“... เสกหนังควายเข้าท้องรึ... ฟังดูน่ากลัว กระผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่ให้ใครเขาพูดตะพัด[1]ไปในทางเสีย ๆ หาย ๆ หาความชั่วร้ายมาป้ายได้”
“ขอบคุณขอรับคุณหลวง กระผมซาบซึ้งใจนัก”
“แต่ถ้าลูกทำได้จริงเล่าคะเตี่ย คุณหลวงจะว่ากระไร จะยังรับลูกเปนเมียหรือไม่?”
ในที่สุดพิกุลก็ร่วงจากปากคู่งามให้คุณหลวงลอบยิ้มกริ่ม ด้วยความพึงพอใจ คุณหลวงจันหลงใหลแม้กระทั่งเสียงหวาน ๆ ของหล่อนราวจะโดนมนตร์อาคมเข้าให้ ถึงปากว่าเสียงดัง “เอ้า...! ขนเงินขนทองมากองเท่าภูเขา ก็ต้องรับน่ะซีแม่ แต่หลังจากเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วหน้ะ จะพาไปพบหมอฝรั่ง ชะรอยจะมีกระไรในสมองสักอย่างหนึ่งให้เขาตรวจเสียหน่อยว่ามีปัญหาหรือไม่อย่างไร ถึงยังฝักใฝ่งมงายเรื่องพรรค์นี้อยู่”
-------------------------------
คำเก่าเขียนแบบเก่า = คำปัจจุบัน
- สื่อสิ่งพิมพ์ นวนิยายเก่า ฯลฯ ก่อนปีพ.ศ. ๒๕๐๐
โทโษ = โทโส , ธุร = ธุระ , ขะโมย = ขโมย , หน้ะ = น่ะ (เสียงสูง) , เปน = เป็น (ตามบริบทการออกเสียง)
-------------------------------
งามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แขกเหรื่อผู้มาร่วมแสดงความยินดีมีความเห็นตรงกัน ต่างคนเอ่ยอวยพรมอบคำชมเชยว่า ‘สมคู่สมคีมกัน’ บ้างว่า ‘กิ่งทองใบหยก’ คุณหลวงนายช่างทหารเรือช่างเหมาะสมกับลูกสาวพ่อค้าโรงฝิ่น ‘เจ๊กอี้’ ถึงหล่อนจะเป็นแค่ลูกสาวเศรษฐีแต่ความงามนั้นหาหญิงใดเทียบเทียม แลก็เป็นบุญของหล่อนที่จะได้เป็นเมียคนแรกของคุณหลวงจัน
เรือนร่างอรชรในเสื้อแขนยาวสีขาวต้นแขนพองลายลูกไม้ โจงกระเบนสีแดงตามแบบนิยม เข้ากับผิวละเอียดลออของหล่อน โดยทั่วไปแล้วผู้คนในพระนครมักดำคล้ำบ้างตามสภาพอากาศเมืองร้อน ไม่เหมือนฝรั่งที่เข้ามาทำการค้าในช่วงแรก ๆ นั้นต่างมีผิวขาวเผือก ขนาดว่าคุณหลวงจันเอง ด้วยความที่ต้องตรากตรำทำงานกลางแจ้งอยู่กรมช่างโยธาทหารเรือก็ยังมีฝ้ากระถึงไม่มากนัก แต่แก้วตาอยู่เพียงในโรงฝิ่นคุมงานเจ๊ก ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน ไม่แปลกที่หล่อนจะมีผิวขาวนวลเนียนทั่วทั้งตัว ทั้งบริเวณหลังมือ ต่ำกว่าชายโจงกระเบนไปนั้น ยามยืนหลังตรงอย่างงามสง่า ยกมือไหว้ประนมต้อนรับแขกด้วยกิริยาอ่อนช้อย สามารถทำให้ว่าที่สามีตาขวางได้
“ชอบกลจริงนะขอรับ จีนอี้ว่าลูกสาววัน ๆ อยู่แต่ในโรงฝิ่น เหตุใดจึงรู้จักคุณหญิงคุณนาย นายทหารชั้นผู้ใหญ่มากมาย...”
