“เจ้ามาแล้วเหรอ ข้ามารอเจ้าอยู่นานแล้ว ไปไหนมาหรือ”“พี่ใหญ่พึ่งกลับมาถึง เลยไปต้อนรับเพคะ”นางพูด หันหลังให้เขา อยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง“พระองค์มีธุระอะไรหรือเพคะ”นางถาม ยังคงหันหลังอยู่เหมือนเดิม เฉิงอ๋องเองรู้สึกแล้วถึงความผิดปกตินี้ คู่หมั้นของเขากำลังไม่พอใจเขาเป็นแน่ เรื่องเมื่อวานที่ไม่ได้มากินข้าวกับนาง เขาเดินมาจะกอดนาง นางเบี่ยงตัวทัน และมานั่งที่โต๊ะ กลางห้อง“หากท่านอ๋องมีธุระจะคุย ไปด้านนอกดีกว่าเพคะ อยู่ข้างในนี้คงไม่เหมาะสม เชิญเพคะ”นางเดินไปที่ประตู แต่เฉิงอ๋องถึงก่อนและใช้มือบังเอาไว้“ข้าไม่ได้เข้ามาทางประตู ออกไปคุยข้างนอก เกรงว่าจะหาเหตุผลให้ผู้อื่นยากนะ”เขาพูด พลางเห็นหูของสาวน้อยแดงเหมือนลูกตำลึง เขาเลยถือโอกาสกอดนางจากด้านหลัง สูดกลิ่นหอมจากตัวนางและแอบหอมแก้มนาง นางเบี่ยงหน้าหนี“ข้าขอโทษ ที่มาไม่ทันอาหารเย็นเมื่อคืนนี้ ข้าติดธุระ คุยกับแม่ทัพเนี่ย เขาบอกว่าพี่ชายเจ้าจะมาถึงวันนี้ ข้าเลยคุยกับเขาเรื่องชายแดนนานไปหน่อย เจ้า ไม่โกรธข้าได้ไหม นะ ฟางซิน”นางฟังเหตุผลจากเขา นางคิดไปเองคนเดียว นางคิดว่าเขาอยู่ทานข้าวกับองค์หญิงในวัง จึงไม่ได้มาหานาง นางไม่รู้ว่าเขา
ฟางซินแอ่นหลังเล็กน้อย จังหวะที่เฉิงอ๋องพรมจูบทั่วหลังของนาง เขาจับนางหันหน้ามา และรีบจูบนาง เขาจู่โจมเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่านางตื่นเต้นกว่าปกติ หรือน้ำนี่ร้อนเกินไปกันแน่ แต่ที่ร้อนกว่าน้ำในอ่างตอนนี้คือใจเขา เขาแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งเห็นนางในอ่างน้ำแบบนี้ เขาจะอดใจไหวได้อย่างไร เขาค่อยๆ เลื่อนลงมาที่คอและไหล่ของนาง ก่อนที่จะชิมดอกบัวกลางอกของนาง นางส่งเสียงครางเบาๆ“อืออ ท่านอ๋อง เดี๋ยวคนได้ยินเพคะ อ๊ะ อย่าเพคะ”เขาเผลอเม้มปากเบาๆ ลงตรงและค่อยๆ ใช้ลิ้นชิมทีละส่วนมืออีกข้างของเขาล้วงลงไปข้างล่างอย่างเคยชิน ฟางซินดิ้นอย่างหมดทางหนีรอด นางบิดไปมาตามจังหวะที่เขาทำ“อ๊ะ อ๊าา ท่านอ๋อง อ๊า”เฉิงอ๋องไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เขากัดเบาๆ“เจ้าเรียกผิดนะน้องหญิง” เขาเตือนสตินาง ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีสติเหลืออยู่แล้ว ตานางพร่ามัวไปหมด มือเขายังไม่หยุด และตอนนี้ลิ้นเขาเริ่มลงมืออีกแล้ว นางคงจะทนได้อีกไม่นานนัก“อ๊าา ท่านพี่ อ๊ะ ข้า ท่านพี่ ข้า ไม่ไหวแล้ว อ๊าา…” นางร้องออกมาสุดเสียง เขาต้องรีบผละจากหน้าอกนาง มาอุดปากนางไว้ด้วยจูบ เสียงนางดังเกินไปแล้ว ตัวนางเกร็งและกระตุกเบาๆ ในน้ำ เขาค่อยๆ เคลื่
