“ฉัน... จะไปที่ตรงไหนได้ ชีวิตฉันจะเป็นยังไง ให้แล้วแต่ท่านเถอะ”
“ก็ดีแล้ว หากหล่อนรับปาก จะต้องอยู่กับฉันไปจนกว่าใครคนหนึ่งจะตาย”
ไม่ใช่คำขู่... แต่เขาจะทำมันโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรม นัยน์ตาคู่สีดำขลับเปล่งประกายสีแดง จ้องมองใบหน้าสดสวยนิ่งงัน สนใจเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากยังเลื่อนมือมาจับมันด้วยแววตาใคร่รู้ แต่ถูกคว้าหมับเข้าข้อมือ กำมันเอาไว้แน่น
“ฉันกำลังหิวเทียว แม่สาวช่างซุกซน” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงอีกครั้ง ประกบปิดริมฝีปากอิ่มงามสีแดงชมพู มืออุ่นร้อนปัดป่ายบนกายสาวที่ไม่เคยยินยอมให้ชายใดแตะต้อง เว้นเสียแต่ในฐานะสามี คุณหลวงหนุ่มจึงเอาแต่ใจอยากจับตรงไหนก็จับ มือลูบไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบของแม่สาวเอวอ้อนแอ้น ใจนึกอยากเลี้ยงดูหล่อนให้ดีกว่าพ่อแม่เสียอีก จะได้มีน้ำมีนวลกว่านี้
หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเขาใช้เวทมนตร์อาคมอันใด แค่กอดจูบลูบคลำก็ทำให้หล่อนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ลิ้นหนากระหวัดเลียลิ้นเล็ก ๆ ไม่ประสีประสาออกไปพร่ำสอนให้อย่างใจดี นำพาเสียงน่าอายจากการกระทบกระทั่งกันของน้ำลายและริมฝีปาก ยามใบหน้าหล่อเหลาก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าลำคอ แตะปลายลิ้นลงบนสะดือสวย เลียชิมไปทั่วกระทั่งถึงยอดออกสีชมพูหวาน อย่างที่บอกว่าหิว หล่อนยังคงปิดตารับทุกสัมผัสเสน่หา
“อื้อ... คุณหลวง... ฉันร้อนเหลือเกินค่ะ อ๊ะ...” ดวงตาคู่สวยเปิดขึ้นอีกครา เมื่อเรียวปากหนาได้รูปเริ่มหยอกล้อกับยอดปทุมถันที่แข็งตึงตามจังหวะของปลายลิ้น เขาทรมานหล่อนด้วยรสชาติอันน่าประหลาดพิศวง
หล่อนยังคงส่งเสียงประหลาด ฟังไม่ได้ศัพท์แม้ว่าเขาไม่ได้ทำการอันใดมาก แค่ขยับปลายนิ้วลากผ่านกลีบดอกไม้งาม ชื่นชมความสวยเบื้องหลังแพรไหมสีดำขลับด้วยนัยน์ตาสีแดงเป็นประกาย ชิมชมดูดดื่มอย่างตะกละตะกลาม ประหนึ่งจระเข้ในวัยหนุ่มที่หากได้พบตัวเมียแล้วจะฟาดหัวฟาดหางเต็มที่เพื่อแย่งชิงมา เพื่อให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่ตัวเดียว
ร่างบางบิดเร่า มือจิกผ้าปูที่นอนสีขาวจนยับเยิน เมื่ออารมณ์หวามไหมเข้าจู่โจม ถึงจะต้องยอมรับว่ารู้สึกพึงพอใจกับปลายลิ้นอุ่นร้อนเป็นงานยามดูดเม้ม กระหวัดเลียกลางกายสาว จนหล่อนยกตัวขึ้นนั่งตัวขดงอ หวีดร้องขอให้เขาอย่าหยุด! แน่นอนว่าเขาคงไม่หยุด คุณหลวงหนุ่มพลันผลักหล่อนลงนอนอีกครั้ง มือเรียวพยายามจับคว้าเส้นผมของเขาไว้เป็นที่พึ่ง
หล่อนตกอยู่ในสภาพแสนทุลักทุเลเมื่อเขายอมปล่อยจากความหวานหอมเบื้องล่าง กระเถิบกายขึ้นแทรกหว่างกลาง สองขาสั่นระริกด้วยความต้องการบางอย่างแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“คุณหลวง... ฉันทรมานค่ะ... ได้โปรด อย่ารังแกฉัน...”