คุณพระสวมสูทฝรั่งเป็นทางการ ยืนเอามือไพล่หลังข้างคุณหลวงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาด้วยโจงกระเบนผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ช่วงบนเป็นเสื้อแพรไหมสีขาวราคาแพงสมฐานะ หลังเลี่ยงมาคุยธุระกันสักเล็กน้อยตรงมุมบ้านหลังใหญ่ สถานที่จัดงานก็เป็นบ้านคุณหลวงที่อาศัยอยู่ ณ ปัจจุบัน ทั้งคุณพระคุณหลวงปรึกษาหารือ เฝ้าฟังผู้คนพูดคุยกันในงาน พบความแปลกประหลาดของคุณหญิงคุณนาย ยังมีนายทหารระดับนายพลก้มหน้าลงกระซิบบางอย่างกับเจ้าสาวให้ได้ยินกันแค่สองคนก่อนเดินเลี่ยงไป
ไม่มีใครรู้ว่าสองหูของกุมภิลในร่างมนุษย์ได้ยินแว่ว ๆ ว่า
‘ยาสั่ง...’
‘ยาเสน่ห์...’
ชะรอยว่าหล่อนจะเป็นพวกฝักใฝ่คุณไสยอาคมอย่างที่เขาลือกัน...
“ท่านแน่ใจหน้ะ?”
“แน่ซีวะ แกจะทำไมกันนักหนา อ้ายคล้าว”
คุณพระกลอกตาวนไปมารอบหนึ่ง ก่อนจะว่า “เอ้อ... รึคุณหลวงจะโดนเสน่ห์ยาแฝด น้ำมันพรายผีจากสาวผู้ใดดีดใส่น้ะ?”
“หล่อนจำเป็นต้องใช้ด้วยฤา งามปานฉะนี้ หรือแกมีความเห็นไม่เท่ากัน ว่าหล่อนไม่งาม”
“กระผมไม่เห็นเป็นเช่นนั้นเลย คุณหลวงขอรับ แม่แก้วตาหล่อนงามนัก... งามราวกับว่าไม่ใช่ ‘มนุษ’ เดินดิน” คุณพระประสิทธิ์ไม่พูดเปล่า ผายมือไปทางเจ้าสาวคนสวย ก็ว่า “ดูซี... ไม่ว่าหล่อนยิ้มกระไร หล่อนจะทำหน้าถมึงทึงหรือนิ่งเฉยเป็นตุ๊กตา หนุ่ม ๆ ก็แลมองกันเป็นตาเดียว ขอรับประทานโทษเถิด ที่ตรงนู้น... ดูเศร้าโศกอาลัยเพราะมีผู้มาสู่ขอแม่คนงาม อยู่บนพื้นดินมาสักหกสิบปีแล้ว เพิ่งจะได้แลเห็นน้ำตาลูกผู้ชายนี่แหละ...”
‘แม่แก้ว... โปรดอย่าลืมมิตรสหายอย่างตัวพี่เทียวหล่อน แม่แก้วจ๋า...’
“ดูอย่างไร ๆ ก็ไม่ใช่เพื่อนพ้อง ในเมืองบางกอกมีผู้มาตอมหล่อนเท่านี้ กระผมขอให้ท่านโชคดี...”
“โชคดีกระไร มันเป็นหน้าที่ของแก คุณพระประสิทธิ์”
คุณพระเบิกตากว้างตะลึงงัน “นะ... หน้าที่... กระผม?”
“คุณพระนั่นแล เป็นเลขานุการของฉัน รับเงินเดือนจากฉัน ก็ต้องดูแลความสะดวกสบายให้เมียฉัน ยังจะต้องเป็นธุรจัดการเรื่องเสี้ยนหนามรังควานจิตใจให้ฉันด้วย”
ก็เพราะอย่างนี้! คุณพระถึงไม่อยากจะให้คุณหลวงตบแต่งกับแม่แก้วตา ต่อให้หล่อนจะงามสักเพียงไหน
“เดือดร้อนแล้วอ้ายคล้าวเอ๋ย... คุณพระก็เพิ่งจะได้เป็นแท้ ๆ”
ในรูปลักษณ์บุรุษอายุสักยี่สิบหกปี ผิดจากอายุขัยที่ยืนนานกว่ามนุษย์เช่นเดียวกันกับคุณหลวงจัน คุณพระบ่นอยู่ข้างกายคุณหลวง ยกมือปาดหยาดเหงื่อ ไม่ต่างจากว่าน้ำตาลูกผู้ชายคงรินไหลอยู่ภายใน แต่คุณหลวงรูปงามกำลังลอบยิ้มกรุ้มกริ่มดูลาดเลาของหญิงสาวว่าหล่อนจะทำกระไรอีก ฝั่งนายพลพวกหลงใหลในอำนาจ คุณหญิงคุณนายเศรษฐีมาร่วมแสดงความยินดีจะให้เกียรติงานมงคลนี้หรือไม่ หรือจะถือโอกาสนี้มาเอาของที่สั่งไว้!