ในงานเลี้ยง ดำเนินไปเรื่อยๆ ซีเหนียนลอบมองอ๋องเฉิงและฟางซินตลอดเวลาที่พิธีการเริ่ม ในสายตาของพี่ลี่หมิง ไม่สนผู้ใดเลย นอกจากนางที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาคอยหันไปถามนางเกือบตลอดเวลา ถึงนางจะไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน แต่ความใส่ใจระดับนั้น นางไม่เคยได้รับจากเขาเลยสักครั้ง ทำให้นางยิ่งรู้สึกเจ็บใจ อิจฉาอย่างรุนแรง แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต นางจึงพยายามทำตัวให้เป็นปกติฟางซินเองก็แอบมององค์หญิงซีเหนียน ระหว่างที่นางเดินเข้ามาในห้องโถง เห็นท่านอ๋องบอกว่า นางอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง แต่ดูแล้ว องค์หญิงซีเหนียนน่าจะอายุน้อยกว่านาง 2-3 ปีเมื่อพิธีการต้อนรับอย่างเป็นทางการจบลง ก็ถึงช่วงเวลาตามอัธยาศัย ตอนนี้เองที่ซีเหนียน เดินเข้ามาทักทายองค์ชายเป่าหลง“คารวะองค์ชายเพคะ"นางทักทายเป่าหลง“คารวะองค์หญิง ท่านสบายดีนะ ไม่พบกันเสียนาน อาการป่วยของท่าน ตอนนี้หายดีแล้วหรือยัง”เป่าหลงทักทายและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบซีเหนียน เพราะเป็นศิษย์ที่เดียวกันตอนเรียนที่แคว้นจ้าว“สบายดีเพคะ ท่านพี่เป่าหลง อาการข้าหายดีเป็นปกติแล้ว ไม่ทันไรก็หาพี่สะใภ้ให้ข้าได้แล้วหรือเพคะ” นางแซว"ออ ใช่ ข้าลืมแนะนำ นี่ลู่ ลู่หนิง
ฟางซินวิ่งเข้าไปหานาง และปิดปากนางไว้“อย่าร้องนะเพคะ ที่นี่ไม่มีใคร หากพระองค์ร้อง คนที่เสียหายหนัก คือพระองค์เอง”ซีเหนียนคิดในใจ นี่น่ะหรือสตรีที่ลี่หมิงเลือก ก็ไม่เท่าไหร่ นางปัดมือฟางซินออก และเริ่มโวยวาย กรีดร้อง ฟางซินไม่อาจห้ามนางได้“ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยข้าที ช่วยด้วย”ทั้งทหารองครักษ์ แขกเหรื่อในงานส่วนหนึ่งวิ่งมาตามเสียง ฮ่องเต้และฮองเฮา เสด็จเข้ามาในห้อง นางกำนัลหาชุดคลุมชั่วคราวมาให้องค์หญิงและออกไป พร้อมสั่งให้องครักษ์ปิดประตูตอนนี้ในห้องมีองค์หญิงซีเหนียน ที่นั่งร้องไห้อยู่ มีฮองเฮานั่งตบหลังอยู่ข้างๆ องค์ชายเป่าหลงและคนในจวนสกุลลู่ทุกคน นางยังร้องไห้ไม่หยุด ฟางซินยืนกอดอก มองดูคนทั้ง 2“มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าเล่ามาซีเหนียน” ฝ่าบาทตรัสถามนาง“ข้า แค่เข้ามาเอาของเพคะ แล้วพี่ลี่หมิงตามเข้ามา เขาน่าจะเมาหรืออย่างไรไม่ทราบเพคะ แล้วเขาก็ แล้วเขาก็ ขืนใจข้า ข้าร้องแล้ว แต่เขา เขากลับ จูบข้าเพคะ แล้วก็ข่มเหงข้าเพคะ ฮือออ”นางร้องไห้ต่อ ฝ่าบาทและฮองเฮา ตกใจในสิ่งที่ได้ยิน ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ฟางซิน แต่หากนางยังยืนกอดอก มองดูองค์หญิงซีเหนียนอย่างไม่ไหวติง จินเยว่คิดว่านางคงช็อก
“ทูลถามฝ่าบาท หากเป็นพระองค์ เจอเรื่องแบบนี้ พระองค์จะอยากป่าวประกาศให้ใครรู้หรือไม่เพคะ ว่าตัวเอง โดนข่มเหง”นางถามเพราะนางเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ นางแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไปด้วยคำถามแทนคำตอบนี้ของฟางซิน ทำให้ฝ่าบาทเข้าใจ นั่นสิ จะมีใครอยากจะให้ผู้อื่นรู้ ว่าตัวเองโดนข่มเหง นอกจากว่า ฝ่าบาทลุกขึ้นยืน มองมาที่ซีเหนียน“ซีเหนียน นี่เจ้า เจ้าทำอะไรลงไป”ซีเหนียนทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งโมโห นางจะยอมรับไม่ได้ นางไม่ยอม นางต้องไม่แพ้“เสด็จพ่อ คนโดนรังแกคือหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันโดนข่มเหง