“เช่นนั้นฉันไม่เกรงใจนะแม่แก้ว...” พูดจบ เขาปลอบประโลมหล่อนด้วยจุมพิตเร่าร้อน มือสะกิดปลายยอดเกสรงามคอยปลุกเร้าแต่ไม่ปล่อยให้สุขสมอารมณ์หมาย
เป็นเรื่องสำคัญอย่างสุดซึ้ง สำหรับครั้งแรกของคนสองคนในร่างมนุษย์ คุณหลวงจันจึงใช้ความระมัดระวังตามที่รับปากเอาไว้ สัมผัสหล่อนอย่างเอาใจ ทว่ายังอดทนข่มความปรารถนามากล้นไม่ให้หล่อนนำเขาไปสวรรค์ ใช้ปลายนิ้วตรวจตราทางข้างหน้าก่อนส่งตัวเข้าไป
“อ๊ะ! มะ... มันเจ็บค่ะ”
“ผ่อนคลายเสียหน่อยนะแม่แก้ว อีกประเดี๋ยวหล่อนจะรู้สึกดี ฉันคงไม่กล้าจะทำร้ายเมียตัวเองหรอก”
น้ำตาหลายหยดรินไหลลงอาบแก้มเนียน หล่อนทั้งเจ็บทั้งอึดอัด แต่ก็แปลกที่ยังยอมเชื่อฟังสามี เมื่อเขาเริ่มขยับตัวเข้าออกถี่ระรัวไม่ปล่อยให้หล่อนได้หายใจหายคอ สองขาสั่นเทาก็คอยหนีบสะโพกสอบเอาไว้เพราะประสบเข้ากับความเจ็บปวดเหลือคณา เหมือนร่างถูกฉีกขาดจากการรุกรานของท่อนอุ่นร้อนหน้าตาประหลาดที่หล่อนเห็นครั้งหนึ่ง
ร่างกายหล่อนคงเป็นของเขาจริง ๆ สมกับที่เป็นเมียซึ่งเขาซื้อมาด้วยเงินกว่าห้าหมื่นบาท...
แก้วตานึกน้อยใจอย่างนั้น หากพอความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความสุขหฤหรรษ์ ร่างบางแอ่นเอวรับแรงกระแทกกระทั้น ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับควบคุมจังหวะสวาทของบุรุษเพศ
ในห้องเงียบงันเริ่มเต็มไปด้วยเสียง ไม่ต่างจากว่าหล่อนจะแข่งส่งเสียงตะโกนกับผัวให้รู้แพ้รู้ชนะ บางครั้งเขาก็ช้า ก็เร็วเพื่อเอาอกเอาใจหล่อน ยังคอยถามว่าชอบตรงไหนอย่างไร กดสะโพกเข้าลึกสุดทางด้วยสีหน้าเร่าร้อนทรมาน
“แม่ทูนหัวของพี่... อา... ทำไมหล่อนน่ารักน่าพึงใจปานฉะนี้”
ช่องทางคับแคบที่บีบรัดตัวตนอย่างบ้าคลั่งพาเรือนกายกำยำสั่นเทา ทว่าเกร็งจัดจนเส้นเลือดปูดโปน แววตาคู่คมเปล่งประกายสีแดงตามธรรมชาติ เมื่อกุมภิลหนุ่มไม่สามารถข่มความอดทน แม้แต่พลังของตนก็เหมือนกับว่าเขาเพียงลืมมันไปจนหมดสิ้น
“อื้อ... อ๊ะ! คุณหลวง...”