ในชุดไทยหล่อเหลาในมือมีไม้ตะพดฝังเพชรเม็ดงาม คุณหลวงจันเดินกลับไปยืนเคียงข้างเจ้าสาว โดยไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคปัญหา เมื่อเบื้องหน้าสายตาปรากฏสาวงาม ที่เขากำลังจะได้เป็นเจ้าของ
“แม่แก้ว... อีกสักประเดี๋ยว เสร็จงานนี้แล้ว ฉันจะพาไปลาพ่อลาแม่”
“ค่ะ คุณหลวง”
“อีกเรื่องหนึ่ง...” เงียบไปครู่ แล้วจึงเอ่ยน้ำเสียงเข้มเครียดขึ้นกว่าเดิม “เคยทำการใดให้ละทิ้งเสียให้หมด อยู่บ้านฉันมีงานให้หล่อนทำมากมาย ฉันจะให้เงินเดือนหล่อนไม่น้อยไปกว่าคุณพระ แต่อย่าให้ฉันรู้ว่าหล่อนทำเรื่องไม่ดีไม่งาม และอย่าได้ปดฉัน เพราะฉันจะรู้ทุกอย่าง”
“ค่ะ คุณหลวง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” สองมือประนมแนบอกไหว้อย่างงดงาม หญิงสาวใบหน้าสวยหวานใต้รอยยิ้มไร้พิษภัยทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าหล่อนจะเชื่อฟังเขาหรือไม่ คุณหลวงจันคงทำได้เพียงเข้าข้างตัวเองว่าหล่อนจะเป็นเมียที่ดีในเร็ววัน
-----------
[1] ตะพัด = ว. ตะบึง , ร่ำไป , ไม่หยุดหย่อน (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓)
ผ่านพ้นพิธีรีตองหลังจากที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รดน้ำสังข์ ลากสายสิญจน์มาวางบนศีรษะบ่าวสาวผูกคล้องกันไว้ให้เป็นสิริมงคล คุณหลวงจันแทบนับถอยหลังเวลาเข้าเรือนหอ ด้วยงานวุ่นวายมากมายก็น่าปวดหัวสำหรับเขา ทางฝั่งเจ้าสาวเองก็เป็นครึ่งเจ๊ก ไม่ถือเรื่องขั้นตอนว่าจะต้องถูกต้องครบถ้วนทุกประการ ทว่าจนกระทั่งมาถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาว ทุกคนยังต้องตามใจแม่เฒ่าอย่างคุณนายศรีสมรดิถีเรียงหมอนต้องให้บ่าวสาวนอนเป็นพิธี แม่เฒ่าว่าฝ่ายชายนอนให้นอนฝั่งขวา นำหินบดยา ฟักเขียว แมวตัวผู้สีขาว เงินทองกองบนนั้นให้บ่าวสาวลงไปนอนทับถือเป็นลางดี การจัดเตรียมห้องให้มีเตียงนอน หมอน มุ้ง หมอนข้าง ฯลฯ ละเอียดยิบย่อย“คืนนี้ไม่มีกินเลี้ยงก็ดี พรุ่งนี้แต่เช้ามืด เตี่ยกับม้านิมนตร์คุณพระมาอีกรอบหนึ่ง ลูกทั้งสองใส่บาตรเช้าด้วยกัน บ่าวสาวจับทัพพีร่วมกัน เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้กลับมาเป็นคู่กันอีกนะลูก”“ค่ะม้า... เตี่ย...”“เตี่ยไปแล้วนะ”“ลูกลาจ้ะ” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดา ภายใต้รอยยิ้มแสนเสแสร้ง เบื้องลึกของจิตใจหล่อนเต็มไปด้วยความเศร้าหมองในขณะที่คุณหลวงจันคลางแคลงใจไม่น้อย ด้วยแลเห็นว่าบิดามารดาของฝ่ายหญิงหน้าตามีความส
