขนหนูพาดเอวสอบ ยืนนิ่งอวดเรือนกายกำยำอย่างคนหนุ่มที่ทำงานกล้างแจ้งเสียเป็นส่วนใหญ่
“ขัดสีฉวีวรรณนานเหลือเกิน ออกจากห้องอาบน้ำมากี่หน ฉันแลเห็นว่าหล่อนยังงามเท่าเดิม” ในรอยยิ้มชื่นชม กระทั่งแววตาคมที่ไล่มองผิวขาวละเอียดบริเวณเนินอกนุ่ม เหนือผืนน้ำนั้นเต็มไปด้วยฟอง หญิงสาวทำตาใสแป๋ว
“คุณหลวง... เข้ามาได้ยังไงคะ?”“ก็พังประตูเข้ามาน่ะซีแม่ ฉันจะอาบน้ำบ้าง หล่อนไม่ให้ฉันอาบ เห็นทีว่าอยากลงไปแช่โอ่งมังกรหลังบ้านฉันกระมัง แต่ว่าคงจะต้องต่อสู้กับบ่าวนะแม่ โอ่งหลังบ้านนั้นน่ะ ผัวเมียต้องแก่งแย่งกัน” เขาช่างพิรี้พิไรจีบเมีย ทั้งที่อยากจะอาบน้ำด้วยมากกว่า ดวงตาคู่สวยจึงเบิกกว้างมองตั้งแต่แผงอกกว้างกำยำไล่ลงมาถึงไรกล้ามเรียงตัวสวยบริเวณหน้าท้อง ความร้อนแรงของเขาคงจะทำให้หล่อนร้อนตามไปด้วย ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางพอรู้ตัวว่าทำกิริยาไม่งาม“ทำไมถึงไม่ซื้อโอ่งเพิ่มเล่าคะ?”“หากฉันซื้ออ่างเพิ่ม ให้ผัวเข้าไปในอ่างหนึ่งใบ อีกคนก็เข้าไปในอ่างหนึ่งใบ มันจะไม่โรแมนติกน่ะซี ต้องเข้าไปอาบร่วมกันในอ่างเดียวกัน”“ทำไมจะต้องอาบอ่างเดียวกัน”หล่อนถามหน้าบึ้งตึงเพราะได้ยินอยู่ว่าพูดเรื่องโอ่ง คุณหลวงจันก็วกกลับมาเรื่องอ่าง ให้มันได้อย่างนี้สิ“เป็นผัวเมียกัน อาบน้ำอ่างเดียวกัน มันออกจะกระชุ่มกระชวยแม่แก้ว”“เป็นผัวเมียกัน อาบโอ่งหรือว่าอาบอ่าง คนละอ่างก็เหมือนกันค่ะคุณหลวง”“ไม่จริงหล่อน...”กว่าผู้ชายตัวโตจะสะบัดผ้าขนหนูทิ้งลงพื้นแล้วก้าวขาลงอ่าง แก้วตาหน้าตื่นตะลึงมองกลางกายชายที่มีแพรไ
“ฉัน... จะไปที่ตรงไหนได้ ชีวิตฉันจะเป็นยังไง ให้แล้วแต่ท่านเถอะ”“ก็ดีแล้ว หากหล่อนรับปาก จะต้องอยู่กับฉันไปจนกว่าใครคนหนึ่งจะตาย”ไม่ใช่คำขู่... แต่เขาจะทำมันโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรม นัยน์ตาคู่สีดำขลับเปล่งประกายสีแดง จ้องมองใบหน้าสดสวยนิ่งงัน สนใจเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากยังเลื่อนมือมาจับมันด้วยแววตาใคร่รู้ แต่ถูกคว้าหมับเข้าข้อมือ กำมันเอาไว้แน่น“ฉันกำลังหิวเทียว แม่สาวช่างซุกซน” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงอีกครั้ง ประกบปิดริมฝีปากอิ่มงามสีแดงชมพู มืออุ่นร้อนปัดป่ายบนกายสาวที่ไม่เคยยินยอมให้ชายใดแตะต้อง เว้นเสียแต่ในฐานะสามี คุณหลวงหนุ่มจึงเอาแต่ใจอยากจับตรงไหนก็จับ มือลูบไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบของแม่สาวเอวอ้อนแอ้น ใจนึกอยากเลี้ยงดูหล่อนให้ดีกว่าพ่อแม่เสียอีก