ครั้งสุดท้ายที่คนใต้ร่างสะบัดสองมือกอดรัดรอบคอแน่น หนีบสองเรียวขาโอบกายแข็งแรงของเขานั้น หล่อนกรีดร้องลั่น ขอร้องให้เขาส่งตัวเข้าหาหล่อน รักหล่อนให้มากเท่าปากว่าจะดูแลตราบชั่วชีวิต คุณหลวงจันจึงมอบความเป็นตัวตนทั้งหมดให้ในเฮือกสุดท้าย จนไม่มีเหลือสักหยาดหยดไว้กับตัว ซุกซบใบหน้าพร่างพราวเม็ดเหงื่อในอ้อมแขนเล็ก ๆ พรมจูบบนไรผม ขมับเนียน ตามแก้มแดงก่ำไม่เว้นว่างแม้สักช่วงเดียว
-------------------------------
จวบจนรุ่งฟ้าสาง แก้วตายังคงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับประสบการณ์แปลกใหม่ หล่อนเผลอหลงใหลในบรรยากาศเร่าร้อนอบอุ่นอยู่ไม่น้อย เวลาที่เขากอดหล่อน จูบหล่อน ราวกับว่าหล่อนเป็นแก้วล้ำค่าอันแสนบอบบางน่าทะนุถนอม แต่บางครั้งกลับเป็นตรงกันข้าม ราวกับว่าเขาจะทำลายร่างเล็ก ๆ นี้ให้พินาศย่อยยับ
ห้องนอนเรียบร้อยในทีแรกตอนนี้ค่อนข้างเละเทะ หมอนผ้าห่มกระเด็นไปคนละทิศทาง แม้แต่เก้าอี้ทำงานตัวเล็ก ก็มาตั้งอยู่กลางห้อง คราบเลือดสีแดงสดที่แห้งกรังไปกับผ้าสีขาวบ่งบอกว่าหล่อนเป็นเมียเขาโดยสมบูรณ์ บ่าวที่จะมาทำความสะอาดคงตกใจแน่ ๆ
“แล้ว... ดีไหมเล่า?” เสียงแหบพร่าถามคนในอ้อมอก ดวงตาฉ่ำปรือของหล่อนสบมองเขา เหมือนจะอ้อนขออะไรสักอย่าง
“ฉัน... รู้สึกว่ามัน... ประหลาดชอบกลค่ะ... สบายตัวหลังจากนั้น เหมือนได้นั่งอยู่บนก้อนเมฆ”“ร้ายเดียงสาจริงหรือว่าหล่อนแกล้งทำ แม่แก้วตาของพี่ หล่อนรู้ตัวไหมว่าน่ารัก” เขาหยัดยิ้ม ลูบไล้เส้นผมด้วยปลายนิ้วที่สอดวนเข้าไป หมุนเล่นทีละปอยด้วยท่าทีเป็นเจ้าของ “ฉันดีใจที่หล่อนไม่รังเกียจฉัน หล่อนไม่ทำเอะอะโวยวาย หนีหัวซุกหัวซุนไปฟ้องบ่าวในบ้าน” “คุณหลวงใจร้อนด่วนได้ ฉันแค่ไม่มีปัญญาจะห้ามท่านค่ะ” “เอาซี ฉันจะให้โอกาสหล่อนไปเรียกโปลิศมาจับฉันปะไร” “เมียที่ไหนจะให้โปลิศมาจับผัว” เสียงหัวเราะดัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา “ฉันจะลงไปหาข้าวหาปลาให้หล่อนนะแม่ สองสามวันนี้คงจะปวดเมื่อยเนื้อตัวหนักเอาการ หล่อนอยากกินอะไรข้างนอกไหม?”“อยาก... กินอะไรเย็น ๆ ค่ะ ร้อนเหลือเกิน”“ร้อนหรือ?” เลิกคิ้วขึ้น ก้มหน้ามองดวงตากลมโตใสซื่อของคนที่บอกว่าร้อน! แต่ยังคงซุกซบเข้าหาไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา เรือนร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทกันใต้ผ้าแพรสีแดงสดคุณหลวงจันปรารถนาต้องการหล่อนสักเท่าไร คงไม่กล้าเอาเปรียบเมียที่กำลังเจ็บระบม“ฉันจะไปโรงน้ำแข็งกับบ
ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ แก้มนวลเปียกปอนน้ำตานองเต็มหน้า เพราะถูกเหยียดหยามทำร้ายน้ำใจแต่ว่าหล่อนเพียงไม่พูดบอก ทำเอาผู้ชายตัวโตเข่าแทบทรุด จากที่ตั้งใจมาดุหล่อนเสียเต็มประดา เขาเพียงนั่งลงบนเตียง ดึงต้นแขนเรียวพอคนตัวเล็กเข้ามากอด“ขวัญเอ๋ยขวัญมา... แม่แก้วตาดวงใจ... เขาเลิกทาสกันไปตั้งเป็นสิบ ๆ ปีแล้วหนา มาเจ้าค่ะอะไรกัน ฉันเป็นผัวหล่อนนะแม่...”แก้วตาลอบมองกรามแกร่งอย่างงุนงง จู่ ๆ คุณหลวงจันผิดเป็นคนละคน ลูบแก้มลูบหัวกอดปลอบหล่อนอยู่พักใหญ่จนหยาดน้ำตาเกลี้ยงเกลาบนใบหน้างาม ขนาดคุณพระส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ขอตัวลาออกจากห้องไปเขาก็ไม่สนใจ“ฉันทำหล่อนร้องไห้มาสองวันสามวัน คืนคำพูดว่าจะดูแลลูกสาวหลวงท่าน แต่ฉันเองก็เจ็บปวดใจเหลือเกิน ฉันจะไม่ทำร้ายจิตใจหล่อนอีกแล้ว หล่อนจะตบตีฉันก็ได้...”“ฉันทราบแล้วค่ะคุณหลวงท่าน แต่ฉันเป็นหญิง ตบตีผัวไม่ได้เจ้าค่ะ”“ไม่เอา ๆ หล่อนเป็นอย่างนี้อีกแล้ว หล่อนไม่หายโกรธฉัน ฉันต้องทำยังไงนะแม่แก้ว...” มือลูบศีรษะน้อยในอ้อมอกของคนที่ไม่กล้าขยับ กลัวจะถูกเจ้าของบ้านว่าเข้าอีก หล่อนอึดอัดนั่งฟังคุณหลวงหนุ่มพูดคนเดียวได้ตั้งสิบกว่านาที ยังไม่มีวี่แววจะหยุดบ่น“
การมีสามีดีเลิศประเสริฐ ร่ำรวยฐานะอำนาจเงินทอง แถมรักเดียวใจเดียว เป็นบุญท่วมหัวของหล่อนอย่างบิดาว่า จะมีก็แค่เรื่องที่คุณหลวงท่านเป็นจระเข้ตัวใหญ่มหึมา! แก้วตาได้เห็นเข้าในคืนหนึ่งตอนเขาแอบลุกจากเตียงไปเล่นน้ำหลังคลอง สักประมาณสองยามได้ นัยน์ตาสีแดงสวยราวลูกแก้วที่โผล่พ้นน้ำ หางของมันพาดผ่านกลางคลองยาวไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง จระเข้ตัวใหญ่ขนาดนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะต้องถูกจับไปอย่างแน่นอน แม้อาจจับไม่ได้ง่ายนัก ดีไม่ดี อาจกลายเป็นอาหารจระเข้เสียแทนแทนที่หล่อนจะกลัว กลับนั่งเฝ้าผัวในความมืดหลังพุ่มไม้ใหญ่ แอบดูเจ้าจระเข้ใหญ่ว่ายน้ำเล่นอย่างนึกเป็นห่วง กระทั่งรุ่งเช้ามาสามีออกไปทำงานแล้ว ลองไปถามคุณพระดูจึงทราบว่าส่วนใหญ่ก็จะรู้กันแต่ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายความลับหน้าโต๊ะเครื่องแป้งไม้สัก กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพใบหน้าสดสวยใต้เครื่องสำอาง ขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันยุ่ง หล่อนสวมเสื้อแขนพองสีขาวกระโปรงลูกไม้ยาวทรงฝรั่ง ส่วนบ่าวผมสั้นอย่างสาวสมัยเก่ายังนุ่งซิ่น นั่งลงกับพื้น“คุณแก้วจะทำยังไงต่อไปหรือคะ?”“เอาจดหมายนี่ไปส่งให้อ้ายมิ่งมัน บอกมันด้วยว่าฉันแต่งงานแล้ว คุณหลวงเธอไม่ชอบให้ทำงานปร