เสียงแผ่วเบาสั่นเครือร้องขอทั้งหยาดน้ำตา ใบหน้าหล่อเหลาจึงเคลื่อนเข้าไปใกล้เรือนผมนุ่มหอม พรมจูบตรงขมับเนียน ตรงใดที่หยดน้ำรสชาติเค็มปะแล่มเคยไหลผ่าน เขากลืนกินมันทุกหยาดหยดไม่มีเหลือจนแก้วนวลเนียนเกลี้ยงเกลาแก้วตาไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เรื่องหนุ่มสาว แลด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมถึงเพียงนั้น คุณหลวงรูปงามคงไม่ทำให้หล่อนรังเกียจ เป็นตรงกันข้ามเสียอีก จิตใจดื้อรั้นโอนอ่อนตามการรุกราน แม้กระทั่งว่าเรียวปากหนาหยักได้รูปลากไล้จุมพิตไปตามใบหน้า กลับมาเฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจริมฝีปากคู่งาม ที่เผยอออกตามการหลอกล่อของคนชำนาญงานกว่า ราวว่าเขาจะทำให้หล่อนลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปได้ชั่วขณะหนึ่งคุณหลวงจันยังเผลอส่งเสียงคำรามในลำคอ ปากประกบปิดหล่อนอย่างนั้น ด้วยความพึงพอใจในรสจูบไร้เดียงสา สมกับที่รีบร้อนยกขันหมากไปขอเป็นเมีย! เนิ่นนานกว่าที่เขาจะผละริมฝีปากออก มองหล่อนด้วยแววตาเปี่ยมประกายปรารถนา“ฉันจะนอนแล้วค่ะ คุณหลวง...”“ใครอนุญาตให้หล่อนนอน หล่อนเป็นคนปลุกฉัน” เอ่ยอย่างเอาแต่ใจ ก่อนที่เขาจะจับมือเล็กขึ้นกดกุมบนที่นอนข้างหมอนฟูนุ่ม พลันจู่โจมเรียวปากอิ่มงามด้วยจูบหวาน แต่ครานี้กลับสอดแทรกปลายลิ้นเข
เป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายกับงานประเพณีมากมายยังกับบ้านเมืองยังอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ทั้งที่เข้าสู่รัชสมัยรัตนโกสินทรศก ๑๓๑ แล้ว ความศิวิไลซ์แผ่อิทธิพลจนเข้าสู่สังคมเมือง วัฒนธรรมโบราณหลายอย่างค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลาคุณหลวงจันเกิดระอาใจถึงขั้นว่าอยากจำแลงกายเป็นกุมภิลคาบเจ้าสาวคนงามลงถ้ำบาดาลไปเสียให้สิ้นเรื่อง หากไม่เป็นเพราะลืมตาตื่นมาสบตาใสแป๋วในอ้อมแขนเปียกปอนที่หยาดน้ำตาแห้งเหือดไปเพราะการเอาใจจากผัวทำให้อารมณ์ดีขึ้น หล่อนตกใจลุกจากอ้อมกอดของเขาไปแต่งตัวด้วยชุดกี่เพ้าสีแดงสดอย่างเคอะเขิน พอเผลอตัวเผลอใจไปกับการกอดจูบประสาหนุ่มสาว ซึ่งกินเวลาเนิ่นนานนับชั่วโมงจนปากระบมเสียหมดกว่าจะได้นอนเอาแรงเรือนผมยาวสลวยถูกเกล้าไว้กลางศีรษะ ปักด้วยปิ่นปักผมจีน ขับใบหน้าหวานเกลี้ยงเกลาในเครื่องสำอางอ่อน ผิวขาวละเอียดบริเวณต้นคอเพรียวระหง ดวงตาเรียวรีทว่าสว่างใสราวลูกแก้วไม่ใช่สาวตาเล็กตี่อย่างอาหมวยทั่วไปดูอย่างไรก็งามอล่องฉ่อง[1] ไม่ว่าหล่อนจะทำกระไร คุณหลวงจันยังเอาแต่ลอบมอง ลุกไปอาบน้ำทีหลังค่อยหยิบเสื้อคอจีนสีเดียวกันมาสวมแล้วลงไปต้อนรับแขก ทั้งเพื่อนบ่าวสาวและญาติพี่น้องผู้มาร่วมงานบุ
บ้านหลังใหญ่บนพื้นที่กว้างขวางได้รับการออกแบบอย่างสวยงามลงตัว ด้วยฝีมือนายช่างสิบหมู่บิดาของคุณหลวงจัน หนึ่งหลังด้านหน้าเป็นตึกสองชั้นสร้างด้วยไม้สักทอง ประดับด้วยไม้ฉลุลายงานประณีต ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกตามสมัยนิยมเน้นสีขาวอย่างที่เรียกว่าโคโลเนียลสไตล์ ห้องนอนของคุณหลวงและคุณพระแบ่งแยกกันเป็นสัดส่วน ถัดจากสวนหย่อมไปยังมีเรือนไทยปลูกใหม่ไม่นานมานี้ รายล้อมด้วยสระดอกบัวบานสะพรั่ง มีบ้านพักของบ่าวและห้องครัวอยู่ด้านหลังแม่อิ่ม แม่นวล ยายฉวี มีหน้าที่ดูแลความสะอาดบ้าน นายมิ่งดูแลสวนและคอยช่วยงานแม่บ้านอีกแรง ยังมีสารถีประจำบ้านคอยขับรถให้คุณหลวงคุณพระ ตอนนี้ก็มาช่วยดูแลคุณผู้หญิงของบ้านอีกคนหนึ่ง“บ่าวหล่อนจะมาวันพรุ่งนี้ใช่ไหม?”“ค่ะคุณหลวง นังอ่วมน่าจะมาคนเดียว ที่เหลือคงอยู่ช่วยงานเตี่ยค่ะ”แก้วตายังคงสำรวมกิริยาตลอดเวลาอยู่กับสามี ขณะมือหนาคอยจับจูงมือเรียวพาคนตัวเล็กกว่าให้ก้าวขาลงจากรถอย่างระวัง ในเสื้อลายลูกไม้คอผ่ามีเครื่องประดับเป็นสร้อยมุก ผ้าซิ่นสีแดงยาวประหน้าแข้งเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ จากอีกหลายตัวซึ่งบ่าวช่วยหยิบยกลงมาจากรถยนต์โดยปกติแล้วแก้วตามักใส่เสื้อแพรจีนสวมใส่สบาย แต
“คุณหลวง... เข้ามาได้ยังไงคะ?”“ก็พังประตูเข้ามาน่ะซีแม่ ฉันจะอาบน้ำบ้าง หล่อนไม่ให้ฉันอาบ เห็นทีว่าอยากลงไปแช่โอ่งมังกรหลังบ้านฉันกระมัง แต่ว่าคงจะต้องต่อสู้กับบ่าวนะแม่ โอ่งหลังบ้านนั้นน่ะ ผัวเมียต้องแก่งแย่งกัน” เขาช่างพิรี้พิไรจีบเมีย ทั้งที่อยากจะอาบน้ำด้วยมากกว่า ดวงตาคู่สวยจึงเบิกกว้างมองตั้งแต่แผงอกกว้างกำยำไล่ลงมาถึงไรกล้ามเรียงตัวสวยบริเวณหน้าท้อง ความร้อนแรงของเขาคงจะทำให้หล่อนร้อนตามไปด้วย ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางพอรู้ตัวว่าทำกิริยาไม่งาม“ทำไมถึงไม่ซื้อโอ่งเพิ่มเล่าคะ?”“หากฉันซื้ออ่างเพิ่ม ให้ผัวเข้าไปในอ่างหนึ่งใบ อีกคนก็เข้าไปในอ่างหนึ่งใบ มันจะไม่โรแมนติกน่ะซี ต้องเข้าไปอาบร่วมกันในอ่างเดียวกัน”“ทำไมจะต้องอาบอ่างเดียวกัน”หล่อนถามหน้าบึ้งตึงเพราะได้ยินอยู่ว่าพูดเรื่องโอ่ง คุณหลวงจันก็วกกลับมาเรื่องอ่าง ให้มันได้อย่างนี้สิ“เป็นผัวเมียกัน อาบน้ำอ่างเดียวกัน มันออกจะกระชุ่มกระชวยแม่แก้ว”“เป็นผัวเมียกัน อาบโอ่งหรือว่าอาบอ่าง คนละอ่างก็เหมือนกันค่ะคุณหลวง”“ไม่จริงหล่อน...”กว่าผู้ชายตัวโตจะสะบัดผ้าขนหนูทิ้งลงพื้นแล้วก้าวขาลงอ่าง แก้วตาหน้าตื่นตะลึงมองกลางกายชายที่มีแพรไ