หม่อมฉันแค่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เสด็จพ่อเพคะ อย่าเชื่อนางนะเพคะ หม่อมฉันเป็นคนยังไง เสด็จพ่อย่อมรู้ดี หม่อมฉันชอบโวยวายใครจะไปคิดว่าจะเป็นแบบนี้เพคะ”นางร้องไห้ต่อ นางยังคงไม่ยอมรับ“แสดงว่าพระองค์ไม่ยอมรับสินะเพคะ ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันไม่มีทางเลือกอื่น”ฟางซินพูดพร้อมหยิบถ้วยชาขึ้นมา“ต้าหรง”นางยื่นให้ต้าหรง เขารับถ้วยชามา และหยิบชาในเหยือกดู“คุณหนู 3 ในนี้มียาสลบขอรับ”ต้าหรงบอกกับทุกคน“หาา ว่าอย่างไรนะ”ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน“ประการแรก ท่านไม่รู้จะทำอย่างไรให้แผนสำเร็จ ท่านจึงใช้ยาสลบ
ฝ่าบาทเองก็ทรงทราบดีว่า ซีเหนียนไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่ นางดื้อด้าน เอาแต่ใจตัวเองเกินไป เขามองหน้าฮองเฮา ซึ่งนางเองก็พยักหน้าให้ ฮองเฮาเองเป็นแม่ของแผ่นดิน นางให้ความยุติธรรมกับทุกคน ซีเหนียนแม้ไม่ใช่ธิดาของนาง แต่นางก็เอ็นดูซีเหนียน เนื่องด้วยป่วยตั้งแต่เด็ก แต่การกระทำของนางในวันนี้ ต่อไปก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่า จะมีเรื่องปวดหัวอะไรมาให้อีกเท่าใด นางเองก็รับผิดชอบไม่ไหว“ซีเหนียน เจ้าไปเก็บของ อีก 2 วัน กลับแคว้นจ้าวทันที ไม่มีคำสั่ง ห้ามเข้ามาในเมืองหลวงอีกเป็นอันขาด” ฝ่าบาทตรัส“ไม่นะเพคะ เสด็จพ่อ ลูกไม่อยากกลับนะเพคะ ลูกจะอยู่กับเสด็จพ่อที่นี่เพคะ ไม่นะ เสด็จแม่ ช่วยทูลเสด็จพ่อทีเพคะ เสด็จแม่ ลูกรู้ผิดแล้ว ไม่ทำอีกแล้วเพคะ”“เจ้าจะกลับแคว้นจ้าวดีๆ หรือเจ้าอยากจะโกนหัวบวชชี แล้วไปเฝ้าสุสานบรรพชน เจ้าเลือกเอาเองก็แล้วกัน”พระองค์ยื่นคำขาด ตอนนี้ซีเหนียนช็อกจนล้มลงกับพื้น มองหน้าฝ่าบาท และไม่มีคำพูดหลุดออกมาอีกผลของแผนการนี้ เลวร้ายเกินไปที่นางจะรับได้ นางไม่มีแม้แต่ข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ทั้งๆ ที่เรื่องราวดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนทั้งหมด แต่ทำไม แค่คำพูดของนางจิ้งจอกนี
หลังจากที่ถูกนำตัวมาส่งที่ห้อง องค์หญิงซีเหนียนได้แต่นั่งเงียบอยู่ในห้อง คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น นางแทบจะปรับตัวตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน จุดเปลี่ยนคือตรงไหนกันแน่ ทำไมนางถึงพลาด นางนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องมืดๆ จนมีเสียงหนึ่งทักมา“องค์หญิง ถ้าจะให้ข้าเดา ข้าว่าแผนวันนี้ ล้มเหลวสินะ” เสียงนั้นคุยกับนางในความมืด ซีเหนียนเงยหน้าขึ้น สายตานางมีแต่ความแค้นและเกลียดชัง ใช่ คนผู้นี้คือต้นเหตุที่ทำให้นางอับอาย จนเสด็จพ่อไม่สามารถทนให้นางอยู่ในวังหลวงได้“เจ้า เป็นเพราะเจ้า ตอนนี้ข้าหมดสิ้นหนทางทุกอย่างแล้ว เจ้าเป็นคนทำลายชีวิตข้า เจ้า เพราะแผนชั่วของเจ้า ทำให้ข้าไม่เหลืออะไรเลย ตอนนี้ข้าต้องย้ายกลับไปที่แคว้นจ้าว ไปอยู่กับอาจารย์ ห้ามกลับเมืองหลวง เจ้าต้องรับผิดชอบ”นางขู่กลับอย่างอาฆาต