“คุณหลวงปากหวาน เชื่อถือไม่ได้ค่ะ”“ทำยังไงหล่อนจึงจะเชื่อฉันเล่าแม่ ให้ฉันบอกรักหล่อนทุกวัน เล่นสนุกซุกซนประสาหนุ่มสาวเช้ากลางวันเย็นเลยดีไหม? พักเที่ยงฉันจะขับรถกลับมาจัดการหล่อน ค่อยกลับไปทำงาน”“ฟังดูแล้วค่อนข้างจะหมกมุ่นนะคะ”“ฉันหมกมุ่นอยู่แต่กับการรักเมียยังไง” พลันปลายจมูกโด่งเป็นสันคมซุกลงตรงซอกคอขาวเนียนจนคนตัวเล็กสะดุ้ง พอมืออุ่นร้อนล้วงไปล้วงมา หล่อนคงลืมตัวว่าถุงใบเล็กที่คาดตรงเอวหายไปเพราะอ้อมกอดเร่าร้อน ไม่รู้เลยว่าโดนค้นตัวเข้าแล้ว! มือไวกว่าโปลิศเห็นจะเป็นคุณหลวงจัน เขาเปิดขวดเล็กจิ๋วในมือออกดม“นี่ไงล่ะ นี่อะไร? น้ำหอมฝรั่งชนิดใด ไม่มีกลิ่นเลยรึ”นัยน์ตาคู่คมปรากฏสีแดงฉานหลังจากนั้น เปลวไฟลูกเล็ก ๆ ก็เผาขวดแก้วบนฝ่ามือจนมอดไหม้ ต่อหน้าหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้าง กว่าจะได้สติกลับมา“ว๊ายย! คุณหลวงทำไมอย่างนี้เล่าคะ กว่าจะปลุกเสกได้แต่ละขวด เสียดายของนะคะ”-------------------------------แก้วตาไม่ได้ตั้งใจจะไปขายน้ำมันพรายของหมอมิ่งให้ใครอยู่แล้ว มันเป็นขวดสุดท้ายที่เหลือ เผอิญว่าเก็บอยู่ในกระเป๋ากระโปรงผ้าซิ่นพอดี...ตลอดเดือนมานี้หล่อนอยู่ในโอวาทสามีเพราะเขาเมตตาเอ็นดูหล
“คุณหลวงท่านคงไม่หวงเมียกับพ่อเลี้ยงใช่ไหมเล่าคะ? เจ๊กอี้เปรียบเสมือนบิดาของฉัน”“ฉันเองก็เป็นผู้ใหญ่ แก่กว่าพ่อแม่หล่อนเสียอีก และฉันว่าหล่อนดูละม้ายคล้ายเตี่ย ตา จมูก ดูยังไงก็เจ๊กอี้ในร่างหญิง คงไม่แปลกหากว่าเตี่ยรักใคร่หล่อนเหมือนลูกในไส้”“คุณหลวงว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่ท่านน่ะนอนหันก้นให้เมีย รุ่งเช้าไปทำงานไม่ลาเมียสักคำ ฉันเผลอนึกไปว่าท่านหมดรักในตัวฉันเสียแล้วทั้งที่เพิ่งจะตบแต่งกันมาแค่เดือนกว่า ๆ” ปลายเสียงเงียบไป หล่อนสะบัดหน้าหนีใส่สามีเสียบ้าง “ฉันจะร้องไห้ให้คุณหลวงปลอบอย่างคืนแรกมานอนที่นี่ดีไหมนะ น่าจะดี”“ฉันไม่ชอบให้หล่อนเสียน้ำตา บางวันฉันอารมณ์ไม่ดีเพราะอากาศมันร้อนนะแม่ แหละฉันก็เป็นอย่างนี้”“เช่นนั้นฉันควรช่วยคุณหลวงยังไง หากฉันกอดท่าน เกรงว่าท่านจะยิ่งร้อน เราสองคนอาจต้องเหนียวตัวไปทั้งวัน”“ฉันมีที่ ๆ ไม่ร้อนอยู่นะแม่... ถึงกลับขึ้นมาแล้วอาจจะยังร้อนเท่าเดิม”ในรอยยิ้มร้ายกาจมีลับลมคมใน คุณหลวงจันหายคลางแคลงใจจากเมียรัก เรื่องหึงหวงชายอื่นคงจะทำร้ายความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเขาและหล่อนไม่ได้ จึงเปิดเผยตัวตนเดิมหางแหลมพื้นผิวขรุขระที่งอกออกมาทางทวาร มือทั้งห้ากลายเ