“ฉัน... จะไปที่ตรงไหนได้ ชีวิตฉันจะเป็นยังไง ให้แล้วแต่ท่านเถอะ”“ก็ดีแล้ว หากหล่อนรับปาก จะต้องอยู่กับฉันไปจนกว่าใครคนหนึ่งจะตาย”ไม่ใช่คำขู่... แต่เขาจะทำมันโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรม นัยน์ตาคู่สีดำขลับเปล่งประกายสีแดง จ้องมองใบหน้าสดสวยนิ่งงัน สนใจเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากยังเลื่อนมือมาจับมันด้วยแววตาใคร่รู้ แต่ถูกคว้าหมับเข้าข้อมือ กำมันเอาไว้แน่น“ฉันกำลังหิวเทียว แม่สาวช่างซุกซน” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงอีกครั้ง ประกบปิดริมฝีปากอิ่มงามสีแดงชมพู มืออุ่นร้อนปัดป่ายบนกายสาวที่ไม่เคยยินยอมให้ชายใดแตะต้อง เว้นเสียแต่ในฐานะสามี คุณหลวงหนุ่มจึงเอาแต่ใจอยากจับตรงไหนก็จับ มือลูบไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบของแม่สาวเอวอ้อนแอ้น ใจนึกอยากเลี้ยงดูหล่อนให้ดีกว่าพ่อแม่เสียอีก จะได้มีน้ำมีนวลกว่านี้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเขาใช้เวทมนตร์อาคมอันใด แค่กอดจูบลูบคลำก็ทำให้หล่อนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ลิ้นหนากระหวัดเลียลิ้นเล็ก ๆ ไม่ประสีประสาออกไปพร่ำสอนให้อย่างใจดี นำพาเสียงน่าอายจากการกระทบกระทั่งกันของน้ำลายและริมฝีปาก ยามใบหน้าหล่อเหลาก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าลำคอ แตะปลายลิ้นลงบนสะดือสวย เลียชิมไปทั่วกระทั่งถึงยอดออกสีชม
“ฉัน... รู้สึกว่ามัน... ประหลาดชอบกลค่ะ... สบายตัวหลังจากนั้น เหมือนได้นั่งอยู่บนก้อนเมฆ”“ร้ายเดียงสาจริงหรือว่าหล่อนแกล้งทำ แม่แก้วตาของพี่ หล่อนรู้ตัวไหมว่าน่ารัก” เขาหยัดยิ้ม ลูบไล้เส้นผมด้วยปลายนิ้วที่สอดวนเข้าไป หมุนเล่นทีละปอยด้วยท่าทีเป็นเจ้าของ “ฉันดีใจที่หล่อนไม่รังเกียจฉัน หล่อนไม่ทำเอะอะโวยวาย หนีหัวซุกหัวซุนไปฟ้องบ่าวในบ้าน” “คุณหลวงใจร้อนด่วนได้ ฉันแค่ไม่มีปัญญาจะห้ามท่านค่ะ” “เอาซี ฉันจะให้โอกาสหล่อนไปเรียกโปลิศมาจับฉันปะไร” “เมียที่ไหนจะให้โปลิศมาจับผัว” เสียงหัวเราะดัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา “ฉันจะลงไปหาข้าวหาปลาให้หล่อนนะแม่ สองสามวันนี้คงจะปวดเมื่อยเนื้อตัวหนักเอาการ หล่อนอยากกินอะไรข้างนอกไหม?”“อยาก... กินอะไรเย็น ๆ ค่ะ ร้อนเหลือเกิน”“ร้อนหรือ?” เลิกคิ้วขึ้น ก้มหน้ามองดวงตากลมโตใสซื่อของคนที่บอกว่าร้อน! แต่ยังคงซุกซบเข้าหาไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา เรือนร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทกันใต้ผ้าแพรสีแดงสดคุณหลวงจันปรารถนาต้องการหล่อนสักเท่าไร คงไม่กล้าเอาเปรียบเมียที่กำลังเจ็บระบม“ฉันจะไปโรงน้ำแข็งกับบ
ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ แก้มนวลเปียกปอนน้ำตานองเต็มหน้า เพราะถูกเหยียดหยามทำร้ายน้ำใจแต่ว่าหล่อนเพียงไม่พูดบอก ทำเอาผู้ชายตัวโตเข่าแทบทรุด จากที่ตั้งใจมาดุหล่อนเสียเต็มประดา เขาเพียงนั่งลงบนเตียง ดึงต้นแขนเรียวพอคนตัวเล็กเข้ามากอด“ขวัญเอ๋ยขวัญมา... แม่แก้วตาดวงใจ... เขาเลิกทาสกันไปตั้งเป็นสิบ ๆ ปีแล้วหนา มาเจ้าค่ะอะไรกัน ฉันเป็นผัวหล่อนนะแม่...”แก้วตาลอบมองกรามแกร่งอย่างงุนงง จู่ ๆ คุณหลวงจันผิดเป็นคนละคน ลูบแก้มลูบหัวกอดปลอบหล่อนอยู่พักใหญ่จนหยาดน้ำตาเกลี้ยงเกลาบนใบหน้างาม ขนาดคุณพระส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ขอตัวลาออกจากห้องไปเขาก็ไม่สนใจ“ฉันทำหล่อนร้องไห้มาสองวันสามวัน คืนคำพูดว่าจะดูแลลูกสาวหลวงท่าน แต่ฉันเองก็เจ็บปวดใจเหลือเกิน ฉันจะไม่ทำร้ายจิตใจหล่อนอีกแล้ว หล่อนจะตบตีฉันก็ได้...”“ฉันทราบแล้วค่ะคุณหลวงท่าน แต่ฉันเป็นหญิง ตบตีผัวไม่ได้เจ้าค่ะ”“ไม่เอา ๆ หล่อนเป็นอย่างนี้อีกแล้ว หล่อนไม่หายโกรธฉัน ฉันต้องทำยังไงนะแม่แก้ว...” มือลูบศีรษะน้อยในอ้อมอกของคนที่ไม่กล้าขยับ กลัวจะถูกเจ้าของบ้านว่าเข้าอีก หล่อนอึดอัดนั่งฟังคุณหลวงหนุ่มพูดคนเดียวได้ตั้งสิบกว่านาที ยังไม่มีวี่แววจะหยุดบ่น“
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ
ตลอดช่วงบ่ายนี้ คุณหลวงจันยังคงนั่งหารือเรื่องการตายอย่างมีเงื่อนงำของท่านขุนชมกับคุณพระประสิทธิ์ในห้องรับแขก จนได้ข้อสรุปว่าเมียรักของเขาไม่น่ารู้เรื่อง แต่การนำขวดยาจากอ้ายหมอมิ่งส่งต่อให้ทางขุนประไพ ซึ่งอยู่กับท่านขุนชมเป็นคนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต อาจทำให้หล่อนมีความผิดไปด้วย‘คุณพระ ช่วยเป็นธุระให้ทีเถิด ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องเงียบ มีหลักฐานอะไรที่จะสาวมาถึงเมียฉัน ไปจัดการทำลายเสียให้หมด’“มิฉะนั้น... ฉันจะกลืนพวกมันลงท้อง ค่อยพาเมียกลับลงถ้ำบาดาล”“ขอรับกระผม จะรีบไปจัดการ”คุณพระประสิทธิ์รับปากเป็นมั่นเหมาะ ก่อนลุกขึ้นเดินไป โดยมีแววตาคู่คมของคนข้างหลังคอยมองตาม นัยน์ตาเปล่งประกายสีแดงอร่ามเต็มไปด้วยโทสะ ราวเปลวไฟมหึมาปรากฏในนั้น มือกำไม้ตะพดแน่นด้วยจิตใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุขบนโซฟาไม้สักหุ้มเบาะหนังสีขาว แต่พอรู้ว่าเมียลุกจากตั่งนอน มองซ้ายขวาไม่พบใครจึงมาหาในห้องรับแขก เขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้เมียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตื่นแล้วหรือแม่แก้ว แหม... ประเดี๋ยวนี้กินเก่งนอนเก่งจริงนะหล่อน” “ฉันนอนหลับสบายเหลือเกินค่ะคุณหลวง นอนเสียลืมตื่น” แก้วตาตื่นจากการนอนกลางว