จะได้มีน้ำมีนวลกว่านี้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเขาใช้เวทมนตร์อาคมอันใด แค่กอดจูบลูบคลำก็ทำให้หล่อนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ลิ้นหนากระหวัดเลียลิ้นเล็ก ๆ ไม่ประสีประสาออกไปพร่ำสอนให้อย่างใจดี นำพาเสียงน่าอายจากการกระทบกระทั่งกันของน้ำลายและริมฝีปาก ยามใบหน้าหล่อเหลาก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าลำคอ แตะปลายลิ้นลงบนสะดือสวย เลียชิมไปทั่วกระทั่งถึงยอดออกสีชม
“ฉัน... รู้สึกว่ามัน... ประหลาดชอบกลค่ะ... สบายตัวหลังจากนั้น เหมือนได้นั่งอยู่บนก้อนเมฆ”“ร้ายเดียงสาจริงหรือว่าหล่อนแกล้งทำ แม่แก้วตาของพี่ หล่อนรู้ตัวไหมว่าน่ารัก” เขาหยัดยิ้ม ลูบไล้เส้นผมด้วยปลายนิ้วที่สอดวนเข้าไป หมุนเล่นทีละปอยด้วยท่าทีเป็นเจ้าของ “ฉันดีใจที่หล่อนไม่รังเกียจฉัน หล่อนไม่ทำเอะอะโวยวาย หนีหัวซุกหัวซุนไปฟ้องบ่าวในบ้าน” “คุณหลวงใจร้อนด่วนได้ ฉันแค่ไม่มีปัญญาจะห้ามท่านค่ะ” “เอาซี ฉันจะให้โอกาสหล่อนไปเรียกโปลิศมาจับฉันปะไร” “เมียที่ไหนจะให้โปลิศมาจับผัว” เสียงหัวเราะดัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา “ฉันจะลงไปหาข้าวหาปลาให้หล่อนนะแม่ สองสามวันนี้คงจะปวดเมื่อยเนื้อตัวหนักเอาการ หล่อนอยากกินอะไรข้างนอกไหม?”“อยาก... กินอะไรเย็น ๆ ค่ะ ร้อนเหลือเกิน”“ร้อนหรือ?” เลิกคิ้วขึ้น ก้มหน้ามองดวงตากลมโตใสซื่อของคนที่บอกว่าร้อน! แต่ยังคงซุกซบเข้าหาไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา เรือนร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทกันใต้ผ้าแพรสีแดงสดคุณหลวงจันปรารถนาต้องการหล่อนสักเท่าไร คงไม่กล้าเอาเปรียบเมียที่กำลังเจ็บระบม“ฉันจะไปโรงน้ำแข็งกับบ
ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ แก้มนวลเปียกปอนน้ำตานองเต็มหน้า เพราะถูกเหยียดหยามทำร้ายน้ำใจแต่ว่าหล่อนเพียงไม่พูดบอก ทำเอาผู้ชายตัวโตเข่าแทบทรุด จากที่ตั้งใจมาดุหล่อนเสียเต็มประดา เขาเพียงนั่งลงบนเตียง ดึงต้นแขนเรียวพอคนตัวเล็กเข้ามากอด“ขวัญเอ๋ยขวัญมา... แม่แก้วตาดวงใจ... เขาเลิกทาสกันไปตั้งเป็นสิบ ๆ ปีแล้วหนา มาเจ้าค่ะอะไรกัน ฉันเป็นผัวหล่อนนะแม่...”แก้วตาลอบมองกรามแกร่งอย่างงุนงง จู่ ๆ คุณหลวงจันผิดเป็นคนละคน ลูบแก้มลูบหัวกอดปลอบหล่อนอยู่พักใหญ่จนหยาดน้ำตาเกลี้ยงเกลาบนใบหน้างาม ขนาดคุณพระส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ขอตัวลาออกจากห้องไปเขาก็ไม่สนใจ“ฉันทำหล่อนร้องไห้มาสองวันสามวัน คืนคำพูดว่าจะดูแลลูกสาวหลวงท่าน แต่ฉันเองก็เจ็บปวดใจเหลือเกิน ฉันจะไม่ทำร้ายจิตใจหล่อนอีกแล้ว หล่อนจะตบตีฉันก็ได้...”“ฉันทราบแล้วค่ะคุณหลวงท่าน แต่ฉันเป็นหญิง ตบตีผัวไม่ได้เจ้าค่ะ”“ไม่เอา ๆ หล่อนเป็นอย่างนี้อีกแล้ว หล่อนไม่หายโกรธฉัน ฉันต้องทำยังไงนะแม่แก้ว...” มือลูบศีรษะน้อยในอ้อมอกของคนที่ไม่กล้าขยับ กลัวจะถูกเจ้าของบ้านว่าเข้าอีก หล่อนอึดอัดนั่งฟังคุณหลวงหนุ่มพูดคนเดียวได้ตั้งสิบกว่านาที ยังไม่มีวี่แววจะหยุดบ่น“
การมีสามีดีเลิศประเสริฐ ร่ำรวยฐานะอำนาจเงินทอง แถมรักเดียวใจเดียว เป็นบุญท่วมหัวของหล่อนอย่างบิดาว่า จะมีก็แค่เรื่องที่คุณหลวงท่านเป็นจระเข้ตัวใหญ่มหึมา! แก้วตาได้เห็นเข้าในคืนหนึ่งตอนเขาแอบลุกจากเตียงไปเล่นน้ำหลังคลอง สักประมาณสองยามได้ นัยน์ตาสีแดงสวยราวลูกแก้วที่โผล่พ้นน้ำ หางของมันพาดผ่านกลางคลองยาวไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง จระเข้ตัวใหญ่ขนาดนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะต้องถูกจับไปอย่างแน่นอน แม้อาจจับไม่ได้ง่ายนัก ดีไม่ดี อาจกลายเป็นอาหารจระเข้เสียแทนแทนที่หล่อนจะกลัว กลับนั่งเฝ้าผัวในความมืดหลังพุ่มไม้ใหญ่ แอบดูเจ้าจระเข้ใหญ่ว่ายน้ำเล่นอย่างนึกเป็นห่วง กระทั่งรุ่งเช้ามาสามีออกไปทำงานแล้ว ลองไปถามคุณพระดูจึงทราบว่าส่วนใหญ่ก็จะรู้กันแต่ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายความลับหน้าโต๊ะเครื่องแป้งไม้สัก กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพใบหน้าสดสวยใต้เครื่องสำอาง ขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันยุ่ง หล่อนสวมเสื้อแขนพองสีขาวกระโปรงลูกไม้ยาวทรงฝรั่ง ส่วนบ่าวผมสั้นอย่างสาวสมัยเก่ายังนุ่งซิ่น นั่งลงกับพื้น“คุณแก้วจะทำยังไงต่อไปหรือคะ?”“เอาจดหมายนี่ไปส่งให้อ้ายมิ่งมัน บอกมันด้วยว่าฉันแต่งงานแล้ว คุณหลวงเธอไม่ชอบให้ทำงานปร
“คุณหลวงปากหวาน เชื่อถือไม่ได้ค่ะ”“ทำยังไงหล่อนจึงจะเชื่อฉันเล่าแม่ ให้ฉันบอกรักหล่อนทุกวัน เล่นสนุกซุกซนประสาหนุ่มสาวเช้ากลางวันเย็นเลยดีไหม? พักเที่ยงฉันจะขับรถกลับมาจัดการหล่อน ค่อยกลับไปทำงาน”“ฟังดูแล้วค่อนข้างจะหมกมุ่นนะคะ”“ฉันหมกมุ่นอยู่แต่กับการรักเมียยังไง” พลันปลายจมูกโด่งเป็นสันคมซุกลงตรงซอกคอขาวเนียนจนคนตัวเล็กสะดุ้ง พอมืออุ่นร้อนล้วงไปล้วงมา หล่อนคงลืมตัวว่าถุงใบเล็กที่คาดตรงเอวหายไปเพราะอ้อมกอดเร่าร้อน ไม่รู้เลยว่าโดนค้นตัวเข้าแล้ว! มือไวกว่าโปลิศเห็นจะเป็นคุณหลวงจัน เขาเปิดขวดเล็กจิ๋วในมือออกดม“นี่ไงล่ะ นี่อะไร? น้ำหอมฝรั่งชนิดใด ไม่มีกลิ่นเลยรึ”นัยน์ตาคู่คมปรากฏสีแดงฉานหลังจากนั้น เปลวไฟลูกเล็ก ๆ ก็เผาขวดแก้วบนฝ่ามือจนมอดไหม้ ต่อหน้าหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้าง กว่าจะได้สติกลับมา“ว๊ายย! คุณหลวงทำไมอย่างนี้เล่าคะ กว่าจะปลุกเสกได้แต่ละขวด เสียดายของนะคะ”-------------------------------แก้วตาไม่ได้ตั้งใจจะไปขายน้ำมันพรายของหมอมิ่งให้ใครอยู่แล้ว มันเป็นขวดสุดท้ายที่เหลือ เผอิญว่าเก็บอยู่ในกระเป๋ากระโปรงผ้าซิ่นพอดี...ตลอดเดือนมานี้หล่อนอยู่ในโอวาทสามีเพราะเขาเมตตาเอ็นดูหล
“คุณหลวงท่านคงไม่หวงเมียกับพ่อเลี้ยงใช่ไหมเล่าคะ? เจ๊กอี้เปรียบเสมือนบิดาของฉัน”“ฉันเองก็เป็นผู้ใหญ่ แก่กว่าพ่อแม่หล่อนเสียอีก และฉันว่าหล่อนดูละม้ายคล้ายเตี่ย ตา จมูก ดูยังไงก็เจ๊กอี้ในร่างหญิง คงไม่แปลกหากว่าเตี่ยรักใคร่หล่อนเหมือนลูกในไส้”“คุณหลวงว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่ท่านน่ะนอนหันก้นให้เมีย รุ่งเช้าไปทำงานไม่ลาเมียสักคำ ฉันเผลอนึกไปว่าท่านหมดรักในตัวฉันเสียแล้วทั้งที่เพิ่งจะตบแต่งกันมาแค่เดือนกว่า ๆ” ปลายเสียงเงียบไป หล่อนสะบัดหน้าหนีใส่สามีเสียบ้าง “ฉันจะร้องไห้ให้คุณหลวงปลอบอย่างคืนแรกมานอนที่นี่ดีไหมนะ น่าจะดี”“ฉันไม่ชอบให้หล่อนเสียน้ำตา บางวันฉันอารมณ์ไม่ดีเพราะอากาศมันร้อนนะแม่ แหละฉันก็เป็นอย่างนี้”“เช่นนั้นฉันควรช่วยคุณหลวงยังไง หากฉันกอดท่าน เกรงว่าท่านจะยิ่งร้อน เราสองคนอาจต้องเหนียวตัวไปทั้งวัน”“ฉันมีที่ ๆ ไม่ร้อนอยู่นะแม่... ถึงกลับขึ้นมาแล้วอาจจะยังร้อนเท่าเดิม”ในรอยยิ้มร้ายกาจมีลับลมคมใน คุณหลวงจันหายคลางแคลงใจจากเมียรัก เรื่องหึงหวงชายอื่นคงจะทำร้ายความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเขาและหล่อนไม่ได้ จึงเปิดเผยตัวตนเดิมหางแหลมพื้นผิวขรุขระที่งอกออกมาทางทวาร มือทั้งห้ากลายเ
“ส่งเสียงดังกระไรแม่อ่วม ประเดี๋ยวเขาก็ขึ้นมา คนเขาเป็นผัวเมียกัน คุณหลวงเธอไม่ทำร้ายเมียแน่”“ตะ ตะ แต่...”“แต่หล่อนน่ะ อย่าได้ปากสว่างเทียว เพราะฉันนี่แหละ จะจับผู้แพร่งพรายความลับลงท้องแทนเบรคฟาสวันพรุ่งนี้”แม่อ่วมตัวสั่นเทา ยืนแทบไม่อยู่ พอสบมองนัยน์ตาประกายสีทองอร่ามของจระเข้บ่าว ประกาศผ่านสายตาว่าหล่อนตายแน่! ก็ก้มหน้าลงนั่งประนมมือสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า“จะ จะ เจ้าค่ะ... คุณพระ ดิ ดิฉันจะไม่พูดเด็ดขาด... ขาด...”“ไม่เชื่อ ก็ลองนั่งรอหน้าบ่อบัวไปนิ่ง ๆ เสีย พวกเขาคงจะไปไม่นาน”อย่าว่าแต่ให้นั่งรอเลย แม่อ่วมหลับตาล้มตึง! หมดสติไปเสียแล้วเพราะตกใจ เห็นทีว่าเรื่องนี้บ่าวคงรับไม่ไหว ส่วนคุณพระประสิทธิ์ยืนอยู่ข้างบ่าวร่างท้วม มองไปบนผืนน้ำพลางบ่น“ตาคุณหลวงเอ๊ย ทำการใดไม่เข้าท่า หาเรื่องหาความให้ฉันรับบทผู้ร้ายอีก...” -------------------------------เท้าอันน่าเกลียดของจระเข้ตัวใหญ่ยักษ์ก้าวขึ้นจากน้ำ ร่างกำยำสีนิลสนิทก็กลายเป็นบุรุษรูปงาม โดยไม่ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขน ผมยาวประสะโพกสอบเป็นสีดำแซมปอยผมขาวด้านหน้า ทั้งเนื้อตัวและเส้นผมเปียกปอนเช่นเดียวกับคุณผู้หญิงของบ้าน คนที่
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ
ตลอดช่วงบ่ายนี้ คุณหลวงจันยังคงนั่งหารือเรื่องการตายอย่างมีเงื่อนงำของท่านขุนชมกับคุณพระประสิทธิ์ในห้องรับแขก จนได้ข้อสรุปว่าเมียรักของเขาไม่น่ารู้เรื่อง แต่การนำขวดยาจากอ้ายหมอมิ่งส่งต่อให้ทางขุนประไพ ซึ่งอยู่กับท่านขุนชมเป็นคนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต อาจทำให้หล่อนมีความผิดไปด้วย‘คุณพระ ช่วยเป็นธุระให้ทีเถิด ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องเงียบ มีหลักฐานอะไรที่จะสาวมาถึงเมียฉัน ไปจัดการทำลายเสียให้หมด’“มิฉะนั้น... ฉันจะกลืนพวกมันลงท้อง ค่อยพาเมียกลับลงถ้ำบาดาล”“ขอรับกระผม จะรีบไปจัดการ”คุณพระประสิทธิ์รับปากเป็นมั่นเหมาะ ก่อนลุกขึ้นเดินไป โดยมีแววตาคู่คมของคนข้างหลังคอยมองตาม นัยน์ตาเปล่งประกายสีแดงอร่ามเต็มไปด้วยโทสะ ราวเปลวไฟมหึมาปรากฏในนั้น มือกำไม้ตะพดแน่นด้วยจิตใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุขบนโซฟาไม้สักหุ้มเบาะหนังสีขาว แต่พอรู้ว่าเมียลุกจากตั่งนอน มองซ้ายขวาไม่พบใครจึงมาหาในห้องรับแขก เขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้เมียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตื่นแล้วหรือแม่แก้ว แหม... ประเดี๋ยวนี้กินเก่งนอนเก่งจริงนะหล่อน” “ฉันนอนหลับสบายเหลือเกินค่ะคุณหลวง นอนเสียลืมตื่น” แก้วตาตื่นจากการนอนกลางว