“ส่งเสียงดังกระไรแม่อ่วม ประเดี๋ยวเขาก็ขึ้นมา คนเขาเป็นผัวเมียกัน คุณหลวงเธอไม่ทำร้ายเมียแน่”“ตะ ตะ แต่...”“แต่หล่อนน่ะ อย่าได้ปากสว่างเทียว เพราะฉันนี่แหละ จะจับผู้แพร่งพรายความลับลงท้องแทนเบรคฟาสวันพรุ่งนี้”แม่อ่วมตัวสั่นเทา ยืนแทบไม่อยู่ พอสบมองนัยน์ตาประกายสีทองอร่ามของจระเข้บ่าว ประกาศผ่านสายตาว่าหล่อนตายแน่! ก็ก้มหน้าลงนั่งประนมมือสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า“จะ จะ เจ้าค่ะ... คุณพระ ดิ ดิฉันจะไม่พูดเด็ดขาด... ขาด...”“ไม่เชื่อ ก็ลองนั่งรอหน้าบ่อบัวไปนิ่ง ๆ เสีย พวกเขาคงจะไปไม่นาน”อย่าว่าแต่ให้นั่งรอเลย แม่อ่วมหลับตาล้มตึง! หมดสติไปเสียแล้วเพราะตกใจ เห็นทีว่าเรื่องนี้บ่าวคงรับไม่ไหว ส่วนคุณพระประสิทธิ์ยืนอยู่ข้างบ่าวร่างท้วม มองไปบนผืนน้ำพลางบ่น“ตาคุณหลวงเอ๊ย ทำการใดไม่เข้าท่า หาเรื่องหาความให้ฉันรับบทผู้ร้ายอีก...” -------------------------------เท้าอันน่าเกลียดของจระเข้ตัวใหญ่ยักษ์ก้าวขึ้นจากน้ำ ร่างกำยำสีนิลสนิทก็กลายเป็นบุรุษรูปงาม โดยไม่ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขน ผมยาวประสะโพกสอบเป็นสีดำแซมปอยผมขาวด้านหน้า ทั้งเนื้อตัวและเส้นผมเปียกปอนเช่นเดียวกับคุณผู้หญิงของบ้าน คนที่
คาบลงน้ำ... ห้ามเป็นอันขาด! แก้วตาขอสามีเอาไว้ข้อหนึ่งเพราะหล่อนเองก็กลัว หล่อนว่ายน้ำไม่เป็น ไม่เคยเข้าใกล้แม่น้ำลำคลองมาแต่เล็ก ๆ แล้ว โดยเฉพาะคลองหลังบ้านคุณหลวงจัน หล่อนไม่กล้าเฉียดใกล้ อย่าว่าแต่หล่อนเลย ลูกเด็กเล็กแดงละแวกนี้ไม่มีใครกล้ามาเล่นน้ำพอได้ยินว่ามีคนเคยเห็นบางอย่างโผล่แพลมบนพื้นน้ำ แหวกน้ำออกเป็นคลื่นระลอกใหญ่ว่ายหายไปไว ๆไม่คุณพระก็คุณหลวงจันนั่นแหละ...แต่เจ้าหน้าที่ทางการส่งคนจับสัตว์น้ำมาตามหาอ้ายเข้ในลำคลองไม่เห็นจะมี กุมภิลในร่างมนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่เป็น ฉลาดพอตัวที่จะไม่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ บอกให้บ่าวนำป้ายมาติดว่าห้ามลงคลองเพราะอาจมีสัตว์ร้าย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องถูกใส่ความนี่สิ เพราะเจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่าไม่ใช่อ้ายเข้ ก็คงจะเป็นตัวเหี้ยกระมังห้องครัวด้านหลังอยู่ติดกับคลองบางกอกน้อย แก้วตาวานบ่าวไปหยิบหาใบตองมาห่อข้าวก่อนวางลงในปิ่นโตสามชั้นให้คุณหลวงจัน ส่วนคุณพระคงจะหากินเองที่ทำงานแถวกระทรวง แม่อิ่มแม่นวลไปจ่ายตลาดมาเมื่อตอนเช้ามืด ยายฉวีนั่งปอกผลไม้อยู่หน้าห้องครัว หล่อนทำผัดผัก ผัดเนื้อใส่จานไว้ให้บ่าวจัดให้คุณพระอีกทีหนึ่ง ยังทำเผื่อให้คนในบ้านรั
ขณะที่แก้วตาไม่เคยต้านทานความรุ่นร้อนของสามีได้เลย เขาจูบหล่อนอย่างเร่าร้อนอ่อนโยนจากข้างหลัง หมายจะพร่ำบอกความในใจทั้งหมด ยังลากมือสะเปะสะปะไปทั่ว ปัดป้อมปราการเกะกะช่วงล่างออกหล่นกองบนพื้น“แม่แก้วตาดวงใจฉัน...” เสียงทุ้มพร่าเรียกอย่างที่เคยเรียกหล่อนทุกค่ำคืน หญิงสาวสั่นไปทั่วสรรพางค์กายเมื่อมือร้อนรุกเร้ามาถึงกลางกายสาว อีกข้างล้วงผ่านเสื้อลูกไม้มาถึงปลายยอดปทุมถันที่แข็งเป็นตุ่มไตร่างกายหล่อนเป็นของเขาแทบทุกตารางนิ้วโดยไม่ต้องทำอันใดมากมาย เพียงกระชับจับเอวคอดบางครั้งหนึ่งให้หมอบบนโต๊ะความสูงระดับหน้าขา บุรุษผู้ไม่รู้จักอิ่มพอก็เข้าครอบครองหล่อนอย่างเร่าร้อน เขากดหล่อนให้หมอบราบลงบนโต๊ะ แหย่ปลายลิ้นเข้าไปในกกหูจนได้ยินแค่เสียงอื้ออึงมือข้างหนึ่งของหล่อนปิดป้องปากตัวเองไว้เพราะอายบ่าวหากว่ามีใครเดินผ่านมา แม้ว่าคงไม่มีหรอกหากประตูบานไหนถูกขัด เปิดไม่ออก บ่าวก็คงรู้ว่าคุณหลวงท่านเห่อเมียคนงาม เล่นสนุกซุกซนตรงไหนในบ้านได้ ไม่มีว่างเว้นสักวันกระนั้น ริมฝีปากคู่งามยังถูกพร่ำจูบ บอกคำรักให้หล่อนได้ฟัง ปลายลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวพาลิ้นไม่ประสีประสาออกมาสอนงาน แต่ไม่หยุดขยับสะโพกถี่ระรัว
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ
ตลอดช่วงบ่ายนี้ คุณหลวงจันยังคงนั่งหารือเรื่องการตายอย่างมีเงื่อนงำของท่านขุนชมกับคุณพระประสิทธิ์ในห้องรับแขก จนได้ข้อสรุปว่าเมียรักของเขาไม่น่ารู้เรื่อง แต่การนำขวดยาจากอ้ายหมอมิ่งส่งต่อให้ทางขุนประไพ ซึ่งอยู่กับท่านขุนชมเป็นคนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต อาจทำให้หล่อนมีความผิดไปด้วย‘คุณพระ ช่วยเป็นธุระให้ทีเถิด ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องเงียบ มีหลักฐานอะไรที่จะสาวมาถึงเมียฉัน ไปจัดการทำลายเสียให้หมด’“มิฉะนั้น... ฉันจะกลืนพวกมันลงท้อง ค่อยพาเมียกลับลงถ้ำบาดาล”“ขอรับกระผม จะรีบไปจัดการ”คุณพระประสิทธิ์รับปากเป็นมั่นเหมาะ ก่อนลุกขึ้นเดินไป โดยมีแววตาคู่คมของคนข้างหลังคอยมองตาม นัยน์ตาเปล่งประกายสีแดงอร่ามเต็มไปด้วยโทสะ ราวเปลวไฟมหึมาปรากฏในนั้น มือกำไม้ตะพดแน่นด้วยจิตใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุขบนโซฟาไม้สักหุ้มเบาะหนังสีขาว แต่พอรู้ว่าเมียลุกจากตั่งนอน มองซ้ายขวาไม่พบใครจึงมาหาในห้องรับแขก เขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้เมียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตื่นแล้วหรือแม่แก้ว แหม... ประเดี๋ยวนี้กินเก่งนอนเก่งจริงนะหล่อน” “ฉันนอนหลับสบายเหลือเกินค่ะคุณหลวง นอนเสียลืมตื่น” แก้วตาตื่นจากการนอนกลางว
บ้านเมืองไม่สงบสุขสักเท่าไร ในยุคที่มีการพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขุนหลวงท่านทรงประกาศให้เลิกใช้รัตนโกสินทรศกเปลี่ยนเป็นพุทธศักราชแทนคุณหลวงจันไม่ค่อยจะเข้าใจมนุษย์นัก ทั้งการเรียกพระมหากษัตริย์ในสมัยก่อนที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ก็ยังไม่เหมือนตอนนี้เลย แต่ก่อนนั้นเรียกขุนหลวง ตอนนี้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีการเปลี่ยนคำเรียกอะไรต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเขาต้องศึกษา ปรึกษาหารือพูดคุยกับคุณพระประสิทธิ์รัตนโกสินทรศกก็เปลี่ยนเป็นพุทธศักราช โดยถือวันขึ้นปีใหม่ในปีหน้านี้เปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชในทุกแห่งหน ในปีหน้าคือ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๖จัดการธุระเสร็จในช่วงเช้า เขาจึงกลับไปหาเมียที่เรือนไทย หล่อนพริ้มตาหลับอย่างสบายใจบนตั่งนอน ในชุดสวย เสื้อลายลูกไม้เข้ากับกระโปรงฝรั่งสีสีโอลด์โรสที่หล่อนชอบใส่ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ แต่คงไม่ค่อยสบายนักคอพับคอหล่นอยู่ตรงหมอนอิงสายลมพัดผ่านสระบัวบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ได้กลิ่นหอมอ่อนจากดอกกล้วยไม้รอบเรือนนี้ จากที่ยืนเอามือไพล่หลังดูคนนอนหลับให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ร่างสูงในเชิ้ตฝรั่งนุ่งโจงกระเบนสีดำปักดิ้นทองหย่อนก้นนั่งลงบนตั่งไม้ส
“เลิกจริงหรือคะ?”“จริงแน่ ที่ฉันว่าคือขอให้เลิกพูด ไม่ใช่เลิกราในความสัมพันธ์ เพราะถ้าหล่อนเลิกกับฉันเมื่อใด ฉันจะฆ่าคนตายเป็นเบือเทียว”“อ้ายเข้มิกลัวลูกกระสุนหรือคะ?”“ไม่ใช่กระสุนอาคมก็ทำกระไรฉันไม่ได้ แม่แก้ว... ฉันไม่ใช่อ้ายเข้ตัวเก่าก่อนที่ถูกแทงด้วยหอกอาคมแล้วจะสิ้นชีพ แดดิ้นลงไปตรงนั้น ฉันอยู่มาห้าร้อยกว่าปี เวลานี้ฉันกลายเป็นอ้ายเข้คุณหลวง ขี้หวงเมียมากทีเดียว”ไม่ขาดคำดี เขาก็ทำให้หล่อนยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างรถฟอร์ดเปิดประทุนอย่างไม่อายผู้คน ก่อนถูกหยุดไว้ด้วยสายตาคู่หนึ่งจากที่ไกล ๆ แก้วตาไม่รู้ว่ามีคนมองหล่อน กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปพร้อมนัยน์ตาสีแดงก่ำ ปรากฏอารมณ์เกรี้ยวกราด“มีอะไรคะ?”“เสียงผู้หญิงสองคนกำลัง... ด่าว่าหล่อนอย่างน่าขยะแขยงทีเดียว ใครกันนะ? ช่างอวดดีเสียจริง รอสักประเดี๋ยวเถิด”คุณหลวงจันเองก็อยากจะรู้นักว่าใครกล้าด่าเมียเขาถึงด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายถึงเพียงนั้น อีลูกเจ๊ก อีหื่น อีร่านให้ท่าผู้ชายไปทั่ว ยังอุตส่าห์อวยพรขอให้เป็นอีเมียน้อยตัวหนึ่งด้วยอีก แม้หล่อนจะไม่ได้ยินแต่คนเป็นผัว หากไม่โกรธแทนเมียสิแปลกหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาถึงในอีกไม่นาน หล