บ้านเมืองไม่สงบสุขสักเท่าไร ในยุคที่มีการพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขุนหลวงท่านทรงประกาศให้เลิกใช้รัตนโกสินทรศกเปลี่ยนเป็นพุทธศักราชแทนคุณหลวงจันไม่ค่อยจะเข้าใจมนุษย์นัก ทั้งการเรียกพระมหากษัตริย์ในสมัยก่อนที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ก็ยังไม่เหมือนตอนนี้เลย แต่ก่อนนั้นเรียกขุนหลวง ตอนนี้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีการเปลี่ยนคำเรียกอะไรต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเขาต้องศึกษา ปรึกษาหารือพูดคุยกับคุณพระประสิทธิ์รัตนโกสินทรศกก็เปลี่ยนเป็นพุทธศักราช โดยถือวันขึ้นปีใหม่ในปีหน้านี้เปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชในทุกแห่งหน ในปีหน้าคือ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๖จัดการธุระเสร็จในช่วงเช้า เขาจึงกลับไปหาเมียที่เรือนไทย หล่อนพริ้มตาหลับอย่างสบายใจบนตั่งนอน ในชุดสวย เสื้อลายลูกไม้เข้ากับกระโปรงฝรั่งสีสีโอลด์โรสที่หล่อนชอบใส่ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ แต่คงไม่ค่อยสบายนักคอพับคอหล่นอยู่ตรงหมอนอิงสายลมพัดผ่านสระบัวบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ได้กลิ่นหอมอ่อนจากดอกกล้วยไม้รอบเรือนนี้ จากที่ยืนเอามือไพล่หลังดูคนนอนหลับให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ร่างสูงในเชิ้ตฝรั่งนุ่งโจงกระเบนสีดำปักดิ้นทองหย่อนก้นนั่งลงบนตั่งไม้ส
“เลิกจริงหรือคะ?”“จริงแน่ ที่ฉันว่าคือขอให้เลิกพูด ไม่ใช่เลิกราในความสัมพันธ์ เพราะถ้าหล่อนเลิกกับฉันเมื่อใด ฉันจะฆ่าคนตายเป็นเบือเทียว”“อ้ายเข้มิกลัวลูกกระสุนหรือคะ?”“ไม่ใช่กระสุนอาคมก็ทำกระไรฉันไม่ได้ แม่แก้ว... ฉันไม่ใช่อ้ายเข้ตัวเก่าก่อนที่ถูกแทงด้วยหอกอาคมแล้วจะสิ้นชีพ แดดิ้นลงไปตรงนั้น ฉันอยู่มาห้าร้อยกว่าปี เวลานี้ฉันกลายเป็นอ้ายเข้คุณหลวง ขี้หวงเมียมากทีเดียว”ไม่ขาดคำดี เขาก็ทำให้หล่อนยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างรถฟอร์ดเปิดประทุนอย่างไม่อายผู้คน ก่อนถูกหยุดไว้ด้วยสายตาคู่หนึ่งจากที่ไกล ๆ แก้วตาไม่รู้ว่ามีคนมองหล่อน กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปพร้อมนัยน์ตาสีแดงก่ำ ปรากฏอารมณ์เกรี้ยวกราด“มีอะไรคะ?”“เสียงผู้หญิงสองคนกำลัง... ด่าว่าหล่อนอย่างน่าขยะแขยงทีเดียว ใครกันนะ? ช่างอวดดีเสียจริง รอสักประเดี๋ยวเถิด”คุณหลวงจันเองก็อยากจะรู้นักว่าใครกล้าด่าเมียเขาถึงด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายถึงเพียงนั้น อีลูกเจ๊ก อีหื่น อีร่านให้ท่าผู้ชายไปทั่ว ยังอุตส่าห์อวยพรขอให้เป็นอีเมียน้อยตัวหนึ่งด้วยอีก แม้หล่อนจะไม่ได้ยินแต่คนเป็นผัว หากไม่โกรธแทนเมียสิแปลกหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาถึงในอีกไม่นาน หล