นางไม่ยอม“หากเจ้ายังทำเฉย ข้าจะเปิดโปงเจ้า ข้าจะบอกทุกคนว่าเจ้าเป็นคนให้ข้าทำ”“องค์หญิง ท่านคิดว่า คำพูดท่านตอนนี้ พูดไป จะมีใครเชื่อถือเจ้า อย่างนั้นเหรอ ฮ่า ๆๆๆๆ”เขาขำกับความคิดไร้เดียงสาของนาง“ซีเหนียน นะ ซีเหนียน เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป แผนการนี้ เป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น หากเจ้ายังปล่อยวางไม่
วันนี้เป็นวันที่องค์หญิงซีเหนียน จะถูกส่งกลับไปแคว้นจ้าว ตามพระบัญชาของฮ่องเต้ อย่างน้อย ฝ่าบาทก็จะได้วางพระทัย การส่งองค์หญิงกลับไป อย่างแรกทำให้เหตุการณ์วันก่อนนี้สงบลงโดยเร็ว อีกอย่างคือนางจะได้สงบสติอารมณ์ และกลับไปรักษาสุขภาพของนางให้ดี พระองค์คิดว่าสิ่งที่ทำไป เป็นผลที่ดีสำหรับตัวองค์หญิงที่สุดแล้ว วันนี้นางขอให้ฝ่าบาท พระราชทานอนุญาตให้เฉิงอ๋อง มาส่งนางด้วยตนเอง ถือเป็นคำขอร้องก่อนที่นางจะจากไป ฝ่าบาทเลยอนุญาตเป็นกรณีพิเศษขบวนเสด็จขององค์หญิงเคลื่อนตัวออกจากวังหลวง เพื่อเดินทางกลับ ทางเรือ ซึ่งจะใช้เวลาสั้นกว่า และปลอดภัยกว่าทางบกมากนัก เพราะไม่ต้องระแวงเรื่องโจรภูเขาระหว่างเดินทางวันนี้เป็นวันที่เจียฟู่เฉิงเปิดร้านใหม่ ร้านผ้าไหม หงอี้ ฟางซินได้รับคำเชิญจากฟู่เฉิงแล้ว นางให้เด็กๆ ยกของขวัญตามนางมา ตอนนี้ถึงหน้าร้านแล้ว เจียฟู่เฉิงคอยอยู่หน้าร้าน“ฟางซิน ทางนี้ๆ เชิญเลย ๆ” เขาเดินมาหานาง พร้อมกับกล่าวทักทาย“ยินดีกับพี่ฟู่เฉิงด้วย ขอให้กิจการท่านรุ่งเรือง ค้าขายกำไรดี ตลอดไปนะเจ้าคะ นี่ของขวัญวันเปิดร้านจากข้าเจ้าค่ะ”นางสั่งเด็กยกไปส่งในร้าน“เกรงใจไปแล้ว คนกันเองทั้งนั้น
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะรีบไปไหนเพคะ” ฟางซินถามขณะที่ท่านอ๋องพานางมาที่จวนอ๋องเขาไม่ตอบนาง เขาแค่พานางเดินมาที่ห้อง และปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะช้อนร่างของสาวน้อย และพาเดินไปที่เตียง นางตกใจ“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋อง นี่มันกลางวันแสกๆ พระองค์ไม่ควร...”ฟางซินห้ามเขา ไม่ทันที่นางจะพูดต่อ ท่านอ๋องของนางก็ใช้ปาก ปิดปากนางทันควัน เขาค่อยๆ พาร่างนางวางลงบนเตียงนุ่มและตัวเขาเองก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาตาม รสจูบของนางช่างหวานเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาความหวานนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัวขึ้น เขาก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเลย ไม่นับรวมตอนที่ดูแลนางอยู่บนเรือตอนนั้นเขาข่มใจทั้งคืนเนื่องจากนางป่วยเพราะเมาเรือ แต่วันนี้ เขาคงไม่รออีกแล้ว ไหนจะนับที่นางพึ่งจะไปพบกับองค์ชายฟู่เฉิงนั่นมาอีก เขาไม่ยอม และหลังจากนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชายใด มาใกล้ชิดกับนางอีก เขาบดขยี้นางแรงขึ้น พร้อมกับกำจัดสิ่งที่กีดขวางเขา เขาดูรีบร้อนนัก เสื้อผ้าแทบจะกระจัดกระจายออกโดยเร็ว“ท่านอ๋อง อย่าสิเพคะ นี่มันรุนแรงเกินไป เดี๋ยวเสื้อขาด ท่านอ๋อง” นางขัดขืน นางไม่เคยเห็นเขาดูร้อนรนขนาดนี้มาก่อน“เจ้าอย่าห้ามข้าเลย เจ้า