บ้านเมืองไม่สงบสุขสักเท่าไร ในยุคที่มีการพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขุนหลวงท่านทรงประกาศให้เลิกใช้รัตนโกสินทรศกเปลี่ยนเป็นพุทธศักราชแทนคุณหลวงจันไม่ค่อยจะเข้าใจมนุษย์นัก ทั้งการเรียกพระมหากษัตริย์ในสมัยก่อนที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ก็ยังไม่เหมือนตอนนี้เลย แต่ก่อนนั้นเรียกขุนหลวง ตอนนี้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีการเปลี่ยนคำเรียกอะไรต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเขาต้องศึกษา ปรึกษาหารือพูดคุยกับคุณพระประสิทธิ์รัตนโกสินทรศกก็เปลี่ยนเป็นพุทธศักราช โดยถือวันขึ้นปีใหม่ในปีหน้านี้เปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชในทุกแห่งหน ในปีหน้าคือ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๖จัดการธุระเสร็จในช่วงเช้า เขาจึงกลับไปหาเมียที่เรือนไทย หล่อนพริ้มตาหลับอย่างสบายใจบนตั่งนอน ในชุดสวย เสื้อลายลูกไม้เข้ากับกระโปรงฝรั่งสีสีโอลด์โรสที่หล่อนชอบใส่ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ แต่คงไม่ค่อยสบายนักคอพับคอหล่นอยู่ตรงหมอนอิงสายลมพัดผ่านสระบัวบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ได้กลิ่นหอมอ่อนจากดอกกล้วยไม้รอบเรือนนี้ จากที่ยืนเอามือไพล่หลังดูคนนอนหลับให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ร่างสูงในเชิ้ตฝรั่งนุ่งโจงกระเบนสีดำปักดิ้นทองหย่อนก้นนั่งลงบนตั่งไม้ส
“เลิกจริงหรือคะ?”“จริงแน่ ที่ฉันว่าคือขอให้เลิกพูด ไม่ใช่เลิกราในความสัมพันธ์ เพราะถ้าหล่อนเลิกกับฉันเมื่อใด ฉันจะฆ่าคนตายเป็นเบือเทียว”“อ้ายเข้มิกลัวลูกกระสุนหรือคะ?”“ไม่ใช่กระสุนอาคมก็ทำกระไรฉันไม่ได้ แม่แก้ว... ฉันไม่ใช่อ้ายเข้ตัวเก่าก่อนที่ถูกแทงด้วยหอกอาคมแล้วจะสิ้นชีพ แดดิ้นลงไปตรงนั้น ฉันอยู่มาห้าร้อยกว่าปี เวลานี้ฉันกลายเป็นอ้ายเข้คุณหลวง ขี้หวงเมียมากทีเดียว”ไม่ขาดคำดี เขาก็ทำให้หล่อนยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างรถฟอร์ดเปิดประทุนอย่างไม่อายผู้คน ก่อนถูกหยุดไว้ด้วยสายตาคู่หนึ่งจากที่ไกล ๆ แก้วตาไม่รู้ว่ามีคนมองหล่อน กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปพร้อมนัยน์ตาสีแดงก่ำ ปรากฏอารมณ์เกรี้ยวกราด“มีอะไรคะ?”“เสียงผู้หญิงสองคนกำลัง... ด่าว่าหล่อนอย่างน่าขยะแขยงทีเดียว ใครกันนะ? ช่างอวดดีเสียจริง รอสักประเดี๋ยวเถิด”คุณหลวงจันเองก็อยากจะรู้นักว่าใครกล้าด่าเมียเขาถึงด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายถึงเพียงนั้น อีลูกเจ๊ก อีหื่น อีร่านให้ท่าผู้ชายไปทั่ว ยังอุตส่าห์อวยพรขอให้เป็นอีเมียน้อยตัวหนึ่งด้วยอีก แม้หล่อนจะไม่ได้ยินแต่คนเป็นผัว หากไม่โกรธแทนเมียสิแปลกหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาถึงในอีกไม่นาน หล