ฟางซินส่ายหัวให้เขา ท่านอ๋องของนางเกินเยียวยาแล้ว นางรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่เกินกว่านั้นคือเขาเป็นโรคขี้หึงแบบรุนแรง นางคงแก้นิสัยแบบนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเขาไป“ก็ได้ ตามใจพระองค์เลยเพคะ”“องค์ชายฟู่เฉิง”ฟางซินเรียกฟู่เฉิง ที่รออยู่ในห้องรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับไป“องค์หญิง ข้า มีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า ข้าอยากจะขอโทษเจ้า และขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ชั่วชีวิต”ฟู่เฉิงบอกนาง“ท่านทำไปเพราะโดนหลอก สิ่งที่ท่านทำไป ข้าอภัยท่านหมดแล้ว พี่ฟู่เฉิง ท่านอย่าได้คิดมากเลย พวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันทุกคนนี้ แล้วนี่ ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าคงกลับไปที่แคว้นเว่ยก่อน คงต้องกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางซิน แผนของท่านลุง เป็นเรื่องที่เขาหลอกให้ข้าทำ แต่ความรู้สึกของข้า ที่มีให้กับเจ้า เป็นเรื่องจริง ข้า จริงใจกับเจ้ามาตลอด ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ฟู่เฉิงพูดกับฟางซิน เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกที่เขามา เขามาตามแผนการก็จริง แต่พอรู้จักนาง ยิ่งได้คุยกัน และคบหาเป็นสหาย เ
“โชคดีที่เจ้าปลอดภัย เจ้าอย่าพึ่งคิดอะไรมาก ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ตกลงไหม”เขาปลอบนาง เขารู้ว่านางอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นพร้อมๆ กันหลายอย่าง หากเป็นเขาเอง เขาก็คงจะเป็นเหมือนนางเช่นกัน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากกลับจวนเพคะ” นางบอกเฉิงอ๋อง“เจ้าควรจะอยู่พบฝ่าบาทก่อน พระองค์คงอยากจะคุยกับเจ้านะ ตอนนี้ท่านลุงอยู่กับฝ่าบาท อีกสักพักคงมาหาเจ้า” เขาบอกนาง เขารู้ว่าฟางซินเองคงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ในเมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับอยู่ดี“แต่ข้า ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพระองค์อย่างไร”“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน เจ้าได้รู้ประวัติของแม่เจ้า และยังพบพ่อที่แท้จริง เรื่องนี้ ไม่น่าดีใจหรอกหรือ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็หนีความจริงว่าพระองค์คือพระบิดาของเจ้าไม่ได้หรอก จริงไหม” เขาพูดปลอบนาง“นั่นก็จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลัว หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่าง มันกะทันหันเกินไป จนเหมือนไม่ใช่ความจริง”ฟางซินพูด พร้อมมองหน้าเฉิงอ๋อง เขาเดินมานั่งใกล้ๆนาง นางโน้มตัวเข้ามาให้เขากอด“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบน